ตอนที่แล้วตอนที่ 6-4 สนทนายามราตรี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6-6 คัมภีร์เวท

ตอนที่ 6-5 อำนาจของขุนนาง


สถาบันเอินส์ไม่ได้เปิดสอนเวทมนต์ที่สูงกว่าระดับ 7 ให้นักเรียนทั่วไป

ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากต้องการเรียนรู้เวทมนต์ระดับที่สูงขึ้นคนผู้นั้นต้องตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

"ขอบคุณพวกท่านมาก ใต้เท้ากิลเยโม ใต้เท้าแลมป์สัน" ลินลี่ย์กล่าวขอบคุณ

ลินลี่ย์อดคิดไปถึงพลังของเวทวายุระดับสูงที่อธิบายไว้ในหนังสือที่เขาเคยได้อ่านมาไม่ได้เวทมนต์ระดับที่สูงกว่า ศักยภาพในการโจมตี ที่น่ากลัวกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทธาตุวายุเป็นเวทมนต์สายโจมตีที่ถูกตัดสินให้เป็นอันดับ 1 ในบรรดาธาตุทั้งหมด

ยกตัวอย่างเช่น เวทต้องห้ามอย่าง เวท 'ผ่ามิติ' หรือเวทระดับ 9 เวท"ทลายนภา"

"ลินลี่ย์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเรากลับไปถึงเมืองเฟนไลข้าจะส่งคนไปแจ้งให้เคลย์ทราบถึงการตัดสินใจของเจ้าระยะแรกเคลย์จะหารือกับเหล่าขุนนางเพื่ออวยยศและมอบคฤหาสน์ให้เจ้า"กิลเยโมหัวเราะ

ลินลี่ย์พยักหน้า

"ลินลี่ย์" แลมป์สันเอื้อมมือมาตบไหล่ลินลี่ย์เบาๆ "เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องงานในตำแหน่งที่เจ้าได้รับที่สำคัญสำหรับตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนักข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นยอดฝีมือระดับเซียนถือกำเนิดขึ้นมาในวิหารเจิดจรัสของเราในอีก50 ปีข้างหน้า"

"ห้าสิบปีงั้นรึ?"

ลินลี่ย์มั่นใจว่าภายใน50 ปี เขาสามารถเป็นนักรบเลือดมังกรระดับเซียนได้แต่ให้เป็นปรจารย์จอมเวทระดับเซียนใน 50 ปี นั้นยากเย็นแสนเข็ญนัก

"ขยันฝึกให้มาก" กิลเยโมตบไหล่ให้กำลังใจลินลี่ย์เช่นกัน

ในฐานะที่เป็นรถม้างามอร่ามตาทำให้พวกเขาเดินทางผ่านถนนของหมู่บ้านถัดไปเป็นแนวต้นไม้และทะเลสาบห่างออกไปไม่ไกลนักด้านหน้าและด้านหลังรถม้ามีขบวนม้าของกองอัศวินคอยคุ้มกันอยู่เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเฟนไลก็เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี

เมืองเฟนไล ภายในคฤหาสน์ของตระกูลเด็บส์

"อลิซ เจ้าจะอภัยให้ข้าได้ไหม?" คาลันกุมมือของอลิซไว้, มองเข้าไปในดวงตาของนาง

นางพยักหน้าช้าๆ สีหน้าของอลิซหม่นหมอง

นางจะทำอะไรได้เล่า?

"โรว์ลิ่งใกล้จะมาแล้ว" อลิซพูดเบาๆ "ข้าต้องขอตัวกลับก่อน

แม้จะมีทุกอย่าง ณ ตอนนี้อลิซและคาลันยังคงไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการถึงแม้ว่าพวกเขาได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแต่หลังจากพิธีแต่งงานแล้วพวกเขาจึงจะกลายเป็นสามีภรรยากัน ก่อนที่จะแต่งงานอลิซยังคงต้องรักษาจารีตทุกวันนางจะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของนาง

"โรว์ลิ่งรึ?" คาลันอดขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อนี้ไม่ได้

