ตอนที่ 119 ปลุกวิญญาณ
ถังเทียนเริ่มก้าวเดินไปบนพื้นโดยไม่คาดคิดอะไรและฝุ่นดินใต้เท้าเขาระเบิดดังปังทันที ในท่ามกลางเศษดินที่ร่วงลงเหมือนฝนในทุกที่ร่างถังเทียนหายวับทันที
ชั่วเวลาต่อมาถังเทียนมาปรากฏข้างตัวหั่วฉี
เลือดในตัวเขากำลังเดือดพล่านด้วยพลังงานซึมซาบไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
สัญชาตญาณของเขาชัดเจนขึ้น การควบคุมการโคจรของพลังปราณเที่ยงแท้ทำได้ไม่ยาก ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังไม่สิ้นสุดแค่อาศัยพลังของเขา ถังเทียนรู้สึกว่าเขาสามารถฆ่าช้างให้ตายได้ในหมัดเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนอยู่ในสภาวะคลั่งแต่ไม่สูญเสียการควบคุมตนเอง ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติเขาคงประหลาดใจตนเองแทบบ้าไปแล้ว
แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเขาให้ความสำคัญอยู่ข้างหน้า ภายในดวงตาสีแดงของเขา มีแต่เพียงหั่วฉีเท่านั้น
พื้นที่การมองของเขาเลือนลาง ขณะที่เขาเหินบินด้วยความเร็วสูง แขนขวาของเขามีเพลิงสีเขียวลุกโพลง อบอุ่นและกล้าแข็ง
หั่วฉีคิดจะก้าวหลบฉากและในสายตาถังเทียน นี่เป็นครั้งแรกที่ความเคลื่อนไหวของเขากลายเป็นชัดเจนมาก
ตอนนี้แหละ!
ทันใดนั้นถังเทียนตวาดลั่น ถ่ายเทพลังทั้งหมดและฝากความหวังไว้ในหมัดนี้เสียงเพลิงลุกโหมและระเบิดออกมา
หมัดนี้จะไม่ทำให้ปณิธานของเจ้าผิดหวังแน่นอน
เปลวเพลิงในดวงตาแดงฉานของเขาฉายประกายหมัดของถังเทียนต่อยถูกร่างของหั่วฉี
เคล็ดสังหารสะท้านสุญญากาศ
บอลแสงโปร่งใสปลิวออกมาเหมือนฟองน้ำอย่างเงียบและคลุมร่างหั่วฉีไว้ทั้งหมดและสิ่งที่ประหลาดพลันอุบัติคือ บอลสุญญากาศปรากฏแสงเขียวเลือนลาง
ภายในบอลสุญญากาศเขียวตาสีแดงแปลกประหลาดของหั่วฉีแสดงอาการตื่นเต้นเป็นครั้งแรก
เป๊าะ
บอลสุญญากาศขนาดมหึมาไม่เคยปรากฏมาก่อนแตกตัว
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
กระแสอากาศบางเหมือนมีดนับไม่ถ้วนไหลมาจากทุกตำแหน่งวิ่งเข้าหาหั่วฉีอย่างเมามัน
ประกายหวาดกลัวพาดผ่านสายตาของหั่วฉีและมือทั้งสองของเขากุมศีรษะ ขณะที่เขางอตัว
ปุ ปุ ปุ!
มีดอากาศบางเบาแทงเข้าร่างของหั่วฉีที่ตัวงอเป็นกุ้ง ร่างของเขาเป็นเหมือนตะแกรงที่สั่นสะท้าน
"อ๊า.."บุรุษร่างสูงร้องออกมา เหมือนกับว่าเขากำลังถูกโจมตีทำร้ายด้วยพลังที่มองไม่เห็นจนเขาปลิว
ปัง!
ฟองเพลิงสีเขียวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างของหั่วฉีและพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
หั่วฉีผู้ถูกบอลเพลิงเขียวห่อหุ้มไว้ร้องโหยหวนอยู่ภายในเปลวเพลิงสีเขียว
ถังเทียนคุกเข่าหอบหายใจตาเบิกกว้าง จ้องมองหั่วฉีกลิ้งเกลือกอยู่ในเปลวเพลิง หมัดนั้นสูบเอาเรี่ยวแรงของเขาไปทั้งหมด
เราชนะหรือเปล่า...?
จิตใจของถังเทียนว่างเปล่า หลังจากใช้พลังของเขาไปทั้งหมด
เสียงร้องโหยหวนของบุรุษร่างสูงยิ่งดูโศกเศร้าอาดูรเพลิงสีเขียวเผาผลาญร่างเขาจนถึงปลายนิ้ว สีหน้าของเขาแสดงความหวาดกลัวและสิ้นหวังขณะที่เพลิงสีเขียวเหมือนหนอนไชกระดูกพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา
จุดที่ถูกไฟไหม้ไม่ทิ้งไว้แม้แต่ขี้เถ้า
นัยน์ตาของบุรุษร่างสูงฉายประกายแห่งความกลัว ทันใดนั้นเขาส่งเสียงกู่ร้อง
หั่วฉีที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่ในเปลวไฟสีเขียวกลิ้งทับเปลวเพลิงก่อนจะโดดเข้าไปในร่างของบุรุษร่างสูง และเขากลายเป็นคนที่มีเปลวเพลิงลุกติดตัวทันที
"อ๊า อ๊า อ๊าอ๊า!" บุรุษร่างสูงร้องลั่นด้วยเสียงแหลมสูงความเจ็บปวดผสานกับเสียงร้องโหยหวนทำให้ร่างเขาสั่นรุนแรง กล้ามและเนื้อบนร่างของเขากำลังไหลและละลายเหมือนดินน้ำมันเป็นฉากภาพที่น่าสยดสยอง
ใครก็ตามที่ได้เห็นประจักษ์กับภาพที่เกิดขึ้นข้างหน้าคงตกตะลึงอย่างหนัก
น่ากลัวมาก...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ถังเทียนจ้องมองบุรุษร่างสูงอย่างว่างเปล่าฉากภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขานั้นเกินความรู้ของเขาไปมาก.... เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทันใดนั้นความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งกับบุรุษร่างสูงในฐานะเป็นศูนย์กลางส่งเสียงดังได้ยินทั่วทุกที่
เปลวเพลิงบนร่างของบุรุษตัวสูงค่อยๆมอดลงอย่างช้าๆ ร่างของเขามาปรากฏต่อหน้าถังเทียน หน้าของเขากลับคล้ายหั่วฉี และสิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือเขามีตาที่แดงคล้ายกับตาของหั่วฉี และผิวของเขากลายเป็นสีเทา
"ฮ่าฮ่า" บุรุษร่างสูงหัวเราะด้วยเสียงที่แหบแห้ง"ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะบังคับให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะสามารถหลอมรวมร่างกับหั่วฉีได้อย่างไร?"
"หลอมรวมร่าง?" ถังเทียนจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างระแวง
"ถูกแล้ว! นี่คือการรวมร่าง"บุรุษร่างสูงพูดอย่างภูมิใจ "การค้นคว้าการ์ดวิญญาณไกลเกินกว่าความรู้ของเจ้าจะเข้าใจได้ ชะตาของหั่วฉีและกำเนิดของข้าเป็นของข้า เขาเขา, แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าคงไม่มีทางพยายามรวมร่างแน่ ระดับความล้มเหลวสูงมาก ดังนั้นข้าต้องขอบคุณเจ้า"
เขามองดูที่มือของตนเองซึ่งเดิมทีไหม้จากเพลิงสีเขียว ตอนนี้มือคู่นั้นฟื้นฟูดีแล้ว
เขาเป็นเหมือนกำลังพร่ำเพ้อ "นี่คือพลังที่แท้จริง! มันทำให้คนมึนเมาและทำให้ผู้เสพติดมัน ดังนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ตัวข้าเรียกว่าหั่วฉี"
ทันใดนั้นเขาเงยหน้าขึ้นหน้าของเขาเหมือนคนกำลังเพ้อเจ้อ "เป็นไงบ้าง? เจ้าตื่นเต้นไหม?ตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมกับเรา เจ้าก็สามารถบรรลุพลังเช่นนี้ได้”
"นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ข้าให้เจ้าแล้ว" บุรุษร่างสูงพูดอย่างใจเย็นพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาด้วย
ทันใดนั้นมีลมพัดมาวูบหนึ่ง
ร่างผอมแห้งร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าถังเทียน
※※※※※※
ในห้องจิตวิญญาณพลังยุทธ เสียงของปิงดังลอยออกมา
"ในช่วงเวลายุคของเรา ไม่มีคนประหลาดอย่างนั้น โลกนี้ก้าวหน้าไปมากจนทำให้ข้ารู้สึกว่างเปล่า เจ้าก็รู้ ข้าเป็นคนประเภทครูฝึกทหารใจก็มักจะนึกถึงเรื่องเก่าๆ เสมอ"
ปิงอยู่ในอีกด้านหนึ่ง รีบโยนแก่นพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของผู้เฒ่าหนงกรงเล็บภูตพรายและอีกทางหนึ่งก็พูดลอยๆ "ข้าไม่มีโอกาส ข้าไม่ใช่ขุนพลวิญญาณประเภทต่อสู้ถ้าแค่เอาชนะพวกสวะเล็กน้อย ข้าสามารถทำได้ แต่เจ้าตัวใหญ่นี้ คงต้องขึ้นอยู่กับเจ้า ขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งและประหลาดอย่างนั้น ในยุคของเราพบเห็นได้ยาก นอกจากว่าเป็นเพราะวิทยาการใหม่ๆ? เป็นไปได้แต่ทำให้ตนเองกลายเป็นสภาพไม่คล้ายมนุษย์ ไม่คล้ายวิญญาณ พลังแบบนี้ ราคาที่เจ้าต้องจ่ายออกไปมากมายขนาดไหน?"
"ครั้งนี้ข้าต้องเสี่ยงดวงเอาอย่างหนักทั้งหมดนี้เป็นแก่นพลังวิญญาณระดับเจ็ดพลังของเจ้าจะได้รับการรักษาไว้ในระดับสูงสุด ช่วงสุดยอดของเจ้าเมื่อเวลาเจ้ามีชีวิตคงเป็นระยะเวลาสั้นๆ แม้ว่าจิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้ายังเหลืออยู่น้อยมาก แต่ข้ารู้ว่าเจ้ายังคงไม่พอใจระดับความเชี่ยวชาญของกรงเล็บภูตพรายที่เจ้าบัญญัติขึ้นมากรงเล็บเพลิงภูตพรายจะหายไปอย่างไม่คาดคิดใช่ไหม?”
แก่นวิญญาณระดับเจ็ดทั้งสิบเม็ดถังเทียนต้องใช้คะแนนถึงพันคะแนนแลกซื้อมา ถ้าไม่ใช่เพราะปิงขอร้องจริงจัง ถังเทียนคงไม่ยินดีซื้อมาเองแน่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แก่นวิญญาณระดับเจ็ดเป็นเหมือนกับโยนเงินทิ้งออกไป ขณะที่มันถูกเติมเข้าในร่างกรงเล็บภูตพราย
"แม้ตายไปแล้วเจ้าก็ยังไม่พอใจ..."
พลังงานจิตวิญญาณจากแก่นพลังวิญญาณระดับเจ็ดเพิ่มขึ้นเรื่อง แก่นพลังวิญญาณทุกเม็ดที่เข้าไปในร่างของกรงเล็บภูตพรายทำให้เกิดระลอกแสง แสงเปล่งออกมาจากขาของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายจากนั้นก็เป็นลำตัวไล่ไปจนถึงศีรษะ
ทุกครั้งที่รัศมีแสงกวาดผ่าน ร่างของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายก็ชัดเจนขึ้น ร่างของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายผอมบางเหมือนท่อนฟืนสีหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์ ตาของเขาลึกสงบเหมือนท้องฟ้ายามราตรี
"อย่างไรก็ตามโชคของเจ้านับว่าดีที่สามารถมาพบกับเจ้างี่เง่านั่น ดูเหมือนเจ้ามีโอกาสจะได้ออกไปสู้อีกครั้ง เป็นยังไงเล่า? เจ้าต้องการหาความตื่นเต้นใช่แล้ว กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเจ้าจะได้จุดประกายในโลกอีกครั้ง เจ้าจะได้เข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง หลังจากสั่งสมความไม่พอใจและความภูมิใจทั้งหมดมาเป็นเวลานาน ทั้งหมดจะได้รับการปลดปล่อย"
"เจ้าตื่นเต้นไม่ใช่หรือ?" ปิงพึมพำกับตนเอง น้ำเสียงของเขาค่อยๆ เบาลง และอดไม่ได้ที่มีความเสียใจแทรกเข้ามาด้วย "ถ้าผู้นำและกลุ่มเจ้าบ้าพวกนั้นได้โอกาสเช่นนี้ บางทีพวกเขาอาจก่อเรื่องได้ชนิดพลิกฟ้าคว่ำดินแน่นอน.."
"น่าเสียดาย,พวกเขาไม่มีโอกาส"
ปิงเงยหน้า ที่เขียนใบหน้าเหมือนหน้าไพ่ มีแววเสียใจเลือนลางแต่เขาก็ยังยิ้มได้
"แต่เจ้ามีโอกาสทำเช่นนั้น"
รอยยิ้มบนใบหน้าของปิงหายไป เขามองผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายเคร่งเครียดและกล่าวย้ำทีละคำ
"เจ้าต้องทุ่มเทพลังและต่อสู้!"
ฮื่อ!
ภายในดวงตาที่ลึกและสงบของกรงเล็บภูตพรายมีเปลวเพลิงลุกอยู่เงียบๆ
หน้าของปิงกลายเป็นสีแดงเขาตบไหล่ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายจ้องมองตาเหมือนกับให้กำลังใจทหารที่กำลังจะเข้าสู่สงครามครั้งแรก เขาตะโกน "ไป ไป สู้เขาจอมยุทธหนงกรงเล็บภูตพราย"
"จงเอาความค้างคาใจ และพกพาความภาคภูมิใจของเจ้าออกไปสู้!"
"กรงเล็บเพลิงภูตพราย จงเปล่งประกายของเจ้า เจ้าต้องแผดเผาตาของพวกเขาได้อย่างแน่นอน!"
ฮื่อ!
กรงเล็บภูตพรายหายไปกับสายลม
※※※※※
ถังเทียนจ้องมองร่างผอมแห้งข้างหน้าเขาอย่างว่างเปล่า
นั่นผีกรงเล็บภูตพรายนี่
ผีกรงเล็บภูตพรายมีร่างกายผอมเหมือนไม้ฟืนคอยปกป้องอยู่ข้างหน้าถังเทียนเงียบๆ
"เอ๋? ขุนพลวิญญาณหรือนี่?" หั่วฉีประหลาดใจ แต่เหมือนกับว่าเขาเห็นภาพตลก เขาหัวเราะดังลั่น "ข้ากำลังดูอะไรอยู่กันแน่? ขุนพลวิญญาณ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!โอว! พระเจ้า ใครกันบังอาจมาเล่นขุนพลวิญญาณต่อหน้าข้า?ตลกเกินไปแล้ว, นี่เหมือนกับเป็นการแสดงทักษะที่อ่อนแอของเจ้าก่อนจะกลายเป็นยอดฝีมือหรือเปล่า? โอ โอ โอ, ข้าเสียมารยาทไปหน่อย, ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้,ฮ่าฮ่าฮ่า!"
ถังเทียนตะลึงชั่วขณะ แต่เขาเรียกสติคืนมาได้ทันที
ปิง!
ต้องเป็นปิงที่ทำเช่นนี้ แต่ทำไมปิงถึงไม่ออกมาเองเล่า?
และ...ผีกรงเล็บภูตพรายที่อยู่ต่อหน้าเขา..ก็ให้ความรู้สึกที่ประหลาดต่อเขา เป็นความรู้สึกที่แตกต่างอย่างหนึ่ง
แต่.... ศัตรูแข็งแกร่งมาก... กรงเล็บภูตพรายจะต่อสู้ได้ยังไง?
"ปิง!" ถังเทียนร้องเรียกปิงอยู่ในใจอย่างร้อนรน "ทำไมท่านไม่ออกมาเล่า?แค่กรงเล็บภูตพรายตามลำพัง มันอันตรายมาก"
เสียงของปิงเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย "ข้าไม่ใช่ขุนพลวิญญาณประเภทต่อสู้ ข้าเป็นแค่ครูฝึกทหาร การวิ่งลุยเข้าไปสู้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำได้ดี แต่เจ้าอย่าดูแคลนกรงเล็บภูตพรายจะดีกว่า, ข้าปลุกวิญญาณเขาขึ้นมาเอง"
"ปลุกวิญญาณ?"ถังเทียนอึ้ง
"อืม.. กรงเล็บภูตพรายที่ตื่นขึ้นมานี้จะแข็งแกร่งมาก แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีอะไรก็ตาม แต่ข้าเชื่อว่าวิทยายุทธที่ผ่านการฝึกฝนขัดเกลามาเป็นอย่างดีมักจะกลายเป็นแก่นแท้ของพลังที่แท้จริง"เสียงของปิงเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
"และผีกรงเล็บภูตพรายก็มีพลังเช่นนั้น!"
เสียงของปิงเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด
ถังเทียนมองดูฟุ้งซ่าน
เสียงของหั่วฉีหักล้างความคิดฝึกฝนของถังเทียน "ถ้าเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ อย่างนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าดูสิ่งที่เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของขุนพลวิญญาณ"
ปากของเขาแสยะยิ้มเย็นชา
"ขุนพลวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งและดีไหม แต่ถ้าไม่ใช่ก็เสียเวลาเปล่า ข้าไม่สนใจขุนพลวิญญาณที่อ่อนแอ"
ทันทีที่เขาพูดจบคำ ร่างของเขาหายวับไปจากตำแหน่งเดิมทันที
กรงเล็บภูตพรายที่อยู่ข้างหน้าถังเทียนเหมือนกับรูปปั้นพลันลืมตาทันที ในดวงตาที่สงบเยือกเย็นเหมือนฟ้ายามราตรี ไม่มีใครเดาออกได้ว่าเป็นความสุขหรือความโกรธกันแน่ที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น
เช้ง!
นิ้วทั้งห้าของเขาแห้งกรังพลันงอเป็นเหมือนตะขอที่แข็ง ขณะที่นิ้วกางออก แรงเสียดสีระหว่างนิ้วเปล่งเสียงออกมาเหมือนเสียงเสียดสีของโลหะ
นิ้วทั้งห้าเป็นเหมือนกรงเล็บวาดผ่านอากาศทันทีปลายกรงเล็บสร้างแรงเสียดทานกับอากาศสร้างเป็นรัศมีแสงสว่างห้าสาย
ประกายแพรวพราวสว่างวาบอยู่ข้างหน้า
ติง!
ประกายที่สว่างกว่าระเบิดออกเผยให้เห็นใบหน้าของหั่วฉีที่จ้องมองอย่างตะลึง
หมัดสีเทาของเขาเล็งค้างอยู่ขางหน้านิ้วที่แห้งกรังนั้นโดยมิอาจเคลื่อนไหวได้สักนิ้ว