ตอนที่แล้วตอนที่ 5-10 ศักดิ์ฐานะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5-12  ความเดือดดาล

ตอนที่ 5-11 เงินไม่พอ


ภายในห้องโถงจัดเลี้ยงของตระกูลลูคัส, ทั่วห้องถูกประดับประดาไว้ด้วยดวงไฟดูแพรวพราว พร้อมด้วยสาวใช้หน้าตาดีออกมาเสิร์ฟอาหารโอชะถาดแล้วถาดเล่าทุกคนต่างดื่มอวยพรให้แก่กันและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง

เมื่อเขายังเด็ก ลินลี่ย์ได้รับการอบรมอย่างเข้มงวดจากบิดาของเขาเพื่อให้เขารู้วิธีการวางตัวเมื่อเข้าร่วมงานสังสรรค์ของเหล่าขุนนางเบื้องหน้าเขากำลังมีส่วนร่วมกับการพูดคุยไร้สาระกับเหล่าขุนนางแต่ในใจของเขานั้นร้อนรุ่มกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้

"ดยุคโบนัลท์ขอตัวกลับ"

ลินลี่ย์ตอบรับคำอำลาของดยุคโบนัลท์ที่อยู่ข้างหน้าเขาหลังจากนั้นเขาเดินตรงไปหาผู้นำตระกูลลูคัส มาร์ควิสเจบส์มองเห็นลินลี่ย์เดินตรงมาหาเขาเขารู้ได้ทันทีว่าไม่อาจหลบเลี่ยงหัวข้อพูดคุยเรื่อง'ดาบศึกล่าสังหาร'ได้อีกต่อไป

ทั้งลินลี่ย์และมาร์ควิสเจบส์เลือกนั่งกันคนละมุมของห้องโถงจัดเลี้ยง

"มาร์ควิสเจบส์ ข้าเดาว่าหลานชายของท่านได้บอกรายละเอียดเบื้องต้นแล้ว ถึงจุดประสงค์ที่ข้ามาเยี่ยมท่านในวันนี้"ลินลี่ย์พูดอย่างสุภาพ

มาร์ควิสเจบส์ถอนหายใจ "ลินลี่ย์ ข้านั้นกลายเป็นตาเฒ่าประหลาดไปแล้วข้าไม่อาจทนต่อการแยกจากของสะสมของข้าได้"

"มาร์ควิสเจบส์ ตระกูลบาลุคของข้ามีประวัติยาวนานกว่าห้าพันปีและข้าเองก็ภาคภูมิใจกับการเป็นทายาทของตระกูลบาลุคเสมอมาแต่มรดกของบรรพชนตระกูลเรา 'ดาบศึกล่าสังหาร' นั้นเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของเรา เป็นความอัปยศอดสู มาร์ควิสเจบส์ข้าพูดแบบเปิดอกกับท่านเลยว่าตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ตระกูลของเราพยายามอย่างหนักที่จะนำเอา'ดาบศึกล่าสังหาร' กลับคืนมานี่คือเหตุผลที่ข้าฝึกฝนอย่างหนักตั้งแต่เด็กมันคือความปรารถนาที่จะนำเอาสมบัติของบรรพชนเรากลับคืนมา"

แม้ว่าเสียงของลินลี่ย์ฟังดูใจเย็นมาก แต่กลับมี 'การตัดสินใจอย่างแน่วแน่' อยู่ในน้ำเสียงของเขาอย่างชัดเจน

"ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจดี" มาร์ควิสเจบส์พยายามอย่างมากเพื่อเค้นรอยยิ้มออกมา

แน่นอนตระกูลบาลุคย่อมต้องการมรดกของบรรพชนพวกเขาคืนมาร์ควิสเจบส์ยังเข้าใจอีกด้วยว่าหากเขาปฏิเสธเสียงที่จะคืน 'ดาบศึกล่าสังหาร' อย่างแข็งขันแล้วตระกูลลูคัสของเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีคนนี้

มาร์ควิสเจบส์ทราบดีว่าชายหนุ่มคนนี้มีอิทธิพลมากมายเพียงใด

ต่อให้ไม่มีวิหารเจิดจรัสหนุนหลัง ลำพังแค่หอการค้าดอว์สันก็สามารถกวาดล้างตระกูลของเขาได้อย่างง่ายดาย

