ตอนที่ 6-2 การตัดสินใจ
ในทวีปยูลานมีเพียงจักรพรรดิของจักรวรรดิที่มีอำนาจให้พี่น้องของเขาใช้บรรดาศักดิ์ 'เจ้าชาย'
ตำแหน่ง 'เจ้าชาย' แห่งจักรวรรดิ อาจเทียบได้กับตำแหน่งพระราชาจากหนึ่งในอาณาจักร ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เหล่าบรรดาพี่น้องของพระราชาจะได้รับการอวยยศเป็นดยุค นั่นคือตำแหน่งสูงสุดแล้ว
‘แกรนด์ดยุค’ นั้นจะมีอาณาเขตปกครองมากกว่าขุนนาง หรือแม้แต่ดยุคทั่วไป
จักรวรรดิ อาณาจักร แคว้น นี่คืออาณาเขตปกครองลดหลั่นลงไปตามขนาดพื้นที่
ดยุคแพตเตอร์สัน?
อนุชาของพระราชาแห่งเฟนไล?
ลินลี่ย์รู้ดีว่าตระกูลโบลีน เป็นตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรเฟนไลเป็นตระกูลที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง พี่น้องทั้งสองของตระกูลโบลีนต่างก็เป็นนักรบที่แข็งแกร่งมาก พระราชาเคลย์ เป็นที่ภาคภูมิใจของเฟนไลอย่างยิ่งเพราะ เขาเป็นถึงเป็นนักรบระดับเก้า
สำหรับแพตเตอร์สัน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเทียบกับพี่ชายของเขาได้แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็เป็นถึงนักรบระดับ 7 นับว่าเขาเองก็เป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
"ดยุคแพตเตอร์สัน?" ในใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ลินลี่ย์อ่านจดหมายต่อ "ข้าได้ปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ แอบหาทางด้วยตัวเองจนได้เข้าไปในคฤหาสน์ของดยุคแพตเตอร์สันหลังจากที่พบเจออันตรายนับไม่ถ้วนและใช้วิธีพิเศษบางอย่าง ข้าก็สามารถลักพาตัวผู้นำของกลุ่มลึกลับซึ่งเป็นนักรบระดับ 7 มาได้ หลังจากที่ข้าใช้วิธีการสอบสวนพิเศษในที่สุดเขาก็สารภาพว่า ... เขาทำไปภายใต้คำสั่งของดยุคแพตเตอร์สันแต่ตามที่ชายคนนี้สารภาพ หลังจากที่พวกเขาได้ลักพาตัวมารดาเจ้า ลีน่าไป นางถูกส่งให้กับดยุคแพตเตอร์สันแล้วถูกส่งต่อไปยังอีกสถานที่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลังดยุคแพตเตอร์สันที่คอยควบคุมเขาอยู่"
"ก่อนที่ข้าจะสอบสวนเสร็จสิ้น การหายตัวไปของนักรบระดับ 7ก็ไปกระตุ้นความสงสัยของดยุคแพตเตอร์สันถึงแม้ว่าข้าได้สังหารยอดยุทธตายไปหลายคนและหลบหนีออกจากเมืองเฟนไลข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าแอบกลับเข้าบ้านอย่างเงียบๆ นอกจากลุงฮิลแมนของเจ้าข้าก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครอีก ข้ารู้ตัวดีว่าข้านั้นบาดเจ็บสาหัสเกินไปและข้ารู้ว่าตัวเองเหลือเวลาอยู่ไม่มากนั่นคือเหตุผลที่ข้าทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ให้เจ้าก่อนตาย"
