ตอนที่ 5-9 ศึกชิงตัว
ภายในห้องนั่งเล่น
"ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งท่านผอ.ไมอา" ลินลี่ย์กล่าวอย่างสุภาพ"แต่ตอนนี้ ข้ายังไม่ต้องการที่จะนำรูปแกะสลักนี้ลงประมูลหรือจัดแสดงแต่ข้าให้สัญญาว่าในอนาคตข้างหน้าหากข้าปรารถนาที่จะประมูลหรือนำมันไปจัดแสดงข้าจะยื่นคำขอไปยังหอศิลป์พรูกซ์อย่างแน่นอน"
ผอ.ไมอาวางไม้เท้าพิงไว้ด้านข้างแล้วส่งยิ้มให้ลินลี่ย์ "นั่นยอดมากแต่ตอนนี้การขอให้เจ้าตัดสินใจเรื่องการจัดแสดงรูปแกะสลักในหอศิลป์ของเราเป็นเพียงเป้าหมายรองเป้าหมายหลักของข้าในวันนี้คือการมาพบนักแกะสลักอัจฉริยะซึ่งอาจจะมีเพียงผู้เดียวในรอบล้านล้านปี"
ในเวลาเดียวกันผู้จัดการโรงแรมก็เข้ามาในห้อง
ผู้จัดการคนนี้ยิ้มอย่างนอบน้อมต่อผู้อำนวยการไมอา แล้วหมุนตัวไปทาง ลินลี่ย์และเยล"คุณชายเยล คุณชายลินลี่ย์ ตัวแทนจากจักรวรรดิไรน์รอพบอยู่ด้านนอกโรงแรมพวกเขาแจ้งความประสงค์ขอเข้าพบกับคุณชายลินลี่ย์"
"ฮ่า ๆ" ผอ.ไมอาหัวเราะพร้อมกับยืนขึ้น "ลินลี่ย์ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้ากำลังค่อนข้างยุ่งงั้นข้าจะไม่รบกวนเวลาของเจ้ามากกว่านี้แล้ว ข้าขอลาก่อน"
ทันทีที่พูดจบผอ.ไมอาก็เดินนำบริวารของเขาเดินออกจากโรงแรมไป
ลินลี่ย์มองผู้จัดการโรงแรม "ได้โปรดช่วยตอบปฏิเสธพวกเขาแทนข้าตอนนี้ข้าไม่ต้องการพบปะกับตัวแทนของจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่หรือพันธมิตรมืด" ลินลี่ย์ปฏิเสธที่จะพบกับตัวแทนไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใดก็ตามเขารู้ดีว่าหากเขาพบกับตัวแทนของกลุ่มจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่หรือพันธมิตรมืดจะทำให้เกิดความบาดหมางกับวิหารเจิดจรัสได้
แม้ว่าเขาจะตอบปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาหลังจากจบการพูดคุยก็ตาม วิหารเจิดจรัสยังคงเคลือบแคลงในตัวเขาอยู่ดีเพราะไม่มีคนของพวกเขาอยู่ในการพบปะพูดคุยนี้
และวิหารเจิดจรัสเองก็มีอำนาจน่าแกรงขามทั่วทวีปยูลาน ไม่ได้อ่อนกว่าจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่หรือพันธมิตรมืดนั่นทำให้ลินลี่ย์ไม่มีความจำเป็นต้องไปเข้าร่วมกับจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่หรือพันธมิตรมืด
………..
สามวันต่อมา ภายในรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเฟนไล มีเพียงลินลี่ย์และเยลส่วนเรย์โนลด์และจอร์จยังคงอยู่ที่สถาบัน
"น้องสาม เจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก 2-3วันที่ผ่านมามีตัวแทนจากจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่และพันธมิตรมืดพยายามขอพบเจ้าหลายครั้ง"เยลหัวเราะคนที่มาขอพบกับลินลี่ย์ ทุกคนล้วนมีอำนาจและอิทธิพลภายในองค์กรของตัวเองสูงส่งยิ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกิดและเติบโตในเขตสหภาพศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีใครคาดคิดว่า หลังจากข่าวของจอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปีแพร่กระจายออกไปได้ระยะหนึ่งจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่และพันธมิตรมืดจะใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงที่นี่นั่นเพราะระยะทางจากแต่ละที่นั้นค่อนข้างไกลจากที่นี่พอสมควร
คนที่ต้องการเข้าพบลินลี่ย์ททุกคนล้วนแล้วตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งสิ้น
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทุกคนล้วนไม่อาจผ่านประตูมาได้เพราะคำสั่งของลินลี่ย์
"เยลครอบครัวที่ครอบครองมรดกของบรรพชนตระกูลข้าคือ"ตระกูลลูคัส"... หากข้าพยายามจะนำ 'ดาบศึกล่าสังหาร' กลับมาจากพวกเขานั้นจะเป็นเรื่องยากหรือเปล่า?" ลินลี่ย์ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเฟนไลก็เพื่อจะจัดการเรื่องนี้
เยลพยักหน้า "ใช่แล้ว ตอนแรกข้าก็กระหายที่จะแบ่งปันข่าวสารที่ได้จนทำให้ข้าไม่ได้ขุดคุ้ยประวัติของตระกูลนี้ลงไปให้ลึกกว่านี้ แต่ตอนนี้ข้ารู้มาว่าตระกูลลูคัสค่อนข้างไม่ธรรมดา"
นลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ตระกูลที่ซื้อมรดกของบรรพชนตระกูลเขาเมื่อหลายร้อยปีก่อนได้ย่อมไม่ใช่ตระกูลเล็กๆธรรมดาอย่างแน่นอน
"ตระกูลลูคัสถือเป็นตระกูลที่เก่าแก่พอสมควร ด้วยประวัติที่ยาวนานกว่าพันปีในอาณาจักรเฟนไล ฐานะทางการเงินอยู่ในระดับกลางแต่พวกเขามีอิทธิพลมากในหมู่ขุนนางและชนชั้นสูง สิ่งสำคัญที่สุดเหนืออื่นใดคือ...ผู้นำตระกูลของตระกูลลูคัสเป็นผู้เฒ่าที่ดื้อรั้นมากและยังเป็นนักสะสมตัวยงอีกด้วยมรดกของบรรพชนของตระกูลของเจ้านั้นเป็นอาวุธส่วนตัวของนักรบเลือดมังกรคนแรกแม้ว่ามันจะผ่านกาลเวลานานกว่าพันปีตั้งแต่นักรบเลือดมังกรคนแรกได้ปรากฏตัวขึ้นอาวุธชั้นนี้ก็ยังคงเป็นอาวุธที่ค่อนข้างพิเศษและยิ่งกว่านั้นอาวุธของตระกูลเจ้ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1-2 แสนเหรียญทอง"
"ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีเงินแต่โดยพื้นฐานแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับความดื้อรั้นของผู้นำตระกูลลูคัส เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ากว่าจะได้มรดกคืนมาเจ้าจะต้องเจองานหนักสักหน่อย"
เยลถอนหายใจหลังจากกล่าวจบ
คนบางคนก็ไม่ยอมสยบให้กับเงินทอง
"ลินลี่ย์ หากเจ้ายืมมือท่านลุงรองของข้าและใช้อิทธิพลที่มีอยู่ของหอการค้าดอว์สันกดดันตาเฒ่าประหลาดนั่นแล้ว ความยากลำบากจะลดลงมากเลยทีเดียว" เยลแนะนำ
ลินลี่ย์รู้ดีว่าเยลพูดออกมาด้วยความหวังดี แต่ลินลี่ย์ไม่ต้องการยืมมือผู้อื่นจริงๆ
"ให้ข้าได้ลองก่อนได้หรือไม่ หากข้าไม่อาจโน้มน้าวเขาให้ขายคืนได้ถึงตอนนั้นข้าจะขอร้องให้ท่านช่วยออกหน้าแทนข้าอย่างแน่นอน พี่ใหญ่เยล" ลินลี่ย์หัวเราะ
จู่ๆลินลี่ย์รู้สึกสะดุ้งขึ้นมาจากนั้นเจ้าบีบีตัวน้อยก็โผล่ออกมาจากข้างตัวเขา จ้องมองลินลี่ย์กับเยลด้วยสายตาขี้เซาขณะเดียวกันบีบีก็สื่อสารทางจิตไปยังลินลี่ย์ "นายท่าน รถม้านี่มันเคลื่อนที่ช้าจังข้ากะว่าหลับไปจนกว่าจะถึงที่หมายจะดีกว่า แต่ว่าจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ถึงเมืองเฟนไลเลย"
ลินลี่ย์อุ้มบีบีขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "เอาล่ะ เจ้าหลับมาพอแล้วละหลังจากนี้อีกไม่นานเราก็จะไปถึงที่นั่นแล้ว "
ทันใดนั้น ...
