ตอนที่ 114 กำลังเสริม
"เจ้าหมอนี่มักก่อเรื่องยุ่งยากอยู่เรื่อยไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม"เหลียงชิวมองดูถังเทียนที่อยู่บนเสาไฟสูงห่างออกไปด้วยท่าทีเศร้าใจแต่ก็เห็นพ้อง พวกเขาได้เห็นประจักษ์ว่าถังเทียนรุดหน้ารุ่งเรืองมาจากการเป็นสุดยอดนักเรียนซ้ำชั้นวันนี้เขาเปล่งประกายขนาดไหน และมีความรู้สึกที่รุนแรง
"น่าเสียดายที่เขารูปร่างหน้าตายังไม่ดีพอ"ซือหม่าเซียงซานเสริมเพิ่มอีก
"อ๋า!ถังพื้นฐานยังหล่อไม่พออีกเหรอ?" ตาของอาโมรี่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ"ทำไมข้าคิดว่าเขาสง่างามล่ะ? เทียบกับนักรบแล้วข้าว่าเขาอาจด้อยเพียงนิดหน่อย"
"ถ้าเจ้าพบว่าเขาหล่อนั่นแสดงว่ามีปัญหาแล้ว" ซือหม่าเซียนซานพูดในทำนองเสียดาย
ถังเทียนไม่ใช่คนหล่อแน่นอน ผมสั้นและคิ้วหนา รูปลักษณ์ดูเหมือนเด็กแต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่าง ตาของเขาไม่ใหญ่ และเขาแทบไม่อำพรางวิธีการของเขา เมื่อเขาหยีตา มันทำให้เขารู้สึกถึงบรรยากาศมุ่งร้ายได้
แต่เมื่อเขายิ้มอย่างโง่งม เขาเป็นเหมือนเบิกนัยน์ตากว้าง และดูตลก
ขณะที่ร่างของเขาดูสมบูรณ์สมส่วนไม่มีไขมันขึ้นมาสักนิ้ว
"พวกเขาอยู่นี่"หานปิงหนิงดูเย็นชา "เตรียมพร้อม"
เบื้องบนที่อยู่อาศัยที่ไกลออกไปเงาร่างที่คล่องแคล่วว่องไวพุ่งตรงมาที่ลานสนามทีละคนๆ
"ดูเหมือนเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก" เหลียงชิวผู้มีประสบการณ์รอบคอบมองดูอย่างไม่สบายใจ
"อ่าฮะ, เยี่ยมเลย! ถังพื้นฐานอ่อนไหวมากในตอนนี้ ข้าไม่อยากทำชื่อเสียงนักรบนักสู้พัง แต่ข้าต้องการแสดงให้ถังพื้นฐานดูว่าบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ต้องทำยังไง สามารถร่วมสร้างชื่อเสียงร่วมกับนักสู้อย่างเขาได้..."อาโมรี่ชูแขนทั้งสองด้วยความตื่นเต้น
"นี่เราจะไม่ให้ความสำคัญของท่านรัฐมนตรีจริงๆหรือ" ซือหม่าเซียงซานถามเบาๆ
หานปิงหนิงหันหน้ามาถาม"เจ้าสนใจด้วยเหรอ?"
ซือหม่าเซียนซานหัวเราะ"แน่นอนว่าไม่"
"ไปกันเถอะ"หานปิงหนิงพริ้มตาลงรักษาท่าทีที่สงบ พร้อมกับกระบี่ที่ถืออยู่ในมือซ้ายของนางพองอหลังได้นางถีบเท้าพุ่งออกไปเหมือนธนูหลุดจากแล่ง
โดยไม่มีเรื่องอะไรวุ่นวายคนอื่นๆ ก็วิ่งตามออกมา
เงาร่างทั้งสี่เหินไปตามหลังคาอย่างรวดเร็ว
"ยากนักนะที่จะเห็นนางงามน้ำแข็งเราใจร้อนขนาดนี้"ซือหม่าเซียงซานพูดลอยๆ
เช้ง!
