ตอนที่แล้วตอนที่ 6-3 ชุมนุมใหญ่ในเมืองน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6-5 อำนาจของขุนนาง

ตอนที่ 6-4 สนทนายามราตรี


"แพตเตอร์สัน!"

ลินลี่ย์แอบพูดชื่อนี้กับตัวเอง 11ปีก่อนมารดาของเขาถูกพาตัวไปโดยคนของแพตเตอร์สัน และบัดนี้ 11ปีให้หลังในระหว่างสืบหาที่อยู่ของมารดาเขาบิดาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บและถูกฆ่าโดยคนของแพตเตอร์สันอีกเช่นกัน ช่วงเวลาของการสืบสวนเบาะแสของแม่ของเขา

รังสีฆ่าฟันที่ถูกซ่อนไว้เหมือนลาวาใต้ภูเขาไฟที่รอวันปะทุอยู่ในส่วนลึกของจิตใจลินลี่ย์แต่วันหนึ่งมันจะระเบิดออกมา

"นายท่าน ให้ข้าฆ่าเจ้าแพตเตอสันนี่เพื่อท่านเถอะ"เจ้าหนูเงาตัวน้อยพูดทางจิตขณะที่คุกเข่าด้านข้างลินลี่ย์

"อย่าขยับ" ลินลี่ย์ตะโกนตอบกลับทางจิต

ลินลี่ย์ยังคงคุกเข่าต่อไปภายในห้องโถงใหญ่ในขณะที่ขุนนางคนแล้วคนเล่าเข้ามาแสดงความเคารพต่อบิดาของลินลี่ย์

……

งานจัดเลี้ยงในวันนั้น ลินลี่ย์ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเขายังคงคุกเข่าภายในห้องโถง ดำเนินพิธีกรรมกตัญญูไว้ทุกข์ต่อไป

ในที่สุดขุนนางส่วนใหญ่ก็เดินทางจากเมืองอู่ซันไปในช่วงบ่าย รีบเดินทางกลับไปยังเมืองเฟนไลแต่ยังมีบางคนที่ยังคงรั้งอยู่ที่เมืองอู่ซัน

อย่างคาร์ดินัลกิลเยโม หรือแม้แต่ดีเลีย

…..

พิธีกรรมกตัญญูไว้ทุกข์ต้องดำเนินไปทั้งหมด 7 วัน

คืนนั้น ลินลี่ย์กินอาหารเท่าที่มีไปบางส่วนแล้วกลับไปที่ห้องนอนของเขาเตรียมเริ่มการฝึกฝนของเขาต่อ

"ลินลี่ย์ เจ้าวางแผนจะล้างแค้นให้บิดาเจ้าหรือไม่?" เดลิน โคเวิร์ทในชุดคลุมสีขาวปรากฏตัวขึ้นด้านข้างเขา

ลินลี่ย์ชำเลืองมองเดลิน โคเวิร์ท "ท่านปู่เดลินข้าต้องล้างแค้นให้ท่านพ่อแน่นอนอยู่แล้วถึงแม้ข้าจะรู้แล้วว่าดยุคแพตเตอร์สันเป็นคนส่งนักฆ่ามาไล่ตามฆ่าท่านพ่อแต่นอกจากล้างแค้นแล้ว ข้ายังจำเป็นต้องสืบหาความจริงที่เกิดขึ้นกับท่านแม่และหาว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"

ฆ่าแพตเตอร์สันนั้นไม่ยาก

แต่การฆ่าเขาโดยไม่ให้ผู้ใดรู้นั้นยากกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากฆ่าแพตเตอสันแล้ว ลินลี่ย์ยังจำเป็นต้องตามหามารดาของเขา

เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้าเล็กน้อย "มันเป็นปัญหาส่วนตัวของเจ้าเจ้าตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะ ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่ว่ายังไงเจ้าในตอนนี้นั้นยังอ่อนแออยู่ เทียบกับจอมยุทธชั้นยอดแล้วอย่าว่าแต่แพตเตอร์สันเลย...แค่ทหารของเขาเจ้ายังไม่อาจจัดการได้เลย"

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

แพตเตอร์สันเป็นน้องชายของเคลย์ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาย่อมมีไม่น้อย

"ข้าคาดว่าภายในหนึ่งปี ข้าควรจะเลื่อนเป็นนักรบระดับ 7 ข้าไม่อาจเสียเวลาไปมากกว่านี้"ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิบนพื้นโคจรลมปราณนักรบเลือดมังกรไปทั่วร่างอีกครั้งกระดูกและกล้ามเนื้อของเขาเริ่มสั่น

