ประการที่สอง นี่คือสัญญาเลเวล 15 ฉะนั้นผู้ลงนามต้องไม่เกินเลเวล 15 ประสิทธิภาพของสัญญานี้จึงจะเป็น 100% อย่างไรก็ตาม หากผู ้ลงนามเลเวลเกิน 15 ขยับไปเลเวล 16, 17, 18 ประสิทธิผลของสัญญาจะค่อยๆ ลดลง และหากสูงกว่า 5 เลเวลขึ้นไป อำนาจของสัญญาจะไม่สามารถคุกคามผู้ลงนามได้อีกต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังเป็นสัญญาที่แข็งแกร่งมาก

สัญญานี้เพียงพอต่อการใช้งานในขณะนี้และอีกยาวนาน เพียงพอแล้วที่จะมีบทบาทสำคัญ

ไอเท็มที่สองคือหนังสือที่คล้ายกับหนังสือโบราณบูชายัญ

‘หนังสือแห่งทราย’ เล่มนี้บันทึกคาถาธาตุดินและลมมากกว่า 10 20 รูปแบบ ซึ่งสูงสุดอยู่ในขั้น 4 แค่นี้ก็พออธิบายได้แล้วว่ารุนแรงเพียงใด

ผู้ที่ถือหนังสือเล่มนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ในสายนักเวทย์ ก็สามารถร่ายเวทย์ได้อย่างง่ายดาย

แน่นอน ของแรงๆแบบนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ค่าใช้จ่ายที่ว่าไม่ใช่ค่าพลังจิต แต่เป็นแต้มวิญญาณ

แม้ว่าต้นทุนจะไม่ต่ำ แต่มันก็คุ้มค่ามาก ลองนึกภาพนักรบเช่นฮังอวี่ หากเขาสามารถใช้งานสกิลเวทมนตร์ที่อันหลากหลายสักสิบหรือยี่สิบสกิล พลังรบของเขาจะพุ่งทะยานถึงระดับใด?

ไอเท็มที่สามคือ ‘เสื้อคลุมจักรพรรดิทราย’ เนื่องจากค่าวามทนทานลดลงเหลือ 0 จึงใช้งานไม่ได้ ชื่อที่แท้จริงและค่าคุณสมบัติโดยละเอียดไม่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้

แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพไม่ต่ำกว่าสีม่วงขั้นกลาง!

ตามความรู้ของฮังอวี่ อุปกรณ์นี้ซ่อมได้ยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะซ่อมไม่ได้

หากนำวัสดุสีม่วงมารวมไปถึงหัวใจธาตุผสม บวกกับวัตถุดิบจากมังกรน้ำสีชาด และหินคริสตัลม่วงอีกหลายร้อยก้อน ก็น่าจะรวบรวมวัสดุได้ครบ

ดังนั้นด้านวัสดุในการซ่อมแซม มันไม่เป็นปัญหากับฮังอวี่เลย

ตอนนี้ปัญหาที่พบคือ ช่างซ่อมทั่วๆไปไม่สามารถซ่อมแซมอุปกรณ์สีม่วงได้ ฮังอวี่ต้องหาช่างซ่อมระดับผู้เชี่ยวชาญ และช่างซ่อมระดับนั้นแทบหาไม่ได้เลยในสังคมมนุษย์

ในบรรดากลุ่มมังกรฟ้าและสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิง ต่อให้เป็นช่างซ่อมที่ทรงพลังที่สุดก็อยู่แค่ขั้นสูงเท่านั้น ยังห่างไกลจากระดับผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องยากในการซ่อมเสื้อคลุม แต่ฮังอวี่ต้องซ่อมมันอย่างแน่นอน

หากได้สวมใส่อุปกรณ์สีม่วงอีกหนึ่งชิ้น พลังรบของเขาต้องพุ่งพรวด!

อุปกรณ์นี้น่าจะเป็นสีม่วงอ่อน มีความสำคัญมาก มูลค่าน่าจะสูงกว่าสร้อยคอโลกันต์โลกาวินาศเล็กน้อย

สุดท้ายคือสูตรโพชั่น เปลี่ยนร่างราชาปีศาจทรายสีชาด…… อืม แค่คิดก็โคตรโกงแล้ว!

คุณค่าของสูตรนี้ ไม่ต่ำกว่าไอเท็มชิ้นใดๆในที่นี้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว มอนสเตอร์ระดับราชันย์ มีสกิลโจมตีหมู่หลายสกิล สามารถสู้ได้กับทั้งกองทัพ โพชั่นมนตราเช่นนี้ แปลงค่าเป็นเงินแทบไม่ได้!

มีค่าไม่แพ้ไอเท็มสีม่วงชิ้นอื่นๆ

แต่สำหรับสูตรโพชั่นนี้ ฮังอวี่ไม่ค่อยสนใจนัก เพราะการแปลงร่างเป็นระดับราชันย์ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถกลั่นได้้ง่ายๆ ก่อนอื่นต้องเป็นนักกลั่นโพชั่นระดับผู้เชี่ยวชาญ แค่ข้อนี้ก็ทำให้หลายคนถอยแล้ว

อย่างที่สอง วัสดุในการใช้กลั่นโพชั่นมนตราสีม่วง เก้าในสิบชิ้นต้องใช้วัสดุสีม่วงเช่นกัน ซึ่งหมายความว่ามีค่าใช้จ่ายสูง เป็นเรื่องยากมากหากคิดผลิตสำหรับกองกำลังทั่วไป

สูตรอะไรแบบนี้ เหมาะกับกองกำลังระดับชาติมากกว่า

ดังนั้นสำหรับกองกำลังพลเรือนเช่นฮังอวี่ มันจึงไม่ค่อยมีความหมายนัก

นอกเหนือจากไอเท็มข้างต้น ก็มีไอเท็มสีฟ้าใสกว่าหลายสิบชิ้น ในบรรดานั้นมีอุปกรณ์ถึงสองชิ้น บวกกับหินสกิลสามก้อน ที่เหลือก็พวกคัมภีร์สกิล วัตถุดิบหายาก ไอเท็มพิเศษ ฯลฯ และหินคริสตัลฟ้าประมาณ 2,000 ก้อน หินคริสตัลม่วงประมาณ 300 ก้อน

แม้จะต้องแบ่งปันกับทีม แต่ส่วนแบ่งก็ยังมีมูลค่ามหาศาล!

ฮังอวี่แจกจ่ายของสงครามอย่างรวดเร็ว 85% เป็นขององค์กรมังกรคราม อีก15% ถูกแบ่งระหว่างสำนักกระบี่วิญญาณและหัวหน้าทีมอื่นๆ อีกหลายคน

เพราะยังไงซะ

สมาชิกในครั้งนี้เกือบทั้งหมดเป็นคนของมังกรคราม แม้แต่สมุนทหารก็ยังเป็นของเมืองธารทะเลทราย ตามแผนเดิม ฮังอวี่ไม่มีความคิดจะนำบุคคลภายนอกเข้ามา ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายบุกมาหาถึงที่ แล้วยอมซื้อหุ่นรบทหารพิฆาต บรรเทาแรงกดดันและค่าใช้จ่ายของมังกรคราม

ฮังอวี่จะไม่มีทางยอมให้พวกเขาเข้าร่วมศึกนี้

ดังนั้นส่วนแบ่ง 15% ถือว่าชอบธรรมแล้ว!

ยกเว้นสูตรโพชั่นมนตรา ไอเท็มสีม่วงชิ้นอื่นๆทั้งหมดถูกเก็บไว้กับฮังอวี่

สำหรับไอเท็มสีฟ้า มีการจัดสรรแบ่งปัน เมื่อลงทะเบียนแล้ว ก็ส่งกลับไปที่คลังส่วนกลางของมังกรคราม

“พวกเราต้องทำยังไงต่อ?” คริสนักเวทย์แห่งสำนักกระบี่วิญญาณเอ่ยถามด้วยความกังวล “พวกเราฆ่าราชาปีศาจทรายสีชาด ถึงจะทำกำไรได้มาก แต่พฤติกรรมแบบนี้อาจโดดเด่นเกินไป”

ทุกคนเข้าใจว่าเขากำลังหมายความว่ายังไง

ไอเท็มสีม่วงเป็นอะไรที่หายากมาก ศัตรูอย่างราชาปีศาจทรายสีชาด ถือกำเนิดเพียงครั้งเดียวในรอบหกสิบปี

แต่กองทัพเมืองธารทะเลทรายกลับกินรวบ BOSS ใหญ่เพียงลำพัง หากกองทัพอื่นไม่อิจฉานั่นคงแปลกมาก

แล้วอีกอย่าง เมืองธารทะเลทรายอ่อนแอที่สุดในบรรดาอีกสี่กองทัพที่เหลือ แบบนี้พวกมันจะยอมอยู่เฉยหรอ?

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากสำหรับฮังอวี่ที่ต้องอธิบายว่าทำไมกองทัพที่อ่อนแอที่สุดของเขาสามารถทำลายราชาปีศาจทรายสีชาดได้ มีโอกาสเก้าใสสิบส่วนที่จะถูกระแวงและเป็นปรปักษ์กับศัตรู

เมื่อพวกมันรู้สึกว่าถูกคุกคาม หลังจากนี้คงอยู่ไม่สุข

แล้วแบบนี้พวกเราจะรอดพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร?

จะทำอะไรต้องคิดทบทวนให้รอบคอบ!

สมาชิกหลักของมังกรครามไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้

ทางหนึ่งเพราะพวกเขาเชื่อว่าเมืองธารทะเลทรายสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างเต็มที่ อีกทางหนึ่งพวกเขาเชื่อมั่นว่าในเมื่อฮังอวี่กล้าทำแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องคิดวิธีรับมือผลที่ตามมาเอาไว้แล้ว

จริงอย่างที่คิด

ฮังอวี่สงบมาก เขาเอ่ยว่า “ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ทุกคนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ใครอยากล่ามอนสเตอร์ต่อก็ไป ใครอยากพักก็พัก พวกเราจะอยู่ที่นี่ รอให้กองทัพอื่นมาถึง”

ดูจากเวลา เมืองธารทะเลทรายเคลื่อนทัพคล่องแคล้ว

ฮังอวี่คาดว่าน่าจะอีกราวๆสามวันกว่าที่ทัพอื่นจะมาถึง

มีมอนสเตอร์คุณภาพสูงมากมายในมันวงกตลาวา ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการขยับแข้งขยับขา

ในเวลาเดียวกัน

ฮังอวี่ไม่อยู่เฉยเช่นกัน

หลังจากตระเตรียมการเล็กน้อย เขาก็พา ฉูเทียนหัวกับจ้าวหมิงแยกตัวออกมาสนทนา “พวกคุณกลับไปประกาศในโลกจริง ว่าผมยินดีรับซื้อสัญญาอุปการะสีฟ้าเลเวล 15 ในราคาสูง ถ้าได้ข่าว ขอให้คว้ามันไว้ทันที ตราบใดที่อีกฝ่ายเต็มใจขาย ราคาจะสูงก็ไม่เป็นไร ต่อให้แพงเป็นสิบเท่า ก็คุ้มสำหรับพวกเรา”

สัญญาอุปการะเลเวล 15 แน่นอนว่าเตรียมไว้ให้เพลิงสีชาด จะเป็นการดีที่สุดหากทำสัญญานี้กับอีกฝ่ายได้

แรงผูกมัดของสัญญานี้ไม่ร้ายแรงเกินไป แต่สามารถมั่นใจได้ว่าผู้ลงนามจะจงรักภักดีต่อตนเอง ทั้งยังสามารถพาติดตามไปได้ทุกที่

แต่ถ้าหาสัญญาอุปการะไม่เจอล่ะจะทำยังไง?

ถึงเวลานั้นก็ใช้สัญญาวิญญาณเผาไม้กับเขาแทน ด้วยแรงผูกมัดของสัญญาวิญญาณเผาไหม้

หากเพลิงสีชาดลงนามแล้วก็ไม่มีวันหลุดพ้น

ฮังอวี่กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ ขอให้พวกคุณช่วยผมอีกเรื่องหนึ่ง ช่วยหาช่างซ่อมระดับผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศให้ที ถ้ามีข่าวเรื่องนี้ รีบติดต่อผมมาโดยเร็วที่สุด”

เรื่องซ่อมเสื้อคลุมสีม่วงไม่ด่วนเท่าหาซื้อสัญญา แต่เห็นได้ชัดว่าก็สำคัญเช่นกัน!