ตอนที่ 116 ดังนั้น....
อวี่จินหงรู้สึกแย่ถ้าความจริงถูกเปิดโปงในวันนี้ ตระกูลอวี่จะตกเป็นขี้ปากของสาธารณชน
เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะว่ามั่นใจว่ามันง่ายเกินไป เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรที่แปลกแต่ความเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำ น่าหงุดหงิดและเขาไม่มีทางหลบหนีไปทางอื่นได้
แต่เขารู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาไม่อาจปล่อยให้ถังเทียนจับผิดเขาได้
อวี่จินหงมีประกายดูจริงจังมือของเขาโค้งขึ้นลงเหมือนกำลังดีดพิณแต่เริ่มสับสน
วิงงง
เหมือนกับว่าสายสั่นสะเทือนทำให้เกิดเสียงก้องสะท้อนลึก
เหลียงชิวกลายเป็นเคร่งเครียดแค่นเสียงเย็นชาและค่อยผลักฝ่ามือออกไปข้างหน้า ท่วงท่าของเขาช้ามาก ราวกับว่าต้องใช้ความพยายามมากเสื้อผ้าของเขาพองออกและอากาศรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
เหลียงชิวครางเท้าของเขาจมลงไปในดิน เสื้อผ้าของเขาขาดกระจุยเป็นชิ้นปลิวละลิ่วราวกับผีเสื้อบินเขาถอยออกไปถึงสิบก้าวต่อเนื่อง แต่ละก้าวลึกเป็นรอยชัดเจน
อวี่จินหงดูแย่ยิ่งกว่าผมของเขากระเซิงและที่มุมปากมีโลหิตไหลออกมา
อย่างไรก็ตามมาถึงตอนนี้ เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาฉวยโอกาสแผดเสียงตะโกนลั่น “ถังเทียน! อย่าพยายามใส่ร้ายตระกูลอวี่ของข้าความบาดหมางกับตระกูลซ่างกวน ไม่เคยเป็นข้อห้ามในตระกูลอวี่ของเรา นั่นเป็นความบาดหมางระหว่างตระกูล แต่วันนี้ นี่เป็นความบาดหมางส่วนตัว ชิงเจ๋อกับข้ายอมรับคุณหนูเชียนฮุ่ยมานานแล้ว แต่เรารู้ว่าเราไม่คู่ควรกับนางดังนั้นเราจึงได้แต่จมอยู่กับความเสียใจ ทุกคนรู้สึกเช่นนั้น มันผิดด้วยหรือ? มันแตกต่างจากทุกคนตรงไหน? ความรู้สึกของเราจริงใจ ฟ้าดินเป็นพยานได้ การต่อสู้ในวันนี้มีเพียงเหตุผลเดียว ถังเทียนผู้หยาบคายจะคู่ควรกับคุณหนูเชียนฮุ่ยได้อย่างไร?”
พวกคุณชายที่อยู่บนเสาข้างบนมีสีหน้าเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่อวี่จินหงพูดได้กระตุ้นความหงุดหงิดพวกเขา
ขณะนั้นอวี่ชิงเจ๋อสงบอารมณ์ได้แล้ว เขาแกล้งทำเป็นเสียใจและไม่พอใจ “ใช่แล้วข้าปั้นเรื่องนี้ขึ้นทั้งหมด เพราะข้าไม่พอใจ ข้าจะรับผิดชอบการกระทำของตนเอง ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรก็ให้มาลงที่ข้าคนเดียว เพื่อคุณหนูเชียนฮุ่ย ข้าตายก็คุ้มค่าแล้ว!”
