ตอนที่ 5-12 ความเดือดดาล
ภายในสวนของตระกูลเด็บส์อลิซกับคาลันกำลังนั่งถกเถียงและตั้งคำถามเรื่องของการแต่งงานกันอยู่
"อลิซ" ใบหน้าของคาลันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "ข้าได้พูดคุยเรื่องนี้กับท่านพ่อของข้าแล้วเราจะจัดพิธีหมั้นในวันที่ 18 มิถุนายนส่วนพิธีแต่งงานของเรานั้นจะจัดในวันที่ 1เดือนมกราคมในปีหน้า ซึ่งก็คือวันเทศกาลยูลานในปีหน้านั่นเอง"
อลิซเผยรอยยิ้มปลื้มปีติยินดีบนใบหน้าของนาง
"ปีหน้าจะเป็นปีครบรอบ 10,000 ปีของปฏิทินยูลานใช่หรือไม่? สำหรับเราสองคนการรอจัดงานแต่งงานของเราในวันเทศกาลยูลานในปีครบรอบ10,000 ปีของปฏิทินยูลาน นั่นมันช่าง...ช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก"ยิ่งอลิซพูดออกมามากเท่าไหร่นางยิ่งรู้สึกว่าความสุขของนางนั้นมากมายจนอดยิ้มออกมาไม่ได้
เห็นอลิซยิ้มอย่างมีความสุขมากขนาดนี้ คาลันอดรู้สึกยินดีไม่ได้
"อลิซ เจ้ารีบนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพ่อของเจ้า แล้วเตรียมรายชื่อแขกของครอบครัวของเจ้าให้พร้อมเถอะส่วนของข้านั้นข้าสามารถเริ่มจัดวางกำหนดการต่างๆให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" คาลันกระตุ้น
"ตกลง"อลิซพยักหน้าเล็กน้อย
คาลันลูบเส้นผมหนานุ่มของอลิซอย่างอ่อนโยน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข
แต่เมื่อเขานึกไปถึงสถานการณ์อันเลวร้ายของตระกูลของเขาหัวใจของคาลันเริ่มเดือดดาลเอ่อล้นออกมา ไม่นานหลังจากที่เขาและอลิซเริ่มคบกันตระกูลเด็บส์ได้เผชิญหน้ากับมรสุมใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน หอการค้าดอว์สันนั้นได้ยกเลิกความสัมพันธ์กับพวกเขา!
ความสำเร็จในปัจจุบันและความรุ่งเรืองของตระกูลเด็บส์ล้วนเป็นเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับหอการค้าดอว์สันทั้งสิ้น
แต่ว่าเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาหอการค้าดอว์สันได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าความสัมพันธ์ทางการค้าของพวกเขากับตระกูลเด็บส์สิ้นสุดแล้วยิ่งกว่านั้น พวกเขายังเข้าถึงสมาคมธุรกิจและตระกูลพ่อค้าในเมืองเฟนไลและส่งข่าวถึงพวกเขาว่ากำลังมองหาคนมาแทนที่ตำแหน่งเดิมของตระกูลเด็บส์
แต่ทว่า...
หอการค้าดอว์สันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หอการค้าดอว์สันได้ทำการกดดันธุรกิจการค้าของตระกูลเด็บส์ทั้งหมดนั่นเป็นสาเหตุให้ธุรกิจที่ดำเนินการโดยตระกูลเด็บส์ขาดทุนอย่างหนัก
"ทำไมหอการค้าดอว์สันถึงได้กดดันตระกูลของข้าเช่นนี้? ตระกูลเด็บส์เองก็ไม่เคยทำสิ่งใดซึ่งสร้างความบาดหมางต่อหอการค้าดอว์สัน"ความสงสัยนี้กวนใจคาลันเป็นอย่างยิ่งในฐานะทายาทรุ่นต่อไปและผู้รับช่วงมรดกของตระกูลเป็นธรรมดามากที่คาลันจะต้องใส่ใจกับปัญหานี้
และเพราะปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากคาลันและอลิซเริ่มคบกันเล็กน้อยสมาชิกในตระกูลบางคนค่อนข้างเชื่อว่าอลิซเป็นผู้นำพาหายนะนี้มาสู่ตระกูล
ไม่อย่างนั้น จะมีเหตุผลใดให้หอการค้าดอว์สัน ผู้ซึ่งร่วมงานกับพวกเขามาหลายปีจู่ๆก็เปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา?