" ลินลี่ย์ 'ดาบศึกล่าสังหาร' เป็นสมบัติที่มีมูลค่าสูงมาก ก่อนหน้านี้เคยมีคนเสนอราคาเพื่อขอซื้อจากข้าหนึ่งล้านเหรียญทองแต่ข้าไม่อาจทำใจขายออกไปได้ " มาร์ควิสเจบส์เปลี่ยนไปคุยเรื่อง'เงิน' "ตระกูลลูคัสของเราถือเป็นตระกูลเก่าแก่ แต่ไม่อ้อมค้อมละนะพวกเราเองก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายนัก"

ลินลี่ย์ค่อนข้างเข้าใจจุดนี้ดีจากข้อมูลที่เยลให้มาครอบครัวลูคัสนั่นถือว่าเก่าแก่มาก และยังมีอิทธิพลมากมายในเมืองเฟนไลแต่ในแง่ของทรัพยากรและเงินทองนั้น พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้คำว่าร่ำรวยเลยตระกูลเดบส์ของคาลันยังจะร่ำรวยกว่าเสียอีก

การบังคับให้ตระกูลที่ไม่ได้ร่ำรวยมอบสมบัติมูลค่าล้านเหรียญทองให้เป็นของขวัญมันค่อนข้างไร้เหตุผลและเป็นไปไม่ได้

"งั้นเขาต้องการแลกเปลี่ยนมันกับเงิน?" ลินลี่ย์รู้สึกผ่อนคลาย

ถ้ามันเป็นแค่เรื่องของเงิน ทุกสิ่งจะกลายเป็นเรื่องง่าย

"มาร์ควิสเจบส์ เมื่อก่อนตระกูลของท่านอยู่ในช่วงเวลารุ่งเรืองมีเงินทองมากมายตอนที่ซื้อ 'ดาบศึกล่าสังหาร' เล่มนี้ เป็นธรรมดาที่ข้าจะตอบรับข้อเสนอของท่านข้าได้แต่หวังว่ามาร์ควิสเจบส์จะไม่กลายเป็นสิงโตตัวใหญ่ที่กัดข้าจนจมเขี้ยวหรอกนะ"ลินลี่ย์พูดติดตลกออกมา

ใบหน้ามาร์ควิสเจบส์มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา

สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าเขาจะต้องปล่อยมือจาก 'ดาบศึกล่าสังหาร' อย่างน้อยที่สุด เขาจะต้องได้เงินทองเป็นสิ่งตอบแทนกลับมาบ้าง

"ลินลี่ย์ ในเมื่อท่านแสดงความเคารพนับถือต่อตระกูลลูคัสของข้าเช่นนี้แล้วตระกูลลูคัสของข้าก็สมควรไว้หน้าท่านบ้าง แม้ว่า 'ดาบศึกล่าสังหาร' มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านเหรียญทองตราบเท่าที่ท่านสามารถจ่ายเงินให้กับข้าเป็นจำนวน 600,000 เหรียญทองแล้ว ท่านสามารถนำเอา 'ดาบศึกล่าสังหาร' ไปได้เลย" มาร์ควิสเจบส์กล่าวอย่างจริงใจ

600,000 เหรียญทอง?

อันที่จริงเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของ 'ดาบศึกล่าสังหาร' แล้วนี่เป็นนับว่าราคาที่ไม่ได้สูงเกินไปนัก

แต่ตอนนี้ลินลี่ย์มีเงินทองติดตัวอยู่เพียง 200,000 เหรียญทองจากงานแกะสลักของเขาจริงอยู่ว่าการเดินทางไปยังเทือกเขาอสูรเวทครั้งนี้นั้นเขาได้รับแก่นเวทกลับมาเป็นจำนวนมากและมูลค่าของแก่นเวทเหล่านั้นก็รวมกันได้ราวๆ 100,000 เหรียญทองเท่านั้น ถ้าจะให้พูดง่ายๆคือเขาไม่มีเงินมากพอจะซื้อมันกลับคืนมา

ของที่มีมูลค่ามากที่สุดซึ่งลินลี่ย์ครอบครองอยู่ก็คือ...

หญ้าใจฟ้าและแก่นเวทระดับเซียนของหมีลายม่วง!

ลินลี่ย์มีหญ้าใจฟ้ามากกว่าร้อยกอ และแต่ละกอมีมูลค่าหลายหมื่นเหรียญทองแต่แน่นอนว่าราคาของแก่นเวทระดับเซียนนั้นไม่อาจประเมินได้ แก่นเวทระดับเซียนนั้นมีราคาสูงมากเป็นสมบัติล้ำค่า ล้ำค่ากว่าแก่นเวทของอสูรเวทระดับ 9 มากนัก

ก่อนหน้านี้ ลินลี่ย์เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับมาตรฐานการประเมินราคาของแก่นเวทของอสูรเวทระดับ9 นั้นมีราคาราวๆ 5 ล้านเหรียญทอง แต่ความจริงแล้วปัจจุบันราคานั้นใกล้ถึง 10ล้านเหรียญทองเลยที่เดียว!