"อ๊าาาา!" เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น รถม้าหยุดในทันใด
ลินลี่ย์กับเยลที่นั่งอยู่ในรถม้ารู้สึกได้ว่ารถม้าสั่นไปมาสีหน้าของเยลเปลี่ยนไปทันที่"ดูเหมือนจะแย่แล้ว"
"เชิญคุณชายลินลี่ย์และคุณชายเยลออกมาพบ"เสียงคนพูดดังจากข้างนอกเข้ามาในรถม้า
ลินลี่ย์กับเยลสบตากันเป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามได้ล้อมพวกเขาเอาไว้แล้วโดยที่พวกเขาก็ไม่ทันตั้งตัวนี่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบพวกเขาทุกอย่างพวกเขาก้าวออกจากรถม้าโดยไม่ขัดขืนใดๆ
ตอนนี้องครักษ์ระดับ 7 ทั้งสองของพวกเขานอนตายอยู่บนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยเลือดของพวกเขาเองแม้แต่คนขับรถม้าก็นอนตายอยู่ด้วยเช่นกัน การที่นักรบระดับ 7ถูกฆ่าโดยไม่มีโอกาสตอบโต้เลยแม้แต่น้อยเช่นนี้ย่อมบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด
"คุณชายลินลี่ย์และคุณชายเยลพวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายพวกเราเพียงแค่ต้องการเชิญลินลี่ย์มาเป็นแขกของเราสักครู่ ส่วนท่านคุณชายเยลเราจะไม่แตะต้องท่านแม้แต่น้อย" ไม่ไกลเท่าไหร่นักมีชายสามคนกำลังยืนอยู่ในชุดสีดำแกมเขียว ผู้นำของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากมีดดาบเป็นผู้กล่าววาจา
เยลโกรธที่องครักษ์ระดับ 7 ของเขาตาย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาหลังจากได้รับรู้แล้วว่าศัตรูแข็งแกร่งกว่าตัวเอง
ชายที่มีรอยแผลเป็นส่งยิ้มให้ลินลี่ย์ "ลินลี่ย์อย่าคิดหนีดีกว่า บริวารของข้าสามารถจับเจ้าด้วยตัวคนเดียวได้อย่างง่ายดายตอนนี้เจ้าทำได้เพียงทำตามที่ข้าบอกอย่างว่าง่าย เข้าใจหรือไม่? หรือต้องให้ข้าบังคับ"
ลินลี่ย์กวาดตามองไปที่เยล ลินลี่ย์ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายใดๆต่อเยล
"น้องสามอย่าตามพวกมันไป" เยลกล่าวอย่างร้อนรน
ในใจของลินลี่ย์รู้ดีว่านักสู้ทั้งสามต้องมาจากพันธมิตรมืดหรือจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา แม้ว่าเขาและบีบีทุ่มเทพลังทั้งหมดต่อต้านพวกเขายังไงก็ต้านไม่อยู่อีกอย่างวัตถุประสงค์ของคนเหล่านี้คือการตามหาเขาเพื่อให้เขาไปเข้าร่วมกับพวกมันบางทีพวกมันคงไม่ทำร้ายเขาก่อนแน่ๆ
"ก็ได้ ข้าจะตามพวกเจ้าไป" ลินลี่ย์พยักหน้า
ชายผู้มีแผลเป็นอดยิ้มออกมาไม่ได้ "ข้าดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น คุณชายเยลเราหวังว่าท่านจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ซะ"ในขณะที่เขาพูดชายรอยแผลเป็นหันไปมองทั้งสองคนใกล้ๆเขาทั้งสองเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ด้านข้างของลินลี่ย์ทันที
"ไปกันเถอะ" ชายผู้มีรอยแผลเป็นออกคำสั่ง
…….