ส่วนหนึ่งของกระบี่หานปิงหนิงถูกชักออกมาอากาศรอบข้างเย็นเยือกทันที
"เจ้าอย่ายั่วนางจะดีกว่า"เหลียงชิวเตือนซือหม่าเซียงซาน
อาโมรี่มองดูเหมือนไร้เดียงสาและเขาเบิกตากว้างเนื่องจากการกระทำของหานปิงหนิง เพราะทันทีที่นางงามน้ำแข็งเคลื่อนไหว แม้แต่อาโมรี่ที่ชอบต่อสู้ ก็คงไม่อาจหนีได้ นางชักกระบี่ได้เงียบกริบแม้ว่าบุคลิกของนางจะเย็นชา แต่นางเด็ดเดี่ยวผิดธรรมดา เมื่อพัวพันยั่วโมโหนาง อาจหมายถึงตาย
ซือหม่าเซียงซานหัวเราะเบาๆ
※※※※※※※※
"เขาเป็นใคร?" ข่งอี้หวี่มองดูด้วยความประหลาดใจ สายตานางเพ่งมองอยู่บนเสาไฟ
ฝีมือของหั่วเหยียนกวงสร้างความประหลาดใจให้นางแล้ว สามารถฝึกวิทยายุทธระดับห้าได้ ด้วยวัยขนาดนั้นและเข้าใจถึงเคล็ดสังหารของวิชาระดับห้าได้พรสวรรค์ของหั่วเหยียนกวงและความพากเพียรของเขานับว่าโดดเด่น
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากยิ่งกว่าก็คือบุรุษที่นางไม่ค่อยคุ้นเคยผู้เอาชนะหั่วเหยียนกวงได้ ที่สำคัญนางอยู่ที่หมู่ดาวเพอร์ซูสมาหลายปีแล้ว นางรู้จักผู้เยาว์ที่ดาวนี้แทบทุกคน
แต่การเปล่งประกายของหั่วเหยียนกวงกลับถูกบดบังโดยเด็กหนุ่มที่อยู่เสาไฟ
ก้าวร้าว,สงบ,เยือกเย็น...
เป็นครั้งแรกที่นางเห็นการต่อสู้ที่หลากหลายแพรวพราวขนาดนั้นในตัวเด็กหนุ่ม โดยรวมแล้วฝีมือเขาเป็นรอง แต่เขาสามารถได้ชัยชนะในที่สุดได้เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย
ข่งอี้หวี่ดูงดงามด้วยสภาพสาวที่เติบโตเต็มวัยนางแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยอยู่ในชุดขาวจึงทำให้นางดูมีเสน่ห์งดงาม
ใครจะคาดเดาออกกันว่าหญิงงามที่สวยสง่างามผู้นี้ความจริงก็คือรัฐมนตรีหัวหน้าฝ่ายของสมาพันธ์ชาวยุทธสาขาหมู่ดาวเพอร์ซูส
ข่งอี้หวี่ประหลาดใจ แต่บริวารที่รายล้อมนางยิ่งประหลาดใจมากกว่า เนื่องเพราะข่งโหย่วหลินก่อนนั้น ให้พวกเขาส่งตัวถังเทียนไปที่ค่ายทหารรอบนอกด้านสุสานใหญ่และทิ้งเขาไว้ลำพัง ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นถังเทียนกลับมาอีก
เจ้าผู้นี้อยู่ที่ค่ายชั้นนอกสุสานใหญ่ไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาออกมาที่นี่ได้?
และ... ด้วยฝีมือที่กร้าวแกร่งขนาดนั้น
พวกเขาตื่นตัว
ข่งอี้หวี่สังเกตความแปลกประหลาดบางอย่างได้ทันทีและพูดโดยไม่กระพริบตา"ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างปิดบังอยู่สินะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกบริวารถึงกับคอแห้งผาก ความคิดของหัวหน้ายากจะทำนายและนางเจ้าอารมณ์เมื่อทุกอย่างดูเหมือนสงบ แต่ก็อาจเป็นลางสังหรณ์ของการระเบิดอารมณ์ได้ พวกเขาไม่กล้าปิดบังนางในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกต่อไปและอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
ข่งอี้หวี่ฟังเรื่องราวอยู่เงียบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
พวกบริวารได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าแม้แต่ระบายลมหายใจแรง และเหงื่อไหลพร่างพรูไม่ขาดสาย
ข่งอีหวี่ไม่พูดสายตานางจับจ้องอยู่ที่ถังเทียนบนเสาไฟสูงด้วยความสนใจมากยิ่งขึ้น สามารถเรียกความสนใจพี่ชายนางจนถูกนำตัวมาที่หมู่ดาวเพอร์ซูสได้ หนุ่มน้อยผู้นี้ต้องมีอะไรพิเศษ นางรู้ชัดว่าพี่ชายนางที่ถูกฆ่าตายมีสายตาดีในการประเมินผู้คน
เมื่อคิดถึงพี่ชายนางดวงตานางฉายรังสีฆ่าฟันขึ้นมาวูบหนึ่ง นางจะต้องหาฆาตกรที่ฆ่าพี่ชายนางให้ได้
รังสีฆ่าฟันนี้ถูกข่มอย่างรวดเร็วและความสนใจของนางไปอยู่ที่ตัวถังเทียนอีกครั้งหนึ่ง
แต่.... พลังสายเลือดน่ะหรือ?
ข่งอี้หวี่ลอบส่ายหน้า วิชาที่ถังเทียนใช้อยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของพวกวิญญาณมืด แม้ว่าพวกเขาจะห่างกันแต่สายตานางก็ยังยอดเยี่ยม และเห็นการต่อสู้ก่อนนั้นอย่างชัดเจน
เป็นจิตวิญญาณพลังยุทธ.....จิตวิญญาณพลังยุทธเงิน
ลึกๆ ในใจนางก็แตกตื่นเช่นกันนางสามารถบอกได้ว่าแม้ถังเทียนจะเพิ่งเข้าสู่พลังนักรบระดับห้าแต่กลับสามารถฝึกจิตวิญญาณพลังยุทธเงินได้ทั้งที่อยู่ในระดับห้า....
ถ้านางไม่เห็นประจักษ์ด้วยตัวเอง นางคงไม่มีทางเชื่อแน่ นอกจากนี้นางรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายนางจะไม่เห็นจิตวิญญาณพลังยุทธเงินของถังเทียนนี่ก็หมายความว่า ถังเทียนเพิ่งจะฝึกจิตวิญญาณพลังยุทธเงินได้ในช่วงเวลานี้เอง
นกยูง.... เดี๋ยวก่อน!
ในดวงตาที่สงบเย็นของนางไกลออกไป ดูเหมือนว่ามีบางอย่างฉายประกาย
ทันใดนั้น นางเห็นอาโมรี่และกลุ่มนางจำบางอย่างได้ และถามว่า "เจ้าบอกว่าเขามาพร้อมกับอาโมรี่และกลุ่มใช่ไหม?"
บริวารนางตื่นตัวและรีบตอบ "ขอรับ! พวกเขามาจากเมืองซิงฟง"
ข่งอี้หวี่มีสีหน้าตะลึงจากนั้นจึงค่อยยิ้ม
※※※※※※※※
ลักษณะของถังเทียนในตอนนี้ดูรุ่มร่ามทุลักทุเลทั้งร่างมีควันออกและรอยไหม้ ชุดนกยูงที่งดงามอยู่ในสภาพที่จำไม่ได้เลย
เมื่ออยู่ในชุดนกยูงถังเทียนรู้สึกว่าชุดที่อยู่บนร่างกายเขาสง่างดงาม ถังเทียนหัวเราะด้วยความขมขื่น ครั้งนี้นกยูงคงต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นฟูได้สมบูรณ์
ยังไงก็เป็นเรื่องดีแล้วเพราะเขาจะได้ของริบจากการต่อสู้
พวกองครักษ์ที่อยู่ข้างล่างแต่ละคนต้องการจะเข้ามาใกล้ แต่ยังห่วงว่าถังเทียนจะถือโอกาสทำร้ายเจ้านายพวกเขา ถังเทียนได้ชัยชนะแล้วแต่เมื่อนึกถึงการกระทำที่คนเหล่านี้บังอาจก้าวร้าวกับเชียนฮุ่ยและเรื่องก่อนนั้นก็ยิ่งทำให้ถังเทียนแทบบ้า
หนุ่มถังไม่ใช่คนที่ใครจะล้อเล่นได้
พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับทุกคนเล่นงานข้า พวกเจ้าจะบังคับข้าให้หมอบกราบราบคาบใช่ไหม?
อ่อนหัดจริงๆ!
เสียงโห่ร้องก่นด่ายังดังมาจากข้างล่างอย่างต่อเนื่อง แต่ถังเทียนเมินทำเป็นหูทวนลมและก้มลงสาวเชือกที่มัดคุณชายผู้หนึ่งขึ้นมา เขาไม่รู้จักคุณชายผู้นี้
องครักษ์สองคนแยกออกมาจากกลุ่มคนข้างล่างทันที ทั้งสองคนหน้าซีด
คนหนึ่งขู่ตะคอกว่า "ถังเทียนถ้าเจ้ากล้าแตะต้องผมบนศีรษะคุณชายแม้แต่เส้นเดียว เจ้าได้ตายแน่"
คนอื่นพลอยตะโกนลั่น "ถังเทียน!มีเงื่อนไขอะไรก็ว่ามา อย่าได้ทำให้สถานการณ์ยากลำบากเลย"
ทันใดนั้นมีคลื่นคนสายหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา แต่เป็นลุงเฉียนพาซ่างกวนเว่ยและศิษย์ในตระกูลคนอื่นมาถึง
แต่เมื่อพวกเขาวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงจตุรัสเมือพวกเขาก็ต้องตะลึงกับภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา ดูเหมือนสายตาพวกเขาจับจ้องมองดูอยู่ที่เสาสูงและไม่สามารถเบนความสนใจของพวกเขาได้ พวกเขาชะงักเท้าโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาคุ้นเคยกับเสาไฟส่องทางนี้ดีความจริงมันเป็นแค่ไฟประภาคารขนาดเล็กใช้ส่องแสงสว่างในบริเวณจตุรัสในยามราตรี
แต่ตอนนี้..พวกเขาเห็นเส้นเชือกห้อยลงมาจากเสาไฟ และมัดคนแขวนไว้เส้นละคน
พวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดไปตามกัน
บนเสาไฟแขวนไว้ด้วยเงาร่างคนจำนวนหนึ่่งแต่ละคนก็คือคุณชายจากตระกูลที่รู้จักกันดีแห่งหมู่ดาวเพอร์ซูสคุณชายที่หยิ่งผยองเหล่านี้ ในตอนนี้เป็นเหมือนเป็ดในโรงเชือด แกว่งไกวอยู่ในสายลม
ภาพแบบนี้....
ซ่างกวนเฉียนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นโลกมาก่อน เมื่อคุณหนูยังอยู่ใกล้ๆวิธีการที่รุนแรงผิดธรรมดาของนางสร้างความทึ่งให้เขาได้เสมอ แต่เมื่อเทียบกับถังเทียนตอนนี้ เขารู้สึกได้ทันทีว่าวิธีการของคุณหนูของเขานับว่านุ่มนวลจริงๆ
ถังเทียนสังเกตได้ว่าลุงเฉียนและกลุ่มมาถึงแล้วจึงโบกมือตะโกนดังๆ "ทางนี้"
ลุงเฉียนแทบสะดุด คุณชายเทียนท่านกังวลว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นหรือไง...
เป็นไปตามคาด ทุกคนเปลี่ยนสายตาไปมองที่พวกเขาสายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย หลายคนพร้อมจะก่อเรื่องยุ่งยาก
ความแค้นครั้งนี้ถูกจดจำไว้แล้ว
เนื่องจากหลายอย่างกลับกลายเป็นอย่างนี้เสียแล้ว ซ่างกวนเฉียนกลับรู้สึกสงบมากกว่า
"พวกเจ้ามองอะไรกัน? ใครก็ตามที่คิดไม่ซื่อข้าจะตัดร่างคุณชายของพวกมันซะ ใจเย็นๆข้าไม่เคยฝึกวิชาดาบ แต่ฝีมือข้าก็ยังไม่แย่หรอกนะ"
เสียงฉลองชัยของถังเทียนสามารถได้ยินชัดทั่วทั้งจตุรัส
"เลวทราม!"
"ไม่รู้จักละอาย!"
"เจ้าวายร้าย!"
"ถ้าเก่งจริงก็ออกมาสู้กัน เจ้าเป็นลูกผู้ชายแบบไหนกัน?"
……
พวกฝูงคนคิดบุกเข้าไปสำเร็จโทษทันที พวกเขาไม่อาจรอฉีกกระชากถังเทียนได้ แต่วิธีการของถังเทียนพิสูจน์ได้แล้วว่าได้ผล เนื่องจากไม่มีใครกล้าล่วงเกินลุงเฉียนและกลุ่มอีกต่อไป
ในท่ามกลางความไม่สบายใจ ซ่างกวนเว่ยและคนอื่นทุกคนรู้สึกเครียด พวกเขาเช็ดเหงื่อที่ไหลขณะเดินเข้าไปใกล้ถังเทียน
"ฮ่าฮ่าฮ่า,พวกเจ้าพูดถูกใจจริงๆ"ถังเทียนยืนเท้าสะเอวแหงนหน้าหัวเราะลั่น
คนข้างล่างโกรธหงุดหงิดยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น เสียงกู่ร้องดังยาวนานได้ยินแต่ไกลแสดงให้เห็นว่าผู้มามีพลังปราณเที่ยงแท้ที่แข็งแกร่ง
"หืม...?"
ถังเทียนดูท่าทีกระวนกระวายและหันไปมองทางต้นเสียง
เงาร่างสีเขียวพร่ามัวพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าตระหนก
เกือบจะในเวลาเดียวกันเสียงกู่ยาวอีกสามเสียงดังขึ้นจากตำแหน่งต่างๆมาแต่ไกล
"หมิงหย่ง!" "หวินตี้!" "หั่วเหยียนซาน!""อวี่จินหง!"
ซ่างกวนเฉียนรู้สึกเหมือนถูกจับโยนเข้าหล่มน้ำแข็งกลุ่มคนใช้ระเบิดเสียงโห่ร้องทันที ทั้งสี่คนนี้เป็นคนมีชื่อเสียงของหมู่ดาวเพอร์ซูสมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แค่เพียงคนใดคนหนึ่งก็ทำให้ผู้คนหวั่นเกรงได้ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่นี่ทั้งสี่คน...
ถังเทียนหน้าดำคร่ำเครียดแค่สู้กับหั่วเหยียนกวงก่อนนั้นเขาก็เหลือพลังภายในไม่มากแล้ว
สถานการณ์ดูไม่เป็นใจเสียเลย
“อา อาอา อา”
ช่วงขณะนี้เองเสียงกู่ร้องยาวดังก้องอยู่ในท้องฟ้ามันดังกลบเสียงกู่ของคนทั้งสี่
ทุกคนตกตะลึง
เงาร่างที่พุ่งผ่านท้องฟ้าเหมือนดาวตกและลงไปที่หยุดที่บ้านหลังหนึ่ง
ตุ้บ!
ฮ่าห์!
เงานั้นพุ่งผ่านหลังคา พื้นดินสั่นอย่างรุนแรงบ้านหลังนั้นพังทลายทันที พื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้ง ช่วงเวลาต่อมาเงาร่างใหญ่โตนั้นพยายามขึ้นมาจากพื้นที่ๆ วุ่นวายนั้น
“ฮะฮะ...เสียงของใครยังกว่าของข้าเสียอีก?”
อาโมรี่เพิ่งปีนออกมา ตัวเต็มไปด้วยฝุ่นใช้ตาที่โปนเหมือนกระดิ่งถลึงมองไปรอบๆ ถึงแม้จะรู้สึกขำอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่มีใครสักคนกล้าหัวเราะบุรุษที่ตัวขนาดวัวป่าน่ากลัว ดูก้าวร้าวเกินไป....
“รุ่มร่ามหยาบคายจริงๆ”เสียงที่เหมือนเสียงเพรียกวิญญาณดังมาจากอีกด้านหนึ่งเป็นเสียงที่แผ่วเบาบางเหมือนใยแมงมุม แต่ทุกคนได้ยินกันหมด
ทุกคนตื่นตระหนกจนสีหน้าเปลี่ยน ยอดฝีมือหรือนี่?
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดบนหลังคามีเงาร่างหนึ่งกำลังยืนยิ้ม
“ถังเทียน,ตรงนี้ปล่อยให้เรารับมือเอง”
เสียงเฉื่อยชาของเหลียงชิวเต็มไปด้วยความั่นใจเท้าของเขาเหมือนปักตรึงอยู่บนหลังคา ร่างของเขาไม่ขยับเลย
กลุ่มองครักษ์พิทักษ์นายใจตกวูบ ยอดฝีมืออีกคนหนึ่ง
“ฮึ่ม...”
เสียงแค่นเย็นชาของสตรีนางหนึ่ง จู่ๆ อุณหภูมิโดยรอบก็ลดลงกะทันหัน ทุกคนตะลึงหันกลับมามอง พวกเขาเห็นเด็กสาวที่ดูเหมือนภูเขาน้ำแข็งถือกระบี่ประหลาดเปล่งรังสีฆ่าฟัน
พวกกลุ่มองครักษ์ที่กำลังมีความหวังตกตะลึงกันทันที
กะ...เกิด..อะ..ไร ขึ้น..กันแน่