แต่หากเป็นแก่นเวทระดับเซียนแล้ว บางทีแม้ว่าหากมีใครบางคนเสนอเงินถึง 100ล้านเหรียญทอง ยังคงไม่มากพอที่จะซื้อมัน

มันคือสมบัติอันหาค่ามิได้!

เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์ย่อมไม่เต็มใจที่จะขายแก่นเวทระดับเซียนออกไปขณะเดียวกันหญ้าใจฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญต่ออนาคตของตระกูลเขาเขาจะไม่ยอมเสียมันไปแม้แต่กอเดียว

รูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน'!

จิตใจของลินลี่ย์พลันนึกไปถึงรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' ลินลี่ย์รู้สึกราวกับหัวใจถูกฉีกกระชากเมื่อนึกถึงมันและในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ไปดูมันบ่อยนัก นี่คือสาเหตุที่ลินลี่ย์ปล่อยให้เยลเก็บมันเอาไว้ต่อไป

"ขายซะ" ลินลี่ย์ตัดสินใจอย่างฉับพลัน ความจริงแล้วก้นบึ้งหัวใจของลินลี่ย์จู่ๆก็เกิดคิดขึ้นมาว่า "ข้าสงสัยจริงๆว่าอลิซจะคิดอย่างไรเมื่อนางได้เห็นรูปแกะสลักนี้"

ลินลี่ย์ขอคำปรึกษาจากเดลิน โคเวิร์ท

"ลินลี่ย์มันจะดีที่สุดหากว่าเจ้าก้าวเดินไปข้างหน้าเสียทีและขายรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' นี้ไปเสีย"เดลิน โคเวิร์ทให้คำแนะนำ"เดิมทีตัวเจ้าเองก็ไม่ต้องการที่จะมองดูรูปแกะสลักนี้อยู่แล้วหากเจ้ายังคงเก็บมันไว้ต่อไป มันจะเป็นเครื่องถ่วงจิตใจของเจ้าการขายออกไปนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วนอกเหนือจากนี้ยัง...เป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของโรงเรียนเหล็กสกัดของข้าอีกด้วย"

ลินลี่ย์หัวเราะออกมา

"มาร์ควิสเจบส์โปรดวางใจ อีกไม่นานเงินจำนวน 600,000 เหรียญทองจะต้องมาถึงมือท่านแน่นอนข้าเพียงหวังว่าท่านจะรอข้า และไม่ขาย 'ดาบศึกล่าสังหาร' ให้กับผู้อื่นไปเสียก่อนไม่ว่าใครก็ตาม" ลินลี่ย์กล่าวตรงๆ

มาร์ควิสเจบส์รีบตอบทันทีว่า "ลินลี่ย์ ท่านได้โปรดวางใจแม้ว่าจะมีใครเสนอเงินให้ข้าถึง 2 ล้านเหรียญทอง ข้าก็จะยังคงไม่ขายมัน"

อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะฐานะที่ไม่ธรรมดาของลินลี่ย์มีหรือที่คนอย่างมาร์ควิสเจบส์จะยอมทนสูญเสียมันไป?

…..

ในห้องทำงานของออสโทนี่ที่หอศิลป์พรูกซ์

"ว่าไงนะ?! ท่านมีความประสงค์จะเปิดประมูลรูปแกะสลักนั่น?" ตาของออสโทนี่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและมีความสุขราวกับคนบ้า

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย ด้านข้างของเขา เยลอดปรายตาไปมองลินลี่ย์ไม่ได้

เยลโตขึ้นมาพร้อมกับลินลี่ย์ และเขายังเข้าใจภาวะจิตใจของลินลี่ย์เป็นอย่างดี ลินลี่ย์เป็นคนที่ห่วงใยมิตรสหายของเขาเป็นอย่างยิ่งและยังจริงใจต่อพวกเขายิ่งนัก แต่ในขณะเดียวกัน ลินลี่ย์ก็เกลียดการติดค้างผู้อื่นเป็นอย่างยิ่งเช่นตอนนี้เยลเองก็พร้อมจะให้ลินลี่ย์ยืมเงิน 2-3 แสนเหรียญทอง

แต่ลินลี่ย์กลับบอกว่า "ข้าไม่ต้องการที่จะเห็นรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' นี่อีกต่อไป ขายมันทิ้งไปย่อมดีที่สุด"

เยลแอบคิดในใจว่า หากรูปแกะสลักนี้ถูกเปิดประมูลขายออกไปชื่อเสียงของลินลี่ย์จะขจรขจายออกไปอย่างกว้างขวางซึ่งจะช่วยส่งเสริมฐานะของลินลี่ย์ด้วย นี่ย่อมนับเป็นเรื่องดีด้วยเหตุนี้เยลจึงไม่ได้พยายามกดดันให้ลินลี่ย์รับเงินของเขา

"ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมที่สุด" ออสโทนี่รู้สึกตื่นเต้นมาก "ลินลี่ย์ท่านไม่มีอะไรต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย รูปแกะสลักของท่านรูปนี้ ทางหอศิลป์ของเราจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการประมูลแม้แต่เหรียญเดียว"

"ข้าต้องการให้เปิดประมูลรูปแกะสลักนี้ในอีก 7 วันข้างหน้า" ลินลี่ย์แจ้งความต้องการของเขาออกไปตรงๆ

ออสโทนี่กล่าวอย่างมั่นใจว่า "โปรดวางใจ วันพรุ่งนี้หอศิลป์พรูกซ์ของเราจะเริ่มต้นจัดงานนิทรรศการใหญ่เป็นเวลา5 วัน เพื่อกระจายข่าวรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' นี่ออกไปยังตระกูลร่ำรวยทุกตระกูลและในวันที่ 7 เราจะเริ่มเปิดการประมูล"

ลินลี่ย์พยักหน้า

"พี่ใหญ่เยลไปกันเถอะ" หลังจากส่งต่อเรื่องเกี่ยวกับประมูลรูปแกะสลักให้กับหอศิลป์พรูกซ์ไปจัดการแล้วลินลี่ย์พลันรู้สึกว่าในใจของเขาสูญเสียบางสิ่งไป แต่ในเวลาเดียวกันตอนนี้ลินลี่ย์ก็รู้สึกด้วยว่าหัวใจของเขาได้ผ่อนคลายลงไปมาก

….

ภายในห้องโถงใหญ่ของหอศิลป์พรูกซ์

เคาท์จูโนยังคงเดินทางไปเยี่ยมชมหอศิลป์พรูกซ์แทบทุกเช้าเริ่มต้นเขาจะชื่นชมรูปแกะสลักในห้องจัดแสดงใหญ่ตามด้วยห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับผู้ชำนาญและห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์แต่เช้าวันนี้เมื่อเคาท์จูโนก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่สิ่งที่เขาพบนั้น...

"เฮ้ทำไมถึงมีคนมากมายมาออกันอยู่ที่ห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์เต็มไปหมดกันละเนี่ย?" เคาท์จูโนรู้สึกงงเล็กน้อย

ห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์มักจะมีรูปแกะสลักเพียงไม่กี่รูปที่ทุกคนต่างก็เคยเห็นกันก่อนแล้วหลังจากจัดแสดงมาเป็นเวลานานจำนวนของผู้เข้าชมก็มีแต่จะน้อยลงแน่นอนนี่ย่อมมีข้อยกเว้น นั่นคือหากมีผลงานชิ้นใหม่ถูกสร้างขึ้นโดยนักแกะสลักระดับอาจารย์ถูกนำมาจัดแสดงนั่นย่อมเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้ห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม

"เป็นไปได้มากว่ามีผลงานชิ้นใหม่ของนักแกะสลักระดับอาจารย์ถูกสร้างขึ้น?" ด้วยความตื่นเต้นเคาท์จูโนรีบมุ่งหน้าตรงไปยังห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์

ตอนนี้ เป็นเวลาแปดโมงเช้า พูดตามหลักเหตุผลไม่ควรมีคนอยู่เป็นจำนวนมากที่หอศิลป์พรูกซ์แต่ที่นั่นมีคนมากมายอยู่แล้วหลายสิบคนเบียดเสียดกันเข้าไปยังห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้ต่างพยายามจ้องมองไปยังรูปแกะสลักที่วางอยู่ตรงกลางห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์

ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่จัดแสดงแห่งนี้ยังมียามที่แข็งแกร่งถึง 18นายยืนเฝ้าระวังอยู่รอบๆ

"ดูจะได้รับความนิยมมาก? ข้าชักสงสัยแล้วว่านักแกะสลักระดับอาจารย์ท่านใดกันที่สร้างผลงานชิ้นใหม่ออกมา?" เคาท์จูโนพยายามเบียดเสียดผู้คนมากมายเพื่อเข้าไปดูใกล้ๆ

ดวงตาของเคาท์จูโนเบิกกว้างทันทีและสายตายของเขาถูกดึงดูดเอาไว้โดยรูปแกะสลักตรงหน้าของเขาในตอนนั้นเคาท์จูโนคิดว่าเขากำลังมองหญิงสาวที่มีเลือดเนื้อ 5 นางหนึ่งนั้นหลงงมงายในความรัก หนึ่งก็น่ารักน่าเอ็นดู หนึ่งนั้นกำลังเขินอายอีกหนึ่งก็งดงามล้ำค่า และสุดท้ายเย็นชาไร้น้ำใจ

เคาท์จูโนตกอยู่ในอาการกึ่งเมามายอย่างไม่รู้สึกตัวเป็นเวลายาวนานกว่าจะรู้สึกตัว

"รูปแกะสลักนี่มันช่างยอดเยี่ยมราวกับเทพเจ้า!นี่คืองานของนักแกะสลักระดับปรมาจารย์" ในใจของเคาท์จูโนตื่นเต้น

เคาท์จูโนมีประสบการณ์กว่าร้อยปีในการประเมินงานศิลปะ เขาย่อมสามารถสัมผัสจิตวิญญาณที่สถิตอยู่ในรูปแกะสลักได้แต่เมื่อมองใกล้เข้าไปอีกดวงตาของเคาท์จูโนเริ่มส่งประกายออก"รูปแบบการแกะสลักนี่มัน...เป็นผลงานของลินลี่ย์จอมเวทอัจฉริยะของสถาบันเอินส์ไม่ใช่หรอกเหรอ?"

เพียงแค่มองจากรูปแบบการแกะสลักเพียงอย่างเดียวเคาท์จูโนก็สามารถบอกได้ว่าผลงานแกะสลักรูปนี้เป็นของผู้ใด

เคาท์จูโนนั้นนับได้ว่าคุ้นเคยกับผลงานของลินลี่ย์เป็นอย่างยิ่งนั่นเป็นเพราะนับตั้งแต่ผลงานสามชิ้นของลินลี่ย์ได้ถูกนำมาจัดแสดงที่หอศิลป์พรูกซ์เพื่อขายเป็นครั้งแรกเขาเป็นคนที่ซื้อผลงานชิ้นหนึ่งของลินลี่ย์ และหลังจากนั้นเมื่อเริ่มมีผลงานของลินลี่ย์มาจัดแสดงในห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับผู้เชี่ยวชาญราคาของรูปแกะสลักแต่ละชิ้นนั้นสูงถึง 6,000 เหรียญทอง

อัจฉริยะวัย 17 ปีของสถาบันเอินส์!

เพียงแค่การติดต่อทางธุรกิจอย่างเดียว เคาท์จูโนทำกำไรได้มากกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองเป็นธรรมดาที่เคาท์จูโนจะให้ความสนใจลินลี่ย์เป็นพิเศษ

"ใช่เขาจริงๆ" เคาท์จูโนมองเห็นตัวอักษรสองตัวเขียนอยู่มุมล่างของรูปแกะสลักเป็นชื่อ'ลินลี่ย์'

และป้ายประกาศที่ติดกับรูปแกะสลักเองก็มีคำอธิบายว่าลินลี่ย์คือใคร...

"เจ้าของผลงานรูปแกะสลักรูปนี้มีชื่อว่า 'ลินลี่ย์' ปีนี้ท่านมีอายุ 17 ปีจบการศึกษาจากสถาบันเอินส์และเป็นจอมเวทสองสายธาตุอัจฉริยะระดับ7 ด้วยวัย 17 ปี ด้วยวัยเพียงเท่านี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นอัจฉริยะอันดับ 1แห่งทวีปยูลาน และแม้ว่าหากเรานับรวมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของทวีปยูลานเขาก็ยังเป็นถึงจอมเวทอัจฉริยะอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์"

"แต่ลินลี่ย์ไม่ได้เป็นเพียงอัจฉริยะในศาสตร์ของเวทมนต์เท่านั้นเขายังยอดเยี่ยมในศาสตร์ของงานแกะสลักอีกด้วยเขาสร้างผลงานอันน่าตื่นตาตื่นใจออกมาได้สำเร็จอย่างงดงาม แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียง17 ปี รูปแกะสลักของเขา 'ตื่นจากฝัน' รูปนี้แฝงเอาไว้ด้วยความสง่างามและจิตวิญญาณของนักแกะสลักระดับปรมาจารย์เฉพาะความจริงที่ว่ามันมีขนาดใหญ่โต ก็เป็นธรรมดาที่มูลค่าของมันนั้นสูงลิบยิ่งหากท่านนับความจริงส่วนที่ว่านี่เป็นนักแกะสลักที่มีอายุเพียง 17ปีซึ่งเป็นสุดยอดจอมเวทอัจฉริยะด้วยแล้ว...มูลค่าของรูปแกะสลักนี้ย่อมไม่อาจจินตนาการได้เลยทีเดียว"

"หอศิลป์พรูกซ์ของเราได้รับการยินยอมจากลินลี่ย์ให้มีสิทธิ์ในการจัดแสดงรูปแกะสลักนี้เป็นเวลา5 วัน ในวันที่ 21 เมษายนหลังจากการจัดแสดงนี้ได้สิ้นสุดลง ทางหอศิลป์พรูกซ์จะทำการเปิดประมูลขายรูปแกะสลักนี้"

เมื่ออ่านป้ายแนะนำนี้จบเคาท์จูโนก็เข้าใจ ...

"ขุนนางต่างๆ พ่อค้าและพระราชวงศ์ทุกคนต่างพยายามวางอุบายและออกมาเคลื่อนไหวเพื่อครอบครองมันเป็นแน่..." เคาท์จูโนทราบดีว่าคนระดับเขาไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มคนที่สามารถซื้อรูปปั้นนี้ได้

"จอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปี ?" เมื่ออ่านป้ายแนะนำซ้ำอีกครั้ง เคาท์จูโนอดที่ถอนใจออกมาด้วยความทึ่งไม่ได้

ในเวลาเดียวกันนั้น ความศรัทธาที่เคาท์จูโนมีต่อลินลี่ย์ก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก

บุคคลที่สามารถบรรลุความสำเร็จในศาสตร์ที่แตกต่างกันสองอย่างย่อมควรค่าแก่การศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

"รูปแกะสลักชิ้นนี้น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับรูปแกะสลักระดับปรมาจารย์บวกกับความจริงที่ว่ามันมีขนาดใหญ่มาก...และยังมีฐานะของนักแกะสลักที่เป็นถึงจอมเวทอัจฉริยะอันดับ2 อายุ 17 ปี ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลาน...ราคาของมันสมควรพุ่งสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว"เคาท์จูโนคาดการณ์อยู่ในใจ

"21 เมษายน!" เคาท์จูโนเริ่มตั้งตาคอยให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ

เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนมากมายหลั่งไหลกันมาเพื่อเยี่ยมชมห้องจัดแสดงผลงานของนักแกะสลักระดับอาจารย์มากขึ้นและมากขึ้นมีตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาลมากมายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เริ่มได้รับคำบอกเล่าปากต่อปากนี้ด้วยเช่นกัน

….

ภายในห้องทำงานของออสโทนี่

"ได้โปรดแจ้งให้พระราชาของท่าน ราชาไวล์เดอร์ทราบว่าข้าไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆหากพระราชาของท่านอยากจะซื้อรูปแกะสสลักนี้เราก็ขอเชิญชวนให้พระองค์เสด็จมาเข้าร่วมการประมูลในวันที่21 ด้วยองค์เอง" ออสโทนี่ส่งผู้ถือสาส์นจากพระราชากลับไป

เมื่อผู้ถือสาส์นกลับไปใบหน้าของออสโทนี่ห่อเหี่ยวลง

"ข้าจะบ้าตาย เขากล้าดียังไงถึงเสนอราคาเพียง 1ล้านเหรียญทองเพื่อซื้อรูปแกะสลักรูปนี้? เขาคิดว่ากำลังฝันอยู่รึไง! เมื่อวานพระราชาเคลย์ของอาณาจักรเฟนไลก็เพิ่งเสนอราคามา3 ล้านเหรียญทอง!"

หลังจากที่ถูกนำมาจัดแสดงได้เพียงสามวันบุคคลสำคัญกว่าสิบคนได้ส่งข้อเสนอมามากมายเพื่อจะซื้อรูปแกะสลักรูปนี้โดยตรง

"ในวันที่ 21, ข้าเกรงว่าพวกเราจะได้เห็นราคาพุ่งสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว" ออสโทนี่แอบรำพึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด