ตอนที่ 5-16 ผู้ชนะการประมูล
"พี่คาลัน" อลิซส่งเสียงเรียกออกมาอย่างแผ่วเบา ขณะที่นางมองด้วยสายตาเร่งร้อนไปยังเขา
ผู้อื่นอาจจะรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับรูปกะสลักระดับปรมาจารย์แต่ 'ตื่นจากฝัน' ของลินลี่ย์นี้แตกต่างออกไปไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ใช้เวลาตรวจสอบรูปแกะสลักนี้ย่อมสามารถบอกเรื่องราวความรักอันโรแมนติกระหว่างลินลี่ย์กับอลิซได้ไม่ยากจากกลิ่นอายของรูปแกะสลักทั้ง5 รูป
หากตระกูลที่อลิซแต่งเข้าไปเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ นั่นย่อมไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
แต่ทว่า...นางกำลังจะแต่งงานกับคาลันทายาทตระกูลเด็บส์
ในอนาคตคาลันจะขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลเด็บส์ รวมทั้งตระกูลเด็บส์เองก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของอาณาจักรเฟนไล
"ใจเย็น สงบใจไว้ก่อน" คาลันกุมมือของอลิซไว้อย่างอ่อนโยน
แต่อลิซกลับรู้สึกว่ามือของคาลันเต็มไปด้วยเหงื่อ
"ท่านพ่อ..." คาลันหันไปหาบิดาของเขา เบอร์นาร์ดแล้วมองไปที่มารดาของเขา ทั้งบิดาและมารดาของเขาต่างก็ทุ่มเทความรักให้เขามากมายซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขายอมจ่ายเงินแปดล้านเหรียญทองเพื่อคาลันจริงๆแล้วแม้แต่ตระกูลเด็บส์เองเงินจำนวนแปดล้านเหรียญทองก็ถือเป็นเงินก้อนใหญ่มาก
"อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องเพิ่มเงินมากไปกว่านี้ คาลันตระกูลเราไม่อาจมอบเงินกว่าสิบล้านเหรียญทองเพื่อปรนเปรอคู่หมั้นของเจ้า" เบอร์นาร์ดพูดออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง
คาลันตกตะลึง แม้แต่อลิซเองก็หันหน้าไปมองเบอร์นาร์ด, แววตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลและร้องขอความเห็นใจ
"เราจะทำตามข้อตกลงที่ได้พิจารณาไปแล้วก่อนหน้านี้"เบอร์นาร์ดวางเฉยต่อการขอร้องอย่างเงียบๆของอลิซเขายืนยันการตัดสินใจของเขาอย่างเย็นชา
คาลันตัวแข็งค้างไปนาน ในขณะที่ด้านข้างของเขาอลิซบีบมือของเขาแน่นจ้องตาของคาลัน อลิซเข้าใจดีว่าคำพูดของเบอร์นาร์ดหมายความว่าอะไรอลิซไม่เต็มใจอย่างยิ่งกับผลลัพธ์เช่นนี้
คาลันปรายตามองไปที่อลิซ เขาถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
"พี่คาลัน ข้าขอร้อง..." อลิซพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
คาลันจับมือของอลิซมาแนบอก เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง"ไม่มีทางอื่นแล้ว อลิซ...ข้าเป็นผู้สืบทอดตระกูลข้าต้องคิดถึงเรื่องของตระกูลเป็นอันดับแรกข้าหวังว่าเจ้าจะยินดีเสียสละสักเล็กน้อยเพื่อข้าบ้าง ข้าขอสัญญาว่าความรักที่ข้ามีต่อเจ้าจะไม่มีวันสั่นคลอน”
อลิซได้แต่เงียบ
ผู้สืบทอดตระกูล!
คำง่ายๆห้าคำนี้ที่รับรองว่าทุกการกระทำของคาลันนั้นสะท้อนให้เห็นถึงชื่อเสียงและความรุ่งเรืองของตระกูลเด็บส์แม้ว่าเบอร์นาร์ดจะรักและหลงใหลในตัวลูกชายของเขาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาไม่อาจปล่อยให้อลิซกลายมาเป็นภรรยาที่อยู่เหนือสามีอย่างคาลัน
ใช่แล้ว ไม่มีทางปล่อยให้นางกลายเป็นภรรยาที่อยู่เหนือสามีได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เด็กสาวอย่างอลิซจะเบื่อคาลันในอนาคตที่อาจจะไม่ได้กลายมาเป็นผู้สืบทอดหรือถูกตัดสินให้เป็นทายาทตระกูลหลักก็ไม่แปลก
ด้วยความสัตย์จริง นับตั้งแต่ 'ตื่นจากฝัน' ถูกมองดูโดยผู้คนมากมายเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเด็บส์เร่งเร้าให้คาลันเลิกกับอลิซอย่างต่อเนื่องแม้ว่าคาลันจะยืนกรานที่จะแต่งงานกับนางพวกเขาได้แต่หวังว่าอลิซจะไม่กลายมาเป็นภรรยาที่อยู่เหนือสามีแต่คาลันก็ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น
ที่สุดแล้ว เบอร์นาร์ด บิดาผู้ทุ่มเท, ประนีประนอม ได้ตัดสินใจว่าหากพวกเขาสามารถซื้อ 'ตื่นจากฝัน' นี้มาได้แล้วจะนอกเหนือไปจากนี้หรือน้อยไปกว่านี้เรื่องนี้ก็ถือว่าจบ
แต่เท่าที่เห็นมัน...
"พี่คาลัน!" อลิซมองไปที่คาลัน ตาของนางเปียกชื้นขึ้นมาแล้วขณะเดียวกันนางก็มองไปยังสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลเด็บส์ แต่เวลานี้ไม่ว่าคาลัน เบอร์นาร์ดหรือแม่ของคาลันนั้น, ไม่ได้สนใจอลิซเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ อลิซรู้สึกว่าในหัวใจของนางเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ
นางพลันคิดกลับไปถึงทุกเรื่องราวที่เคยมีร่วมกันระหว่างนางกับลินลี่ย์ ลินลี่ย์ปกป้องและทะนุถนอมนางอย่างไรในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่านางต้องการอะไรลินลี่ย์ก็ยอมตามใจนางทุกอย่าง แต่บัดนี้เล่านางทำได้เพียงแต่โหยหาความรู้สึกอันแสนสุขนั้น!
นางเงยหน้าขึ้นไป จ้องมองผ่านหน้าต่างกระจกสังเกตุการณ์บนชั้นสาม แต่นางกลับมองเห็นเพียงกระจกสีดำ
"สิบล้านเหรียญทอง! สิบล้านเหรียญทอง!มีผู้ใดจะให้ราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่?" ชายผมทองส่งเสียงประกาศจากบนเวที
ชายชุดคลุมหลวมกวาดสายตามองไปรอบๆ และจากนั้นเขาพูดกับผู้ดำเนินการประมูลผมทองโดยตรง "นี่! หยุดถ่วงเวลาได้แล้วรีบๆนับถอยหลังซะที!" ขุนนางทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆเริ่มหัวเราะออกมา
ผู้ดำเนินการประมูลจะเชื่อฟังคำสั่งของหนึ่งในผู้ประมูลชั้นล่างได้อย่างไร?
เท่าที่พวกเขารู้เกี่ยวกับผู้ดำเนินการประมูลผมทองคนนี้เขาเป็นคนที่ชอบเพิ่มการแข่งเสนอราคาประมูลไปจนกว่าจะได้ราคาที่สูงมาก
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของชายชุดคลุมหลวม ผู้ดำเนินการประมูลดูราวกับถูกสะกดจิตเขากล่าวอย่างเป็นธรรมชาติว่า "โอเค งั้นข้าจะเริ่มนับละนะ! 10ล้านเหรียญทองครั้งที่ 1, 10 ล้านเหรียญทองครั้งที่ 2 ..."
"10,100,000 เหรียญทอง!"
น้ำเสียงชราดังออกมาจากหนึ่งในโต๊ะส่วนตัวบนชั้นสอง
ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่โต๊ะส่วนตัวนั้นแม้กระทั่งชายชุดคลุมหลวมก็หันไปมองที่โต๊ะนั้นด้วยความประหลาดใจ โต๊ะส่วนตัวบนชั้นสองนั้นนอกเหนือจากตระกูลเด็บส์แล้วตระกูลอื่นๆล้วนเป็นตระกูลใหญ่ในปัจจุบันของทวีปยูลานทั้งสิ้น
ความมั่งคั่งของตระกูลเหล่านั้นถือว่าร่ำรวยกว่าตระกูลเด็บส์มากนัก
"โว้ว สุดท้ายแล้วยังมีคนที่เห็นคุณค่าของมันอยู่อีกแต่เพิ่มราคาประมูลมาแค่ 100,000 มันก็ออกจะงกไปหน่อยมั้ง 10,300,000 เหรียญทอง"ชายชุดคลุมหลวมกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
ลินลี่ย์กับคนอื่นๆ บนชั้นสามสังเกตเห็นชายชุดคลุมหลวมแล้วแต่จากมุมมองปัจจุบันของพวกเขา พวกเขาเห็นชายคนนั้นจากด้านข้างเท่านั้นและมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
"หืม?"
ทั้งคาร์ดินัลกิลเยโมกับคาร์ดินัลแลมป์สันจากวิหารเจิดจรัสจู่ๆก็ลุกขึ้นยืนพวกเขาทำหน้านิ่วขณะที่เดินไปที่ปลายสุดอีกฟากของกระจกเพ่งมองอย่างสุขุมไปยังชายชุดคลุมหลวมที่อยู่ด้านล่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น...
ชายชุดคลุมหลวมดูราวกับรู้สึกได้ว่าคาร์ดินัลทั้งสองมองเขาอยู่เขาเงยหน้าขึ้นและกวาดตาหันไปทางพวกเขา
"เป็นเขา?"
สีหน้าของคาร์ดินัลทั้งสองเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดูกทันที
กิลเยโมกับแลมป์สันสบตากัน ต่อจากนั้นพวกเขาทั้งสองส่ายหน้า ในความเป็นจริง วิหารเจิดจรัสได้ตัดสินใจเรื่องการประมูลครั้งนี้ไว้แล้วพวกเขาพร้อมจะใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อรูปแกะสลักนี้เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับลินลี่ย์
แต่เมื่อเห็นชายคนนี้ทั้งกิลเยโมและแลมป์สันตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางของพวกเขาอย่างเงียบๆ
"มันจะดีที่สุดหากว่าเราไม่เสนอตัวเองเข้าไปประมูลแข่งกับเจ้าคนวิกลจริตนี่"คาร์ดินัลกิลเยโมพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ
คาร์ดินัลแลมป์สันพยักหน้าเห็นด้วย"ข้าเองก็ไม่อยากโดนเจ้าคนวิกลจริตนั่นปั่นหัวเล่นเช่นกัน"
ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะอ้างว่าชายคนนี้เป็น 'คนวิกลจริต' แต่ความกลัวที่พวกเขาแสดงออกมาต่อชายคนนี้นั้นเป็นความกลัวที่ฝังรากลึกเข้ากระดูกทั้งแลมป์สันและกิลเยโมตระหนักดีถึงความน่ากลัวของชายที่มีอายุราว 30-40 ปีคนนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งแลมป์สัน...
นั่นก็เพราะหากไม่ใช่เพราะชายวิกลจริตคนนี้ แลมป์สันอาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้เลื่อนขึ้นเป็นคาร์ดินัล
ตำแหน่งคาร์ดินัลของวิหารเจิดจรัสนั้นมีได้เพียง 5 คนเท่านั้นจะพูดให้ชัดๆก็คือชายวิกลจริตคนนี้ได้สังหารอดีตคาร์ดินัลไปหนึ่งคนอย่างง่ายดายเปิดโอกาสแลมป์สันได้เลื่อนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ถึงแม้ว่าเขาจะสังหารคาร์ดินัลไปก็ตาม แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่อยากเป็นศัตรูกับชายวิกลจริตผู้นี้
"10,400,000 เหรียญทอง"เสียงชราคนเดิมดังออกมาอีกครั้งจากโต๊ะส่วนตัวชั้นสอง
ชายชุดคลุมหลวมเงยหน้าขึ้นและกวาดตามองพร้อมกับขมวดคิ้ว"เจ้านี่มันน่ารำคาญจริงๆ 11 ล้านเหรียญทอง"
"11 ล้านเหรียญทอง สุภาพบุรุษท่านนี้ให้ราคา 11 ล้านเหรียญทองมีผู้ใดจะให้ราคาที่สูงกว่านี้หรือไม่?"ผู้ดำเนินการประมูลผมทองเริ่มตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริงแล้วแม้แต่ 'แผงคอสิงโตตาโลหิต' รูปแกะสลักอันดับ 1 ในทำเนียบลำดับผลงานชิ้นเอกทั้งสิบมีมูลค่าเพียง 13ล้านเหรียญทองเท่านั้น
บนชั้นสาม กิลเยโม กระซิบถาม แลมป์สันว่า "แลมป์สันท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าโต๊ะส่วนตัวนั่นเป็นของตระกูลใด? พวกเขาช่างกล้าจริงๆที่ไปเสนอราคาแข่งกับเจ้าคนวิกลจริตนั่นนี่พวกเขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึ?"
"ผู้อำนวยการไมอา"แลมป์สันเรียกหาผอ.ไมอาที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก
ผอ.ไมอาเดินเข้ามาหาพวกเขาทันที
"ผู้อำนวยการไมอาไม่ทราบว่าท่านรู้จักตระกูลที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะนั้นหรือไม่?" แลมป์สันถาม "โต๊ะที่มีหญิงสาวเป็นเจ้าของนั่น"อยู่บนชั้นสามย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่แลมป์สันจะมองเห็นคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมของโต๊ะชั้นสอง
ส่วนชายชราคนนั้น เขาดูท่าจะเป็นบ่าวรับใช้ของผู้หญิงคนนั้น
ผอ.ไมอากวาดสายตามองตามไป แล้วหัวเราะออกมา "ใต้เท้าทั้งสองหญิงสาวผู้นี้นางเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเลโอนจากจักรวรรดิยูลานโต๊ะนี้ถูกจองโดยใช้ชื่อตระกูลเลโอน"
"ตระกูลเลโอน?" ทั้งแลมป์สันและกิลเยโมถึงกับผวา
จักรวรรดิยูลาน เป็นจักรวรรดิที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปยูลานในบรรดาตระกูลหลักทั้งหมดตระกูลเลโอนเป็นตระกูลอันดับห้าตระกูลซึ่งสามารถเข้าไปอยู่ห้าอันดับแรกของจักรวรรดิยูลานได้ย่อมสามารถทำลายตระกูลเด็บส์ได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งกว่านั้น ลูกหลานของตระกูลเลโอนส่วนใหญ่ล้วนแต่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิยูลานและด้วยเหตุนี้เองทำให้จักรวรรดิยูลานของพวกเขามีเครือข่ายอิทธิพลใหญ่โต
"กิลเยโม, ข้าได้ยินมาว่าในสถาบันเอินส์ของเราเองคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของสถาบัน 'ดิ๊กซี่' นั้น เขาก็เป็นคนของตระกูลเลโอนจากจักรวรรดิยูลาน ถูกต้องไหม?" แลมป์สันถาม
กิลเยโมนั้นคุ้นเคยกับกิจการภายในของสถาบันเอินส์มากกว่า
"ใช่แล้ว และไม่ได้มีแค่ดิ๊กซี่หรอก เขายังมีน้องสาวอีกด้วยแต่ข้าจำชื่อของนางไม่ได้ สองพี่น้องได้ยื่นคำขอเข้าศึกษาในสถาบันเอินส์ของเราแต่เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ยินมาว่าดิ๊กซี่ได้ยื่นคำร้อขอจบการศึกษาไปแล้ว"กิลเยโมเปิดเผยสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดออกมา
แลมป์สันพยักหน้า
"งั้นเด็กสาวคนนี้คงจะเป็นน้องสาวของดิ๊กซี่"แลมป์สันมองไปยังโต๊ะนั้น
ที่โต๊ะของตระกูลเลโอนบนชั้นสอง ดีเลียสวมชุดรัดกุมสีม่วงครามนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม ใบหน้าของนางดูสงบเยือกเย็น เมื่อมองผ่านหน้าต่างไปจะเห็นว่านางเอาแต่จ้องมองไปที่รูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน'
"คุณหนู ท่านอย่าสู้ราคาอีกเลยชายที่อยู่ด้านล่างคนนั้นท่านไม่ควรจะไปตอแยโทสะเขา"ชายชราเริ่มกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลชั้นสูงของจักรวรรดิยูลาน ตระกูลเลโอนนั้นรู้ดีว่าตัวตนของเหล่าสุดยอดฝีมือนั้นมักมีขุมกำลังมากมายคอยหนุนหลังพวกเขารู้ดีว่าถึงแม้พวกเขาจะเป็นตระกูลชั้นสูงก็ตามแต่ก็มีคนที่พวกเขาไม่อาจตอแยได้
อย่างเช่น ... ชายอายุราว 30-40 ปี ด้านล่างนั่น
ชายแก่ทราบดีว่า ถึงแม้ตัวเขาเองอายุเกือบ 400 ปี แล้วแต่ชายชุดคลุมหลวมยังคงมีลักษณะเช่นตอนนี้ตั้งแต่ก่อนที่ตัวเขาจะเกิดมาเสียอีก
"อย่าห่วงไปเลย ปู่ชอว์ รบกวนท่านช่วยข้าส่งข้อความให้กับเขาได้หรือไม่?" ดีเลียเอาปากกาออกมาอย่างรวดเร็วและเขียนข้อความสั้นๆลงไปบนเศษกระดาษก่อนที่จะมอบมันให้กับปู่ชอว์
ปู่ชอว์รับเศษกระดาษมา แต่เมื่อเห็นข้อความที่เขียนอยู่บนนั้นเขาถึงกับตะลึงงัน
"คุณหนู ท่าน...นี่..."ข้อความในเศษกระดาษทำให้ปู่ชอว์ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
"อย่าได้กังวลอะไรอีก ท่านแค่ส่งข้อความในกระดาษนี้ให้ถึงมือเขา"ดีเลียพูดอย่างเด็ดเดี่ยว ปู่ชอว์ทำตามที่นางบอกแต่ขณะที่เขาเดินออกจากโต๊ะส่วนตัวและกำลังมุ่งหน้าไปที่ชั้นหนึ่งนั้นเอง
"12 ล้านเหรียญทอง!"
เสียงดังสดใสของดีเลียดังออกมาจากโต๊ะส่วนตัว
ชายชุดคลุมหลวมด้านล่างทำหน้าบูดบึ้งและรังสีอำมหิตออกมาจากหว่างคิ้วที่ยับย่นของเขาแต่ขณะนั้นเองปู่ 'ชอว์' ก็เดินมาถึงด้านข้างของเขาพอดี ปู่ชอว์คารวะอย่างนอบน้อม"ท่านที่เคารพ ข้าน้อยเป็นบ่าวของตระกูลเลโอนคุณหนูของข้าได้ส่งข้อความมาถึงท่าน"
คิ้วของเขาเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจชายชุดคลุมหลวมรับข้อความมาอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เอ่อ ... " เมื่ออ่านข้อความในเศษกระดาษจบแววตาของชายชุดคลุมหลวมส่วางวาบขึ้นมา และจากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะออกมา
"วิเศษ วิเศษมาก ข้าจะหยุดเสนอราคา ข้าจะหยุดเสนอราคาแข่งกับนาง"เศษกระดาษในมือของชายชุดคลุมหลวมโพรกสลายกลายเป็นฝุ่นผงจากนั้นเขาก็กลับไปนั่งลงตรงที่นั่งของเขาตามเดิมยิ้มแย้มอย่างมีความสุขและยังเงยหน้าหันไปมองเก้าอี้นวมที่ดีเลียนั่งอยู่บนชั้นสองอีกด้วย
ขณะนั้นเอง บนชั้นสามของห้องประมูล
ทันทีที่ได้ยินเสียงสดใสเสนอราคา '12 ล้านเหรียญทอง' ออกมา ทั้งลินลี่ย์และเยลต่างตกตะลึงพวกเขาจดจำเจ้าของเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี เป็นเสียงที่ลินลี่ย์ได้ยินตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เข้าเรียนที่สถาบันเอินส์
"นั่นเสียงดีเลียนี่" เยลพูดอย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์เดินไปยังจุดสังเกตุการณ์หน้ากระจกทันที เขามองไปที่โต๊ะส่วนตัวของดีเลียใช่ดีเลียจริงๆ นางแต่งตัวด้วยชุดรัดกุมสีม่วงและนั่งอยู่บนโซฟาจ้องเขม็งไปยังรูปแกะสลัก'ตื่นจากฝัน'
"12 ล้านเหรียญทองครั้งที่ 1...12 ล้านเหรียญทองครั้งที่ 2... 12ล้านเหรียญทองครั้งที่ 3..." "ปัง!"
ชายผมทองใช้ค้อนทุบโต๊ะประมูลด้วยเสียงอันดัง แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า"ขอแสดงความยินดีกับตระกูลเลโอนด้วยขอรับ พวกเขาชนะการประมูลครั้งนี้ด้วยราคา12 ล้านเหรียญทอง และได้รับรูปแกะสลักของอาจารย์ลินลี่ย์ไปข้าในตอนนี้รู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่จะได้ประกาศว่ารูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' นี้มีราคาสูงที่สุดเป็นอันดับสาม ในบรรดาผลงานชิ้นเอกทั้งสิบ มีเพียง 'แผงคอสิงโตตาโลหิต' ของท่านอาจารย์ฮูเวอร์และ 'โฮป' ของท่านอาจารย์พรูกซ์เท่านั้นที่มีราคาสูงกว่า'ตื่นจากฝัน' "
ห้องประมูลทั้งห้องเต็มไปด้วยความปั่นป่วนและเสียงปรบมือดังก้องจนไม่อาจแยกแยะได้แต่ลินลี่ย์ยังคงยืนอยู่ที่นั่นหลังหน้าต่างบนชั้นสามจ้องมองไปที่ดีเลียและจากนั้นเขาก็หันไปมองอลิซที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งผู้หญิงทั้งสองคนล้วนนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม แต่บนใบหน้าของ ดีเลียเต็มไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่ใบหน้าของอลิซนั้นขาวซีด