ตอนที่ 131 – ตอนที่ 128 เหตุระทึกขวัญ
แม้ว่าพวกเขายังเป็นเด็กน้อย แต่พวกเขาก็ฉลาดเจ้าเล่ห์ไม่เบา ไม่เต็มใจพูดมาก พวกเขาแค่บอกเย่ว์หยาง, เย่คงและสหายไม่ให้ขยับออกจากตำแหน่งดั้งเดิม
ความตั้งใจของพวกเขาก็คือ พวกเขาไม่ต้องการแข่งขันกับพี่น้องชายหญิง
เป็นการเข้าไปโดยไม่บอกว่าพวกเขายังเด็กและอ่อนแอ บวกกับแมลงปีศาจมีอยู่ทั่วไปอีกด้วย ทันทีที่พวกเขาลงจากอสูรบินของพวกเขา สถานการณ์อาจกลับกลายเป็นอันตรายสำหรับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเด็กๆ ฉลาดพวกนี้จึงเล็งเป้ามาที่เด็กใหม่อย่างเย่ว์หยางและสหาย พวกเขาตระหนักว่าเย่ว์หยาง, เย่คงและเจ้าอ้วนไห่กับพวกไม่รู้จักสมุนไพรและชนิดของมันจึงได้แต่ตรวจดูรอบๆ เมื่อมาถึงแดนปีศาจ ดังนั้นภายใต้การนำของเด็กหญิงวัย 10 ขวบ พวกเขาจึงเข้ามาหารือความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับเย่ว์หยาง
ถ้าเป็นการเอาชนะปีศาจหรือล่าผลึกเวทล้วนๆ อาจสร้างความสงสัยได้ หากว่าเย่ว์หยางจะให้ความสนใจพวกเขา แต่เมื่อเป็นการมารวบรวมสมุนไพร เขาไม่รู้แม้แต่ว่าดอกกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำจะสังเกตดูได้อย่างไร เขายังจะมีทางเลือกที่สองอีกหรือ?
“เจอแล้ว” นักเรียนหญิงร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งใช้หมาป่าหิมะขับไล่แมลงปีศาจจนกระเจิดกระเจิงไปก่อน จากนั้น ท่ามกลางความประหลาดใจเธอพบสมุนไพรอยู่ในรอยแยกของหิน เธอรีบเก็บมันใส่ในกระสอบยาของเธอ
ผู้ที่ช่วยเธอหาสมุนไพรจนพบคือหนูกระโดดตัวหนึ่ง
มันไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใดๆ แต่มันโดดไปที่ใดๆ ก็ได้ดังใจ ช่วยให้เจ้าของๆ มันหากล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำพบถึง 3 ต้นแล้ว
ในตอนแรก เย่ว์หยางเริ่มคิดว่า กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำจะสูงประมาณ 1 เมตร และเติบโตอยู่ทั่วพื้นดินปนเปไปกับหญ้าบินลายหนู เมื่อเป็นแบบนั้นจะทำให้สายตาสับสนจนยากจำแนกความแตกต่างได้ เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว แตกต่างไปจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง ความจริงกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำสูงประมาณ 2 เซนติเมตร และยังเป็นพืชแปลกซึ่งงอกอยู่ในรอกแยกของหิน ยังไม่ต้องพูดถึงต้นไม้ธรรมดาทั้งหมด แม้จะให้หาสักต้นหนึ่งในเศษหินที่แตกก็ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ
“ไม่ใช่ว่าท่านจะเก็บต้นหญ้าอะไรๆ ก็ได้นะ มันไม่ใช่กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำเลย ทั้งไม่ใช่หญ้าบินลายหนูอีกด้วย มันไม่ใช่ดอกสาบสะเก็ดเงิน ไอ้นี่ใช้เป็นสมุนไพรไม่ได้” เจ้าอ้วนไห่พยายามเลียนแบบการกระทำของพวกเด็กๆ เขาขุดต้นไม้ในแดนปีศาจที่ดูคล้ายๆ กัน ขึ้นมา เขาคิดว่าถ้าขยุ้มรวมกันมาทั้งหมด ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะพบกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำบ้างสักต้นหรือสองต้น ในบางกรณี เขาก็แค่จำเป็นต้องนำสมุนไพรกลับไป ก็อาจสร้างความปวดหัวให้กลับหมอประจำสถานพยาบาลบ้าง อย่างไรก็ตาม เด็กผู้หญิงร่างสูง น่ารักคนหนึ่งเห็นสมุนไพรในมือของเขา ไม่รู้จะทำยังไง จึงเอามือปิดปากหัวเราะ เหมือนกับว่าเธอเห็นกอริลลาที่ไม่รู้วิธีปอกเปลือกกล้วย
“ไม่ใช่สักอย่างเลยเหรอ?” เจ้าอ้วนไห่ ยังคงสับสนยอมรับความเป็นจริงเรื่องนี้
“ถ้ามันงอกอยู่บนพื้น ยังจะมีความจำเป็นต้องส่งพวกเรามาที่นี่หรือ? นอกจากนี้ เจ้าไม่ได้เก็บรวบรวมสมุนไพรอย่างถูกวิธีอีกด้วย ดังนั้นต่อให้เจ้าเก็บรวบรวมมันได้ มันก็จะกลายเป็นของเปล่าประโยชน์ เจ้าค่อยๆ เรียนรู้ไป อย่ากังวลไปเลย ข้าจะรวบรวมให้มากและไม่ยอมให้ทหารที่ถูกพิษต้องพลาดการรักษาไปเพราะความล้มเหลวในการเก็บสมุนไพรของเจ้า” เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้หญิงร่างสูงดังไพเราะราวกับระฆัง
เจ้าอ้วนไห่รู้สึกอับอายเมื่อได้ยินเช่นนั้น และรีบทิ้งวัชพืชในมือตนเองทันที
เย่ว์หยางไม่ได้ทำให้ตัวเองวอกแวกในการเก็บรวบรวมสมุนไพร เขารู้ในแง่ความแตกต่างของสมุนไพรแล้ว แต่เขายังต้องเรียนรู้เพิ่ม ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
เย่ว์หยางคิดว่าทำงานร่วมกับเจ้าหญิงน้อยเพ่ยเพ่ยและพวกจะเป็นวิธีทำให้รวบรวมสมุนไพรได้สำเร็จ บุรุษตาอินทรีไม่ได้ระบุว่าเขาต้องเก็บสมุนไพรเป็นการส่วนตัว การทำงานเป็นทีมก็ยังอยู่ในระเบียบกติกา มิฉะนั้น ทำไมเขาถึงต้องจัดเป็นกลุ่มละ 5 คนเล่า เย่ว์หยางคาดว่า การฝึกทำงานเป็นทีมก็เป็นวัตถุประสงค์แฝงในกิจกรรมนี้
“เฮ้..เด็กใหม่ พวกเจ้าควรเรียนรู้ให้มากเข้าไว้นะ” เด็กผู้ชายที่มีลักษณะหยิ่งยโสคนหนึ่งมาหยิบสมุนไพรใต้เท้าของเย่คงผู้กำลังเดินทอดน่อง อย่างยินดี
อสูรที่เขาใช้คือแมงมุมขายาวที่สามารถตรวจหาที่ตั้งของสมุนไพรได้
คนผู้นี้ยังไม่นับว่ามีดีเท่าไหร่ เขาแค่ดีกว่าเย่ว์หยาง, เย่คงและสหายเล็กน้อย ตอนนี้เขาเก็บกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำได้ 2 ต้นแล้ว
ยังมีเด็กผู้หญิงที่โดดเดี่ยวสวมชุดเหมือนขโมยทำหน้าที่ได้ดีที่สุด เมื่อทุกคนยังคงพลิกหินหาดูทุกที่ นางกางม้วนเวทและอยู่ในแนวแสงจางสีขาวและเทเลพอร์ตกลับไปยังที่ตั้งเดิม
ชัดเจนแล้วว่า นางรวบรวมกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำได้ครบ 10 แล้ว
“ถ้าพวกเจ้าไม่รู้จักสมุนไพรจริงๆ พวกเจ้าขอความช่วยเหลือได้จากสัตว์อสูรของเจ้าสิ ประสาทรับกลิ่นและสายตาของมันจะชัดกว่ามนุษย์โดยทั่วไป” เด็กสาวร่างสูงงงเล็กน้อยที่เห็นเย่ว์หยางใช้ญาณทิพย์ของเขากวาดสายตาไปทั่วเพื่อระมัดระวังการถูกปีศาจลอบโจมตี แต่นางก็มีความสุขที่มีคนมาช่วยคุ้มกันให้ฟรีๆ เป็นแบบนี้ทำให้เธอสงบใจเก็บรวบรวมสมุนไพรได้ เธอเห็นว่ากลุ่มของเย่ว์หยางเป็นเด็กใหม่จริงๆ มีพื้นฐานอ่อนด้อยที่เธอไม่ควรจะขัดขวาง เธอจึงแนะนำเย่คงผู้ที่ดูซื่อสัตย์ที่สุด “กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำ ว่าโดยทั่วไปแล้ว จะไม่งอกอยู่ในที่ๆ ลึกเกินไป พวกมันจำเป็นต้องดูดกลืนพลังงานจากจันทราปีศาจ, ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องค้นหาในพื้นที่ลึกเกินไปหรือจมน้ำ ประการที่สอง เจ้าต้องคอยระวังแมลงปีศาจ ปกติพวกมันจะไม่ชอบอยู่ใกล้รอยแยกหินที่ซึ่งกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำที่มีพิษมากจะถูกพบโดยปกติ แต่พวกมันไม่สน ยามที่พวกมันอยู่ใกล้หญ้าบินลายหนู ดังนั้นตรงที่ๆ มีแมลงปีศาจยั้วเยี้ยอยู่ก็ควรงดเว้น ประการที่สาม..”
ด้วยคำแนะนำของเด็กผู้หญิงร่างสูง เย่คงใช้ความพยายามค่อนข้างมาก แต่ในที่สุดก็หาสมุนไพรต้นหนึ่งพบ มันงอกอยู่กลางรอยแยกหิน ไม่ได้จมน้ำหรือมีแมลงปีศาจชุมนุมอยู่
เนื่องจากมันตรงกับความต้องการของทุกคน นี่ก็ควรจะเป็นกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำ เย่คงแค่รู้สึกร่าเริงอยู่ในใจ
แต่ ขณะที่เขาจะเก็บสมุนไพร องค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ยขี่อสูรทองแดงระดับ 2 ตัวหนึ่งโฉบลงมาอย่างรวดเร็วและตะโกนเจื้อยแจ้วต่อเนื่องว่า “เจ้าทึ่ม! รีบโยนมันทิ้งไป”
เด็กผู้หญิงตัวสูงมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที ร้องลั่นว่า “โอว..พระเจ้า นั่นมันหญ้าน้ำคาวล่อหนอน น้ำจากหญ้าชนิดนี้ จะดึงดูดแมลงปีศาจจำนวนมากมา รีบทิ้งไปซะ”
เย่คงตรวจสอบพบว่ามีกลิ่นคาวจางๆ เพิ่มมาในอากาศแน่นอน และมันต่างจากน้ำของกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำที่ไร้กลิ่น พอมองดูรอบๆ ตัว เขาไม่ทันได้สังเกตว่าเมื่อไหร่ แต่แมลงปีศาจกลุ่มใหญ่ต่างแยกเขี้ยวกางเล็บปรากฏขึ้นแล้ว
ด้วยความกลัว เขารีบโยนสมุนไพรทิ้งไป
เขาสังเกตเห็นว่ายังโยนมันออกจากตัวไม่ห่างไกลพอ กลุ่มแมลงปีศาจที่ใกล้เขาเริ่มทวีจำนวน สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีสำหรับเขา ดังนั้นเขารีบเก็บสมุนไพรขึ้นมาแล้วโกยอ้าวทันทีโดยมีฝูงแมลงปีศาจไล่ตามเขาไป
เมื่อเขาขว้างหญ้าน้ำคาวล่อแมลงทิ้งไปและกำลังจะหนีจากแมลงปีศาจอีกครั้ง เขาก็ตระหนักได้ว่าถูกฝูงแมลงปีศาจจำนวนมากล้อมกรอบไว้แล้ว
เมื่อพี่น้องตระกูลหลี่และเจ้าอ้วนไห่เห็นอย่างนี้ พวกเขารีบเรียกอสูรของพวกเขาออกมาช่วยเย่คง
หลังจากผ่านไปนาน พวกงี่เง่าทั้ง 4 มีแผลถูกแมลงปีศาจกัดเป็นแผลไปทั้งตัว ก็ต่อสู้เปิดทางหนีมาได้ภายใต้การช่วยเหลือของฮุยไท่หลาง พวกเขาเผ่นมาอยู่ข้างๆ เย่ว์หยาง ทุกคนดูสภาพแล้วไม่ต่างกับสุนัขตาย
เย่คงยังไม่เท่าไหร่ แค่ตื่นตกใจอย่างหนัก เจ้าอ้วนไห่เหนื่อยแทบขาดใจ เขาล้มลงนอนบนพื้นทันที ไม่อยากจะขยับไปไหนแม้แต่นิ้วเดียว ต่อให้แมลงปีศาจรุมล้อมเขาก็ตาม
เย่ว์หยางแค่ส่งฮุยไท่หลางออกไปและเขาไม่ได้ออกไปช่วยเป็นการส่วนตัว เพราะแมลงปีศาจเหล่านี้เป็นสัตว์มีพลังระดับต่ำมาก เย่คงและพวกควรจะรับมือกับพวกมันได้ นี่ถือเป็นโอกาสฝึกฝนให้พวกเขาแกร่งขึ้น
องค์หญิงเพ่ยเพ่ยแสดงท่าทางเหมือนกับเป็นผู้รับผิดชอบและต่อว่าต่อขานเย่คงและพวกราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อยกำลังให้โอวาท “พี่ๆ น่ะ, ถ้าไม่รู้วิธีเก็บสมุนไพร อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเก็บเองสิ ที่นี่คือแดนปีศาจ พระมารดาของเรา เอ่อ.. ข้าหมายถึงแม่ของข้าบอกว่าแดนปีศาจที่ๆ จะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม”
เมื่อพวกเขาตระหนักว่า พวกเขากำลังถูกเด็กอายุ 6 หรือ 7 ขวบสั่งสอน เย่คงและพวกต่างมองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
มีเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งในกลุ่มเด็กน้อย 5 คนบินลงมาและโบกมือแนะนำพวกเขาว่า “พวกท่านทุกคนอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว เราพบพุ่มหูดำ 2-3 ร้อยต้น ดูเหมือนมันจะบานภายใน 1 ชั่วโมงนี้ เราจะเก็บรวบรวมมันในตอนนั้น ในขณะนั้นมันจะสดที่สุดและใช้งานได้ดีเหมือนกับกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำ พวกท่านทุกคนไม่ต้องกังวล คอยเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ให้ดี ต่อไปแค่คอยตั้งใจคุ้มกันเราขณะเก็บสมุนไพรก็พอ เพ่ยเพ่ย เรียกสัตว์อสูรของเจ้าออกมารักษาพวกเขาก่อน แล้วเราค่อยหาดูที่ยังมีพุ่มดำแถวๆ นี้ดูก่อน”
“มีพุ่มหูดำที่ไหนอีกเหรอ?” หญิงตัวสูงน่ารักถามอย่างประหลาดใจ “องค์หญิงชี่หมิง, มันไม่ได้เกิดขึ้นกับข้าว่ามีคนในพวกเรารู้จักพุ่มหูดำ ข้าได้ศึกษาทักษะทางการแพทย์มา 3 ปี และในตอนนี้ข้าก็ยังไม่กล้ารับประกันว่าข้าสามารถแยกความแตกต่างระหว่างพุ่มหูดำกับพุ่มลายจุดหนูได้ เพราะมันดูคล้ายกันมากจริงๆ เจ้ารู้จักมันจริงๆ เหรอ?”
“เราทุกคนก็รู้จัก” องค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ย พยักหน้าด้วยความภูมิใจ
เย่ว์หยางหวั่นใจ ดูเหมือนเด็กๆ ไม่กี่คนนี้จะเป็นสมาชิกในราชตระกูล ถ้าไม่เป็นองค์หญิง อย่างนั้นพวกเขาก็เป็นองค์ชาย
เป็นถึงองค์หญิงและองค์ชาย พวกเขาก็ยังไม่เรียนในสถาบันฉางจิงซึ่งดำเนินกิจการโดยราชตระกูล แต่กลับมาที่สถาบันฉางชุนเฉิงเพื่อฝึกตัวในชั้นเรียนมรณะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราชตระกูลแห่งทวีปมังกรทะยานจะสามารถรักษาอำนาจปกครองมันเป็นพันๆ ปีโดยไม่ล่มสลาย แค่เห็นวิธีการศึกษาแบบนี้ ใครๆ ก็รู้ได้ว่าราชตระกูลเข้มงวดกับการปลูกฝังและบำรุงเลี้ยงผู้เยาว์รุ่นหลังของพวกเขา
เพื่อให้ได้รับความรู้โดยศึกษาในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายในระยะยาว เหล่าองค์หญิงและองค์ชายผู้เติบโตจากนี้ไปจะไม่เป็นผู้ปกครองที่โดดเด่นในอนาคตได้อย่างไร?
ความจริงที่ว่าราชตระกูลทั้งสาม มีระดับนักสู้ที่สูงกว่า 4 ตระกูลใหญ่นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล
องค์หญิงเพ่ยเพ่ยและเด็กชายอีกคนหนึ่งผู้วิ่งหน้าตั้งผู้อาจเป็นองค์ชายของประเทศหนึ่ง ทั้งสองคนเรียกสัตว์อสูรประเภทพิเศษออกมารักษาพยาบาลเย่คงและเจ้าอ้วนไห่
เย่ว์หยางพบว่าเด็กทั้งสองไม่ใช้คัมภีร์อัญเชิญ แต่ก็เชี่ยวชาญในการเรียกสัตว์อสูร…
“พระจันทร์สีเลือดในแดนปีศาจปรากฏแล้ว แมลงปีศาจที่แข็งแกร่งจะมาหาอาหารในไม่ช้า ทุกคน รวบรวมสมุนไพรทันทีและออกไปเดี๋ยวนี้” บุรุษเกราะดำตาอินทรีขับขี่อสูรเกราะตรงรี่เข้ามาตะโกนใส่นักเรียน “ภารกิจของเราคือรวบรวมสมุนไพรให้ได้ 10 ต้น คนละโมบมักล้มเหลว และท้ายที่สุดก็จะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไป พวกเขาจะต้องทุกข์ทรมานจนตายในแดนปีศาจ ข้าไม่สนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าว ทุกคนที่สำเร็จภารกิจแล้ว ให้ออกไปเดี๋ยวนี้”
พอได้ยินคำเตือนของบุรุษตาอินทรี นักเรียนเกือบทั้งหมดเปิดม้วนเทเลพอร์ตจากไปทันที
มีเพียงนักเรียนไม่กี่คนที่ยังลังเลอยู่
พวกเขายังเก็บสมุนไพรไม่ครบจำนวน แต่แมลงปีศาจจำนวนมากปรากฏตัว พวกเขาไม่รับรองความปลอดภัยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกพ้องของพวกเขาจากไปแล้ว พวกเขามีแต่จะล้มเหลวหากยังรั้งอยู่ต่อที่นี่ ในที่สุดพวกเขารวมตัวกันปรึกษากันเล็กๆ น้อยๆ และเทเลพอร์ตกลับไป
มี 2 คนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนยังคงหาสมุนไพรต่อไป
บุรุษตาอินทรีตรงรี่ไปหาพวกเขาทันที ด่าตะเพิด 2 คนให้รีบจากไป ในที่สุดก็อยู่แต่เพียงเย่ว์หยางกับพวก
เด็กผู้หญิงตัวสูงน่ารักมองดูเย่ว์หยาง, เย่คงจากนั้นเงยหน้ามองดูองค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ยกับพวกที่ยังคงขี่อสูรของตนบินวนอยู่ในท้องฟ้า นางจึงกัดฟันพูดว่า “ข้าสามารถรั้งอยู่ช่วยพวกเจ้ารวบรวมพุ่มหูดำได้ อย่างไรก็ตามฝีมือถนัดของข้าไม่ใช่การต่อสู้ พวกเจ้าต้องรับรองความปลอดภัยให้ข้า ถ้าพวกเจ้าสัญญาว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ พวกเจ้าจะไม่ทอดทิ้งสหายของเจ้า ข้าก็จะอยู่ด้วย”
“เย่คง เจ้ารับผิดชอบปกป้องนาง” เย่ว์หยางกวักมือเรียกองค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ย ที่ยังบินอยู่ในอากาศ “พวกเจ้าทุกคนลงมาได้แล้ว มีความผันผวนอยู่ในอากาศ”
“เป็นไปได้ว่าฝูงหนอนปีกดำกำลังมา รีบลงมาเดี๋ยวนี้” พอได้ยินอย่างนี้ องค์หญิงน้อยชื่อชี่หมิงถึงกับหน้าเปลี่ยน และเธอนำขบวนลงมา ในทันใดนั้นบุรุษเกราะดำตาอินทรีขับขี่อสูรเกราะบินตรงมาที่พวกเขาอย่างเร็วพร้อมกับสีหน้าถมึงทึงตะโกนเกรี้ยวกราดว่า “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่? ทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่กลับ”
“เรายังทำภารกิจไม่จบ…” เจ้าอ้วนไห่กลัวเขามากจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“อีกห้านาที หนอนปีกดำฝูงใหญ่และยุงดูดเลือดเต็มท้องฟ้าจะมาชุมนุมจนเต็มหุบเขาแห่งนี้ พวกเจ้าไม่สามารถรอจนพุ่มหูดำบานได้แน่ๆ ความล้มเหลวไม่สำเร็จภารกิจของพวกเจ้า ก็เป็นแค่งานล้มเหลวชิ้นหนึ่ง แต่ถ้าพวกเจ้าพากันตายอยู่ที่นี่ อย่างนั้นพวกเจ้าก็จะล้มเหลวตลอดไป ในชีวิตของคนเรา มีการล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ไม่มีผู้ใดชนะได้ตลอดเวลา แต่เขาต้องมีชีวิตเพื่อมุ่งไปคว้าชัยชนะข้างหน้า พวกจ้าทุกคน กลับเดี๋ยวนี้..เอ๋?” บุรุษตาอินทรีเห็นเมฆดำแผ่กระจายไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นซีดทันที ลดเสียงกล่าวว่า “คนที่มีคัมภีร์อัญเชิญให้เรียกคัมภีร์ออกมาเดี๋ยวนี้ ทุกคนให้หลบอยู่ภายในโล่แสงและอย่าใช้ม้วนเทเลพอร์ตในตอนนี้ การเคลื่อนที่ของอากาศที่นี่มันแปลกมาก พวกเจ้าทุกคนจงอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูว่าทำไมแมลงปีศาจถึงได้แตกตื่นกระจัดกระจายมากมายอย่างนี้”
พอขี่อสูรเกราะ บุรุษเกราะดำก็เร่งไปทางอีกด้านหนึ่งที่แมลงปีศาจในหุบเขามีเสียงรบกวน เย่ว์หยางมองเห็นเขาถอยกลับมาและเห็นร่องรอยไม่พอใจอยู่ในใจเขา แม้ว่ายังไม่สามารถเห็นอะไรผิดปกติด้วยญาณทิพย์ของเขา แต่บางอย่างที่แย่กำลังจะเกิดขึ้น
เป็นไปได้ว่ากองทัพปีศาจพบเห็นคณะเก็บสมุนไพรนี้หรือ?
หรือว่าอาจเป็นแมลงปีศาจที่น่ากลัวกำลังออกมาหรือ?
ขณะนี้ท้องฟ้ามืดทะมึน และหนอนปีกดำและฝูงยุงดูดเลือดรวมกันเป็นจำนวนมากเหมือนเมฆดำอยู่เต็มท้องฟ้า
องค์หญิงน้อยชี่หมิงเรียกคัมภีร์ของเธอทันทีและให้เด็กเล็กหลบอยู่ในโล่แสงของเธอ ประหนึ่งว่าพวกเขาเข้าใจกันและกัน พวกเขายังเก็บอสูรของตนไว้โดยไม่ตื่นตระหนกเลย จากนั้นองค์หญิงน้อยชี่หมิงเรียกหุ่นขวานเพลิง หุ่นสามัญระดับ 4 และกวักมือเรียกผู้หญิงตัวสูงอย่างใจเย็น แสดงให้เห็นว่าเธอก็ควรมาซ่อนอยู่ในนี้ด้วย
เด็กผู้หญิงตัวสูงเบียดตัวเข้าไปและอุ้มองค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ยไว้
เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าอ้วนไห่มัวงุ่มง่ามยังไม่สามารถเรียกคัมภีร์ออกมาได้เป็นเวลานานแล้ว พวกเขากระทืบเท้าอย่างกังวลใจ เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่เห็นจนชินแล้ว ถ้าเจ้าอ้วนไห่สามารถเรียกคัมภีร์ชั้นทองแดงของตนได้รวดเร็วในฐานะผู้ทำสัญญากับคัมภีร์ เขาจะไม่อ่อนแอกว่านักรบธรรมดา มันเป็นเพราะเจ้าอ้วนไห่เรียกคัมภีร์ช้ากว่าคนอื่นๆ เป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงถูกคนอื่นๆ ทุบตีจนน่วมขณะที่เขายังเรียกคัมภีร์ออกมาไม่เสร็จ ดังนั้นเขาจึงพบโศกนาฏกรรมดังกล่าว
“ดูซะ ลูกพี่อย่างข้าก็ยังเจ๋งที่สุด” เจ้าอ้วนไห่เรียกคัมภีร์ของตนออกมาได้ ด้วยความพยายามอย่างหนัก หลังจากนั้นก็เรียกแรดเหล็ก และเริ่มคุยโวด้วยความภูมิใจเต็มที่
“…..” เย่คงและคนอื่นๆ พูดไม่ออก
“พี่เสี่ยวซาน รีบมาหลบในโล่เถอะ” องค์หญิงรีบร้องเรียกเย่ว์หยางที่ยังสังเกตการณ์อยู่ข้างนอก
“ทุกคนไม่ต้องห่วงข้า พวกเจ้าทุกคนอย่าเคลื่อนไหวโดยพลการ มีบางอย่างแปลกๆ กำลังมา” เย่ว์หยางยืนอยู่ในกลุ่มหนอนปีกดำและยุงดูดเลือดซึ่งยังคงอยู่เต็มท้องฟ้า พอถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดลงในดาบของเขาไฟสีม่วงก็ติดพรึ่บ หนอนปีกดำและยุงดูดเลือดทั้งหมดที่เข้ามาใกล้ตัวเขา ต่างถูกเผาเป็นผุยผง อย่างไรก็ตาม ยังมีหนอนปีกดำและยุงดูดเลือดจำนวนมากมายที่ยังลอยอยู่ในอากาศเหมือนเมฆดำครึ้มซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้าและคลุมดิน เย่คงและพวกเห็นแต่เพียงลางๆ ข้างหน้าว่า มีเปลวไฟโหมกระหน่ำอยู่ 2 จุดเปลวไฟได้พุ่งขึ้นไปบนฟ้า เปลวหนึ่งลุกไหม้จากดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยาง อีกเปลวหนึ่งเป็นเปลวสีดำของปราณปีศาจจากร่างของฮุยไท่หลาง
เย่ว์หยางใช้พลังวงกลมปลาคู่หยินหยาง “วงกลมไร้หัว” ทักษะที่เย่ว์หยางเรียนรู้ด้วยตนเองระหว่างแข่งขันในตระกูลช่วงปีใหม่ ดาบฮุยจินวนช้าลง เปลวไฟสีม่วงเผาผลาญแมลงที่ใช้ความพยายามเข้ามาใกล้
ในรัศมีรอบๆ 1 เมตรจากตัวของเขา เป็นพื้นที่สุญญากาศปลอดจากแมลงปีศาจ
ไม่มีหนอนเข้ามาใกล้ได้
ทันใดนั้น เปลวไฟสีดำจากร่างฮุยไท่หลางขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับเสียงคำรามสุดท้ายขึ้นไปบนท้องฟ้า เปลวไฟสีดำทั้งหมดบนตัวฮุยไท่หลาง ระเบิดกระจัดกระจายเสียงดังกึกก้อง
ปราณปีศาจแผ่กระจายออกจากร่างกายมัน ขณะเดียวกันเปลวไฟนรกก็ห่อหุ้มร่างกายของมัน ไม่ใช่แค่ไหม้และสังหารแมลงปีศาจรอบๆ เท่านั้น แต่แม้แต่แรงกดดันยังมีคุณภาพคล้ายๆ กับการปรากฏตัวของเจ้าปีศาจ แมลงปีศาจที่กลัวและอ่อนแอที่อยู่ด้านหน้า รีบเผ่นหนีไปให้พ้นหน้าฮุยไท่หลางทันที
แรดเหล็กของเจ้าอ้วนไห่ยังถูกขู่ขวัญจนต้องหมอบลงกับพื้น ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรเท่านั้น แม้แต่เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ก็ยังรู้สึกสะท้านใจ มองตรงมาที่ฮุยไท่หลาง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าปีศาจมายืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา เย่ว์หยางก็แปลกใจนิดหน่อย กลับกลายเป็นว่าในช่วงเวลาอย่างนี้ ฮุยไท่หลางเริ่มปล่อยพลังที่น่ากลัวของเจ้าปีศาจฮาซิน แม้ว่าฮุยไท่หลางจะเพียงดูดกลืนพลังปราณปีศาจของจ้าวปีศาจฮาซิน มันก็เป็นปราณของจ้าวปีศาจฮาซินทั้งหมด ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เป็นไปได้ว่าสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายอาจไปกระตุ้นความสามารถที่อยู่ภายในร่างกายฮุยไท่หลางและทำให้มันยกระดับ หรือมีวิวัฒนาการงั้นหรือ?
เย่ว์หยางยินดีอยู่ในใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อย่างนั้นก็เป็นเรื่องประหลาดที่คาดไม่ถึง
ขณะที่เปลวไฟสีดำบนร่างของฮุยไท่หลางทวีความรุนแรงขึ้นและร่างของมันก็ปรับโครงสร้างใหม่อย่างต่อเนื่องและวิวัฒนาการไปเป็นเปลวเพลิงสีดำ ทั่วทั้งหุบเขาทั้งสิ้นก็สั่นสะท้าน เหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังโผล่ออกมาจากพื้นดิน
“อะไรกันอีกล่ะนั่น?” เย่ว์หยางสะดุ้งอยู่ในใจ
ไม่ใช่แรงสั่นสะเทือนเพราะปีศาจพยายามขุดตัวโผล่ออกมาจากพื้นดิน มันใหญ่มากหรือ? อาจจะเป็นก็อดซิลลาจากอีกโลกหนึ่งก็ได้
เปลวไฟสีดำบนตัวฮุยไท่หลางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างของมันยังคงปรับโครงสร้างอย่างต่อเนื่องราวกับว่ามันถูกกระตุ้นโดยปีศาจยักษ์ กระบวนวิวัฒนาการของมันจึงถูกเร่งให้เร็วอีกครั้งหนึ่ง
************************