ลินลี่ย์รู้สึกว่ากล้ามเนื้อและกระดูกเขาค่อยๆมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆขณะเดียวกันเซลนักรบเลือดมังกรเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกันกับกระดูกและกล้ามเนื้อของเขาความแข็งแกร่งและความอดทนของพวกมันกำลังเพิ่มมากขึ้น

เมื่อเริ่มต้นการฝึกฝนตามคัมภีร์ลับเลือดมังกรครั้งแรกแล้วความก้าวหน้าของการฝึกฝนนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ในสภาวะที่การฝึกฝนดำเนินไปนี้ทำให้ลินลี่ย์ลืมวันเวลาไปเลยทีเดียว

ราวๆ 5 ทุ่มคืนนั้น

"ก๊อก!" "ก๊อก!" "ก๊อก!"

ในเวลาเดียวกันกับเสียงเคาะประตู, เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น "ลินลี่ย์ นี่ดีเลียนะ ข้าเข้าไปได้มั้ย? "

ลินลี่ย์สะดุ้งตื่นจากสภาวะฝึกฝน

"ฟู่ว" ลินลี่ย์ปล่อยลมหายใจออกมายาวกล้ามเนื้อทั้งหมดสั่นและกลับมาเป็นปกติและรวบรวมลมปราณเลือดมังกรทั่วร่างกลับไปรวมกันที่จุดตันเถียนอีกครั้ง ลินลี่ย์มองไปที่ประตูเขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า "ดีเลียมีธุระอะไรกับเขากันทำไมถึงได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยกับข้ากลางดึกเช่นนี้?"

ในขณะที่เขาตั้งคำถามกับตัวเอง ลินลี่ย์ตอบกลับไปว่า "เข้ามา"

ดีเลียผลักประตูเปิดออก และเดินก้าวเข้ามาข้างใน

เมื่อเห็นดีเลียเข้า ตาของลินลี่ย์พลันเปล่งประกายวาบขึ้นมาเวลานี้ผมสีทองของดีเลียถูกมัดรวบเอาไว้ง่ายๆ เป็นพู่ห้อยลงมา ทำให้ชุดสีม่วงของนางดูสง่างามขึ้นมาลินลี่ย์ยอมรับว่า... ดีเลียเป็นสาวงามที่น่าหลงใหลคนหนึ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเลโอนแห่งจักรวรรดิยูลานดีเลียมีกลิ่นอายของชนชั้นสูงซึ่งอลิซเทียบไม่ติด

"ลินลี่ย์ เจ้าสบายดีมั้ย?" ดีเลียถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่นางเดินไปหาลินลี่ย์ที่เตียงและนั่งลงนางส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยให้กับลินลี่ย์

ลินลี่ย์อดรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจของเขาไม่ได้ เขายิ้มแล้วกล่าวว่า"ข้าไม่เป็นไร"

ดีเลียพยักหน้า "ข้าทราบข่าวว่าบิดาของเจ้าเสียชีวิตตอนอยู่ที่เมืองเฟนไลข้ากังวลเล็กน้อย แต่...เจ้าเป็นคนเข้มแข็งเช่นที่ข้าเคยรู้สึกเสมอจริงๆ"

"ขอบคุณ"

ลินลี่ย์พูดต่อว่า "ดีเลียมีเรื่องเร่งด่วนอันใดที่เจ้าต้องการพูดคุยกับข้ากลางดึกเช่นนี้รึ?"

"เจ้างั่งเอ้ย" เดลิน โคเวิร์ทแอบก่นด่าลินลี่ย์ในใจอยู่ข้างๆเขา

หญิงงามมาหาดึกๆดื่นๆเพื่อมาพูดคุยและปลอบโยนเจ้าแล้วเจ้ายังจะโง่ถามอีกจริงๆหรือว่านางต้องการอะไร?

ดีเลียหัวเราะอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แต่แล้วนางกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม"อะไรกัน หากข้าไม่มีธุระอันใด ข้าไม่อาจมาคุยกับเจ้าได้งั้นหรือ? ข้ารู้จักเจ้าตั้งแต่ปีแรก เราเรียนที่สถาบันเอินส์ด้วยกันเจ้าเห็นข้าเป็นคนอื่นคนไกลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"

"เอ่อไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" ลินลี่ย์ตอบอย่างลนลาน

ดีเลียอดหัวเราะอย่างมีความสุขไม่ได้ แต่แล้วนางก็ถอนหายใจยาวออกมา "ลินลี่ย์ที่จริงมีบางเรื่องที่ข้าอยากคุยกับเจ้าซึ่งเป็นเหตุให้ข้าต้องมาพบเจ้ากลางดึกเช่นนี้"

"ว่ามาเลย" ลินลี่ย์อดที่จะเริ่มคาดเดาเรื่องที่ดีเลียจะพูดอยู่ในใจไม่ได้

ดีเลียพูดอย่างจนหนทาง "ลินลี่ย์ เจ้าน่าจะรู้ว่าปีนี้คือปี 9999ในปฏิทินยูลาน อีกแปดเดือนกว่าๆก็จะขึ้นปี 10000 ของปฏิทินยูลานวันแรกของแต่ละปีผู้คนทั่วทั้งทวีปยูลานจะร่วมจัดงานเฉลิมฉลองของทวีปยูลานงานเฉลิมฉลองครบรอบ 10000 ปีของทวีปยูลานจะยิ่งใหญ่ขนาดที่เจ้าไม่อาจจะจินตนาการได้เลยทีเดียว"

ลินลี่ย์พยักหน้า

แต่ลินลี่ย์ยังไม่เข้าใจว่าทำไมดีเลียถึงพูดเรื่องนี้ออกมา

"แม้ว่าทั่วทั้งทวีปยูลานจะให้ความสำคัญกับงานเทศกาลยูลานเป็นอย่างสูงจักรวรรดิยูลานของเราเองก็ถือว่ามันเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก" ดีเลียพูดต่อ

ลินลี่ย์เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น จริงๆแล้วปีแรกของปฏิทินยูลานคือปีที่จักรวรรดิยูลานได้รวบรวมแผ่นดินทั่วทวีปเป็นหนึ่งเดียวเป็นเรื่องธรรมดาที่งานเฉลิมฉลองครบรอบ 10000 ปีของทวีปยูลานจะเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งของจักรวรรดิยูลาน

"ตระกูลของข้าสั่งมาว่า ข้าจะต้องกลับบ้านเพื่อร่วมฉลองงานเฉลิมฉลองครบรอบ10000 ปีของทวีปยูลาน จักรวรรดิยูลานของเราจะดำเนินการเฉลิมฉลองไปทั่วอาณาจักรเป็นเรื่องปกติ ที่เราซึ่งเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเลโอนจะต้องกลับไปมีส่วนร่วม"ดีเลียมองลินลี่ย์ "ลินลี่ย์ จักรวรรดิยูลานนั้นอยู่ไกลจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์มากนักการเดินทางไป-กลับจะใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองปี พรุ่งนี้ข้าจะต้องออกเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของข้าแล้ว"

ลินลี่ย์เข้าใจว่าดีเลียพยายามจะบอกอะไร

พูดอีกอย่างคือตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่มีโอกาสได้เจอดีเลียอีกอย่างน้อย1-2 ปี

ดีเลียกัดริมฝีปากของนางจ้องมองลินลี่ย์แล้วก็กล่าวว่า "ลินลี่ย์ก่อนข้าจะไป ขอให้ข้ากอดเจ้าสักครั้งได้หรือไม่?"

"กอดเหรอ?" ลินลี่ย์อึ้งเขาจ้องมองดีเลียอย่างงงงวย

ลินลี่ย์รู้ดีว่าดีเลียรู้สึกอย่างไรกับเขาแต่เพราะพวกเขาทั้งสองทำอะไรด้วยกันบ่อยเกินไปนับตั้งแต่ปีแรกที่พวกเขาเข้าศึกษาที่เอินส์ด้วยกันในใจของลินลี่ย์ดีเลียได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเรื่องของอลิซหัวใจของลินลี่ย์ได้ถูกปิดตายและเฉยชากับเรื่องนี้ไปแล้ว

มองลึกไปในดวงตาของดีเลีย ลินลี่ย์พยักหน้า

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของดีเลีย และนางอ้าแขนของนางกอดคอลินลี่ย์แล้วดึงตัวเองแนบแน่นไปกับร่างกายของลินลี่ย์ดีเลียแนบแก้มของนางกับแก้มของลินลี่ย์เบาๆด้วย

ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สัมพันธ์กันของพวกเขา...