ยังโชคดีอยู่บ้าง ที่หลายปีที่ผ่านมาตระกูลเด็บส์ได้กำไรมหาศาลและยังสะสมเงินทองจนกลายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมากตระกูลหนึ่งแม้ว่าพวกเขาจะขาดทุนครั้งใหญ่ แต่ความร่ำรวยของตระกูลเด็บส์ยังคงไม่สั่นคลอนแต่ผู้นำของตระกูลเด็บส์ยังคงระมัดระวังอยู่ เนื่องจากเหตุผลอันไม่ชัดเจนทำให้หอการค้าดอว์สันตอนนี้กำลังกดดันธุรกิจของพวกเขานี่ทำให้ตระกูลเด็บส์หมดหวังกับการทำ 'ธุรกิจ' อีกด้านของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยากสร้างความบาดหมางกับสัตว์ประหลาดยักษ์อย่างหอการค้าดอว์สัน
ดังนั้นทางเลือกเดียวของตระกูลเด็บส์ก็คือเริ่มดำเนินการบางอย่างในหนทางที่ต่างจากเดิม
เขาสั่นศีรษะและโยนความคิดเหล่านี้ทิ้งไป คาลันหัวเราะพร้อมกับมองอลิซ"อลิซ, ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้หอศิลป์พรูกซ์เริ่มจัดแสดงผลงานศิลปะอันน่าทึ่งเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นผลงานระดับปรมาจารย์ ผู้คนมากมายเดินทางไปที่นั่นเพื่อจะดูงานนั้นเจ้าสนใจจะไปชมดูกับข้าไหม?"
อลิซเองก็กำลังเบื่ออยู่พอดี "ตกลง"
…..
คาลันกับอลิซนั่งรถม้าเดินทางไปยังหอศิลป์พรูกซ์
"รูปแกะสลักนี่ได้รับการคาดการณ์ว่าพิเศษมากหลายวันที่ผ่านมาข้าเอาแต่วุ่นวายกับเรื่องการจัดงานแต่งงานของเรานั่นทำให้ข้าไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าเลย"คาลันกระโดดลงจากรถม้าเป็นคนแรกและทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่ดีโดยการช่วยประคองอลิซลงจากรถม้า
อลิซกับคาลันเดินเคียงคู่กันมุ่งหน้าสู่หอศิลป์พรูกซ์
"พี่คาลัน, ดูคนเหล่านั้นสิ!"ตาของอลิซส่องประกายขึ้นมาขณะที่ชี้ไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า
ลึกเข้าไปข้างในหอศิลป์พรูกซ์ที่ห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์คราคร่ำไปด้วยผู้คนแต่ภายในห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์ทุกอย่างล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อย ทางเข้าหนึ่งประตูและทางออกหนึ่งประตูทุกคนได้รับอนุญาตเพียงสามนาทีเท่านั้นในการเข้าชมผลงาน
หลังครบสามนาทีคนที่อยู่ในห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์จะถูกบังคับให้ออกจากห้องหากพวกเขาต้องการที่จะดูมันอีกครั้ง...
ใช่แล้ว! ย้อนกลับไปเข้าแถวรออีกครั้ง!
"แถวยาวอะไรอย่างนี้" คาลันเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นหอศิลป์พรูกซ์เต็มไปด้วยผู้คนมากมายขนาดนี้มาก่อน
ทั้งคาลันกับอลิซปฏิบัติตามกฏโดยการเข้าแถวและรอเกือบ 20 นาทีหลังจากนั้นไม่นานกลุ่มของพวกเขาก็ได้เข้าไปในห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งพวกเขาถูกนำเข้าไปในห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์ พวกเขาทุกคนมุ่งหน้าไปทางเข้าด้านหน้าทันที
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดาที่คาลันและอลิซรีบวิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ทันทีที่อลิซได้เห็นรูปแกะสลัก นางตัวแข็งราวกับถูกฟ้าผ่า นางยืนนิ่งจ้องมองไปยังรูปแกะสลักยักษ์อย่างโง่งมหญิงงามทั้งห้านั้นถูกแกะสลักออกมาได้งดงาม แต่ละนางมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกนางเอง
คนอื่นล้วนถูกดึงดูดจากการค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' นี้
แต่เมื่ออลิซได้เห็นรูปแกะสลักยักษ์นี้ ใจของนางอดที่จะนึกถึงความทรงจำทุกอย่างที่เคยมีร่วมกับลินลี่ย์ก่อนหน้านี้ไม่ได้
ครั้งแรก ตอนที่นางกำลังสิ้นหวัง, ลินลี่ย์เป็นเหมือนเทวดาจากสวรรค์ลงมาโปรด
บนระเบียง พวกเขาทั้งสองแอบอยู่ตรงมุมและพูดคุยกันตลอดทั้งคืนบ่อยๆ
….
แล้วความทรงจำฉากแล้วฉากเล่าหวนกลับมาในใจของนางอลิซเหมือนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก นางไม่รู้จริงๆว่ารูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับปรมาจารย์'ตื่นจากฝัน' รูปนี้มีนางเป็นหัวข้อได้อย่างไร
"ลิน....ลินลี่ย์... " ตอนนี้อลิซตกอยู่ในอารมณ์สับสนเป็นอย่างยิ่ง
นางมองไปที่ข้อความแนะนำด้านข้าง
"รูปแกะสลักนี้ถูกแกะโดยนักแกะสลักนามว่า 'ลินลี่ย์' ซึ่งมีอายุ 17 ปีจบการศึกษาจากสถาบันเอินส์ และเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 มีอายุเพียง17 ปี ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ในวันนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขานั้นเป็นอัจฉริยะอันดับ1 ในทวีปยูลาน และหากเรานับรวมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของทวีปยูลาน เขาก็ยังเป็นจอมเวทอัจฉริยะอันดับ2 ในประวัติศาสตร์"
" แต่ลินลี่ย์นั้นไม่ได้เป็นเพียงจอมเวทอัจฉริยะในด้านการแกะสลักนั้นเขายังได้สร้างผลงานที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาได้สำเร็จแม้ว่าจะมีอายุเพียง 17 ปี แต่รูปแกะสลักของเขา 'ตื่นจากฝัน...."
เมื่อได้เห็นข้อความบรรทัดนั้น อลิซก็ถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
"เขาคือลินลี่ย์ เขาคือลินลี่ย์"อลิซจ้องมองไปยังป้ายอย่างไม่อยากเชื่อ "จอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 งั้นเหรอ? เขาเป็นจอมเวทระดับ 7 แล้วอย่างนั้นหรือ? แต่ว่า ... แต่เมื่อปีก่อนเขาเพิ่งจะเป็นแค่จอมเวทระดับ 5เองนี่นา"
อลิซไม่รู้เลยว่าก่อนพวกเขาจะเลิกกัน ลินลี่ย์ได้กลายเป็นจอมเวทระดับ 6 แล้วเพียงแต่...ลินลี่ย์ไม่มีโอกาสได้บอกให้นางรู้เท่านั้น
"ตื่นจากฝัน รูปแกะสลักนี่ถูกเรียกว่า 'ตื่นจากฝัน' งั้นรึ"มองไปที่รูปแกะสลักหญิงงามทั้งห้ารูปโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปสุดท้ายที่มีรังสีของความเย็นชาไร้น้ำใจออกมาอลิซเข้าใจเหตุผลได้ในทันทีว่าทำไมลินลี่ย์ถึงได้ตั้งชื่อรูปแกะสลักนี้ว่า 'ตื่นจากฝัน'
"คนช่างฝัน...ตื่นแล้ว?" อลิซรู้สึกว่าจิตใจของนางเต็มไปด้วยความว้าวุ่น
ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนแรกที่นางเคยทุ่มเทความรักให้อย่างแท้จริงก้นบึ้งหัวใจของอลิซมีที่พิเศษไว้สำหรับลินลี่ย์เสมอ แต่เมื่อนางได้พบว่าลินลี่ย์ตั้งชื่อให้กับรูปแกะสลักนี้ว่า'ตื่นจากฝัน' จู่ๆนางก็รู้สึกราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างได้หายไปจากหัวใจของนาง
มันเป็นความรู้สึกแบบที่ว่า...ไม่อาจแบกรับได้อีกแล้ว
ทันใดนั้นอลิซก็รู้สึกได้ว่าข้างๆนางนั้นคาลันกำลังกำหมัดแน่นใบหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่งเส้นเลือดปูดโปนออกมาบนใบหน้าถมึงทึงนั้น นัยตาของเขามืดหม่นไร้ประกายเขาจ้องมองราวกับคนตายไปยังรูปแกะสลัก
"พี่คาลัน!" อลิซเรียกเขาด้วยความเป็นห่วง
แต่คาลันไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
"ลินลี่ย์ เจ้า...เจ้าทำเกินไปแล้ว"คาลันเต็มไปด้วยความโกรธอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนหน้านี้คาลันยังมีความรู้สึกชอบลินลี่ย์อยู่บ้างแต่ลึกลงไปในใจเขา คาลันรู้ดีว่าเขาดูแคลนลินลี่ย์ซึ่งเขาไม่ได้กังวลเพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่าลินลี่ย์จะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่อาจเทียบชั้นกับตระกูลของคาลันได้
อย่างไรก็ตาม ตระกูลของเขาเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่างหอการค้าดอว์สัน
แต่นี่อะไร เพียงห้าเดือนเท่านั้น?
ตระกูลเด็บส์ของเขาถูกทอดทิ้งโดยหอการค้าดอว์สัน และลินลี่ย์? ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหน เขาก็กลายเป็นจอมเวทสองธาตุระดับ7 ด้วยวัย 17 ปี ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นจอมเวทอัจฉริยะอันดับ 1 ของยุคนี้
แม้กระทั่งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของทวีปยูลานก็มีเพียงแค่คนเดียวที่เหนือกว่าลินลี่ย์อยู่เล็กน้อย
"จอมเวทสองธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปีและยังเป็นนักแกะสลักที่มีระดับใกล้เคียงกับระดับปรมาจารย์"คาลันพลันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลกดทับลงมาบนตัวเขา
ช่างเป็นคนที่สุดยอดจริงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานในใจของคาลันกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เพราะแรงบันดาลใจของรูปแกะสลักนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคู่หมั้นของเขาเอง!
"เฮ้ ดูสิ เด็กสาวคนนี้ช่างดูคล้ายกับผู้หญิงในรูปแกะสลักนี้จริงๆเลยนะ"ทันทีที่เสียงอันดังก้องไปทั่วห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์นั้นจบลงคนกว่าสิบคนหันหน้ามาและมองดูอลิซห้องจัดแสดงอันเงียบสงบก็เต็มไปด้วยวุ่นวายและเสียงพูดคุย
ความสามารถในการแกะสลักของลินลี่ย์นั้นน่าทึ่งมากเขาจับเอาภาพความสง่างามและเสน่ห์ของอลิซลงไปในรูปแกะสลักนี้ได้ทั้งหมด
เพียงครั้งแรกที่พวกเขาเห็นอลิซผู้ที่ได้เห็นต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน...ว่าเด็กสาวด้านหน้าของพวกเขาและหญิงสาวในรูปแกะสลัก'ตื่นจากฝัน' มีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อที่จริงแล้วพวกเขาสามารถบอกได้ว่าทั้งสองเป็นคนคนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัยจุดสังเกตอันเป็นเอกลักษณ์ก็คือจมูกโด่งสวยได้รูปนั่น
"คุณผู้หญิง ข้าขอบังอาจถามว่าท่านมีความสัมพันธ์อย่างไรกับท่านอาจารย์ลินลี่ย์?" ชายแก่ผู้มีผมสีขาวเต็มหัว มีอายุอย่างน้อย 100ปีเอ่ยถามอลิซอย่างสุภาพ
ในด้านของงานแกะสลัก, ลินลี่ย์อยู่ในระดับอาจารย์แล้ว
ทักษะในการแกะสลักของลินลี่ย์มากพอที่จะทำให้เหล่านักสะสมผู้มีประสบการณ์ในวงการแกะสลักมานานนับสิบปีหรือร้อยปีเหล่านี้ยอมสยบด้วยความชื่นชมและเคารพเขาในฐานะ 'อาจารย์' ด้วยใจจริงด้วยประสบการณ์ของชายแก่ที่มีชีวิตอยู่นานเกิน 100 ปีเขาคาดเดาเรื่องราวของรูปแกะสลักหินนี้ได้เขาบอกได้ไม่ยากว่าหญิงสาวที่ถูกแกะเอาไว้บนรูปแกะสลักนี้มีแนวโน้มว่าเป็นคนที่ลินลี่ย์ใช้เวลาอยู่ด้วยในห้วงเวลาแห่งรักอันแสนสับสน
อลิซรู้สึกค่อนข้างอึดอัดและอดที่จะหันไปมองที่คาลันไม่ได้
"โอ้ คาลัน, เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ" ชายแก่มองไปที่คาลันเป็นธรรมดาของคนมีอายุที่มักจะกลิ้งกลอกราวกับจิ้งจอกเฒ่าชายแก่บอกได้ไม่ยากว่าความสัมพันธ์ของคาลันกับอลิซไม่ปกติธรรมดา "คาลันสุภาพสตรีนางนี้คือใคร?"
แม้ว่าคาลันจะรู้สึกไม่มีความสุขอย่างยิ่งเขาก็ยังคงแสดงความคารวะต่อชายแก่และกล่าวว่า "เรียนท่านดยุคเบอร์เนอร์นางคืออลิซเป็นคู่หมั้นของข้าเอง"
"คู่หมั้นของเจ้าหรือ?" ดยุคเบอร์เนอร์กวาดตามองผ่านไปที่คาลันกับอลิซอย่างรวดเร็วจากนั้นหัวเราะและไม่ถามอะไรอีก
….
เขาจูงมืออลิซ และออกมาจากที่นั่นเร็วที่สุดในชีวิตของเขา คาลันกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเด็บส์เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ผู้นำของตระกูลเด็บส์ เบอร์นาร์ด บิดาของคาลันมองไปที่ลูกชายของเขาอย่างไม่อยากเชื่อ "เจ้าว่าอะไรนะ? แรงบันดาลใจของรูปแกะสลักที่ถูกจัดแสดงในหอศิลป์พรูกซ์คืออลิซงั้นรึ?"
โดยปกติแล้วเบอร์นาร์ดค่อนข้างตามใจลูกชายของเขาทุกอย่าง
เมื่อลูกชายของเขาบอกว่าต้องการจะแต่งงานกับอลิซ, เบอร์นาร์ดก็ไม่ได้คัดค้าน แต่ไม่กี่วันหลังจากที่ลูกชายของเขาได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์ของเขากับอลิซนั้น, หอการค้าดอว์สันก็ตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับตระกูลเด็บส์ด้วยเหตุผลอันคลุมเครือด้วยปัญหาเรื่องนี้ทำให้เบอร์นาร์ดได้พยายามร้องขอเพื่อเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของของหอการค้าดอว์สันเพื่อเรียกประชุม
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเบอร์นาร์ดยุ่งอยู่กับการจัดการปัญหาเรื่องนี้และยังยุ่งเกินกว่าจะแวะไปชมรูปแกะสลักที่หอศิลป์พรูกซ์
"อลิซ แรงบันดาลใจคืออลิซ?" สีหน้าของเบอร์นาร์ดเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ
คาลันพยักหน้า "ใช่แล้วท่านพ่อ แม้ว่าอลิซกับข้าจะยังไม่หมั้นกันอย่างเป็นทางการเมื่อเราทำอลิซจะถูกแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการกับขุนนางมากมายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เมื่อถึงตอนนั้นรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' ของเจ้าลินลี่ย์นั่นจะทำให้เราเป็นที่หัวร่อไปทั่วบ้านทั่วเมืองเป็นแน่"
เบอร์นาร์ดนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วขมวดคิ้วถามคาลันว่า"มันแย่ขนาดนั้นเชียวรึ? มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับรูปแกะสลักนี้ที่ทำให้เราอับอายหรือเสื่อมเสียหรือไม่?"
"ท่านพ่อ เมื่อก่อนเคยมีช่วงหนึ่งที่ระหว่างลินลี่ย์กับอลิซเคยเป็น..."คาลันอธิบายอย่างสับสน "และรูปแกะสลักนี้เป็นเรื่องราวของปัญหาระหว่างลินลี่ย์และอลิซ"
เบอร์นาร์ดไม่พูดอะไรอีก เขาจะเริ่มขมวดคิ้วอย่างจนพันกัน
หลังจากนั้นไม่นาน เบอร์นาร์ดกล่าวกับลูกชายของเขาว่า"คาลัน หากข้าขอให้เจ้ายอมแพ้เรื่องอลิซเจ้าจะว่ายังไง?" คาลันส่ายหัวอย่างหนักแน่นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น
เบอร์นาร์ดพยักหน้าเล็กน้อย "ไม่ต้องห่วงเรื่องอลิซข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าไม่จำเป็นต้องห่วงอีกต่อไป"
คาลันพยักหน้า ทันใดนั้นเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเขาจ้องเขม็งไปที่บิดาของเขาแล้วกล่าวว่า "ท่านพ่อ ลินลี่ย์ย่อมไม่มีความสุขเมื่อรู้ความจริงว่าอลิซกับข้ากำลังคบกันยิ่งกว่านั้น ศักยภาพของลินลี่ย์นั้นยอดเยี่ยมมากเกินไป ข้าคิดว่า...หากเป็นไปได้เราควรจะตัดสินใจ คิดหาวิธีฆ่าเจ้าลินลี่ย์ทิ้งซะดีหรือไม่?"