โรว์ลิ่งเป็นภรรยาหลวงของคาลัน

เพราะชื่อเสียงของรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' ซึ่งหญิงสาวที่เป็นแรงบันดาลใจของรูปแกะสลักที่ตราตรึงใจฝังลึกลงไปในใจของทุกคนนั้นเมื่อคาลันประกาศงานหมั้นระหว่างเขากับอลิซอย่างเป็นทางการออกไปผู้คนมากมายจะจดจำได้ทันทีว่าอลิซคือหญิงสาวที่เป็นแรงบันดาลใจคนนั้นเพียงระยะเวลาไม่นาน ตระกูลเด็บส์ได้เลือกภรรยาหลวงให้คาลันเรียบร้อยแล้ว

"คาลัน~"

เสียงเรียกอย่างมีความสุขดังขึ้น เด็กสาวผมทองถักเป็นเปียเรียบร้อยวิ่งมาหาพวกเขาอย่างมีความสุข เด็กสาวดูใสซื่อและบริสุทธิ์มากแต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของขุนนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตากลมโตสดใสคู่นั้นยิ่งทำให้เด็กสาวดูน่ารักมากขึ้นไปอีก

"โรว์ลิ่ง เจ้ามาแล้ว" คาลันเค้นรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าของเขา

คาลันต้องยอมรับว่าโรว์ลิ่งเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่งคงไม่มีใครปฏิเสธที่จะอยู่ร่วมกับโรว์ลิ่ง เพียงแต่ในหัวใจของคาลันนั้น, ความรักของเขาทั้งหมดทุ่มให้เพียงอลิซเท่านั้น

"ท่านลุงเบอร์นาร์ดล่ะ?" โรว์ลิ่งกวาดตามองไปรอบๆด้วยดวงตากลมโตของนาง

"ท่านพ่อก็ออกไปจัดการปัญหาบางอย่างข้าเดาว่าอีกไม่นานเขาคงจะกลับมา" คาลันตอบ

คาลันรู้ว่าที่บิดาของเขาไปที่ไหนและเขากำลังทำอะไร ต้องขอบคุณการกดดันจากหอการค้าดอว์สัน, ธุรกิจของตระกูลเด็บส์ในเมืองเฟนไลตอนนี้ใกล้ล้มละลายเต็มทีพวกเขาสูญเสียเงินออกไปทุกวัน หากพวกเขายังคงอดทนต่อการสูญเสียอย่างนี้ต่อไปพวกเขาอาจจะสามารถยืดเวลาออกไปได้อีกครึ่งปีหรือบางทีอาจถึง 1 ปีแต่เมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่กระเป๋าเงินของพวกเขาก็จะว่างเปล่าในที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลไม่อาจเอาแต่นั่งๆนอนๆและไม่ทำอะไรสักอย่างที่สุดแล้วตระกูลอื่นๆอีกมากมายในเมืองเฟนไลกำลังวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาและกำลังจ้องพวกเขาตาเป็นมัน

ดังนั้น ... บิดาของเขา เบอร์นาร์ดได้เสี่ยงตัดสินใจเข้าร่วมทำเหมืองแร่ผิดกฎหมายและกำลังลักลอบค้าหยกวารีเถื่อน

หยกวารีเป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีราคาแพงมาก โดยทั่วไปมันจะถูกเลี่ยมไว้บนหัวของคทาเวท และช่วยเสริมพลังให้กับเวทธาตุน้ำ ในอาณาจักรเฟนไลนั้นมีหยกวารีอยู่เป็นจำนวนมากและความมั่งคั่งของอาณาจักรเฟนไลเองก็มาจากการทำเหมืองหยกวารี

เพราะหยกวารีเป็นสมบัติล้ำค่า เป็นธรรมดาที่มีคนมากมายพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการลักลอบค้าหยกวารีเถื่อน

แต่พระราชาเคลย์ชิงชังการลักลอบค้าหยกวารีเถื่อนเป็นอย่างยิ่งพ่อค้าคนใดก็ตามที่ถูกพบว่าลักลอบค้าหยกวารีเถื่อน จะถูกราชาเคลย์สั่งประหารทันทีแต่เนื่องจากการลักลอบค้าหยกวารีเถื่อนนั้นทำกำไรได้มหาศาลมาก บางทีอาจถึง500-600% เลยทีเดียวนั่นทำให้ยังคงมีพ่อค้าเต็มใจเสี่ยงทำการลักลอบค้าหยกวารีเถื่อนอยู่เสมอ

ก่อนหน้านี้ ตระกูลเด็บส์ไม่มีความจำเป็นใดๆต้องเลือกเส้นทางอันตรายนี้แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

ตั้งแต่เส้นทางธุรกิจธรรมดาทุกเส้นถูกขัดขวางจากหอการค้าดอว์สันตระกูลเด็บส์เหลือทางเดียวนั่นคือการลักลอบค้าของเถื่อน!

"ไม่น่ามีปัญหาอะไร" คาลันบอกตัวเอง"พันธมิตรทางธุรกิจซึ่งท่านพ่อได้เลือกเป็นถึงเสนาบดีกระทรวงการคลังของอาณาจักรเฟนไลพระอนุชาขององค์ราชา  ดยุคแพตเตอร์สันด้วยมีเขาเป็นพันธมิตรของเรา โอกาสที่จะเกิดปัญหาย่อมลดน้อยลงตามไปด้วย"

แพตเตอร์สันเป็นเสนาบดีกระทรวงการคลังของอาณาจักรเฟนไลทั้งหมด

เป็นธรรมดาที่เคลย์จะเลือกคนที่ตัวเขาเองไว้ใจที่สุดให้รับผิดชอบภาระหนักอย่างเช่นการดูแลจัดการการเงินการคลังของทั้งอาณาจักร

"ท่านลุงเบอร์นาร์ดกลับมาแล้ว" น้ำเสียงสดใสของโรว์ลิ่งดังออกมา

คาลันเงยหน้าขึ้น

เบอร์นาร์ด, เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นโรว์ลิ่งเขาหัวเราะออกมา "โรว์ลิ่ง เจ้าอยู่ที่นี่เองรึ  ทานอาหารเย็นหรือยัง?"

"ยังไม่ได้ทานค่ะท่านลุง" โรว์ลิ่งตอบ

เบอร์นาร์ดพยักหน้า "งั้นคืนนี้อยู่ทานอาหารค่ำด้วยกันกับพี่คาลันของเจ้าซะที่นี่เถอะโอ้ ใช่, ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่คาลันของเจ้าทำไมเจ้ากับอลิซไม่ลองพูดคุยทำความรู้จักกันระหว่างนี้ล่ะ หลังจากนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าและพี่คาลันของเจ้าใช้เวลาที่เหลือด้วยกัน" ในขณะที่เขาพูดเบอร์นาร์ดหันหน้าปรายตามองคาลัน

คาลันเดินประกบด้านข้างของเบอร์นาร์ดและตามเข้าไปในห้องส่วนตัว

ประตูหินปิดลง พวกเขาจุดโคมไฟ

"ท่านพ่อ มีอะไรหรือ?" คาลันรีบถาม

หน้าของเบอร์นาร์ดมีร่องรอยของความพอใจ"ข้าได้หารือกับดยุคแพตเตอร์สันเรียบร้อยแล้ว เขาตกลงแล้วแต่เราจะต้องแบ่งกำไรจากงานนี้ให้กับเขา 50%"

“50% เชียวเหรอ?” คาลันสะดุ้ง “ท่านพ่อ,ดยุคแพตเตอร์สันผู้นี้ละโมบเกินไปแล้ว ตระกูลของเราดำเนินการลักลอบและใช้จ่ายไปล่วงหน้าทั้งหมด  เราจ่ายแม้กระทั่งค่าม้า แต่ทั้งหมดที่เขาทำก็แค่จัดเส้นทางที่ปลอดภัยให้กับเราเท่านั้นเอง”

ไม่ใช่ว่าคาลันนั้นไม่เข้าใจความสำคัญของเส้นทางการลักลอบค้าของเถื่อน

แต่เพื่อแผนงานนี้ตระกูลเด็บส์ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ในขณะที่ดยุคแพตเตอร์สันนั้นไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่แดงเดียวสิ่งที่เขาต้องทำทั้งหมดก็แค่ใช้อำนาจเล็กน้อยจากตำแหน่งของเขาที่เหลือเขาก็แค่รอรับเงินจำนวนมหาศาล

"50% ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้" เบอร์นาร์ดหัวเราะอย่างใจเย็น"ดยุคแพตเตอร์สันไม่ได้แค่ทำให้เรามีเส้นทางการลักลอบค้าของเถื่อนอย่างปลอดภัยที่สำคัญกว่านั้น เขายังหักหลังอาณาจักรและพระเชษฐาของเขา หากว่าราชาเคลย์รู้เข้าแม้ว่าดยุคแพตเตอร์สันจะเป็นพระอนุชาของเขาเองแต่เขาย่อมไม่ปราณีต่อดยุคแพตเตอร์สันแน่นอน"

คาลันพยักหน้าเห็นด้วย

พันธมิตรของพวกเขามีตำแหน่งเป็นถึงดยุคและควบตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการคลังด้วยเขาต้องรับความเสี่ยงใหญ่หลวงอย่างการจัดหาเส้นทางการลักลอบค้าของเถื่อนที่ปลอดภัยให้กับตระกูลเด็บส์ดังนั้นการที่เขาขอแบ่งกำไรไป 50% ก็ถือว่ายุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย

เบอร์นาร์ดและคาลันเดินออกมาจากห้องลับและกลับไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งตอนนี้อลิซกับโรว์ลิ่งกำลังพูดคุยกันอยู่

"อ้อ ใช่ คาลัน ข้าเพิ่งได้ยินจากแพตเตอร์สันว่าในอีกประมาณสามวัน ฝ่าบาทจะอวยยศขุนนางให้กับลินลี่ย์ในพระราชวัง"เบอร์นาร์ดสั่งต่อ "เตรียมของขวัญให้ข้า อีกไม่กี่วัน ข้าจะนำไปมอบให้กับลินลี่ย์"

คาลันพยักหน้า

อลิซที่กำลังคุยกับโรว์ลิ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักอดหันหน้าและปรายตาไปมองพวกเขาไม่ได้

"พี่ลินลี่ย์กำลังจะได้รับพระราชทานยศขุนนางยังงั้นหรือ?" อลิซพึมพำกับตัวเอง

ภายในพระราชวังของเมืองเฟนไล

เสนาบดีกระทรวงสำคัญหลายสิบคนยืนเรียงรายกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบในตำหนักขณะที่ราชาเคลย์นั่งอยู่สูงขึ้นไปบนบันลังก์ที่สามารถมองเห็นทุกคนด้านล่างได้ทั้งหมด

"ทุกท่าน วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญจะประกาศให้ทราบ"รอยยิ้มบนใบหน้าของเคลย์เปล่งประกายสดใส และเขาพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เสนาบดีกระทรวงใหญ่ๆล้วนรับทราบข่าวมาล่วงหน้าก่อนแล้ว ทุกคนรู้ว่าเรื่องที่ราชาเคลย์จะประกาศคือเรื่องอะไรเคลย์เหลือบมองไปยังมหาดเล็กด้านข้างของเขา ทันทีนั้นมหาดเล็กตะโกนเสียงดังว่า"ลินลี่ย์ บาลุค เข้ามาได้!"

เสียงของเขาดังสะท้อนไปทั่วพระราชวัง หลังจากนั้นไม่นาน ลินลี่ย์แต่งตัวด้วยชุดคลุมจอมเวทสีดำขลิบดทองเข้ามาในตำหนักขุนนางและเสนาบดีทั้งหมดในตำหนักล้วนหันหน้าไปมองเขา

ลินลี่ย์โค้งคารวะและพูดว่า "ถวายบังคมฝ่าบาท"

เคลย์มองไปที่ลินลี่ย์ และรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาเหมือนดอกไม้บาน "ลินลี่ย์เพื่อแสดงความยินดีที่เจ้ายอมรับใช้อาณาจักรของเราเป็นเรื่องที่ทำให้ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งตอนนี้ข้าขอมอบตำแหน่งอธิบดีศาลจอมเวทและอวยยศให้เจ้าเป็นมาร์ควิส*"

"มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่?" เคลย์กวาดสายตามองไปทั่วตำหนัก

สายตาขุนนางและเสนาบดีทั้งหมดมองอย่างอิจฉาไปที่ลินลี่ย์แต่ไม่มีเสียงคัดค้านใดๆเปล่งออกมาจากปากของพวกเขา

"ขอบพระทัยฝ่าบาท"

อันที่จริง เรื่องนี้คาร์ดินัลกิลเยโมจากวิหารเจิดจรัสเคยพูดเอาไว้ว่าวิหารเจิดจรัสสามารถอวยยศให้ลินลี่ย์กลายเป็นดยุคได้ทันทีแต่ ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่จะสร้างความแตกตื่นมากเกินไปและทำให้ตัวเขาเป็นจุดเด่นมากเกินไปด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้รับยศขุนนางใดๆมาก่อนหากเขาได้เลื่อนตำแหน่งเร็วเกินไป นั่นย่อมหลีกเลี่ยงคำครหาไม่ได้เป็นแน่

นั่นเป็นสาเหตุให้พวกเขาตัดสินใจมอบยศที่ต่ำลงมาและเลือกที่จะมอบบรรดาศักดิ์มาร์ควิสให้กับเขาแทน

"ลินลี่ย์ ในฐานะที่เจ้าเป็นอธิบดีศาลจอมเวทและเป็นมาร์ควิสเป็นธรรมดาที่เจ้าไม่อาจอาศัยอยู่ในฐานะแขกของหอการค้าดอว์สันต่อไปได้ข้าได้จัดที่ดินพร้อมด้วยคฤหาสน์อันเงียบสงบมอบให้กับเจ้ามันอยู่บนถนนกรีนลีฟไม่ห่างจากพระราชวังมากนัก" เคลย์กล่าวพร้อมกับยิ้มให้ลินลี่ย์

ลินลี่ย์ขอบคุณพระราชาอีกครั้งทันทีสำหรับความใจกว้างของเขา

ความจริง เคลย์ได้ทำการหารือกับลินลี่ย์เรื่องการอวยยศและมอบที่ดินให้ลินลี่ย์ในวันนี้มาก่อนแล้วดังนั้นพวกเขาจึงเหลือเพียงการประกาศเรื่องนี้ออกไปอย่างเปิดเผยให้ทราบไปทั่วราชสำนักในวันนี้เท่านั้น

เมื่อออกจากตำหนัก ลินลี่ย์ใช้เวลาว่างที่เหลือเข้าร่วมการสนทนากับเสนาบดีคนอื่นๆ

ตำแหน่งที่ครองอำนาจมากในอาณาจักรเฟนไลส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยเสนาบดีกระทรวงกลาโหม, อัครมหาเสนาบดีซ้าย, อัครมหาเสนาบดีขวา, ผู้ตรวจการทั่วไปและคนอื่นๆในระดับเดียวกันคนเหล่านี้แทบจะควบคุมกิจการทั้งหมดของอาณาจักรเฟนไล

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีบรรดาศักดิ์เป็นมาร์ควิสแม้แต่ตำแหน่งต่ำสุดในหมู่พวกเขาอย่างผู้ตรวจการทั่วไปก็ยังเป็นมาร์ควิส

บนถนนกรีนลีฟ

ลินลี่ย์นั่งอยู่ภายในรถม้าของเขา กำลังปิดตาขณะที่กำลังฝึกฝนอย่างเงียบๆ

"ใต้เท้าลินลี่ย์ เรามาถึงแล้วขอรับ"เสียงของผู้รับใช้ดังมาจากด้านนอกรถม้า

ลินลี่ย์เปิดตาของเขาแล้วผลักม่านของรถม้าให้เปิดออกทิวทัศน์ด้านนอกปรากฏในสายตาเขาบีบีกระโดดจากที่นั่งของรถม้าขึ้นมาบนไหล่ของลินลี่ย์

"ว้าว คฤหาสน์ใหญ่โตโอฬารจังเลย!"ตาของบีบีเป็นประกายในขณะที่เขาจ้องมองไปที่คฤหาสน์

ลินลี่ย์ตรวจสอบคฤหาสน์ที่ราชาของเฟนไลมอบให้เขาอย่างละเอียดคฤหาสน์นี้มาพร้อมที่ดินกว้างใหญ่ แค่ประตูหลักเพียงอย่างเดียวก็กว้างกว่าสิบเมตรมองผ่านประตูที่เปิดอยู่ ลินลี่ย์มองเห็นบ่าวรับใช้ชายหญิงหลายคนและยังมีอัศวินจากอารามเจิดจรัสอีกหลายคน

"ไม่เลว" ลินลี่ย์พยักหน้าขณะที่เขากำลังเดินเข้าไป

"ใต้เท้า" เห็นยามคารวะอย่างเคารพบ่าวรับใช้ชายหญิงทั้งหมดในลานก็หยุดทุกอย่างกำลังทำอยู่ทันที และคารวะลินลี่ย์อย่างพร้อมเพรียงกัน

เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเขาในการสร้างความประทับใจแรกพบที่ดีต่อลินลี่ย์บ่าวรับใช้เหล่านี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจ้านายใหม่ที่น่าทึ่งของพวกเขาคือใคร

"ท่านอาจารย์ ลินลี่ย์ ยินดีด้วย ยินดีด้วย!" ทันใดนั้นเสียงอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากที่ใกล้ๆ

ลินลี่ย์หันหน้าของเขา "ท่านเบอร์นาร์ด"

ผู้มาคือผู้นำของตระกูลเด็บส์ เบอร์นาร์ด เด็บส์นั่นเอง เบอร์นาร์ดยิ้มให้ลินลี่ย์"อาจารย์ลินลี่ย์ช่างบังเอิญจริงๆคฤหาสน์ของตระกูลข้าอยู่บนถนนกรีนลีฟเช่นกัน เรามีบ้านตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันในอนาคตเราทั้งสองย่อมไปมาหาสู่กันได้โดยง่าย"

"อ้อ"คิดย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขาได้ช่วยชีวิตอลิซเอาไว้และพานางกับคาลันกลับมาส่งที่เมืองเฟนไลเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าคฤหาสน์ของคาลันก็อยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก

" แต่ท่านอาจารย์ลินลี่ย์ ดูเหมือนคฤหาสน์ของท่านจะใหญ่กว่าของข้านะคฤหาสน์ของท่านเคยเป็นราชฐานที่ฝ่าบาทเคยอาศัยอยู่มาก่อน"เบอร์นาร์ดกล่าวชื่นชม

ลินลี่ย์เองก็รู้สึกว่าคฤหาสน์หลังนี้มีขนาดใหญ่จนน่าแปลกใจมีขนาดใหญ่กว่าคฤหาสน์ของบรรพชนเขาซะอีก เมืองเฟนไลมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่มากที่ดินหนึ่งนิ้วมีมูลค่าเป็นทองคำหลายเหรียญและยังเป็นที่ดินซึ่งมีแค่เงินเพียงอย่างเดียวไม่อาจหาซื้อได้ดังนั้นในที่สุดมันจึงเป็นคฤหาสน์เก่าของฝ่าบาท ราชาเคลย์ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงมีขนาดใหญ่มาก

"ท่านเบอร์นาร์ด ตอนนี้ข้าต้องขอตัวกลับก่อนวันข้างหน้าเรายังมีโอกาสอีกมากที่จะคุยกัน"ลินลี่ย์ยิ้มอย่างสุภาพแล้วหมุนตัวเดินมุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ของเขาขณะเดียวกันนั้นตรงประตูคฤหาสน์ของตระกูลเด็บส์ คาลัน,โรว์ลิ่งและอลิซกำลังยืนมองอยู่ห่างๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด