ตอนที่แล้วตอนที่ 5-17 กลับบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6-2 การตัดสินใจ

ตอนที่ 6-1 เรื่องค้างคาในอดีต


กรงเล็บของลินลี่ย์บีบไหล่ของฮิลแมนแน่นจนเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดมีรอยแผลเลือดไหลออกมาช้าๆย้อมเสื้อผ้าของเขาเป็นสีแดง

แต่ฮิลแมนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

ฮิลแมนมองดูลินลี่ย์และพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย"ลินลี่ย์สงบใจไว้ก่อน"

"บอกข้ามา" ลินลี่ย์จ้องมองฮิลแมน

ฮิลแมนพูดอย่างจริงจัง"กองอัศวินที่ตามเจ้ามาในตอนนี้อย่าได้ปล่อยให้มีใครรู้เรื่องของตระกูลเจ้าเป็นอันขาด ก่อนอื่นเจ้าจงตามข้ามา"ฮิลแมนขยับไหล่ให้หลุดจากกรงเล็บของลินลี่ย์ แล้วคว้าแขนที่เต็มไปด้วยเกล็ดของลินลี่ย์เพื่อดึงเขาให้ตามไปยังหอบรรพบุรุษ.....แต่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรลินลี่ย์กลับไม่ขยับจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย

"ลินลี่ย์!"ฮิลแมนหันหน้า เผยแววตาเต็มไปด้วยโทสะออกมา

"ลุงฮิลแมนข้ารู้ดีว่าควรทำอย่างไร"

สีหน้าของลินลี่ย์ยังคงโศกเศร้าแต่เขาสูดลมหายใจเข้าลึก คืนสภาพเกล็ดบนแขนของเขาให้กลับสู่สภาพปกติ และเก็บ 'ดาบศึกล่าสังหาร'เข้าถุงเก็บของอีกครั้ง ลินลี่ย์ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าจากด้านนอกไม่ไกลมากนัก

ในที่สุดกองทหารอัศวินของอารามเจิดจรัสก็เดินทางมาถึง

ลินลี่ย์หันไปกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชาแต่ไม่ได้สนใจพวกเขา เขาพูดกับฮิลแมนว่า "ลุงฮิลแมน นำไปเลย"

"ก็ได้"

เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์สงบใจแล้วฮิลแมนรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เขารีบนำทางลินลี่ย์ไปยังหอบรรพบุรุษทันที สีหน้าของลินลี่ย์ยังคงสงบนิ่งในเวลานี้นอกจากตัวลินลี่ย์เองไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ควาสงบนิ่งที่แสดงออกมานี้จริงๆแล้วมีความเจ็บปวดอย่างลึกล้ำซ่อนอยู่

กระทั่งหนูเงาบีบีหรือ เดลิน โคเวิร์ท ก็ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย

จิตใจของพวกเขาต่างก็เชื่อมโยงอยู่กับลินลี่ย์เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรับรู้ถึงความรู้สึกเศร้าโศกและความเจ็บปวดของลินลี่ย์ในตอนนี้

ลมพัดแรงขึ้นส่งผลให้ใบไม้มากมายที่อยู่บนพื้นกระเบื้องหินโบราณปลิวว่อนไปทั่ว

"ครืดดดด"

ฮิลแมนผลักประตูเปิดเข้าไปในหอบรรพบุรุษแล้วหันกลับไปมองลินลี่ย์ ที่กำลังกอด 'ดาบศึกล่าสังหาร' เอาไว้ ลินลี่ย์เดินก้าวเข้าไปข้างใน สีหน้าของเขาสงบนิ่ง แต่เมื่อสายตาของเขามองตรงไปยังแถวของป้ายวิญญาณที่วางอยู่กลางหอบรรพบุรุษลินลี่ย์สามารถอ่านตัวอักษรบนป้ายวิญญาณป้ายใหม่ที่วางอยู่ด้านหน้าได้อย่างชัดเจนจากจุดที่เขายืนอยู่

ตัวอักษรด้านหน้าเหล่านั้นอ่านว่า"ฮ็อก บาลุค"

ลินลี่ย์รู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังเริ่มสับสนมึนงงราวกับว่ากำลังเห็นภาพหลอน แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนและนอกจากนั้นยังคงถือ 'ดาบศึกล่าสังหาร' เอาไว้ ลินลี่ย์ก้าวเดินไปยังแท่นหินด้านหน้าของป้ายวิญญาณวาง 'ดาบศึกล่าสังหาร' ด้านบนของแท่น

ลินลี่ย์มองดูป้ายวิญญาณปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าของเขา ลินลี่ย์กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า "ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว"

"ข้ารู้ว่าตลอดชีวิตของท่านความหวังสูงสุดของท่าน คือการนำเอามรดกของบรรพบุรุษเราคืนมาพร้อมกับการฟื้นฟูฐานะที่เคยรุ่งเรืองของตระกูลนักรบเลือดมังกรในอดีตกลับคืนมา"ลินลี่ย์พูดเสียงเบามากราวกับว่าเขากลัวจะไปรบกวนคนอื่น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเอาใจใส่

ลินลี่ย์ยังคงมองดูป้ายวิญญาณ"ข้าไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวัง ข้านำมันกลับมายังตระกูลบาลุคแล้วกลับสู่ตระกูลนักรบเลือดมังกร มรดกของบรรพบุรุษเรา 'ดาบศึกล่าสังหาร'"

"ตอนนี้...ข้าได้นำ'ดาบศึกล่าสังหาร' กลับมาแล้วและอีกไม่นาน ข้าจะฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูลนักรบเลือดมังกรกลับมาอีกครั้งข้ามั่นใจว่าจะทำให้ทั่วทั้งทวีปยูลานได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของตระกูลนักรบเลือดมังกรเราและจะทำให้ชื่อของท่านเลื่องลือไปทั่วทั้งทวีปยูลาน"

"ข้าจะทำทั้งหมดนี้ให้สำเร็จข้าขอสาบาน"

ทันใด สีหน้าของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม"แต่ก่อนที่ข้าจะทำทุกอย่างทั้งหมดนี้ ข้าจะต้องแก้แค้นให้ท่าน"

เขารู้ดีแก่ใจว่าบิดาของเขาฮ็อก บาลุคต้องถูกฆ่าตายโดยใครสักคน

ไม่อย่างนั้นด้วยพื้นฐานพลังของบิดาเขาที่เป็นถึงนักรบระดับ 6 และเขายังเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีเขาไม่มีทางตายด้วยอาการป่วยธรรมดาเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้น หากเขาป่วยตายจริงๆฮิลแมนย่อมไม่ต้องปิดบังเรื่องราวเช่นนี้ ลินลี่ย์บอกตัวเองได้อย่างมั่นใจว่าสาเหตุการตายของบิดาเขานั้นไม่ธรรมดา!

"ข้าจะนำหัวของคนที่ฆ่าท่านมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณท่านให้ได้! "

แววตาของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นแววตาเย็นชาสีทองเข้มของมังกรเกราะหนามอีกครั้งดวงตาสีทองเข้มที่น่าสะพรึงกลัวนั่น

ลินลี่ย์หันไปมองฮิลแมนอย่างดุดัน"ลุงฮิลแมน  บอกข้ามาท่านพ่อของข้าตายได้อย่างไร? นอกจากนี้ศพของท่านพ่อฝังอยู่ที่ไหน?รวมถึงที่ท่านบอกว่าท่านพ่อตายไปเมื่อสามเดือนก่อนด้วยทำไมท่านไม่ไปแจ้งข่าวให้ข้ารู้?"

ฮิลแมนเปิดปากของเขาแต่ไม่ได้ตอบคำถาม

"ลินลี่ย์ใจเย็นก่อน" ฮิลแมนพูดอย่างช้าๆ

ใจเย็น?

จะให้เขาใจเย็นได้อย่างไร?

"ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านพ่อจะอยู่ที่นี่และดู 'ดาบศึกล่าสังหาร' เล่มนี้ด้วยตาของเขาเองเป็นการส่วนตัวข้ารอคอยมานานที่จะบอกท่านพ่อว่าข้าได้กลายเป็นนักรบเลือดมังกรข้าหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นรอยยิ้มของท่าน ได้ยินเสียงหัวเราะปลื้มปิติของท่านได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของท่านเมื่อได้เห็นร่างมังกรของข้า!อย่างไรก็ตาม ... ตอนนี้ทุกอย่างที่กล่าวมานี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น"

ลินลี่ย์รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกมีดกรีดเฉือนออกเป็นชิ้นๆ

แต่ฮิลแมนกลับขอให้เขาใจเย็น?

ลินลี่ย์อยากจะต่อว่าฮิลแมนอย่างโกรธเกรี้ยวแต่เขาพยายามอดทนไม่ทำอย่างนั้น หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ อย่างไม่เต็มใจ เขากล้ำกลืนความโกรธของเขาลงไปจ้องเขม็งไปที่ฮิลแมนพูดว่า "ลุงฮิลแมน! เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังข้าอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด"

"พ่อของเจ้าตายเมื่อสามเดือนก่อนแต่ก่อนที่เขาจะตายเขาได้สั่งข้าเอาไว้ว่าให้บอกเรื่องนี้หลังจากที่เจ้าเลื่อนเป็นนักรบระดับ 7แล้วเท่านั้นไม่อย่างนั้นห้ามบอกเรื่องสาเหตุที่พ่อของเจ้าตายเป็นอันขาด" ฮิลแมนพูดอย่างจริงจัง

"นักรบระดับ 7งั้นรึ?"

"ใช่"ฮิลแมนพยักหน้าเล็กน้อย "นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไปหาเจ้าที่สถาบันแต่กลับไม่ได้แจ้งเรื่องการตายของบิดาเจ้าหรือสาเหตุที่เขาตายคำสั่งเสียของบิดาเจ้าก่อนตายนั้นคือไม่ให้เจ้ารู้ว่าเขาตายเพื่อที่เจ้าจะได้มีสมาธิกับการเรียนอย่างสงบ"

ฮิลแมนเพ่งมองลินลี่ย์"ลินลี่ย์ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจบอกเจ้าแต่มันเป็นคำสั่งเสียก่อนตายของบิดาเจ้า ข้าไม่อาจขัดขืนได้ต่อเมื่อเจ้าได้เลื่อนเป็นนักรบระดับ 7 แล้วเท่านั้น เมื่อนั้นข้าถึงจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เจ้าฟังอย่างเต็มใจ"

ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที

นักรบระดับ 7?

ลินลี่ย์ดึงหนังสือห่อด้วยแผ่นหนังจากอกเสื้อของเขาและส่งให้ฮิลแมน

"นี่คือ?"ฮิลแมนมองดูด้วยความแปลกใจ

"หนังสือบันทึกระดับของจอมเวท"ใบหน้าของลินลี่ย์ผ่อนคลาย

จอมเวททุกคนนับจากวันที่เขาเริ่มได้รับการประเมินผลจะได้รับใบรับรองกับหลักฐานแสดงระดับของเขา ทุกครั้งที่เขาเลื่อนระดับพวกเขาจะบันทึกมันไว้

ฮิลแมนเปิดหนังสือบันทึกและเห็นว่าข้างใต้ช่องคุณสมบัติ'ธาตุลม' และ 'ธาตุดิน' ทั้งสองช่องมีดาวเจ็ดดวง

"ระดับ 7...จอมเวทสองธาตุระดับ 7?" ฮิลแมนตะลึงเขาจ้องมองลินลี่ย์อย่างไม่อยากเชื่อ

ลินลี่ย์อายุเท่าไหร่?

แค่ 17 ปี

จอมเวทสองธาตุระดับ 7 อายุ17 ปี? ฮิลแมนเองก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจนมากนักแต่เขารู้ดีว่าทั่วอาณาจักรเฟนไล จอมเวทที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันเป็นจอมเวทระดับ8 แต่นั่นเป็นชายแก่ที่มีอายุเกินร้อยปี

ฮิลแมนจำได้ว่าเมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมกองทัพมีมีจอมเวทระดับ 7 ที่เข้าร่วมด้วยในเวลาเดียวกันเขายังจดจำความสง่างาม และความเกรียงไกรในวันนั้นได้เป็นอย่างดี

แต่ตอนนี้ลินลี่ย์น้อยเด็กที่เขาคอยดูแลจนเติบใหญ่ แค่พริบตาเดียวเขากลายมาเป็นจอมเวทสองธาตุระดับ 7 แล้ว

"นี่ ...นี่เป็นเรื่องจริงรึ?" ฮิลถามคำถามที่โง่มากฮิลแมนรู้ดีว่าใบรับรองระดับนี้ไม่มีทางปลอมแปลงขึ้นมาได้แน่นอน

"ลุงฮิลแมนตอนนี้ท่านคงเล่าได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใช่มั้ย?" ลินลี่ย์มองฮิลแมน

ฮิลแมนพยักหน้าแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องส่วนตัวที่อยู่ด้านหลังหอบรรพบุรุษไม่นานนักเขาเดินกลับออกมา มุ่งหน้าไปหาลินลี่ย์เขาดึงซองจดหมายออกมาจากอกเสื้อของเขา ส่งให้ลินลี่ย์ แล้วกล่าวเบาๆว่า"บิดาของเจ้าทิ้งจดหมายนี้ไว้ให้เจ้า ก่อนที่เขาจะตาย เมื่อเจ้าอ่านมันเจ้าจะเข้าใจทุกอย่าง"

มือของเขาสั่นเทิ้ม ลินลี่ย์เอื้อมมือออกไปและรับซองจดหมายมา

ไม่มีตัวอักษรใดๆบนซองจดหมาย

เขาเปิดซองจดหมายและดึงจดหมายออกมาจดหมายมีเนื้อหาเต็มสองหน้ากระดาษ

"ลินลี่ย์:เมื่อถึงเวลาที่เจ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ข้าคงจะตายไปนานมากแล้ว"

"หัวใจของข้าเต็มไปด้วยรู้สึกผิดอย่างยิ่งต่อเจ้าและวอร์ตันแต่ไม่มีสิ่งใดที่ข้าสามารถทำให้พวกเจ้าทั้งได้อีกแล้ว ข้าได้แต่หวังว่าเจ้าทั้งสองจะใช้ชีวิตอย่างสงบยาวนานมากพอนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงสั่งให้ลุงฮิลแมนของเจ้าส่งต่อจดหมายนี้ให้เจ้าเมื่อเจ้าได้เลื่อนเป็นนักรบระดับ7 แล้ว"

เมื่ออ่านถึงตรงนี้หัวใจของลินลี่ย์รู้สึกขมขื่น

"ให้ข้าใช้ชีวิตอย่างสงบอย่างยาวนานมากพอยังงั้นรึ?ข้าคิดว่าท่านพ่อคงไม่ได้คาดว่าข้าจะกลายเป็นจอมเวทระดับ 7 ได้รวดเร็วเช่นนี้ จริงๆแล้ว อัตราความก้าวหน้าของคนปกติทั่วไปนั้นการเลื่อนระดับจากระดับ 6 ขึ้นไปสู่ระดับ 7 ต้องใช้เวลายาวนานมาก"

"ลินลี่ย์ข้าเก็บความลับนี้ไว้ใจข้ามานานหลายปี แม่ของเจ้าจริงๆแล้วไม่ได้ตายเพราะคลอดวอร์ตัน"

ข้อความจากบิดาของเขาทำให้หัวใจของลินลี่ย์สั่นสะท้าน

ตั้งแต่เขายังเด็ก ลินลี่ย์ได้รู้แค่ว่ามารดาของเขาเสียชีวิตเมื่อคลอดวอร์ตันแต่เห็นได้ชัดว่า ... นั่นเป็นเรื่องโกหก

"ในปีนั้นเมื่อมารดาเจ้ากำลังตั้งท้องวอร์ตัน เราสองคนมีความสุขมากแต่สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่เมืองเล็กๆอู่ซันนั้นย่ำแย่เกินไปดั้งนั้นข้าจึงพาแม่ของเจ้าไปยังเมืองเฟนไล ในเมืองเฟนไลนั้นแม่ของเจ้าได้คลอดวอร์ตันออกมาอย่างปลอดภัยวอร์ตันน้อยน่ารักมาก และเราทั้งคู่ล้วนมีความสุขมาก หลังจากเขาเกิดได้ไม่นานมารดาของเจ้าและข้าพาวอร์ตันน้อยไปยังอารามเจิดจรัสเพื่ออธิษฐานขอพรให้วอร์ตันสุขภาพแข็งแรงวันที่เต็มไปด้วยความสุขวันนั้น ข้าและแม่ของเจ้ามีความสุขเป็นอย่างยิ่งหลังจากนั้นเราออกจากอารามเจิดจรัสและพักค้างคืนที่โรงแรมในเมืองเฟนไล"

"คืนนั้นเองมีกลุ่มโจรลึกลับลอบเข้ามาที่โรงแรม และใช้กำลังลักพาตัวแม่ของเจ้าไปด้วยจำนวนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวข้าทำได้เพียงปกป้องวอร์ตันน้อยเท่านั้น...แต่ข้าได้เห็นปานแดงรูปแมงมุมบนแขนของหนึ่งในกลุ่มโจรนั้น"

ในขณะที่เขาอ่านข้อความนี้ลินลี่ย์รู้สึกราวกับว่าตัวเขาได้ย้อนกลับไปอยู่ในคืนนั้นเมื่อสิบปีก่อน...

ภายใต้การโจมตีผสานของศัตรูหลายคนบิดาของเขาทำได้เพียงคุ้มครองวอร์ตันไม่อาจโจมตีศัตรูให้ล่าถอยออกไปได้และทำได้เพียงแค่มองดูภรรยาสุดที่รักของเขาถูกจับตัวไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่อาจทำสิ่งใดได้

"ข้ารู้ดีว่าโจรกลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มโจรธรรมดาแน่นอนคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาเป็นถึงนักรบระดับ 4 ขณะที่คนที่แกร่งที่สุดนั้นแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีกโชคดีที่เป้าหมายของพวกมันมีเพียงแม่ของเจ้า ไม่อย่างนั้นข้าและวอร์ตันคงตายไปนานแล้วใครก็ตามที่สามารถรวบรวมทีมระดับนี้ได้ต้องมีอำนาจมากในเมืองเฟนไลแน่นอนข้าไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ ข้าพาวอร์ตันน้อยกลับมาบ้านและบอกทุกคนว่ามารดาของเจ้าตายเพราะคลอดบุตรมีเพียงลุงของเจ้าฮิลแมนและพ่อบ้านแอชลี่ย์ที่รู้ความลับนี้"

อ่านมาถึงตรงนี้ในใจของลินลี่ย์พลันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

ในกลุ่มโจรนั้นคนที่แข็งแกร่งที่สุดยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าบิดาของเขาแต่พวกมันกลับไม่สนใจบิดาของเขาสักนิดพวกมันมีเพียงเป้าหมายเดียวคือลักพาตัวมารดาของเขาแต่การลักพาตัวมารดาของเขานั้นคุ้มค่ากับการเสียเวลารึ?

"ข้าไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้พวกเจ้าฟังในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่าน ข้าได้แต่เก็บความลับนี้เอาไว้ในใจให้ลึกที่สุดข้าไม่กล้าพอจะบอกคนอื่น...และข้ายังไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อตามหาเบาะแสของแม่เจ้าแม้แต่หาว่าแม่เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ รวมถึงกลุ่มโจรพวกนั้นเป็นใคร"

เมื่อได้อ่านสิ่งที่บิดาของเขาเขียนลินลี่ย์รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดอย่างรุนแรง

"ข้าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลนักรบเลือดมังกรอย่างน้อยที่สุดข้าต้องเลี้ยงดูเจ้าและวอร์ตันให้เติบโตก่อนข้าไม่อาจปล่อยให้สายเลือดตระกูลบาลุคจบลงในยุคของข้า ปีแล้วปีเล่าข้าทำได้เพียงแอบอดทน... แต่ทุกๆคืน ข้าไม่อาจข่มตาตัวเองให้นอนหลับได้ข้าได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ข้าอดทน...ข้าได้อดทนมายาวนานถึงสิบเอ็ดปี!"

"ลินลี่ย์เจ้าเป็นความภาคภูมิใจของข้า อย่างแรกเจ้าเป็นนักเรียนของสถาบันจอมเวทอันดับ 1ของทวีปยูลาน และเจ้ายังเป็นหนึ่งในอัจฉริยะ ของที่นั่นที่สถาบันเอินส์ ข้าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเจ้า ยิ่งกว่านั้น แม้แต่วอร์ตันน้อยยังมีสายเลือดนักรบเลือดมังกรเข้มข้นมากพอข้าภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกชายที่โดดเด่นของข้าทั้งสองคน...ข้ารู้สึกว่าข้าได้ทำสิ่งที่ถูกต่อบรรพบุรุษของตระกูลบาลุค!แต่แม้จะทำทั้งหมดแล้ว ข้าก็ยังคงไม่กล้าที่จะสืบหาเบาะแสที่อยู่ของแม่เจ้า เพราะวอร์ตันยังจำเป็นต้องใช้เงินทองจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของเขา"

"เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องอดทนมายาวสิบเอ็ดปีแต่เมื่อเจ้ากลับมาจากเทือกเขาอสูรเวทและมอบถุงใส่ผลึกเวทให้ข้าถุงใหญ่ข้ารู้ได้ทันทีว่า...ในที่สุด ข้าก็สามารถปล่อยวางทุกอย่างและเดินทางไปตามหาเบาะแสของแม่เจ้าแม้ว่าแม่ของเจ้าจะยังไม่กลับมาหลังจากผ่านไปนานกว่า 11 ปีและเป็นไปได้กว่า 80% ถึง 90% ว่านางตายไปแล้วข้าก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ แม้ว่าข้าจะตาย ข้าจะแก้แค้นให้นาง"

อ่านถึงตรงนี้ มือของลินลี่ย์เริ่มสั่นอีกครัั้ง

ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้วเพราะเมื่อก่อนบิดาของเขาต้องคอยดูแลค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาของวอร์ตันบิดาของเขาจึงไม่กล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อสืบหาที่อยู่ของมารดาเขา แต่เมื่อเขานำถุงที่เต็มไปผลึกเวทมูลค่ากว่า 80,000เหรียญทองกลับมา บิดาของเขาก็ปล่อยวางภาระเหล่านี้ไปได้อย่างวางใจ

"สุดท้ายก็ได้ไปสืบหาเสียทีข้าไปทำการปลอมแปลงโฉมและปิดบังตัวตนลอบเข้าไปในเมืองเฟนไลข้าเริ่มตรวจสอบว่าอะไรเกิดขึ้นในปีนั้น"

"แต่เวลาผ่านมานานเกินไปสิ่งที่ข้ารู้มีเพียงแค่หนึ่งในโจรพวกนั้นมีปานแดงรูปแมงมุมอยู่บนต้นแขนข้าใช้เวลาตลอดทั้งปีเพื่อค้นหา สุดท้ายข้าก็หามันพบ ชายที่มีปานแดงรูปแมงมุมด้วยการติดตามเงื่อนงำนี้ ข้าค่อยๆสืบหาต่อไป...ในที่สุดข้าก็พบผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มโจรกลุ่มนี้"

"โจรกลุ่มนี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคนในราชวงศ์อาณาจักรเฟนไลและคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครเขา...ก็คือพระอนุชาของราชาแห่งเฟนไล ดยุคแพตเตอร์สัน"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด