ตอนที่ 334 - ไขความลับของแม่มด
“ช่วยละเอียดหน่อยได้หรือไม่? ข้าอยากรู้ว่าข้าเดาถูกหรือไม่”
เย่เทียนถามอย่างสงสัย.
“บอกข้าว่าท่านคิดอย่างไรก่อน, ข้าขอดูปัญญาของท่านหน่อยเถอะ!”
นางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวช้าๆ.
“ดี, ข้าคิดว่า, งู, แมงมุม, แมงป่องและสัตว์มีพิษเหล่านั้นถูกเจ้าเลี้ยงมาด้วยพืชมีพิษหลากชนิดและแม้แต่พิษที่อันตราย. พวกมันถูกเลี้ยงดูมาอย่างระมัดระวังเพื่อที่พิษของพวกมันจะได้แรงขึ้นเรื่อยๆ. พิษของพวกมันถึงตาย หากใครถูกกัดคงจะไม่มีโอกาสรอดเป็นแน่!”
เย่เทียนกล่าวอย่างสุขุม.
“ถูกต้อง, ท่านพูดถูกทุกอย่าง!”
นางแม่มดพยักหน้าให้.
“และสัตว์มีพิษเหล่านั้นก็ถูกเลี้ยงดูมาจากรุ่นสู่รุ่น, เพราะแม้พวกมันจะมีพิษร้ายแรง พวกมันก็ทนพิษที่น่ากลัวเหล่านั้นในเวลาสั้นๆไม่ได้...”
เย่เทียนกล่าวต่อ, แมลงพวกนี้ทุกตัวน่าจะกลายพันธ์ไปเป็นสัตว์มีพิษแล้ว. การจะทำให้สัตว์มีพิษกลายพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ, แถมยังเป็นจำนวนมากอีกต่างหาก พวกมันสามารถเป็นสปีชี่ส์ใหม่ได้เลย.
“ถูกต้อง. มันคือความลำบากนับไม่ถ้วนจากรุ่นสู่รุ่น. แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสรอดของพวกมันก็ต่ำมาก. ดังนั้นหากจะเพิ่มโอกาสรอดให้พวกมันก็จะต้องใช้แมงมุมมีพิษ, แมงป่อง, งู, และอื่นๆชนิดใหม่เพื่อผสมพันธ์ลูก”
นางแม่มดอธิบาย.
“ผลลัพธ์คงไม่เป็นดังที่คิดนัก, เพราะพิษของพวกมันไม่สามารถทนพิษของสัตว์เหล่านั้นได้ และก็อาจจะกลายไปเป็นอาหารเสียเองอีกด้วย...”
เย่เทียนกล่าวต่อว่าการส่งต่อการกลายพันธ์ไปสู่ลูกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ, และพิษที่สะสมอยู่ในตัวก็ทำลายระบบสืบพันธ์ด้วย.
การสร้างสัตว์กลายพันธ์แบบนี้ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มแล้ว เพราะการคัดเลือกโดยธรรมชาติและการอยู่รอดคนผู้ที่แกร่งที่สุดคือกฎตายของโลกใบนี้.
การวิวัฒนาการของแต่ละสปีชี่ส์จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อให้มันปรับตัวอย่างช้าๆ.
การบังคับให้วิวัฒนาการย่อมมีราคาแน่นอน.
“ข้านึกว่ากำลังสนทนาอยู่กับปราชญ์เลยหนา...”
นางแม่มดมองเย่เทียนพร้อมกับสายตาที่สงสัย.
เวทย์มนต์ดำปลอมๆของนางที่มีไว้ควบคุมแมลงมีพิษนั้นมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อยู่.
“เจ้ามียาอย่างน้อย3ประเภทอยู่กับตัว. เจ้าควบคุมพวกมันโดยใช้ยาพวกนี้ ซึ่งเจ้าได้ป้อนให้พวกมันกินจากรุ่นสู่รุ่นจนมันกลายเป็นสัญชาติญาณสินะ! ประเภทแรกที่หยดบนตัวข้าคงเป็นกลิ่นโปรดของพวกมันไม่ก็พวกมันจะกินเฉพาะกลิ่นนี้เท่านั้น. ประเภทที่สองคงมีไว้ให้พวกมันเริ่มลงมือ! ส่วนประเภทสุดท้ายคงเป็นกลิ่นที่พวกมันกลัวที่สุด. หากไม่มีอย่างสุดท้ายนั้นเจ้าเองก็คงกลายเป็นอาหารของพวกมันไปแล้ว....”
เย่เทียนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวช้าๆขณะที่ในใจก็เริ่มรู้สึกนับถือขึ้นมา.
“ท่านนี่น่ากลัวจริงๆ. ไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านจะมองออกหมด...”
นางแม่มดดูจะคอตก. วิชาแม่มดที่ลึกลับและน่าเกรงขามนั้นกลับถูกเด็กหนุ่มคนนี้มองออกในแว่บแรก. ดูแล้วน่ากลัวนัก.
ในสายตาของทั้งโลกแล้ว ผู้คนหวาดกลัวกับมันมาก. พวกเขาตราหน้าแม่มดว่าเป็นพวกที่ใช้มนต์ดำ. แต่พอความลับของพวกเขาถูกเผยแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับคนปกติเลย.
นางรู้สึกยกย่องเย่เทียนขึ้นมาในใจ. เขาคือคนแรกที่ไขความลับออก.
นางไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากต้องยอมสิโรราบให้เด็กหนุ่มคนนี้และรับใช้เขา. เพื่อที่จะให้เขารักษาความลับนี้ต่อไป.
“ข้าเองก็นับถือท่านเช่นกัน! โดยเฉพาะคนคนแรกที่คิดเรื่องนี้ได้ นางเองก็คงน่าเกรงขามไม่น้อยเลย...”
เย่เทียนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวอย่างสุขุม.
“ทีนี้ท่านจะยอมภักดีกับข้าหรือไม่?”
เย่เทียนยิ้มแล้วถาม.
“ข้ามีตัวเลือกด้วยรึ?”
นางถามด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น.
“คงจะไม่มี!”
เย่เทียนกล่าวอย่างภาคภูมิแต่ก็โอหัง.
“ข้าจะยอมภักดีและรับใช้ท่านก็ได้ แต่ท่านต้องสัญญากับข้าข้อหนึ่งก่อน!”
นางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวช้าๆ.
“โทษที ข้าไม่เคยประณีประนอมและข้าก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขเจ้าด้วย! ดังนั้นเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว! ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร!”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างไม่ใยดี.
“ข้าเข้าใจแล้ว..”
นางแม่มดเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา. นางจะยอมภักดีกับเขาแล้วแท้ๆ แต่ทำไมต้องทำตัวอวดเบ่งนัก.
นางเครียดหน่อยๆจนถึงขั้นอยากจะรีบๆแก่ตายไป. คนคนนี้ชอบเบ่งเกินไปและไม่มีวันยอมให้ผู้อื่นขัดขืน.
“ข้าชื่อว่าซาตาน, เป็นที่รู้จักในนามเทพสงคราม!”
เย่เทียนยิ้มแล้วกล่าว.
“ข้าชื่อว่ามีเดีย, ข้ายอมติดตามและรับใช้ท่าน, ลอร์ดซาตาน...”
นางแม่มดแนะนำตัวเองแล้วกล่าวสวามิภักดิ์สั้นๆให้เย่เทียน.
“มีเดียรึ? จากวรรณคดีของกรีกรึเปล่า?”
เย่เทียนตะลึงงันไป เพราะมีเดียคือแม่มดผู้โด่งดังในวรรณคดีโบราณของกรีก.
“มีเดียคือชื่อของเราเสมอ. บันทึกเรื่องลึกลับพวกนั้นก็คือเรา แต่ความจริงแล้วต่างไปนัก...”
มีเดียกล่าวเบาๆพร้อมความพอใจในตัวเองที่สายตา.
“ข้าเข้าใจแล้ว ถึงว่าทำไมแม่มดถึงมีชีวิตยืนยาวนัก...”
เย่เทียนยิ้มให้. ดูเหมือนว่าแม่มดในอดีตจะใช้ชื่อที่เหมือนกันเพื่อที่ชื่อเสียงจะได้ดูน่าเกรงขามและน่ากลัว.
แม้เย่เทียนจะไขความลับของแม่มดได้แล้วก็ตาม เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า
พวกแม่มดทั้งหลายนี่คงไม่มีพลังเหนือธรรมชาติรึเปล่านะ?