นอกจากนี้เขายังได้กลิ่นหอมชวนหลงใหลจากดีเลียโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแก้มของพวกเขาสัมผัส เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากผิวของนาง...ทั้งหมดนี้ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ

"ลินลี่ย์ ขอบคุณ" ดีเลียกระซิบข้างหูลินลี่ย์

ลินลี่ย์ไม่ส่งเสียงใดๆออกมา

ดีเลียปล่อยเขาลุกขึ้นยืนช้าๆ ตาของนางยังคงถูกลินลี่ย์ดึงดูดไว้แต่ดีเลียชะงักการยืนไว้กลางคัน ตาของนางและลินลี่ย์อยู่ห่างกันเพียงสองนิ้ว

ทันใดนั้นดีเลียก้มลง

ริมฝีปากของดีเลียกดลงบนริมฝีปากของลินลี่ย์ ทำให้ลินลี่ย์ถึงกับแข็งเป็นหิน

ดีเลียไม่ปล่อยให้ลินลี่ย์มีโอกาสตอบโต้ใดๆ นางรีบลุกขึ้นยืน มองลินลี่ย์ครั้งสุดท้ายและนางรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนของลินลี่ย์ทันที

"นายท่าน ท่านเพิ่งถูกบังคับจูบ!" ด้านตรงข้ามของผ้าห่มบีบีโผล่หัวเล็กๆ ของมันออกมามองลินลี่ย์ตาแป๋ว

"เจ้า กลับไปนอนเดี๋ยวนี้เลย" ลินลี่ย์ตะโกนใส่บีบีในใจ

บีบีร้องเสียงแหลมอย่างไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะมุดกลับไปใต้ผ้าห่ม ส่วนลินลี่ย์ยังคงจ้องมองไปยังประตูปิดสนิทที่ดีเลียเพิ่งผ่านออกไปจมูกของเขายังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมของดีเลียแก้มของเขายังคงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากแก้มของดีเลีย

ลินลี่ย์ลูบริมฝีปากของเขา เขายังรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่ม ความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มหัวใจของเขาความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกที่เขามีในคืนนั้นคืนที่เขากับอลิซแอบอยู่บนระเบียงของนางและพูดคุยกันตลอดคืน

"ดีเลีย ... "

ลินลี่ย์ส่ายหัวไล่ความคิดเหล่านี้ออกไป

"ลินลี่ย์"เดลิน โคเวิร์ท มองลินลี่ย์อย่างสนใจ"ตอนที่เจ้ายังเด็กและครั้งแรกที่เข้าไปในสถาบันเอินส์และเป็นครั้งแรกที่เห็นสาวน้อยดีเลียข้าไม่ได้บอกเจ้าที่นั่นแล้วหรือ ว่านี่เป็นเรื่องดีงาม? ข้าบอกให้เจ้าตามจีบนางตอนนี้เจ้ารู้สึกเสียใจหรือยังที่ไม่เชื่อข้า?"

ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะที่เขามองเดลิน โคเวิร์ท

"ก็ได้ ข้าจะไม่พูดตอนนี้" เดลินโคเวิร์ทกับเคราบิดเป็นเกลียวของเขา กลายเป็นลำแสงและถอยกลับเข้าไปในแหวนมังกรขนด

ลินลี่ย์เลิกคิดเรื่องนี้กลับไปนั่งขัดสมาธิอีกครั้งเขาเข้าฌานกลั่นพลังเวททันที

เช้าวันรุ่งขึ้นดีเลียนำคณะผู้แทนจากตระกูลเลโอนออกเดินทางจากเมืองอู่ซัน แต่ลินลี่ย์ไม่ได้ออกมาส่งนางเขายังคงคุกเข่าในห้องโถงใหญ่และยังคงดำเนินพิธีกรรมกตัญญูไว้ทุกข์ต่อไป

เพียงพริบตาเดียว พิธีกรรมกตัญญูไว้ทุกข์ 7 วันก็ได้ผ่านพ้นไป

ในเมืองอู่ซัน นอกเหนือจากพี่น้องของลินลี่ย์มีคนสำคัญอื่นๆที่ยังรั้งอยู่เพียง 2 คน : คาร์ดินัลแลมป์สันและคาร์ดินัลกิลเยโม

ในฐานะที่เป็นคาร์ดินัลของวิหารเจิดจรัสแลมป์สันกับกิลเยโมไม่มีอะไรที่พวกเขาจะต้องอยู่ จริงๆแล้วเรื่องเล็กๆส่วนใหญ่จะถูกจัดการโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาทำให้ชีวิตของพวกเขาผ่อนคลายมากไม่กี่วันนี้ พวกเขาใช้เวลาหมดไปกับการกินลมชมวิวรอบๆเมืองอู่ซันบางครั้งพวกเขาจะขึ้นไปท่องเที่ยวบนภูเขาอู่ซันตามลำพัง

ตอนเช้า ชาวเมืองอู่ซันทุกคนกำลังยืนมองจากด้านข้างของถนน

คณะผู้แทนจากวิหารเจิดจรัสและจากหอการค้าดอว์สันกำลังจะเริ่มออกเดินทางจากไป

"พี่ใหญ่เยล พี่รอง น้องสี่ มีเรื่องที่ข้าจำเป็นต้องไปคุยกับคณะของใต้เท้ากิลเยโม"ลินลี่ย์บอกพี่น้องของเขา และแล้วปล่อยรถม้าของหอการค้าดอว์สันไว้, จากนั้นก็เดินไปที่รถม้าของคาร์ดินัลกิลเยโม"

แลมป์สันอยู่ในรถม้าเช่นกัน สองคาร์ดินัลและลินลี่ย์นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน

แต่รถม้าคันนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับคาร์ดินัลของวิหารเจิดจรัสมันมีเนื้อที่กว้างขวางมากมีพื้นที่มากพอให้พวกเขาทั้งสามนอนกลิ้งไปมาหรือนอนหลับได้หากว่าพวกเขาต้องการ

"ลินลี่ย์ เจ้าตัดสินใจได้แล้วรึ?" กิลเยโมหัวเราะขณะที่เขามองลินลี่ย์

ก่อนหน้านี้ลินลี่ย์เคยบอกกิลเยโมว่าเขาต้องการหารือเกี่ยวกับเรื่องร่วมงานกับวิหารเจิดจรัสกับบิดาของเขาก่อนแต่บัดนี้บิดาของเขาได้ล่วงลับไปแล้ว เป็นธรรมดา ที่ไม่มีใครให้ลินลี่ย์ปรึกษาเรื่องนี้ด้วยได้อีกถึงตอนนี้ เขาควรจะมีคำตอบให้พวกเขาได้แล้ว

"ใต้เท้ากิลเยโม ใต้เท้าแลมป์สัน อายุข้ายังน้อยข้าหวังว่า...จะอยู่ช่วยงานของฝ่าบาท ราชาเคลย์ชั่วคราว สำหรับตอนนี้ข้าคิดว่ามันจะดีที่สุด หากข้าไม่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวิหารเจิดจรัสหากในอนาคต, วิหารเจิดจรัสยังคงต้องการข้าอยู่ข้ายินดีรับใช้วิหารเจิดจรัสทุกเวลา" ลินลี่ย์กล่าวตอบ

ทั้งกิลเยโมและแลมป์สันหัวเราะออกมา

รับใช้ราชาเคลย์? เคลย์เป็นผู้ปกครองของอาณาจักรเฟนไล ในขณะที่เมืองหลวงของเฟนไลที่ยังเป็นเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งกว่านั้น ผู้ปกครองของเฟนไลยังอยู่ใต้อำนาจของวิหารเจิดจรัสโดยตรงอีกด้วย

สำหรับลินลี่ย์การรับใช้ราชาเคลย์ก็เท่ากับการรับใช้วิหารเจิดจรัสดีๆนี่เอง

"ดีมาก" แลมป์สันเป็นคนแรกที่เริ่มหัวเราะ "ลินลี่ย์เจ้าตัดสินใจได้หลักแหลมจริงๆ"

แต่ทั้งแลมป์สันหรือกิลเยโมไม่รู้ว่าเหตุผลที่ลินลี่ย์ตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพราะเขาต้องการที่จะสืบหาเบาะแสที่อยู่ของมารดาเขาโดยใช้เพียงตัวเองเข้าไปรับตำแหน่งของอาณาจักรเฟนไลเขาจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะต่อกรกับดยุคแพตเตอร์สันในอนาคต

กิลเยโมหัวเราะเช่นกัน "แล้วต่อไปข้างหน้า เจ้าจะตัดสินใจเข้าร่วมกับวิหารเจิดจรัสของเราโอ้, ใช่ เจ้ายังไม่ได้เรียนเวทดินและเวทลมระดับ7,8 หรือ 9 หรือแม้แต่เวทต้องห้ามใช่ไหม?"

"ถูกต้อง"ลินลี่ย์พยักหน้า "ข้าเพียงแต่พัฒนาคาถาสำหรับวิชาทะยานฟ้าผ่านการวิเคราะห์ทฤษฎีเวทมนต์เท่านั้น"

กิลเยโมกล่าวด้วยความพอใจว่า"มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะอนุมานบทร่ายสำหรับคาถาวิชาทะยานฟ้า แต่ยังคงน่าประทับใจอยู่ดีที่เจ้าสามารถอนุมานจากบทร่ายคาถาของวิชาลอยตัวลินลี่ย์!ไม่ต้องห่วง เมื่อเรากลับไปที่วิหาร เราจะส่งคนนำคัมภีร์ของเวทมนต์ระดับ7 และสูงกว่าทุกบทไปให้เจ้าศึกษา"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด