ตอนที่ 125 – ตอนที่ 122 ครูใหญ่แสนสวย
หลังจากเย่ว์หยางกลับมาปราสาทตระกูลเย่ว์แล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็แยกจากมาและเข้าเฝ้าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้เพื่อรายงานเหตุการณ์สังหารหมอผีปีศาจที่หุบเขาอินทรีร้องที่เทือกเขากุ่ยเจี้ยนโฉว
ตอนแรกเย่ว์หยางคิดว่าเขาจะได้รับรางวัลทันที เขาไม่เคยคิดว่าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้กลับทรงพิโรธ
จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ทรงคิดว่าเด็ก 2 คนนี้ไม่เพียงแต่ประมาทไม่รีบกลับมารายงานยามที่พวกเขาพบกับหมอผีปีศาจ พวกเขากลับตัดสินใจสืบสาวด้วยตนเอง ถือว่าเป็นการทำผิด แม้ว่าเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะนำชัยชนะกลับมาบ้านได้ก็จริง แต่เขาคิดว่าเป็นการโชคดีแล้ว ถ้าพวกเขาเจอพ่อมดปีศาจ (ลิช), หัวหน้าพ่อมดปีศาจแทนละก็ ชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย จึงมีบัญชาให้กักบริเวณพระธิดาของพระองค์ผู้รับงานไปทำโดยพลการในค่ายทหารเป็นเวลา 3 เดือน โชคดีที่เย่ว์หยางถูกตัดสินว่าเป็นผู้ถูกบังคับให้ร่วมงานกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเป็นเหยื่อของความประมาทของพระธิดาของพระองค์ เขาจึงไม่ต้องรับโทษหนักมาก
ทหารที่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ส่งมา บอกว่าสำหรับมุกกันน้ำที่เย่ว์หยางต้องการ ไม่ใช่ว่าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้จะไม่พระราชทานให้เขา เพียงแต่ว่าเขาต้องสอบผ่านความรู้ทั่วไปของการต่อสู้ของนักสู้เสียก่อน
คำถามไม่ยากเกินไปสำหรับเขา เขาน่าจะสอบผ่านได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม นี่คือข้อสอบที่ไม่เหมือนการสอบในโรงเรียนทั่วไป สำหรับเย่ว์หยางแล้วมันทำให้ชีวิตยุ่งยาก อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เย่ว์ปิงที่เรียนมาในสถาบันฉางจิงถึง 4 ปีก็ยังช่วยเย่ว์หยางไม่ได้เลย
คิดจะโกงน่ะหรือ? เสียใจ ทำไม่ได้แน่
มีบางข้อที่ดูเผินๆ เหมือนจะง่าย ยกตัวอย่างเช่น คำถามหนึ่งคือ หอยสังข์ม่วงทองและเกลียวม่วงทองเกี่ยวข้องกันและกันอย่างไร?
ตัวหนึ่งเป็นอสูรประเภทมีก้าม อีกตัวหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอสูรหุ่น ใครจะไปรู้ได้ไอ้ 2 ตัวนี้มันเกี่ยวข้องกันและกันอย่างไร?
เย่ว์ปิงก็ยังไม่เข้าใจ ในที่สุด เย่ว์หยางถือโอกาสถามปู่ห้าตอนที่ท่านเข้ามาเยี่ยม ผู้อาวุโสห้าผงกหัวตีหน้าเคร่งขรึมบอกว่าทั้งสองต่างมีความสัมพันธ์ต่อกันและกันแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่ว์หยางถามเขาว่าพวกมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร ท่านผู้เฒ่ากลับแกล้งบอกว่าเป็นความลับ ไม่ว่าเย่ว์หยางจะแอบยุยงเย่ว์ซวงจอมซนให้ไล่ถอนเคราท่าน ผู้เฒ่าก็ยังไม่ยอมบอกความเกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม
ตัวอย่างอื่นๆ เป็นคำถามง่ายๆ เรื่องสมุนไพร ถ้านักรบคนหนึ่งถูกอสูรงูทรายลายดาวกัด ยาชนิดไหนดีที่สุดในการรักษาได้ทันที? น้ำลายของกิ้งก่าหลังหนามหรือว่าน้ำเลี้ยงของต้นราเงิน?
หลังจากค้นดูจากสารานุกรมสัตว์อสูรและยารักษาโรค เย่ว์หยางดูอย่างใจหาย
ทั้งนี้เป็นเพราะ ไม่ใช่แค่เพียงพิษของงูทรายเท่านั้น ยาอีกสองอย่าง คือน้ำลายของกิ้งก่าหลังหนามและน้ำเลี้ยงของตะไคร่เงินทั้งหมดเป็นของเหลวมีพิษร้ายแรง มนุษย์ปกติจะตายภายในอึดใจเดียวถ้าใช้อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งสามมารักษาบาดเจ็บ หรือว่าจะใช้หลักการพิษข่มพิษ? เย่ว์หยางเหงื่อตกเมื่อได้เห็นข้อเท็จจริงนี้ ช่างเป็นคำถามที่บ้าจริงๆ แม้แต่เย่ว์ปิง นักเรียนตัวอย่างในสถาบันของนางก็ยังไม่รู้คำตอบ แล้วตั้งคำถามแบบนี้มาได้อย่างไรกัน?
มีบางคำถามที่เย่ว์ปิงดูเหมือนทำได้ แต่ก็ทำไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ให้บรรยายระดับของสัตว์อสูร, คุณภาพของแก่นผลึกปีศาจ, หัวใจหุ่นและภาษาปีศาจ…
เย่ว์หยางตระหนักว่าถ้าเขาต้องทำข้อสอบด้วยกำลังตัวเอง เขาคงได้คะแนนศูนย์ ตัวโตๆ แน่
ขนาดได้เย่ว์ปิงช่วย เขายังทำได้เพียง 10 คะแนน
“จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้นี้ต้องทรงว่างมากแน่ สงสัยคงนั่งเฉยๆ จนปวดก้น ข้าเกลียดคนแบบนี้ที่สุด พระองค์ไม่ยอมมอบสมบัติให้โดยตรงเล่า ถ้าหากว่าพระองค์มีจริง แต่กลับมาทดสอบเรื่องไร้สาระกับข้า” เย่ว์หยางหงุดหงิดมาก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นเจ้าชายแห่งการทดสอบในอีกโลกหนึ่ง (ในเกม) วิธีโกงของเขาทำให้เขาเลื่อนระดับไปถึงเป็นผู้วิเศษ ใครกันจะรู้ว่าเขากลับสอบตกข้อเขียนอย่างหมดสภาพในเวลานี้
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางแทบบ้าก็คือตามรายงาน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสามารถทำคะแนนได้ถึง 65 เมื่อนางสอบข้อเขียนนี้ สำหรับจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ พระธิดาอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้จอมเพี้ยนผู้มีชนมายุ 182 ปี นางเป็นน้องขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อายุ 6 ปี ยังเล่นสนุกด้วยกันกับเย่ว์ชวงเมื่อปีใหม่อยู่เลย เธอยังทำคะแนนทดสอบได้ถึง 80 คะแนน
นี่มันน่าขายหน้าสุดๆ
เขาคงจะปล่อยวางดีกว่า ถ้าเขาไม่สามารถทำคะแนนได้สูงกว่าองค์หญิงเชียนเชียน นางมีการศึกษา ได้รับการพิจารณาว่าในอนาคตจะได้เป็นจักรพรรดินีแห่งต้าเซี่ย ส่วนเขา…ยังเทียบกับเด็ก 6 ขวบไม่ได้เลย
เย่ว์หยางเหมือนโดนระเบิดลงขนานใหญ่ เขาตัดสินใจไปเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาเพื่อเรียนรู้อย่างเข้มข้น
ก็ตระกูลรังแกเขาจนไม่ได้มีการศึกษาขั้นพื้นฐานเหรอ?
ถ้าไม่ใช่เขา แต่เป็นสหายผู้น่าสงสาร ที่เอาแต่อ่านหนังสืออยู่ในบ้านทุกวัน เขาอาจจะสอบผ่านก็ได้ เขาเพิ่งเดินทางมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เอง ดังนั้น เขาจะรู้เรื่องหลายอย่างเหล่านี้ได้อย่างไร? ถ้าเขาไปเข้าเรียนสัก 1 ปี มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องง่ายๆ แบบนี้
เย่ว์ปิงที่เหมือนจะสอบตกในการเรียนรู้ นางรู้แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอสูรพฤกษาเท่านั้น ก็ยังรู้สึกละอายใจตัวเอง นางไม่รู้อะไรมากไปกว่าอสูรพฤกษาเลย
“พี่สาม! ข้ายังคงต้องการไปเรียนพร้อมกับพี่ อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างลำบากสำหรับข้าที่จะย้ายไปเข้าเรียนโรงเรียนของพี่ จากสถาบันฉางจิง” เย่ว์ปิงต้องการลาออกจากสถาบันฉางจิงซึ่งมีชื่อเสียงดีที่สุด และย้ายไปเรียนในสถาบันที่แย่ที่สุดอย่างฉางชุนเถิง ความจริง มันไม่สำคัญว่านางจะไปเรียนที่โรงเรียนไหน นางแค่ต้องการตามพี่ชายของนาง สถาบันฉางชุนเถิงเป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่เทียบกับสถาบันฉางจิงไม่ได้ ในเรื่องหลักสูตรอสูรสายพฤกษาและอสูรแมลง อย่างไรก็ตาม หลักสูตรอสูรสัตว์ร้ายและอสูรปีกของที่นั่นยังนับว่าไม่ได้แย่กว่าสถาบันฉางจริงเลย แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญต่อเย่ว์ปิงที่ถนัดเฉพาะอสูรสายพฤกษาเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าข้าต้องส่งจดหมายถึงอี้หนานเสียแล้ว”
เย่ว์หยางตัดสินใจส่งจดหมายถึงอี้หนานเพื่ออนาคตชีวิตที่สุขสม เขาสั่งคนใช้ของเขาให้ไปสมาคมนักล่าในที่รวมนักรบเพื่อให้ส่งจดหมาย
นี่คือข้อความในจดหมายเขา “พี่อี้หนาน! อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า ความหนุ่มสาวของท่านอาจเสียไปเปล่าหาท่านไม่เห็นคุณค่าของเวลาและเราต้องสู้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ นั่นคือสาเหตุที่เราต้องเห็นคุณค่าเวลาของเรา เราต้องจีบสาวๆ ให้ได้มากขณะที่เรายังหนุ่มสาวอยู่ นั่นจะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุข ข้าได้ยินว่ามีสาวสวยเป็นจำนวนมากในโรงเรียน พวกนางเปิดเผยและน่าหลงใหล บางครั้งพวกนางไม่สามารถทนรอให้ผู้ชายมาจีบก็มีบ้างที่ฉุดชายหนุ่มรูปหล่อไม่ว่าจะเป็นที่สวน สนามหญ้า, ป่า เนินเขาหรือแม้แต่ในศาลา เพื่อช่วยรักษาสาวๆ เหล่านี้ผู้กำลังหมดหวังในความรัก เพื่อจะปลดปล่อยพวกนางจากความเจ็บปวดที่กำลังเผาผลาญความหลงใหลที่ทำลายร่างกายพวกนาง ข้าตัดสินใจที่จะเสียสละครั้งยิ่งใหญ่แล้ว ข้าตัดสินใจเข้าโรงเรียนเพื่อจะได้ไปสอนความรักที่ถูกต้องแก่พวกนาง ข้าจะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศตรงข้ามทุกอย่างเพื่อให้พวกนางได้เข้าใจมากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการสร้างรากฐานที่แข็งแรง สำหรับชีวิตรักที่สุขสมในอนาคต มันยากที่จะสู้ได้เพียงลำพังนะ ข้าออกจะหายใจไม่ออกถ้าหากหน้าอกพวกนางใหญ่พอ สถานการณ์ที่สำคัญแบบนี้ ข้าต้องการความช่วยเหลือของเจ้านะ พี่อี้หนาน เรามาว่ายทะเลอกสาวๆ ด้วยกันนะ…
เขาไม่รู้ว่าสตรีอย่างอี้หนานจะทำหน้ายังไงเมื่อนางได้อ่านจดหมายนี้
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสามารถรับรองได้ว่า อี้หนานจะต้องรีบวิ่งตามมาที่สถาบันทันใด หลังจากได้อ่านจดหมายแล้ว
ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางยังเขียนจดหมายถึง เจ้าอ้วนไห่, เย่คง,และคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องสาวสวย จดหมายเขาแค่เขียนคำไม่กี่คำ …เข้าเรียนในสถาบันฉางชุนเถิง
สมาชิกในตระกูลถึงกับถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเย่ว์หยาง เจ้าตัววุ่นผู้นี้ตัดสินใจไปโรงเรียน พวกเขาสนับสนุนทุนการศึกษาเป็นทอง 100 เหรียญ แน่นอนว่าในใจเย่ว์หยางคิดว่าเขายังคงสูญเสียมากกว่า ทั้งนี้เป็นเพราะตระกูลเย่ว์ยอมรับโครงกระดูกของมังกรเยือกแข็งยักษ์ ผู้อาวุโสห้ากล่าวว่า โครงกระดูกมังกรยักษ์นี้สามารถเอามาสร้างหุ่นมังกรยักษ์ได้ ใช้เวลาสร้าง 3 ปี เขาคาดว่าจะสามารถสร้างเป็นหุ่นมังกรยักษ์อสูรทองแดงระดับ 7 ได้
เมื่อเขาได้ยินว่ากระดูกมังกรยังสามารถสร้างของที่มีประโยชน์ได้ถึงเพียงนี้ เย่ว์หยางรู้สึกว่าตนได้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงเสียแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าโครงกระดูกมังกรยักษ์เป็นของที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่ต้องการ กลับเป็นของที่คนในตระกูลเย่ว์ต้องการ
เพื่อยกย่องที่เย่ว์หยางสามารถสังหารมังกรเยือกแข็งยักษ์ได้ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ยกย่องแม่สี่ว่าเป็นผู้มีความสามารถเลี้ยงดูเขาได้ดีในช่วงที่จัดงานเลี้ยงของตระกูล เขาเสนอให้แม่สี่เขียนเทคนิคดูแลเลี้ยงลูกไว้ในบันทึกเหตุการณ์ประวัติสำคัญของตระกูล เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำผลงานของแม่สี่ที่มีต่อตระกูลเย่ว์ในฐานะแบบอย่างของภรรยาผู้มีคุณงามความดี
เขียนในนามสะใภ้ตระกูลบันทึกเหตุการณ์สำคัญของตระกูลใหญ่จำต้องต้องได้รับการอ้างถึงโดย 3 ผู้อาวุโสของตระกูล แต่ผู้เฒ่าเย่ว์ไหเสนอขึ้นในระหว่างงานเลี้ยงตระกูลด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตกตะลึงกันทั้งตระกูล
ตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นมา โดยวัดจากความสำเร็จของบุตร
เพราะพลังของเย่ว์หยาง สถานะของแม่สี่ในตระกูล จึงได้รับการยกย่องอย่างสูงในระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยนางแล้ว
ทั้งญาติและบริวารที่เคยรังแกนางก่อนหน้านี้ ต่างพากันไปเยี่ยนเยือนนาง ขอร้องให้นางยกโทษให้
โชคดีที่แม่สี่เป็นคนใจดี นางไม่ถือสาพวกเขา มิฉะนั้นแล้วจะต้องมีคนหลายคนถูกเฆี่ยนด้วยไม้แผ่น…ตอนนี้ คนทั้งตระกูลเย่ว์เข้าใจสถานะของแม่สี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสถานะของนางจะไม่ตกต่ำไปอีกนาน สถานะของนางมีแต่จะสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต ทั้งนี้เป็นเพราะเจ้าบ้าเย่ว์หยาง ที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา จู่ๆ ก็ขึ้นมามีอำนาจ ในอนาคตไม่มีใครรู้ว่ายังจะมีอำนาจมากขนาดไหน
คนเป็นอันมากคิดว่าแม้ใช้การประเมินแบบอนรักษ์นิยม เจ้าเด็กบ้านี่อย่างน้อยก็คือเย่ว์ชิวคนที่สอง เขากำลังก้าวเท้าตามบิดาของเขา และจะกลายเป็นนักสู้ระดับ 7 (เหนือมนุษย์) คนที่ 2
เย่ว์หยางไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูล แต่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ได้จัดที่นั่งให้เขาและนั่งใกล้ๆ ที่นั่งของเขา
เขาแค่เป็นรองจากนายใหญ่เย่ว์ซาน, และนายรองเย่ว์หลิ่ง
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ได้ยืนยันสถานะให้เย่ว์หยางชัดเจนแล้ว
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ไม่เห็นเย่ว์หยาง ดังนั้นท่านจึงไม่พูดเย่ว์หยางระหว่างงานเลี้ยงของตระกูล เขายกย่องแม่สี่อยู่หลายครั้ง แม้กระทั่งให้รางวัลนางเป็นบันทึกบรรพบุรุษ ดูผิวเผิน เขาบอกว่าบันทึกนั้นเป็นรางวัลสำหรับคุณงามความดีของนาง แต่แม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่านี่เป็นวิธีการฝากคู่มืออสูรหุ่นไปให้เย่ว์หยาง
นี่คือหนังสือที่ถูกบันทึกในการร่วมทำงานระหว่างภูตอัจฉริยะเย่ว์กงและปรมาจารย์หุ่นทั้ง 5 ของตระกูลเย่ว์ ไท่, หัว, เหอ, หง,และซง ก็คือคู่มืออสูรหุ่น มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่ำที่สุดของตระกูลเย่ว์ จำนวนคนในตระกูลเย่ว์ที่เป็นเจ้าของคู่มือนี้แทบจะนับนิ้วได้เลย คุณชายใหญ่เย่ว์เทียนและคุณชายสี่เย่ว์เยี่ยนอยากได้มันเป็นเวลานานแล้ว แต่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ไม่เคยให้พวกเขา ใครจะคิดว่าวันนี้ คนที่ได้รับสมบัติที่ล้ำค่านี้จะเป็นเย่ว์หยางคนที่สร้างศัตรูทั้งตระกูล? นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก มันก็ยังเป็นความจริงตามวิถีของตระกูลเย่ว์ที่มีมาโดยพวกเขาได้ยึดถือกันมาหลายรุ่นแล้ว ใครก็ตามที่โดดเด่นที่สุดจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดและการสนับสนุนจากทั้งตระกูล
ในฐานะผู้รักษาการหัวหน้าตระกูล เย่ว์ชานไม่โกรธเลย แล้วยังปรบมือกระตือรือร้นมอบคู่มืออสูรหุ่นให้แม่สี่ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล่าวขอโทษสำหรับเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้
เมื่อเย่ว์ปิงบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่นางกลับมา เย่ว์หยางชักกลัวจริงๆ
เย่ว์ซานผู้นี้เป็นนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ โชคดีที่เขาไม่ใช่เหล็งฮู้ชง (จากเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร) มิฉะนั้นคงเป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ…
10 วันต่อมา
เย่ว์หยางกับเย่ว์ปิงจำต้องอำลาแม่สี่และเดินทางไปฉางจิง เมืองหลวงของอาณาจักรต้าเซี่ย
เย่ว์ปิงไปเตรียมตัวทำเรื่องขอลาออกจากสถาบันฉางจิง ขณะที่เย่ว์หยางตรงไปที่สถาบันฉางชุนเถิงที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถาบันฉางจิงเพื่อรายงานตัวเข้าศึกษา เมื่อเทียบความสูงเด่น ความเก่งที่เห็นได้จากหน้าประตูสถาบันฉางจิง สถาบันฉางชุนเถิงที่ถูกถนนใหญ่แบ่งแยกจากสถาบันฉางจิง ก็เหมือนขยะที่ไม่มีอะไรจะขยะยิ่งกว่า นอกจากดูเขียวขจีสวยดี นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย
“มีใครอยู่นี่ไหม?” เย่ว์หยางกังวลว่าถ้าเขาตะโกนดังเกินไป หลังคาและผนังทรุดโทรมจะพังทลายลงมา ดังนั้น เขาทำได้เพียงเรียกออกไปด้วยเสียงเบา
“เอาล่ะ, ประตูนี้เป็นแบบนี้มาหลายร้อยปีแล้ว มันไม่พังหรอก อย่าห่วงมากนักเลย เข้ามาเถอะ” มีชายชราไว้เคราแพะคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากข้างในโบกมือให้เย่ว์หยาง เย่ว์หยางเริ่มเหงื่อตกจนพูดไม่ออก เขาควรจะไปเข้าเรียนสถาบันฉางจิงที่สูงเด่น ยามมองจากประตู ข้างในมีนักเรียนสาวรุ่นพี่หุ่นดีรอต้อนรับน้องใหม่ และแต่งตั้งนักเรียนหนุ่มหล่อให้เป็นหัวหน้านักเรียน และยังมียามเกราะเงินมองดูสูงตระหง่านเฝ้ายามอยู่ด้านนอก ส่วนสถาบันฉางชุนเถิงนี้ เหมือนกับนรก ถ้าเขาต้องการถ่ายหนังสยองขวัญ เขาไม่ต้องทำเอ็ฟเฟ็คปล่อยควันสีขาวเลย แค่ลงมือถ่ายทำได้ทันที ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พวกเขาแค่ส่งชายชราไว้เคราแพะมาต้อนรับนักเรียนใหม่ อย่างนี้ก็เหมือนกับบีบบังคับให้นักเรียนไปเข้าเรียนที่ฉางจิงแทนไม่ใช่หรือ?
ในโรงเรียนอย่างนี้ เขาจะไปหาสาวงามได้จากไหน?
เย่ว์หยางเหงื่อตกเป็นห่าฝน
เขาไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับการพิชิตสาวงาม 2-3 คน ตามที่เจ้าอ้วนไห่พูดถึง โอกาสที่เขาจะพิชิตใจสาวงามจากสถาบันฉางจิงคงจะแน่นอนดีกว่า
พอเห็นชายชราไว้เคราแพะผู้นี้ที่เป็นเหมือนเจ้าบ้านจอมละโมบ เย่ว์หยางถามกันแบบไม่มีกั๊กเลยว่า “คุณครูสาวสวยจากสถาบันของท่านไปไหนหมด? ทำไมพวกนางส่งท่านมารับนักเรียนใหม่ล่ะ? ท่านไม่รู้หรือว่าสารรูปท่านจะไล่นักเรียนใหม่ให้หนีไปง่ายๆ ได้?”
ชายชราเคราแพะโบกมือพัลวัน “นักเรียนที่อยู่ตรงนี้ ข้าเป็นครูที่ดูดีที่สุดในสถาบันนี้แล้ว ไปที่พักได้แล้ว”
“ข้าจะกลับบ้านล่ะ” พอได้ยินว่าครูสาวสวยไม่อยู่ที่นี่ และคนหล่อที่สุดในโรงเรียนนี้เป็นตาแก่คนหนึ่ง เขาคิดว่าเขาคงทรมานใจแน่ถ้าเข้าเรียนในสถาบันนี้
“อย่าทำแบบนี้เลย ครูคนสวยก็ยังสอนอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ข้าเชื่อว่าเจ้าควรจะเข้าใจว่าบรรยากาศที่ดีเป็นเรื่องใหญ่ มันดูเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า ถ้ามีครูคนงามมายืนต้อนรับนักเรียนใหม่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่า นางไม่ใช่ของจริง ความงามที่แท้จริง สิ่งดีๆ หลายอย่างมักยากจะจับต้องได้ ถ้าเจ้ามองแต่เพียงผิวเผิน แล้วเจ้าจะพบไข่มุกที่วางอยู่บนเตียงในมหาสมุทรได้อย่างไร? ชายชราเคราแพะยับยั้งไม่ให้เย่ว์หยางจากไป และเอาหนังสือมีภาพสีประกอบออกมาจากชุดของเขา”ไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจะยอมให้เจ้า นักเรียนใหม่ได้ดูแคตตาล็อคภาพสาวงามประจำโรงเรียนของเรา มีสี่สาวงามในโรงเรียนของเรา แต่ละนางงามล่มเมืองทั้งนั้น ยังมีสี่บุปผางามของสถาบัน และแต่ละนางก็สดใส นุ่มนวล อ่อนหวานทั้งนั้น สุดท้ายนี้เรายังมีครูคนงามอีก 2 นาง เจ้า…ต้องการดูไหม?”
“ต้องการสิ” ภูมิต้านทานคนงามของเย่ว์หยาง เป็นศูนย์
“จ่ายมาก่อน, แคตตาล็อกคนงามของสถาบันเรา ใช่ว่าจะเปิดดูได้ทั่วไปนะ” ผู้เฒ่าเคราแพะเกือบจะน็อคเย่ว์หยางลงกับพื้น
แต่มันก็ยังเป็นวิธีที่ดี อย่างน้อยเขาคงไม่จำเป็นต้องสู้กับหมาป่าสถาบันฉางจิงที่มาปล้นคนงามที่มีอยู่อย่างจำกัดไป
เย่ว์หยางอดทนเจ็บใจจ่ายเงินไป 5 เหรียญทอง เตรียมพร้อมที่จะจ่ายค่าลงทะเบียนและรับแคตตาล็อกคนงามไป
ใครจะรู้กันว่าผู้เฒ่าเคราแพะผู้นี้โบกมือส่ายศีรษะพูดว่า “นักเรียน ค่าลงทะเบียนของเจ้าไม่ใช่ 5 เหรียญทอง แต่เป็น 50 เหรียญทอง ดีที่สุดหากเจ้าจ่ายเพิ่มอีก 50 เหรียญทองเป็นเงินฝาก มิฉะนั้นข้าจะไม่ช่วยให้เจ้าได้ลงทะเบียน
พอได้ยินเช่นนี้ เย่ว์หยางแปลกใจอย่างมาก
ไม่นานหลังจากนั้น เขาคว้าเสื้อของชายชราเคราแพะแผลเสียงอย่างโกรธเคือง “ ตาแก่, กล้าขึ้นราคาต่อหน้าต่อตาข้าหรือ? ทุกคนจ่ายกันแค่ 5 เหรียญทอง ทำไมข้าถึงต้องจ่าย 50 เหรียญทองเล่า
ชายชราเคราแพะถูกเย่ว์หยางยกจนลอย แต่สีหน้าของเขายังยิ้มเป็นปกติ “เราสถาบันฉางชุนเถิงสอนนักเรียนอยู่บนพื้นฐานความสามารถของพวกเขา แม่นางน้อยที่มาคู่กับเจ้ามีพลังภายในที่สมบูรณ์และอนาคตสดใสรออยู่ นางยังเป็นคนงาม และสามารถดึงดูดนักเรียนใหม่มาเข้าโรงเรียนเรา เราไม่ว่าอะไรที่จะรับให้นางลงทะเบียนเรียนฟรีๆ แต่สำหรับตัวเจ้า เจ้ามันตัวลามกอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเจ้าลงทะเบียนได้ เจ้าจะต้องขโมยแคตตาล็อกคนงามของเราไปแน่ เจ้านิสัยตรงกันข้ามกับแม่นางน้อยนั่น ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังอารมณ์วู่วาม ถ้าเจ้าไปต่อสู้กับคนอื่นๆ เดือนละไม่กี่ครั้ง เป้นไปได้อย่างไรที่เราจะไม่ยอมรับเงินจากคนโง่อย่างเจ้าให้มากไว้? ทอง 50 เหรียญเป็นเงินประกันพิศษที่จะระมัดระวังไม่ให้เจ้าไปก่อเรื่องสูญเสียชื่อของสถาบัน
“ท่านคิดว่าข้าเป็นคนชั่วร้ายที่เอาแต่ไล่ปล้ำผู้หญิงหรือไง? ข้า และครอบครัวข้าจนจริงๆ นะ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะทำมาหากินหาทรัพย์มาได้ ผู้คนทั้ง 18 รุ่นของตระกูลข้าจะต้องเป็นแรงงานข้ามชาติ จึงต้องแสวงหาความรู้ พวกเราทุกคนยังเป็นเกษตรกรอยู่ หลังจากพ่อแม่ข้าตาย ข้าก็ได้ท่านอาคอยเลี้ยงดูให้ความรู้ข้า ข้าได้กินแค่ยามหิวเท่านั้น 5 เหรียญทองเป็นเงินที่ข้าอดออมเก็บไว้หลังจากอดอยากมาเป็นเวลา 10 ปี เมื่อสะสมทีละนิดๆ ในที่สุดก็ได้มากเท่านี้” เย่ว์หยางเกือบจะพูดว่าเขาเป็นเหมือนเด็กหญิงไม้ขีดไฟ จากหนังสือของฮานส์ แอนเดอสัน
“ข้าเข้าใจ และก็เห็นอกเห็นใจสถานะของครอบครัวเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นนักเรียนคนแรกในประวัติศาสตร์โรงเรียนที่กล้าคว้าคอเสื้อครูใหญ่โรงเรียน ขอแค่ 50 เหรียญทองจากเจ้า ก็ไม่ถือว่ามากเกินไปหรอก” ชายชราเคราแพะอธิบายอย่างใจเย็น
“ท่านเป็นครูใหญ่โรงเรียนเหรอ?” เย่ว์หยางรีบวางชายชราเคราแพะลงเมื่อได้ยินเขาพูด
“รองฯ” ผู้เฒ่าเคราแพะยอมรับ
“อย่างงั้น ใครเป็นครูใหญ่จริงๆ?” ก่อนที่เขาจะมาโลกนี้ เย่ว์หยางอ่านนิยายมาหลายเรื่อง บ่อยครั้งที่มีโรงเรียนในเรื่องเหล่านั้น รองครูใหญ่เป็นคนเลว ขณะที่ครูใหญ่จะเป็นคนดี บ่อยครั้งที่ครูใหญ่จะไม่สนใจเรื่องการบริหารกลับดื่มจนเมาแทน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะทำท่าเหมือนเป็นคนโง่ เขาก็ยังแข็งแกร่งเชี่ยวชาญยอมรับพระเอกเป็นศิษย์ ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าครูใหญ่จะเป็นคนน่าเกลียดอย่างไรก็ตาม เขามักจะมีหลานสาวที่โสดและสวย
สรุปได้ว่า แม้หลังจากที่เขาเดินทางข้ามมิติมาอีกโลกหนึ่ง เขาต้องอยู่ห่างๆ จากรองครูใหญ่ให้ดี
แต่ถ้าเขากลายเป็นคนคุ้นเคยกับรองครูใหญ่นี้ ก็จะทำให้เขาเข้าถึงสาวๆ ได้ง่ายกว่า
“ครูใหญ่ตัวจริงก็คือ ครูสาวแสนสวยที่ข้าเพิ่งเอ่ยถึง นางเป็นหนึ่งในครูแสนสวยของเรา และยังเป็น 1 ใน 10 สาวงามของเราอีกด้วย” ผู้เฒ่าเคราแพะจงใจ พลิกหนังสือไปที่ภาพประกอบสาวสวยต่อหน้าเย่ว์หยาง ภาพสาวงามเป็นภาพกึ่งเปลือยที่ดูยั่วยวนอารมณ์เหมือนกับนางเพิ่งขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ เย่ว์หยางกลืนน้ำลายทันทีที่เห็นภาพนี้ เป็นไปได้หรือที่สาวเซ็กซี่นางนี้จะเป็นครูใหญ่
************************************