พร้อมกับที่รั้งบีบีไว้, ลินลี่ย์เริ่มมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้โดยมีชายทั้งสองคนเดินประกบเขาเอาไว้
"นายท่าน ฆ่าทั้งสองคนนี้เสียเถอะ ข้ามั่นใจว่าสามารถฆ่าทั้งสองคนที่ประกบท่านอยู่ได้แต่สำหรับชายแผลเป็นนั่น ข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะฆ่ามันได้"บีบีสื่อสารทางจิตไปยังลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้ดีว่าสัมผัสของบีบีนั้นแม่นยำมาก
เขาเองก็สัมผัสได้ว่าชายสองคนที่ประกบเขาอยู่นั้นอย่างมากก็เป็นนักรบระดับ 8ส่วนชายแผลเป็นหัวหน้าพวกเขานั้นเป็นนักรบระดับ 9 องค์กรที่สามารถส่งนักรบระดับ 9หนึ่งคนและนักรบระดับ 8 อีกสองคนออกมาได้ชัดเจนว่าย่อมเป็นองค์กรที่ไม่ธรรมดา
"ใจเย็นไว้ก่อน บีบี" ลินลี่ย์ห้ามบีบีเอาไว้
"นักสู้ชั้นสูงพวกนี้โผล่ออกมาจากพื้นดินรึไงกัน?" ลินลี่ย์อดสงสัยไม่ได้
เดลิน โคเวิร์ทปรากฏกายขึ้นมาด้านข้างเขา เขายิ้มแล้วมองไปยังลินลี่ย์"ตอนนี้ฐานะของเจ้าแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้วเป็นธรรมดาที่เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้คนที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าที่ผ่านมาข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้านี้แล้วว่าเมื่อเจ้าได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับ 7เจ้าจะเข้าสู่โลกของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นใครในจักรวรรดิทั้งสี่พวกเขาย่อมมีนักสู้ระดับเซียนเพียง 1-2 คน และพวกเขาต้องมีนักสู้ระดับ 9สักสิบถึงสิบสองคน จะเป็นอะไรไปเล่าหากใช้สักคนหนึ่งมาจัดการกับเจ้า"
จะเป็นจักรวรรดิหรือหนึ่งในพันธมิตรใหญ่ย่อมมีประชากรหลายร้อยล้าน
การที่พวกเขาจะมีนักสู้ระดับ 9 สักหลายสิบคนจากร้อยล้านคนหมายความว่าในทุกๆ 10ล้านคนนั้น จะมีนักสู้ระดับ 9 หนึ่งคน พูดให้ถูกนักสู้ระดับ 9 ค่อนข้างหายาก
"พวกเขาจะพาข้าไปที่ไหน?" ลินลี่ย์ถามเดลิน โคเวิร์ท
"หากข้าเดาไม่ผิด ทั้งสามคนนี้มาจากพันธมิตรมืดส่วนใหญ่พวกเขาจะเดินทางผ่านเทือกเขาอสูรเวทก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นก็จะเปลี่ยนเส้นทางมุ่งลงใต้เพื่อเร่งเดินทางมุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ของพันธมิตรมืด"เดลิน โคเวิร์ทตอบอย่างเชื่อมั่น
ลินลี่ย์ใช้ความคิดชั่วครู่และตัดสินใจ
จักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่และพันธมิตรมืดล้วนมีกองทหารเป็นของตัวเองประจำการอยู่ในพื้นที่ของพวกเขาแต่ในเทือกเขาอสูรเวทนั้นไม่มีกองกำลังใดๆประจำการอยู่ไม่ว่าอย่างไรสำหรับอสูรเวทส่วนใหญ่ ทหารธรรมดาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าอาหาร
สำหรับนักรบทั่วๆไป เทือกเขาอสูรเวทเป็นสถานที่ที่โหดร้ายมาก
แต่สำหรับนักรบระดับ 9 และสองนักรบระดับ 8 เล่า? มันเป็นเส้นทางที่เดินทางผ่านได้อย่างง่ายดาย ตราบเท่าที่พวกเขาทั้งสามไม่ล่วงล้ำเข้าไปในบริเวณศูนย์กลางของเทือกเขาอสูรเวทพวกเขาย่อมไม่มีอันตราย
…..
บริเวณที่เกิดการต่อสู้ ตอนนี้เยลหลังจากจ้องมองซากศพของชายสามคนเขาถอนหายใจออกมายาวนาน แล้วเริ่มต้นมุ่งหน้าไปยังเมืองเฟนไล แต่เมื่อเขาจากไปชายชุดดำพลันปรากฏตัวขึ้น ชายชุดดำมองไปไปยังทิศทางที่ลินลี่ย์ถูกพาไปทันใดนั้นเขาก็ดึงขลุ่ยสีดำตรงยาวออกมาจากเสื้อคลุมของเขา
"วี้ววว" เสียงประหลาดดังออกมาจากขลุ่ย
เสียงนี้แปลกประหลาดมาก หากมีคนสี่คนในสถานที่ต่างกันสี่แห่งได้ยินมันคนที่ยืนอยู่ทางเมืองเฟนไลจะได้ยินเสียงของมันดังมากกว่าเป็นพันเท่าหากเทียบกับคนที่อยู่ตรงกันข้ามซึ่งห่างจากเมืองเฟนไล
ขลุ่ยนี้ดูเหมือนจะส่งเสียงทั้งหมดพุ่งตรงไปในทิศทางเดียวและในความจริงแล้วดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เสียงมันค่อนข้างที่จะมีวิธีการสั่นพ้องที่พิเศษ
….