ทุกคนดูเศร้าหมองและรู้สึกเห็นใจบางคนพลอยตาแดงและมีน้ำตาคลอเบ้าไปด้วย
ซ่างกวนเว่ยตื่นตระหนก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสองคนนี้จะตีฝีปากเช่นนั้น แค่เมื่อพวกเขาเตรียมจะเปิดเผยผู้สมรู้ร่วมคิดตระกูลอวี่ในพริบตาเดียวพวกเขากลับพลิกสถานการณ์ได้ทำให้จบลงได้
“ถึงตายก็คุ้มใช่ไหม?” ถังเทียนฉีกยิ้ม “ดีมาก”
ทุกคนตื่นจากบรรยากาศเศร้าที่อวี่ชิงเจ๋อเพิ่งสร้างขึ้นมาในสายตาของพวกเขา รอยยิ้มของถังเทียนตอนนี้ดูอำมหิตมาก
ถังเทียนชี้ไปที่อวี่ชิงเจ๋อ“จับมันแก้ผ้า”
อวี่ชิงเจ๋อสีหน้าเปลี่ยนตะโกนลั่นด้วยความหวาดหวั่น “ลูกผู้ชายฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้”
ซ่างกวนเว่ยเตรียมจะวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่กลับถูกถังเทียนขัดขวางไว้ ถังเทียนชี้ไปที่คนอื่นๆ “ปล่อยพวกเขานอกจากหั่วเหยียนกวงแล้ว ให้แก้มัดพวกที่เหลือ”
ซ่างกวนเว่ยแก้มัดคุณชายทุกคน
“ใครก็ตามที่ปฏิเสธไม่ยอมทำ หึหึ!”ถังเทียนแค่นเสียง
คุณชายทั้งหลายเป็นเหมือนสัตว์ที่ตกใจกลัวรีบวิ่งไปจับอวี่ชิงเจ๋อแก้ผ้าทันที
นัยน์ตาอวี่จินหงแทบจะถลนด้วยความแค้น แต่ลึกๆ แล้วเขากลัวสู้ติดพันกับเหลียงชิว เหลียงชิวผู้รักความสงบตอนนี้โกรธขึ้นมาแล้ว อวี่จินหงกล้าทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วกลับลำต่อหน้าเขานั่นถือว่าเป็นความผิดพลาด
ถ้าเหลียงชิวโกรธแล้วค่อนข้างน่ากลัว
ไม่ว่าอวี่จินหงทำอะไรก็ตามถ้าเขาใช้ท่าสังหารเหมือนที่เพิ่งทำมา เขาคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ติดพันกับเหลียงชิวได้เลย
ถังเทียนหมุนตัวไปรอบๆและสำรวจดูเหล่าคุณชาย
ทุกคนสงบเสงี่ยมเงียบกันหมด
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าคือพี่ใหญ่ของพวกเจ้า!”ถังเทียนโบกมือ “เอาล่ะ, ทักทายข้าสิ!”
พวกคุณชายมองหน้ากันเอง
“หืม?” ถังเทียนหยีตา
พวกคุณชายทั้งหลายกลายเป็นกระต่ายที่หวาดกลัวรีบตะโกนทันที “พี่ใหญ่!”
ถังเทียนมีท่าทีไม่พอใจ“พวกเจ้าไม่ได้กินข้าวมาหรือไง? ดังขึ้นอีก! ถ้าใครยังทำเสียงอ่อยอยู่อีกข้าจะจับโยนลงไปข้างล่าง”
“พี่ใหญ่!”
พวกคุณชายทั้งหลายรวบรวมพละกำลังและตะโกนสุดเสียงจนแต่ละคนถึงกับคอแดง
ถังเทียนมีท่าทีพอใจ อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตว่ายังมีบางคน....หั่วเหยียนกวงที่ยังถูกมัดอยู่ ยังปิดปากสนิท
“เอ๋, ทำไมเจ้าไม่เรียก?”ถังเทียนดึงตัวหั่วเหยียนกวงมาใกล้ๆ
“ฆ่าข้าซะ หรือจะทำอะไรก็เชิญเลย”ตาของหั่วเหยียนกวงมีประกายความโกรธ
“ดีมาก, ข้าชอบคนที่มีนิสัยเข้มแข็ง”ถังเทียนปรบมือ “จับมันแก้ผ้า”
สีหน้าของหั่วเหยียนกวงเปลี่ยนเขาคำรามอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าหรือ?”
ถังเทียนฉีกยิ้ม “ทำไมจะไม่กล้าเล่า?”
“ใช้กำลังข่มเหงฉีกหน้าคนอื่นนับเป็นลูกผู้ชายได้ยังไง” หั่วเหยียนกวงพ่นประโยคนี้ออกมา
“ข้าชนะเจ้า ดังนั้นเจ้าคือเชลยของข้า”ถังเทียนทำเหมือนปกติ “ไม่ว่าข้าจะเลือกใช้วิธีใดจัดการเชลยของข้านั่นก็คือการตัดสินใจของข้า ข้าไม่จำเป็นต้องโอนอ่อนยอมตามเชลย”
เมื่อเห็นสีหน้าพออกพอใจของถังเทียน หั่วเหยียนกวงอดกลั้นความรู้สึกที่อยากฉีกเขาเป็นล้านชิ้นไม่ได้
“จับเขาแก้ผ้า ใครก็ตามที่ปฏิเสธจะทำตามคำสั่งข้า คิดให้ดี” ถังเทียนโบกมือ
พวกคุณชายที่ยอมสยบต่อการคุกคามของถังเทียนทำให้เพียงแต่กัดฟันทำตาม
“พี่กวง อย่าถือโทษข้าเลยนะ”
“พี่กวง เราอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว เราไม่มีทางค้านเขาได้”
“พี่กวง, ชีวิตมันก็เหมือนการโดนข่มขืน ถ้าท่านต้านทานไม่ได้ท่านก็ได้แต่สนุกกับมัน
……
หั่วเหยียนกวงแทบจะกระอักเลือดถ้าเขาไม่ถูกมัด เขาคงได้ตบหน้าสหายที่พูดเปรียบเรื่องข่มขืนแน่นอน
แต่เมื่อมือทุกคนสัมผัสเสื้อผ้าของเขาหั่วเหยียนกวงรู้สึกหนังศีรษะชาทันที แค่คิดว่าถูกจับแก้ผ้าและแขวนห้อยไว้เหมือนอวี่ชิงเจ๋อ เขาก็สั่นด้วยความกลัวแล้ว
“ช้าก่อน!”