"ลินลี่ย์ บิดาของเจ้าไม่เอาไหนข้ามักจะทำตัวเย็นชา และเข้มงวดกับเจ้าตลอดเวลา ข้าไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ข้าข้าได้แต่หวังว่าเจ้าจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ตอนนี้เจ้ามีพลังอยู่ในระดับ 7แล้ว เจ้ามีความสามารถมากพอที่จะสืบเรื่องนี้ได้แล้ว แต่เจ้าต้องดูแลตัวเองทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ว่าข้าหรือมารดาเจ้าลีน่าไม่มีใครต้องการให้เจ้าต้องตายเพราะเรา"
"ลินลี่ย์ ตอนนี้ข้าตายแล้วเจ้าคือผู้นำตระกูลบาลุคของเราข้าขอส่งต่อภาระหน้าที่ทุกอย่างในตระกูลให้เจ้ารับช่วงต่อ"
"ในเวลานี้ ความปรารถนาสูงสุดของข้าคือการได้เห็น 'ดาบศึกล่าสังหาร' ด้วยตาของตัวเองสักครั้ง แต่ข้ารู้ดีว่าตอนนี้มันเป็นได้เพียงความหวังลมๆแล้งๆลินลี่ย์ ...จงขยันขันแข็ง ตอนนี้ตระกูลขึ้นอยู่กับเจ้าและวอร์ตันน้อยแล้วตลอดชีวิตของข้า เจ้าและวอร์ตันน้อยคือความภาคภูมิใจของข้า พวกเจ้าทั้งคู่คือลูกชายที่ยอดเยี่ยม"
บนลายเซ็นมีคราบเลือด
เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากมือของลินลี่ย์
"ฝุบ... " พริบตาเดียว จดหมายฉบับนี้ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ฮิลแมน ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองลินลี่ย์
ลินลี่ย์เพิ่งเผาคำสั่งเสียก่อนตายของบิดาเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่านแต่ฮิลแมนไม่โกรธ ความจริงแล้วเขาแอบพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แม้ว่าจดหมายฉบับนี้จะเป็นเพียงคำสั่งเสียแต่ก็มีความลับมากมาย หากตกไปอยู่ในมือคนอื่น จะก่อให้เกิดหายนะได้
ลินลี่ย์หันหน้าไปมองฮิลแมน "ลุงฮิลแมน ข้ามีบางเรื่องอยากให้ท่านช่วยจัดการให้"
"บอกมาได้เลย" ฮิลแมนมองดูลินลี่ย์
ฮิลแมนเตรียมใจไว้พร้อมที่จะช่วยลินลี่ย์แก้แค้นแล้ว
ลินลี่ย์ยืดแขนของเขาออกแล้วหยิบ 'ดาบศึกล่าสังหาร' ขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองฮิลแมน "ลุงฮิลแมน 'ดาบศึกล่าสังหาร'เล่มนี้เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษตระกูลบาลุคเรา ข้าหวังว่าท่านจะสามารถส่ง 'ดาบศึกล่าสังหาร' นี้ให้กับน้องวอร์ตันที่จักรวรรดิโอเบรียนข้าต้องการให้ท่านส่งมันให้ถึงมือเขาด้วยตัวท่านเอง!"
"จักรวรรดิโอเบรียน? แล้วที่นี่ละ..." ฮิลแมนเริ่มเป็นกังวลเรื่องลินลี่ย์
ลินลี่ย์กล่าวอย่างจริงจัง "ลุงฮิลแมนไม่ต้องห่วง ด้วยฐานะจอมเวทสองสายธาตุระดับ7 ของข้า กระทั่งวิหารเจิดจรัสยังวางตัวข้าไว้เป็นคนสำคัญระดับสูง แม้แต่ราชาเคลย์ผู้ปกครองของเฟนไลเองยังมีมารยาทเป็นอย่างดีต่อหน้าข้าท่านไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้า"
ฮิลแมนเป็นเพียงนักรบ เขาไม่เข้าใจว่าความหมายที่แท้จริงของการเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับ7 ด้วยอายุเพียง 17 ปีคืออะไร
ความจริงแล้ว เขาไม่ได้รู้เลยว่าลินลี่ย์ในตอนนี้ได้กลายเป็นนักแกะสลักที่มีฝีมือระดับเดียวกันกับพรูกซ์ และ โฮป เจนเซ่น ซึ่งถือได้ว่ามีฐานะสูงส่งไปแล้ว
"หากเป็นเรื่องนั้น แล้วที่นี่... " ฮิลแมนขมวดคิ้ว
"หลังจากท่านส่ง 'ดาบศึกล่าสังหาร' นี้ ถึงมือน้องเล็กแล้ว ช่วยปู่แอชลี่ย์ดูแลและคอยปกป้องเขาด้วยข้าจะดูแลและจัดการทุกอย่างที่นี่ด้วยตัวข้าเอง"เสียงของลินลี่ย์ทุ้มหนักและเย็นเยียบดุจน้ำค้างแข็ง
ในอาณาเขตสหภาพศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เขาตัวคนเดียวแล้วเขาไม่มีครอบครัวที่นี่เหลืออยู่แล้ว ยังมีอะไรที่เขาจะต้องกลัวอีกล่ะ?
ลินลี่ย์ได้เตรียมใจของเขาไว้พร้อมที่จะล้างแค้นให้กับบิดาของเขาแล้วเช่นเดียวกันกับการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับมารดาของเขา มารดาของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่? ลึกๆในใจของเขานั้น ลินลี่ย์ยังคงหวังว่ามารดาของเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่แม้ว่ามีโอกาสน้อยมากก็ตาม ลินลี่ย์ไม่อยากยอมแพ้เรื่องนี้
"ให้ไปอยู่ที่จักรวรรดิโอเบรียน?" ฮิลแมนเงียบไปครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามครอบครัวของเขานั้นอยู่ที่นี่ ที่เมืองอู่ซัน
แต่สำหรับเขา ด้วยฐานะนักรบระดับ 6 ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนในโลกนี้เขาก็สามารถเอาตัวรอดได้
"ลุงฮิลแมน ท่านสามารถพาครอบครัวของท่านไปกับท่านได้ นอกจากนี้เอาบัตรเครดิตเวทนี้ไปกับท่านด้วยบัตรเครดิตเวทนี้ยังไม่ได้ถูกใช้งาน และมีเงินล้านเหรียญทองอยู่ในบัตร เก็บบัตรเครดิตเวทนี้ไว้กับตัวตลอดการเดินทางไปจักรวรรดิโอเบรียน"
ลินลี่ย์ล้วงบัตรเครดิตเวทออกมาหนึ่งใบจากอกเสื้อของเขาและมอบให้กับฮิลแมน
"หนึ่งล้านเหรียญทอง?" ฮิลแมนจ้องมองลินลี่ย์อย่างแปลกใจ
เงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญทองถือเป็นวาสนาที่ไม่อาจไคว่คว้า สมัยที่ฮ็อกยังมีชีวิตอยู่เพื่อเงินแค่ไม่กี่พันเหรียญทองเขาถึงกับต้องขายสมบัติในตระกูลเขาแม้ว่าเขาจะขายบ้านของบรรพบุรุษเขาอาจจะได้เงินไม่มากไปกว่าหนึ่งแสนเหรียญทอง แต่ตอนนี้แค่พริบตาเดียว ลินลี่ย์กลับมอบบัตรเครดิตเวทที่มีเงินหนึ่งล้านเหรียญทองให้กับเขา
"ลินลี่ย์ เจ้า ... เจ้าไปเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน?" ฮิลแมนถาม
"ลุงฮิลแมน ท่านอย่าได้ถามมากความ ในอนาคตท่านจะรู้เอง" หัวใจของลินลี่ย์ในขณะนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยวเขาไม่ได้มีอารมณ์มานั่งคุยโม้โอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จในด้านงานแกะสลักของเขา
ฮิลแมนพยักหน้าเล็กน้อย
"ลินลี่ย์รอเดี๋ยว" อีกครั้งที่ฮิลแมนวิ่งเข้าไปในห้องลับแล้วกลับออกมาพร้อมกับโกศแล้วส่งให้ลินลี่ย์
"นี่คือ….?" ลินลี่ย์จ้องเขม็งไปที่โกศ ดูเหมือนว่าเขาจะเดาได้อยู่แล้วว่าอะไรอยู่ในโกศนี้
ฮิลแมนกล่าว "ลินลี่ย์ ในนี้คืออัฐิของบิดาเจ้า ตอนที่บิดาของเจ้าตายเราไม่อาจประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ เราไม่อาจฝังเขาไว้ในสุสานหนทางเดียวคือเผาศพของเขาแล้วเก็บอัฐิเอาไว้ในโกศและเก็บไว้ในห้องลับระหว่างที่รอเจ้ากลับมา"
ลินลี่ย์รับโกศอัฐิมาถือไว้ เขารู้สึกว่ามันหนักมาก หนักเกินไป
……
สายลมเงียบเหงาวังเวงพัดผ่านมา มีสุสานที่เต็มไปด้วยหลุมฝังศพมากมายอยู่ไม่ห่างจากเมืองอู่ซันตอนนี้ได้เพิ่มหลุมฝังศพหรูหรา มันเพิ่งจะถูกสร้างขึ้นมาลินลี่ย์ที่บัดนี้ตัดผมสั้นกำลังนั่งขัดสมาธิเงียบๆอยู่ด้านหน้าหลุม
ลินลี่ย์ใช้เวลาตลอดคืนสร้างหลุมฝังศพนี้ ด้วยระดับความสามารถในตอนนี้ของลินลี่ย์เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดายราวกับของเด็กเล่น และด้วยความสามารถของลินลี่ย์ที่ได้เป็นนักแกะสลักระดับอาจารย์แล้วย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาสามารถแกะสลักก้อนหินให้เป็นหลุมฝังศพที่สวยงามหรูหราได้
สายลมวังเวงพัดผ่านมาอีกครั้ง ลินลี่ย์ยังคงเอาแต่นั่งเงียบเช่นเดิม
"ลินลี่ย์" ฮิลแมน สะพาย 'ดาบศึกล่าสังหาร' ไว้บนหลังของเขา เขาได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าลินลี่ย์
ลินลี่ย์ไม่ได้ลืมตาของเขาขึ้นมา เขากล่าวว่า "ลุงฮิลแมนข้าไว้วางใจให้ท่านดูแล 'ดาบศึกล่าสังหาร' ข้าวางใจให้ท่านดูแลน้องวอร์ตัน ท่านและท่านปู่แอชลี่ย์ต้องดูแลเขาให้ดีอยู่ที่นั่นท่านจะปลอดภัย ข้าไม่อาจไปส่งท่านได้"
ฮิลแมนมองด้านหลังของลินลี่ย์ที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่จากนั้นเขาหันไปมองหลุมศพอื่นๆ ในที่สุดเขาพยักหน้าแล้วจากไปอย่างเงียบๆ
ฮิลแมนจากไปแล้ว
เขาจากไปพร้อมกับนำ 'ดาบศึกล่าสังหาร' ไปกับเขา
จากวันนี้ไป คฤหาสน์เก่าแก่ของบรรพบุรุษตระกูลบาลุคไม่มีใครอยู่อีกแล้วนอกจากลินลี่ย์และบ่าวรับใช้
ทันใดนั้น ...ลินลี่ย์ก็ลืมตาขึ้นมา เขาจ้องป้ายหลุมฝังศพ
"ท่านพ่อ ข้าขอสาบานต่อท่าน หนี้ครั้งนี้ข้าจะทำให้พวกมันชดใช้" ลินลี่ย์หันหน้าจากไปทันทีเจ้าหนูเงา บีบียังคงยืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์แต่มันดูราวกับกำลังกลัวจึงไม่ได้ส่งเสียงใดๆเลย
"ใต้เท้าฮ็อกได้ล่วงลับไปแล้ว? นี่...นี่คือ..."กลุ่มชาวเมืองในเมืองอู่ซัน อยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ให้กับฮ็อก
"เขาเป็นขุนนางที่ยอดเยี่ยม เขาตายเช่นนี้ได้อย่างไร? อนาคตของเมืองอู่ซันจะเป็นอย่างไร ตอนนี้แต่ละปีใต้เท้าฮ็อกเก็บภาษีต่ำบางครั้งเขาก็ใช้เงินและทรัพย์สินของเขาเองจ่ายให้กับอาณาจักรแทนเราจะหาขุนนางที่มีเกียรติอันยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ที่ไหนอีก" พลเมืองทุกคนของเมืองอู่ซันล้วนจดจำและซาบซึ้งในความเมตตากรุณาของฮ็อก
ตอนนี้ ที่ด้านหน้าของคฤหาสน์บาลุคแถบผ้าสีขาวถูกแขวนไว้ ลินลี่ย์อยู่ในชุดเสื้อผ้าไว้ทุกข์ที่สวมใส่อย่างดีเขานั่งคุกเข่าอย่างเงียบสงบอยู่หน้าป้ายวิญญาณที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของห้องโถงใหญ่เจ้าหนูเงาน้อย บีบีก็คุกเข่าอยู่ข้างลินลี่ย์ โดยไม่ส่งเสียงใดๆราวกับว่ามันรู้สึกเจ็บปวดเสียใจเช่นเดียวกับลินลี่ย์
พิธีกรรมการไว้ทุกข์ใช้เวลา 7 วัน
การไว้ทุกข์ดำเนินไปจนถึงช่วงดึก
นี่เป็นการไว้ทุกข์วันแรก
"อาจารย์ลินลี่ย์ ตอนนี้ใต้เท้ากิลเยโมกำลังรอท่านอยู่"หัวหน้ากองอัศวินจากวิหารเจิดจรัสพูดเบาๆ จากด้านข้างของลินลี่ย์
ลินลี่ย์หันหน้าของเขา เหลือบมองไปอย่างเย็นชาหัวหน้ากองอดรู้สึกว่าหัวใจเขาสั่นสะท้านไม่ได้
"พิธีกรรมไว้ทุกข์แสดงความกตัญญูนี้ใช้เวลาเจ็ดวัน ภายในเจ็ดวันนี้ข้าจะไม่สนใจผู้ใดหรือเรื่องใดทั้งนั้น"ลินลี่ย์กล่าวอย่างเย็นชาและแล้วเขาก็เงียบอีกครั้ง
หัวหน้ากองอดรู้สึกจนปัญญาไม่ได้
แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกอย่างไร บิดาของเขาเพิ่งจะเสียชีวิตสำหรับลูกชายที่ต้องมาร่วมพิธีไว้ทุกข์แสดงความกตัญญูเป็นไปตามกฎสวรรค์และหลักแห่งปฐพี หัวหน้ากองอัศวินออกจากห้องโถงหลักทันทีแล้วสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามุ่งหน้าไปยังเมืองเฟนไลและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของลินลี่ย์ให้วิหารเจิดจรัสทราบ
"คุณชายลินลี่ย์ อย่าได้โศกเศร้ามากเกินไป"
ชาวเมืองจากเมืองเล็กๆเช่นเมืองอู่ซันต่างก็เข้ามากราบเคารพเบื้องหน้าป้ายวิญญาณของฮ็อกพวกเขาทั้งหมดจดจำได้ถึงความเมตตากรุณาของฮ็อกยามเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่
ลินลี่ย์ไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียวเขาเพียงแค่คารวะขอบคุณชาวเมืองทุกคนที่มาเยี่ยม
…..
ข่าวนี้ได้มาถึงวิหารเจิดจรัสอย่างรวดเร็วแต่คาร์ดินัลแลมพ์สันและคาร์ดินัลกิลเยโมไม่ได้ตกใจมากนัก
"บิดาของลินลี่ย์ เสียชีวิตไปแล้วงั้นเหรอ?" กิลเยโมพยักหน้าเล็กน้อย "มิน่าเล่าในตอนที่ลินลี่ย์กลายเป็นจอมเวทสองธาตุระดับเจ็ด ข้าได้ส่งคนเพื่อสอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับบิดาของลินลี่ย์ทางเราไม่สามารถที่จะหาอะไรได้เลย ดังนั้นเป็นไปได้ว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว"
วิหารเจิดจรัสมีคาร์ดินัลทั้งหมดห้าท่าน เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับลินลี่ย์โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีคาร์ดินัลกิลเยโมและคาร์ดินัลแลมป์สันคอยดูแล
"กิลเยโม พวกเราต้องเตรียมบางอย่างเดี๋ยวนี้แล้วรีบเดินทางไปเยี่ยมและเคารพบิดาของลินลี่ย์ด้วยตัวเอง" แลมป์สันแนะนำ
กิลเยโมพยักหน้าเห็นด้วย
ที่จริงแล้ว ด้วยฐานะของตัวฮ็อกเอง จะให้คาร์ดินัลของวิหารเจิดจรัสไปแสดงความเคารพต่อเขาได้อย่างไร? แต่ฮ็อกเป็นพ่อของลินลี่ย์ อย่างไรก็ตาม อนาคตของลินลี่ย์นั้นไม่มีขีดจำกัด เขาจะถูกกำหนดให้เป็นคนสำคัญในอนาคตของวิหารเจิดจรัสโดยศาสนจักร
"เอาล่ะ ตอนนี้มืดค่ำแล้ว ฉะนั้น...ค่อยเริ่มออกเดินทางในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน"
ข่าวการตายของฮ็อกได้ถูกแพร่กระจายออกไป เนื่องจากความจริงที่ว่าอาณาจักรเฟนไลได้กำหนดให้ลินลี่ย์เป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งข่าวการตายของบิดาเขา จึงได้มาถึงวังหลวงแห่งเฟนไลอย่างรวดเร็วความรวดเร็วด้านข่าวสารของพวกเขานั้น ช้ากว่าวิหารเจิดจรัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"บิดาของลินลี่ย์เสียชีวิตแล้ว?"
เคลย์พยักหน้ากับตัวเอง เมื่อลินลี่ย์ได้กลายเป็นจอมเวทสองธาตุระดับเจ็ดเขาก็ได้ส่งคนเพื่อไปสอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับบิดาของลินลี่ย์และเขาก็ได้บอกข้อเท็จจริงนี้กับลินลี่ย์ว่าบิดาของเขาหายตัวไป แต่คาดไม่ถึงว่าบิดาของลินลี่ย์จะเสียชีวิตไปแล้ว
"พรุ่งนี้เช้า ข้าจะเดินทางไปแสดงความเคารพด้วยตนเอง"เคลย์ก็ได้ตัดสินใจเช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากเคลย์แล้ว ก็ยังมีคนสำคัญอีกหลายคนในเมืองเฟนไลที่ได้รับข่าวนี้จากวังหลวง พวกเขาเหล่านั้นหลายคน บ้างก็เทิดทูนอาจารย์ลินลี่ย์บ้างก็อยากจะคบหาเขาเป็นสหาย พวกเขามีเป้าหมายเดียวกันคือตัดสินใจที่จะเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น…..ไปยังเมืองอู่ซันเพื่อแสดงความเคารพบิดาของลินลี่ย์ในขณะที่เรื่องทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นลินลี่ย์เองยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของบรรพบุรุษที่เมืองอู่ซัน เมืองเล็กๆอันเงียบสงบ ซึ่งสังเกตได้ถึงบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า