พร้อมกับพยายามรั้งบีบีไว้ ลินลี่ย์ยอมตามชายทั้งสามคนอย่างว่าง่ายชายแผลเป็นพอใจกับความร่วมมือของลินลี่ย์
แต่เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากเทือกเขาอสูรเวทออกไปประมาณสามกิโลเมตรชายแผลเป็นก็เปลี่ยนท่าทีในการแสดงออกมา
"เฮ่อ" ชายแผลเป็นถอยกลับไปอยู่ข้างๆลินลี่ย์ทันที และจากนั้นก็มองอย่างเย็นชาไปรอบๆตัวของเขา"ออกมา!"
ทันใดนั้นคนในชุดดำรัดรูป 6 คนก็โผล่ออกมา ชายแผลเป็นดูเหมือนจะไม่ได้สนใจทั้ง6 คนมากนักเขาพุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังชายแก่ชุดดำและชายแก่ชุดป่านที่กำลังเดินช้าๆมายังพวกเขา
"ลินลี่ย์เป็นคนของเราสหภาพศักดิ์สิทธิ์ เจ้า, ผู้คุมกฏของพันธมิตรมืดกล้าดียังไงถึงมาชิงตัวคนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์? เจ้าดูถูกวิหารเจิดจรัสเกินไปหน่อยรึเปล่า?" ชายแก่ชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา
ชายแผลเป็นหัวเราะ "ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะมาด้วยตัวเองรองผู้คุมกฏ โอ้ และเจ้ายังเชิญโยคีมาด้วย พร้อมทั้งพวกตุลาการมาอีกหลายคนดูเหมือนเจ้าจะตีค่าลินลี่ย์ไว้สูงมาก"
ชายแผลเป็นรู้ความแข็งแกร่งของศัตรูดี แต่เขาไม่ได้แสดงความกลัวออกมาเลย
"ที่ข้าต้องการก็แค่เชิญลินลี่ย์ไปร่วมสนุกกับเราที่พันธมิตรมืดแต่เนื่องจากพวกท่านมาขัดขวาง งั้นก็ลืมมันไปเถอะ"ชายแผลเป็นมองไปยังผู้เฒ่าชุดดำ "รองผู้คุมกฏ ข้าขอให้ท่านรับปากข้าสักเรื่องข้าจะปล่อยลินลี่ย์ไปและท่านปล่อยบริวารทั้งสองของข้าไป ท่านคิดว่าไง?"
ชายชุดดำรู้ดีว่าชายแผลเป็นตรงหน้าของเขาเป็นผู้คุมกฏของพันธมิตรมืดเป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่ง ซึ่งเขาคนเดียวยากที่จะฆ่าเขาได้แต่ตอนนี้เขาได้เชิญโยคีแห่งอารามเจิดจรัสมาช่วย จะฆ่าศัตรูคนนี้ไม่ได้ยากนัก
แต่...ลินลี่ย์อยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายศัตรู
"ได้ ข้าขอรับรองด้วยเกียรติของข้าเองว่าจะปล่อยเจ้าและลูกน้องทั้งสองของเจ้าไป แต่ต้องทิ้งลินลี่ย์ไว้ที่นี่"จริงๆแล้วชายแก่ชุดดำไม่ได้ต้องการต่อสู้กับคนเหล่านี้ในตอนนี้หากต่อสู้กันมันจะกลายเป็นการจุดชนวนและลุกลามใหญ่โต
"ดี พวกเราจะไป"
ชายแผลเป็นหันหลังเตรียมตัวจากไปทันที เวลาเดียวกันกับที่พูดกับลินลี่ย์อย่างอ่อนโยน"ลินลี่ย์ หากเจ้าพอจะมีเวลาว่างและมีโอกาสอย่าลืมแวะไปเยี่ยมพวกเราที่พันธมิตรมืดละพวกเรายินดีต้อนรับเจ้าทุกเวลา ฮ่าฮ่า ... ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม"
หลังจากพูดจบชายแผลเป็นและลูกน้องทั้งสองของเขาก็พุ่งหายไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นเงาร่างพร่าเลือนของมนุษย์สามร่างจนกระทั่งหายลับไป