2061 - วันที่ต้องมาถึง
2061 - วันที่ต้องมาถึง
เมื่อสือฮ่าวมาถึงเมืองแห่งสวรรค์ ตระกูลเทพสวรรค์ก็สั่นคลอนอย่างมาก ผ่านไปกว่าแปดร้อยปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วความหวาดกลัวที่พวกเขาสั่งสมไว้นานก็กลายเป็นความจริงในวันนี้
ถ้าเขามาเพื่อชำระความแค้นในอดีตตระกูลเทพสวรรค์จะถูกทำลายล้างโดยไม่อาจต่อต้าน ทั่วทั้งตระกูลต่างก็หวาดกลัวใบหน้าของผู้ที่เคยเข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นล้วนซีดขาว
“เรื่องในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ” สือฮ่าวกล่าวอย่างใจเย็น
เมื่อผู้เชี่ยวชาญบางของตระกูลเทพสวรรค์ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็เกือบจะส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี
ความตึงเครียดของพวกเขาก็ในที่สุดก็ได้ถูกลบล้างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นอวิ๋นซีพวกเขาก็เข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่าง และวางใจลงในที่สุด
“อวิ๋นซีคิดถึงบ้านข้าก็เลยพานางกลับมาเยี่ยมที่นี่” สือฮ่าวกล่าว
“ดี ดี เราก็คิดถึงนางเช่นกัน เราอยากเห็นนางกลับมาเสมอ” เสียงของผู้อาวุโสหลายคนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
“บรรพบุรุษโบราณยังอยู่นี่หรือไม่” สือฮ่าวถาม ยุคไร้การฝึกฝนมาถึงแล้ว สือฮ่าวรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่ชายชราคนนั้นจะมีชีวิตอยู่
เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ หลายคนในตระกูลเทพสวรรค์ได้เปิดเผยถึงความกังวลและทำอะไรไม่ถูก พวกเขาบอกเขาว่าบรรพบุรุษโบราณมีเวลาเหลือไม่มากแล้วและกำลังจะเหี่ยวแห้งไป
สือฮ่าวและอวิ๋นซีจึงไปเยี่ยมเยียนเขา แน่นอนว่าพวกเขาเห็นชายชราที่ผิวหนังแห้งเหี่ยวแม้แต่เบ้าตายังกลวงลึกลงไปแล้ว
“ข้าน่าจะตายไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ข้าก็ยังพยายามยืนยันด้วยเจตจำนงที่เหลืออยู่
ข้าไม่เต็มใจที่จะตายไปเช่นนี้ ตอนนี้เมื่อเห็นเจ้าปล่อยวางความแค้นในที่สุดข้าก็สบายใจสักที” บรรพบุรุษโบราณตระกูลเทพสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากนั้นพลังชีวิตของเขาก็สิ้นสุดลง
เสียงร่ำไห้ดังกระจายไปทั่วตระกูลเทพสวรรค์
สือฮ่าวพูดไม่ออก เขาอดที่จะนับถือเจตจำนงของชายชราคนนี้ไม่ได้ แม้ว่าชีวิตของเขาจะสิ้นสุดลงแล้วแต่เขาก็ยังพยายามยื้ออยู่จนกระทั่งเขามาที่นี่วันนี้
สือฮ่าวไม่ได้จากไปในทันที เพราะอวิ๋นซีต้องการอยู่ร่วมงานศพที่นี่ ดังนั้นในฐานะเขยเขาก็ต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน
หลายปีต่อมาสือฮ่าวและอวิ๋นซีอยู่ด้วยกันตลอด พวกเขาออกท่องเที่ยวไปทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพเป็นเวลาหลายร้อยปี
สือฮ่าวให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกฝนจนทำให้นางสามารถกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองได้ ในระหว่างนี้เขาก็ยังได้ศึกษาเส้นทางบกเพราะเพื่อช่วยเหลือมู่ชิงและคนอื่นๆ
เวลาดำเนินไปอย่างช้าๆพริบตาเดียวก็ผ่านไปสองร้อยปี
สือฮ่าวมีอายุหนึ่งพันปีแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่มีที่สิ้นสุด ในอาณาจักรเต๋ามนุษย์ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือโลกไหนก็ไม่มีใครสามารถต่อต้านเขาได้
ในเวลาเดียวกัน เขาได้สำรวจเต๋าอมตะ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถบรรลุความเป็นอมตะได้ในเร็วๆนี้แต่เขาก็พยายามศึกษามันไว้ล่วงหน้า
ราชสำนักมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป สือฮ่าวใช้ชีวิตอย่างสงบไปเรื่อยๆและพยายามสะสมความรู้แจ้งในเต๋าอมตะให้มากขึ้นกว่าเดิม
และเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปร่างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโลหิตแห่งความมืดของเขาก็พัฒนาความแข็งแกร่งจนมีความทัดเทียมกันกับร่างที่แท้จริงของเขาแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ร่างกายที่แท้จริงของเขายังคงมุ่งหน้าในเส้นทางที่ร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์ เพียงแต่ร่างกายสูงสุดของเขานั้นฝึกฝนในแนวทางของเซียนโบราณ
เขาใช้ร่างกายของตัวเองเดินในสองเส้นทางแม้กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าเส้นทางของเซียนโบราณนั้นค่อนข้างง่ายกว่าเส้นทางที่ใช้ร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์ของเขา
ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมาสือฮ่าวและอวิ๋นซีอยู่ด้วยกันเสมอ ทุกคนที่อยู่ในโลกนี้ต่างทราบดีว่านางคือราชินีสวรรค์ของสือฮ่าว
อวิ๋นซีเงียบและสงบนิ่งอยู่เสมอ ในช่วงเวลานี้อารมณ์ของนางย้อนกลับไปเหมือนช่วงที่พวกเขาอยู่ในวัยหนุ่มสาว บนใบหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
ในช่วงพันปีที่ผ่านมา มู่ชิง มังกรแดง มดเขาสวรรค์ สิงโตทอง และคนอื่นๆ ยังคงไม่สามารถข้ามกำแพงนั้นได้ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุด
“ยุคไร้การฝึกฝน พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว!” ในวันหนึ่งสือฮ่าวก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับชี้ไปที่สวรรค์ เด็กๆของเขาฝึกฝนมานับพันปีแต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถเป็นผู้สูงสุดเรื่องนี้จะให้เขาทนได้อย่างไร
ในตอนนี้ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาเกาะกุมในใจของเขา สือฮ่าวมั่นใจแล้วว่าต่อให้ทุกคนฝึกฝนไปช่วยชีวิตก็ไม่มีทางกลายเป็นผู้สูงสุดได้
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ดีพอ แต่เป็นการที่โลกตัดเส้นทางของพวกเขาให้สั้นลง!
“ไม่เป็นไร เรายังพอมีเวลา แค่พันปีเท่านั้นไม่เห็นต้องรีบ? ในยุคที่ยิ่งใหญ่นี้ มีสักกี่คนที่จะกลายเป็นผู้สูงสุดในเวลาเพียงพันปี?” มดเขาสวรรค์กล่าวเขาพยายามปลอบใจสือฮ่าว
สือฮ่าวเงียบไป คนอื่นอาจไม่มีคุณสมบัตินั้น แต่มดเขาสวรรค์เป็นลูกหลานของอสูรผู้ยิ่งใหญ่เขาควรจะสามารถกลายเป็นผู้สูงสุดได้ภายในหนึ่งพันปีมาสองรอบแล้ว
เมื่อพวกเขาพลาดเวลาอันสำคัญที่สุดไปแล้วในอนาคตพวกเขาก็จะไม่มีโอกาสก้าวขึ้นสูงสำหรับผู้สูงสุดได้อีกตลอดชีวิต
ในช่วงเวลานี้สือฮ่าวกำลังชั่งใจ เขาคิดจะค้นหาดินแดนบ่มเพาะแห่งใหม่เพื่อช่วยเหลือทุกคนให้กลายเป็นผู้สูงสุดให้ได้
“เจ้าต้องการจะไปแล้วเหรอ? ไปเถอะเจ้าต้องก้าวหน้ามากกว่านี้!” อวิ๋นซีกล่าว
สือฮ่าวไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะเขารู้สึกละอายใจต่อนาง เขากำลังจะจากไปจริงๆ ลำพังแค่ตัวเขาอาจจะสามารถทะลวงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะในโลกนี้ได้ แต่มดเขาสวรรค์มังกรแดงและคนอื่นๆไม่มีโอกาสอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องรู้สึกผิด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้ารู้สึกพอใจมาก เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะในสักวันหนึ่ง ข้าดีใจแล้วที่ได้อยู่เคียงข้างเจ้าในตอนที่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่!” อวิ๋นซีกล่าวอย่างเข้มแข็งแต่ถึงกระนั้นดวงตาของนางก็ยังมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
เมื่อสือฮ่าวได้ยินคำเหล่านี้ เขาก็รู้สึกสั่นไหวจากภายในใจ
เขาโอบกอดอวิ๋นซีและกล่าวว่า
“ไม่ว่าเจ้าจะแก่เฒ่าสักแค่ไหนข้าก็ยังจะรักเจ้า!”
เขาไม่เก่งในการปลอบโยนคนอื่นได้แต่พูดสิ่งในที่อยู่ในใจออกมา เขารู้สึกละอายใจและไม่สบายใจต่ออวิ๋นซีในปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ!
อวิ๋นซียิ้มทั้งน้ำตา แม้ว่านางจะเสียใจแต่ก็รู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวกัน
“ข้ารู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึง การที่ได้อยู่กับเจ้าได้หัวเราะร่วมกับเจ้าทำให้ข้าพอใจแล้ว เจ้าต้องไปตามหาโชคชะตาของตัวเอง”
ยิ่งนางพูดแบบนี้หัวใจของสือฮ่าวก็ยิ่งว่างเปล่า เขาจุมพิตที่หน้าผากเป็นประกายของนางเบาๆแล้วพูดว่า “อย่าคิดมากมากับข้าก่อน!”
ในตอนแรกสถานที่ที่เขาจะไปนั้นเต็มไปด้วยอันตรายเขาต้องการจะทิ้งนางไว้ที่นี่ แล้วพามู่ชิง มังกรแดง รถเขาสวรรค์และคนอย่างอื่นไปด้วย
แต่ในตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้วไม่ว่าจะอย่างไรเขาไม่อาจทิ้งนางไปคนเดียวได้
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้า...”
"ไปกันเถอะ!" สือฮ่าวไม่ให้โอกาสนางปฏิเสธ เขาคว้านางไว้ในอ้อมอกแล้วทะยานเข้าสู่เก้าสวรรค์เบื้องบนทันที
ดินแดนต่างๆ ล้วนมีวิหารที่บูชาเขาอยู่ ข้างในนั้นมีรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ของสือฮ่าว พลังความศรัทธาและความมุ่งมั่นเป็นจำนวนมากหลั่งไหลเข้าหาเขาที่อยู่ในราชสำนัก
แม้ว่าสือฮ่าวในปัจจุบันจะไม่ปรากฏตัว แต่ทุกคนที่อยู่ในโลกนี้ต่างก็รู้สึกปลอดภัยเมื่อมีความคุ้มครองจากผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขา
“มู่ชิง พวกเจ้าทุกคนให้มาพบข้าเดี๋ยวนี้”
สือฮ่าวส่งเสียงดังจากห้องโถงใหญ่ รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในห้องโถงใหญ่ของวิหารที่บูชาราชาสวรรค์ต่างเปล่งเสียงขึ้นทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพ
นี่ก็เป็นผลจากเจตจำนงเช่นกัน ในส่วนต่างๆของโลก แม้จะแยกจากกันด้วยระยะทางที่ไม่รู้จบ เขายังสามารถปรากฏตัวในทุกที่ที่รูปปั้นของเขาตั้งอยู่
วันนั้น มู่ชิง มังกรแดง และคนอื่นๆทั้งหมดถูกเรียกกลับตัวไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทุกคนรวมตัวกัน สือฮ่าวตรวจสอบการฝึกฝนของทุกคนเขาขมวดคิ้วและพูดว่า
“พวกเจ้าส่วนใหญ่ฝึกฝนในเส้นทางของโลกปัจจุบัน แต่ก็ยากที่จะก้าวหน้าแม้แต่นิ้วเดียว ในวันนี้พวกเจ้าต้องทดลองเส้นทางที่แตกต่างออกไป”
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ฝึกฝนอย่างเหนือชั้นในวิธีการของโลกปัจจุบัน เพราะวิธีการเซียนโบราณระดับสูงสุดต้องการเมล็ดพันธุ์เต๋าที่สมบูรณ์แบบ และไม่มีวันที่พวกเขาจะค้นหามันได้
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดล้วนถูกยึดครองโดยผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แห่งยุค ไม่ว่าจะเป็นราชันย์สวรรค์น้อย ผู้อมตะที่ถูกเนรเทศและคนอื่นๆ
นอกจากวิธีการของโลกปัจจุบันแล้วพวกเขายังได้ฝึกฝนวิธีการอื่นที่สือฮ่าวสร้างขึ้นเป็นการเฉพาะ
นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาติดค้างอยู่ในระดับบ่มเพาะมานานพวกเขาจึงต้องค้นหาเส้นทางอื่น
แน่นอนว่าเส้นทางที่ใช้ร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์นั้นไม่สามารถแบ่งปันให้พวกเขาได้ เพราะแม้แต่ตอนนั้นสือฮ่าวเองก็แทบจะไม่รอดชีวิต
แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ที่ได้ชื่อว่ามีพรสวรรค์มากที่สุดก็ยังไม่สามารถทำสำเร็จได้ในครั้งแรกจนกระทั่งเกือบล้านปีเขาถึงมีโอกาสทำสำเร็จได้อีกครั้ง