CD บทที่ 285 กองกำลังที่น่าเกรงขาม
จ้าวหยู่ไม่ได้กลับบ้านเพื่อนอนในคืนนั้น แต่อยู่เพื่อสอบสวนกับเพื่อนร่วมงานของเขา เหมี่ยวอิงรู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเธอส่วนใหญ่ทำงานติดต่อกันสองสามคืน ดังนั้นเธอจึงเตรียมการให้พวกเขากลับบ้านและพักผ่อน เนื่องจาก จ้าวหยู่ไม่ได้ทำงานข้ามคืนก่อนหน้านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีพลังมากที่สุด
ในเวลานั้นเขากลับมาที่กระดานไวท์บอร์ดและเริ่มวิเคราะห์คดีตามวิธีการปกติของเขา เมื่อเขาพบชายชราในวิดีโอในวันนั้น ในที่สุดผู้เชี่ยวชาญก็พบคนอีกสองสามคนที่ดูน่าสงสัย ราวกับว่าพวกเขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขา
ดังนั้น เหมี่ยวอิงจึงตัดสินใจสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้งเจ็ดที่เหลือด้วย เธอย้ายนักวาดภาพสเก็ตช์จากแผนกคนหายมาที่นี่ โดยต้องการให้พวกเขาลองวาดรูปลักษณ์ดั้งเดิมของโจรโดยไม่ปลอมตัว
นักวาดภาพสเก็ตช์ปฏิบัติตามคำแนะนำของเหมี่ยวอิง แต่พวกเขากล่าวว่า พวกเขาต้องการเวลา และเนื่องจากความละเอียดของวิดีโอต่ำมาก การวาดภาพที่แม่นยำจึงเป็นเรื่องยาก แต่พวกเขาจะพยายามให้ดีที่สุด
จ้าวหยู่เห็นข้อมูลบนกระดานไวท์บอร์ดที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เขาอยากรู้เรื่องของโจรปล้นธนาคารมากขึ้นไปด้วย
‘คนพวกนี้ฉลาดมาก พวกเขารู้วิธีปล้นธนาคาร วิธีเปิดห้องนิรภัย และพวกเขารู้วิธีปลอมตัวด้วย!’ เขาคิด “พวกเขาเรียนรู้มาจากไหน? หรือมันมีหลักสูตรการปล้นธนาคารแบบมืออาชีพหรือเปล่า?’
ในชั่วพริบตาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างหมดแรง แต่ไม่มีใครหมดไฟ พวกเขาดูวิดีโอบนคอมพิวเตอร์อย่างใกล้ชิดหรือจัดระเบียบข้อมูลคดีที่ยุ่งเหยิงอย่างเป็นระเบียบ
เหมี่ยวอิงกำลังดื่มกาแฟขณะคิดด้วยใบหน้านิ่งของเธอ เธอดูเหมือนเธอกำลังทำงานอย่างหนักกับแนวทางใหม่
จ้าวหยู่สามารถบอกได้ว่าการก่อตั้งทีมเฉพาะกิจได้ก่อให้เกิดความเครียดอย่างมากต่อเพื่อนร่วมงานของเขา ทุกคนกลัวว่าพวกเขาจะคลี่คลายคดีก่อน เขาได้ยินมาว่าหัวหน้าทีมของหน่วยเฉพาะกิจเป็นรองหัวหน้าทีมสืบสวนคดีอาชญากรรมในสำนักงานเมืองที่มีชื่อว่าหวังเซินเหยา
แม้ว่าเขาจะอายุไม่มากนัก แต่เขาก็มีความสามารถสูง ในบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักงานเมืองต่างก็คาดหวังในตัวเขาอย่างมาก เขาคลี่คลายคดีสำคัญ ๆ มากมายตั้งแต่เริ่มทำงาน
หวังเซินเหยาคงจะทำทุกวิถีทางยเพื่อรับเครดิตในการไขคดีในครั้งนี้ ถ้าเขาสามารถไขคดีธุรกรรมอำพรางได้ก่อนที่แผนกสืบสวน สถานีหรงหยาง มันจะเป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงานของเขาในอนาคตอย่างแน่นอน
นั่นเป็นเหตุผลที่เขานำสมาชิกระดับสูงที่ได้รับเลือกจากแต่ละสาขามาสอบสวนอย่างเข้มข้น ตลอดทั้งวันนั้น พวกเขาได้ตรวจสอบธนาคารทั้งหมดที่ให้บริการห้องนิรภัย
จากการวิเคราะห์ของหวังเซินเหยา เขาคิดว่ากงซิ่วเจินเสียชีวิตเมื่อสามปีที่แล้ว และเธอไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้าย ถ้าฆาตกรเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เขาคงจะฆ่าคนไปมากกว่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตรวจสอบห้องนิรภัยทั้งหมดในธนาคารต่าง ๆ อย่างละเอียดเพื่อพยายามหาศพใหม่ ซึ่งมันจะช่วยคลี่คลายคดีได้อย่างแน่นอน!
ตามกฎที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แผนกสืบสวน สถานีหรงหยางสามารถตรวจสอบคดีปล้นธนาคารฉินชานได้เท่านั้น หลังจากที่พวกเขาไขคดีนี้ได้แล้ว พวกเขาจึงจะเริ่มคดีธุรกรรมอำพรางได้
‘จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาไขคดีธุรกรรมอำพรางได้และเรายังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นธนาคารได้ มันคงจะน่าอายมาก!’ จ้าวหยู่คิด
ในตอนนี้เพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนเครียดด้วยเหตุนี้
“พี่หยู่ พี่หยู่!” จ้าวหยู่ยังคงครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ เมื่อจู่ ๆ หลันโบก็วิ่งมาหาเขาและพูดเบา ๆ ว่า “พี่หยู่ เดาสิว่าฉันได้ยินอะไรจากพ่อของฉันมา” หลันโบถามอย่างลึกลับ "พี่รู้ไหมว่าใครคือหวังเซินเหยา?"
“มันเป็นใคร? ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” จ้าวหยู่ยังคงคิดเกี่ยวกับคดีนี้และไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องพวกนั้นมากนัก
“อา เขาเป็นน้องชายของลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้าทีมเหมา!” หลันโบกล่าว
“อะไรนะ? น้องชายของลูกพี่ลูกน้องงั้นเหรอ?” จ้าวหยู่รู้สึกประหลาดใจ
"ถูกต้อง!" หลันโบเล่าต่อว่า “ตามที่พ่อของฉันได้บอกมา หวังเซินเหยาคนนี้ไม่เพียง แต่เป็นน้องชายของลูกพี่ลูกน้องของเหมาเว่ยเท่านั้น แต่ยังสนิทกันมากด้วย ดังนั้นคุณและหัวหน้าทีมเหมี่ยวต้องระวังตัวให้ดี ไม่แน่ว่าผู้ชายคนนี้อาจจะมีอำนาจมากพอที่จะแก้แค้นพวกคุณสองคนก็เป็นได้!”
“ไปบอกหัวหน้าทีมเหมี่ยวสิ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันกับเหมาเว่ยไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกันเลย แถมฉันยังส่งเงินรางวัลคดีลักพาตัวเมียนหลิงให้เขาด้วย”
“โถ่! พี่หยู่ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” หลัวโบกลัวว่าจะมีใครได้ยินเขาจึงกระซิบข้างหูจ้าวหยู่ "ฉันได้ยินมาว่าเหมาเว่ยเป็นเสือยิ้มซ่อนเล็บและชอบเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ! พี่หยู่ พี่จำได้มั้ยว่ารองหัวหน้าหลันตั้งใจจะให้พี่มารับตำแหน่งแทนเหมาเว่ย ฉันคิดว่าเหมาเว่ยจะเกลียดพี่มากที่สุด ดังนั้น พี่ต้องควรระวังตัวให้ดี!"
“โอ้? อย่างนั้นเหรอ?” จ้าวหยู่หันกลับมาและพูดอย่างมีเลศนัย “ถ้าอย่างนั้น นายช่วยฉันกระจายเรื่องนี้และทำให้เหมาเหว่ยรู้ว่าฉันจะรับตำแหน่งหัวหน้าทีม A อย่างแน่นอน แล้วบอกอีกว่าใครก็ตามที่ขวางทางฉันจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น!”
“โอ้! พี่หยู่เนี่ยเจ๋งจริง ๆ!” หลันโบกลืนน้ำลายและยกนิ้วให้ เขาคุ้นเคยกับท่าทางอวดเบ่งของจ้าวหยู่แล้ว
จากนั้น ซงเฉา เลขาธิการของหัวหน้าสถานีและคนอื่น ๆ อีกสองสามคนเข้ามาพร้อมกล่องสองสามใบในมือของพวกเขา ทุกคนสามารถได้กลิ่นอาหารอันโอชะในทันที จากนั้น หลันเสี่ยวเสี่ยวเดินเข้ามาพร้อมกับเครื่องดื่มถุงใหญ่และพูดกับทุกคนว่า
"ทุกคน มาทานอาหารเย็นกันเถอะ!" เธอยิ้มและพูดว่า "นี่เป็นสัปดาห์ที่ยาวนานสำหรับพวกคุณทุกคน ฉันจึงตัดสินใจสั่งอาหารมาเลี้ยงพวกคุณ แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายแต่ขอให้พวกเขาทานอย่างเอร็ดอร่อย!"
เมื่อเห็นรองหัวหน้าหลันซื้ออาหารมาเลี้ยงพวกนักสืบ ทุกคนก็ซาบซึ้งใจและขอบคุณเธอ ในสายตาของนักสืบ รองหัวหน้าหลันเป็นคนสุภาพและมีความสามารถ และเป็นผู้นำที่แท้จริงของพวกเขา นับตั้งแต่ที่เธอเข้ามากอบกู้ซากปรักหักพังที่ถังจ้าวหลงได้ก่อไว้ความโกลาหลในสถานีก็สงบลงในที่สุด
ไม่มีใครคาดคิดเธอจะเลี้ยงพวกเขาด้วยอาหารมื้อเย็นสุดพิเศษ มันอาจจะมองได้ว่าเธอพยายามซื้อใจจากเหล่านักสืบ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกประทับใจและซาบซึ้งในตัวเธอ
เหล่าเจ้าหน้าที่กินมื้อเย็นแสนอร่อยและดื่มเครื่องดื่มแสนหวานเพื่อคลายความเหนื่อยล้า จากนั้นพวกเขาก็ชาร์จพลังเต็มที่และพร้อมที่จะกลับมาทำงานหนักอีกครั้ง
ในระหว่างที่เหล่านักสืบกำลังรับประทานอาหาร รองหัวหน้าหลันเรียกเหมี่ยวอิงและจ้าวหยู่ไปที่มุมชงกาแฟเพื่อสนทนาเป็นการส่วนตัว
“รับไปสิ หนุ่มหล่อและสาวสวย” หลันเสี่ยวเสี่ยวมอบโค้กเย็น ๆ ให้ทั้งคู่ เธอพูดกับจ้าวหยู่เป็นคนแรกว่า "จ้าว สิ่งที่คุณทำในวันนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก คุณมีส่วนอย่างมากในการจับกุมองค์กรใต้ดินขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ แม้แต่หัวหน้าสำนักงานฮงจากสำนักงานเมืองก็โทรมาชมคุณเป็นการส่วนตัวด้วย
ส่วนเรื่องราวัลคุณไม่จำเป็นต้องกังวลไป ทางสถานีหรงหยางจะให้รางวัลตามความดีความชอบ และฉันจะไม่ทำให้ผลงานของคุณต้องเสียเปล่า!”
“ขอบคุณครับ รองหัวหน้าหลัน!” จ้าวหยู่เห็นว่าอีกฝ่ายมีความสุข เขาจึงคิดว่ามันโอกาสให้การหาประโยชน์จากเรื่องนี้
"โอ้ พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ เพื่อนที่ช่วยฉันจับคนร้ายก็ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเช่นกัน แต่พวกเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นผมอยากจะ..."
“ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว!” หลันเสี่ยวเสี่ยวตอบยิ้ม ๆ “สถานีตำรวจจะเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เอง และเราจะให้รางวัลพลเมืองดีเด่นแก่พวกเขาด้วย!”
"เยี่ยมไปเลย! ขอบคุณคุณมากครับ คุณนี่ใจกว้างมากจริง ๆ!!" จ้าวหยู่ประสานมือและโค้งขอบคุณรองหัวหน้าหลัน
“เหมี่ยว จ้าว!” ทันใดนั้น รองหัวหน้าหลันกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่างที่คุณรู้ ตั้งแต่คดีลักพาตัวเมียนหลิง สาขาของเราได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย และทำให้คนอื่น ๆ อิจฉาริษยาในความดีความชอบของพวกเรา
ดังนั้น คดีปล้นธนาคารฉินชานและคดีธุรกรรมอำพรางต่างก็อยู่บนบ่าของพวกคุณ! เราไม่สามารถกลายเป็นตัวตลกให้พวกเขาหัวเราะเยาะได้!"
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหา รองหัวกน้าวางใจได้เลย!" จ้าวหยู่ประสานมืออีกครั้งและเหมี่ยวอิงพยักหน้าเห็นด้วย
“เหมี่ยว แม้ว่าคุณจะเพิ่งมาประจำการที่สถานีหรงหยางได้ไม่นาน แต่ในคดีลักพาตัวเมียนหลิง คุณก็ได้แสดงศักยภาพของคุณให้พวกเราได้เห็นแล้ว
ในทางกลับกัน จ้าว คุณคือคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้แต่กลับสามารถไขคดีต่าง ๆ ได้อย่างลุล่วง ด้วยการร่วมมือของพวกคุณ ฉันคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก!!”
"แน่นอน!" จากนั้นจ้าวหยู่ก็ตัดสินใจใช้โอกาสขอร้องมากขึ้น เขาจึงพูดว่า “โอ้ จริงสิ รองหัวหน้าหลัน อย่างที่คุณเห็น ผมทุ่มเทให้กับงานนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณไม่คิดว่าคุณควรจะให้...”
ก่อนที่จ้าวหยู่จะพูดสิ่งที่ต้องการ จางเหยาฮุ่ยก็วิ่งมาที่มุมชงกาแฟอย่างประหม่าและพูดว่า
"หัวหน้าทีมเหมี่ยว ทางสถานีขนส่งส่งข้อความถึงเราครับ พวกเขาบอกว่ามีคนเห็นผู้ต้องสงสัยที่เราระบุในวิดีโอในวันเกิดเหตุ!"
"อะไรนะ!?" ทั้งสามคนตกใจ แต่จ้าวหยู่ตกใจมากเป็นพิเศษ เมื่อจางเหยาฮุ่ยพูดจบ ระบบก็ดังขึ้นในหัวว่า
"การผจญภัยดั่งปาฏิหาริย์สำหรับวันนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 97% ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับเครื่องมือล่องหน โปรดทำการยอมรับ!"