หั่วเหยียนกวงตะโกนอย่างสิ้นหวัง สายตาทุกคนมองดูเขาและเขารู้สึกว่าหน้าเขาร้อนผ่าว
“พะ..พี่.. ใหญ่...”เขาเค้นคำสองคำนี้รอดผ่านไรฟัน
ถังเทียนส่ายหน้า “เบ๊า.เบา”
ถึงตอนนี้หั่วเหยีนกวงหลับหูหลับตาตะโกนด้วยความโกรธ“พี่ใหญ่!”
หลังจากตะโกนเช่นนั้นแล้วหั่วเหยียนกวงทั้งละอายใจและโล่งใจความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกข่มขืนเหมือนเจ้าเวรตะไลบางคนเพิ่งจะพูดเปรียบเทียบไปกระมัง?
ถังเทียนมีสีหน้าพอใจและโบกมือให้“ไม่เลว, ไม่เลว, ต่อไปในอนาคตเจ้าถือว่าอยู่ภายใต้การคุ้มครองปกป้องของข้า”
หั่วเหยียนกวงรู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรอยากจะพูด
นี่คือความรู้สึกท้อถอยหลังจากถูกข่มขืนใช่ไหม...ไอ้เวรตะไลคนไหนวะเพิ่งพูดเรื่องถูกข่มขืนไป?
อวี่ชิงเจ๋อหน้าซีดขาว เขารู้สึกเสียใจและไม่พอใจอย่างมากเขาหนาวไปทั้งตัว เมื่อเห็นสายตาหลายคู่เพ่งมองด้วยความเห็นใจ เขาแทบอยากจะมุดดินลงไปซ่อนตัวยิ่งนัก
ถังเทียน!รอก่อนเถอะแก! ตระกูลอวี่จะไม่ปล่อยแกไปแน่ๆ
ต้าเริ่นผู้ลึกลับเหล่านั้นจะไม่ยอมไว้ชีวิตแกแน่
เมื่อเวลาผ่านไปข้าจะเอาคืนกับมันทั้งหมดให้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
เวลานั้นถังเทียนพูดเสียงแข็งดังมาจากข้างบน เขาพูดให้ได้ยินทั่วทั้งจตุรัส
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร มาจากตระกูลไหนข้าไม่สน ไม่ว่าพวกเจ้าจะคิดอะไรข้าก็ไม่สน ไม่ว่าจ้าจะแข็งแกร่งน่ากลัวแค่ไหนก็ตามข้าไม่สนทั้งนั้น ข้าไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยกลัวการต่อสู้ ใครก็ตามที่กล้าเป็นศัตรูกับข้าก็เตรียมตัวรับความโกรธและการตอบโต้จากข้าได้”
ถังเทียนอยู่เหนือคนอื่นมองลงมายังกลุ่มคนข้างล่าง เขาฉีกยิ้ม แต่คำพูดของเขาทำให้ผู้คนยิ้มไม่ออก
“ดังนั้น.....”
บุรุษหนุ่มยืนเลือนรางอยู่บนเสาไฟยิ้มจนเห็นฟัน เสียงของเขากึกก้องไปทั้งจัตุรัสเด็ดเดี่ยวและไม่อาจเถียงได้ เหมือนกับคำพิพากษา
“ตระกูลอวี่ต้องตาย!”
※※※※※※
“ตระกูลอวี่ต้องตาย.....”
“ตระกูลอวี่ต้องตาย....”
เสียงดังก้องสะท้อนไปทั้งจตุรัสและภายในหัวใจของกลุ่มคน
ลานจตุรัสใหญ่เงียบเป็นป่าช้า
ลึกๆ แล้วทุกคนกลัวกับคำประกาศนี้ ไม่เคยมีใครภายใต้การตรวจสอบของสาธารณชนจะประกาศตัวเช่นนี้ต่อหน้าศัตรูหลายคนเหล่าคุณชายที่อยู่ข้างหลังถังเทียนตะลึงซีดกันทุกคน แม้แต่หมิงจื่อฉวนหวินอี้เหยาและอีกสองคนมองดูถังเทียนอย่างไม่เชื่อถือ แม้แต่หั่วเหยียนกวงที่มีความหยิ่งยโสก็ยังตกตะลึงกกับคำพูดของถังเทียน
เขาไม่กังวลเลยว่าจะสร้างความแค้นเพิ่มขึ้นหรือ?
เขาไม่กังวลว่าจะถูกรายล้อมจากทุกด้านหรือ?
……
ซ่างกวนเว่ยก็ตะลึงกับคำพูดของถังเทียนเช่นกัน แต่ก็ทำตามนั้นเขารู้สึกว่าได้ถูกจุดประกายบางอย่างจากก้นบึ้งหัวใจของเขา เขากำหมัดแน่น! เกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกที่งงงันนี้?ความรู้สึกที่ถูกเผาไหม้เลือดลมเดือดพล่านไปทั้งตัว เกิดอะไรขึ้น?ความรู้สึกที่ไม่เสียใจแม้เขาจะต้องตายในการต่อสู้พร้อมกับลุงในคราวนี้
เขยของตระกูล...
แม้แต่คุณหนูก็คงไม่มาไกลขนาดนี้
โดยไม่มีใครรู้หยาหยารีบออกมาและปีนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของถังเทียน หน้าของมันแดงและมันตีเกราะอกตัวเองพร้อมกับกระชับธนูเล็กๆ
ถังเทียนก้าวขาเดินไปรอบๆ บนเสาประภาคารสายตาที่หยิ่งของเขากวาดมองดูคนทั้งหมด จากนั้นจึงค่อยๆ ชูมือขวา เพลิงดาวเตาหลอมลุกท่วมถุงมือของเขาเหมือนกับไฟฉายในยามราตรีดึงดูดความสนใจของทุกคน
ถังเทียนสูดลมหายใจลึก และแผดเสียงทันที “เพื่อตระกูลซ่างกวน!”
สถานการณ์ครั้งก่อนตกต่ำทำให้จิตวิญญาณของศิษย์ในตระกูลซ่างกวนแต่ละคนลดลงตกต่ำ พวกเขาเต็มไปด้วยความแค้น, หวาดกลัวและสิ้นหวังลึกๆภายใน
ความรู้สึกของพวกเขาที่ถูกกดขี่ ได้รับการปลดปล่อยทันที
ใบหน้าของศิษย์ตระกูลซ่างกวนแดงก่ำเลือดลมที่เดือดพล่านด้วยความแค้นไหลเวียนอยู่ในตัวพวกเขา ประหนึ่งว่าเป็นความสามารถโดยธรรมชาติ ทุกคนชูอาวุธขึ้นสูงในอากาศและตะโกนสุดเสียง “เพื่อตระกูลซ่างกวน!”
ไม่เคยมีวันเหมือนวันนี้ที่ตระกูลซ่างกวนจะกลายเป็นศัตรูกับทุกคน ไม่เคยมีวันเหมือนวันนี้ที่ตระกูลซ่างกวนจะถูกรายล้อมทุกด้านไม่เคยมีวันเช่นวันนี้ ที่แม้แต่พวกเขาสามารถเป็นศัตรูได้กับทั้งโลก พวกเขาไม่มีความกลัวเลย
คลื่นเสียงที่เปล่งออกมาด้วยความโกรธมีพลังน่ากลัวดังไปทั่วลานจัตุรัส เข้าไปถึงในใจทุกคน
ทุกคนสะดุ้ง
แม้แต่หั่วเหยียนกวงที่อยู่ด้านหลังถังเทียนก็แสดงสีหน้าหวาดกลัว
“เป้าหมายคือตระกูลอวี่!”
ถังเทียนแผดเสียง
“เป้าหมายคือตระกูลอวี่!”
เสียงตะโกนคำรามลั่นดังไปทั้งท้องฟ้า
ถังเทียนเหยียบรั้วกั้นและร่อนลงมาเหมือนนกยักษ์มาหยุดยืนต่อหน้าศิษย์ตระกูลซ่างกวน
“ฆ่ามัน!”
ถังเทียนเพ่งมอง เขาออกเสียงแต่ละคำชัดเจน และเริ่มนำขบวนออกไป
“ฆ่ามัน!”
ระลอกเสียงยังดังต่อเนื่องและศิษย์ตระกูลซ่างกวนเคลื่อนขบวนออก
เหมือนคลื่นความโกรธที่หยุดไม่ได้กลุ่มคนในจัตุรัสเปลี่ยนท่าทีโดยมิได้ตั้งใจ พวกเขาเงียบและจับตามองอย่างตกใจและหวาดกลัว