ตอนที่ 109 ความเปลี่ยนแปลง
อาโมรี่พักอยู่ชั่วเวลาสั้นๆก่อนจะจากมา และก่อนที่เขาจะออกมาเขาให้ที่อยู่โรงเตี๊ยมที่พวกเขาพักไว้ด้วย อาโมรี่และสหายที่เหลือยังเป็นคนใหม่ ไม่มีป้ายเกียรติยศนักสู้ แต่ทันทีที่พวกเขาพบว่าถังเทียนเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์ไปแล้ว พวกเขาก็ต้องเบิกตาค้างมองดูด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ลุงเฉียนมีความสุข เขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขามีคนแข็งแกร่งกันไม่กี่คน และถ้าคุณชายอาเทียนพบกับปัญหา อย่างน้อยเขาก็จะไม่โดดเดี่ยวโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ลุงเฉียนลอบตรวจสอบตระกูลอวี่ไว้แล้ว
สองปีที่ตระกูลซ่างกวนฟื้นตัวขึ้นมาโดยไม่มีใครขัดขวางพวกเขา ขณะที่พวกเขาลืม พวกเขาค่อยๆฟื้นตัวขึ้นได้ แม้ว่าเป็นเพราะพวกเขายังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับช่วงเวลาที่พวกเขารุ่งเรืองได้แต่พวกเขาก็ยังไม่วางใจ
ในยุคปัจจุบันตระกูลอวี่มีคนแปลกหน้าที่มีชื่อไม่กี่คนปรากฏตัวขึ้น และพวกที่หนุนหลังพวกเขาทุกคนยังไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
ลุงเฉียนมองเพียงครั้งเดียวก็สามารถมองเห็นไฟลุกโหมอยู่ในที่ฝึก นัยน์ตาชราของเขามีประกายภูมิใจ
ต่อให้คุณหนูอยู่ที่นี่ พวกคนรุ่นเยาว์ทั้งหลายก็คงไม่ขยันฝึกหนักขนาดนั้น
คุณหนูมีสายตาเลือกคู่ได้ดีจริงๆ
※※※※※※※
ตระกูลอวี่
ความตายของอวี่หมิงชิวไม่ได้ทำให้ตระกูลอวี่จมอยู่ในความโศกเศร้าอวี่หมิงชิวถูกคนของเขาลืมหลังจากมีหลายๆ คนเข้ามาและจากไป การปรากฏตัวกะทันหันของเขาทำให้พวกเขาประหลาดใจเพราะเป็นเรื่องคาดไม่ถึง แต่ความรู้สึกของพวกเขาก็มีเพียงเท่านั้น
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะแข็งแกร่งมากจริงๆ”หน้าของอวี่หมิงเว่ยประมุขตระกูลอวี่คนปัจจุบันดำคล้ำขณะที่เขากล่าว“เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักสู้ระดับห้า แต่เขาห้าวหาญและอดทนมากบุรุษหนุ่มที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างนั้น น่าจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเป็นแน่”
“เขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ” บุรุษตัวสูงกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี่หมิงเว่ยถึงกับสีหน้าเปลี่ยนแม้แต่เสียงก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย "สมาพันธ์..เกียรติยศ..ชาวยุทธ?"
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะเกี่ยวข้อกับสมาพันธ์ชาวยุทธที่เป็นองค์กรมีพลังขนาดใหญ่ อย่าว่าแต่ตระกูลอวี่ แม้แต่ทั่วทั้งหมู่ดาวเพอร์ซูสก็ไม่มีพลังพอต่อต้านองค์กรขนาดใหญ่นั้น
บุรุษไว้หนวดแทนที่จะไม่พอใจอาการตอบสนองของอวี่หมิงเว่ย แต่เขารู้ว่านี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์จึงกล่าวว่า "ท่านไม่ต้องกังวล หมู่ดาวเพอร์ซูสเป็นกลุ่มดาวขนาดเล็ก อำนาจของสมาพันธ์ชาวยุทธก็แค่นั้น นอกจากข่งอี้หวี่แล้วไม่มีนักสู้คนอื่นที่แข็งแกร่ง เรื่องของสมาพันธ์ชาวยุทธ ปล่อยให้เราเป็นฝ่ายกังวลเถอะ"
สีหน้าของอวี่หมิงเว่ยค่อยคลายใจลงบ้าง เขารีบกล่าว "ดีแล้วอย่างนั้นก็ดี"
"ตอนนี้พวกท่านคิดให้มากดีกว่า เรายังมีวิธีอื่นอะไรอีก?" บุรุษไว้หนวดกล่าว"เบื้องบนส่งยอดฝีมืออาวุโสจากตระกูลที่สนับสนุนเรามาช่วย ดังนั้นอย่าห่วงเรื่องข่งอี้หวี่แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรต่อหน้าเบื้องบน ทุกคนจะพลอยเสียหน้าไปด้วย"
อวี่หมิงเว่ยไม่พูด
ทันใดนั้น อวี่ชิงเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ อวี่หมิงเว่ยกล่าวขึ้น"ข้ามีความคิดดีๆ"
สายตาทุกคนจ้องมองไปที่อวี่ชิงเจ๋อ บุรุษร่างสูงเลิกคิ้วกล่าว"ว่าไป"
อวี่ชิงเจ๋อเป็นบุตรของอวี่หมิงเว่ยและอยู่ในระดับเดียวกับซ่างกวนเชียนฮุ่ย ก่อนที่เชียนฮุ่ยจะกลับมาเขาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียน และในฐานะที่เป็นผู้นำของโรงเรียน ทุกคนขานรับเขาแทบทันที แต่เมื่อเชียนฮุ่ยมาถึง เขาก็ถูกลืมอย่างรวดเร็ว เขาคับแค้นใจอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เขามักจะหาหนทางเอาชนะเชียนฮุ่ยเสมอ
ใบหน้าที่ใสและดูฉลาดของอวี่ชิงเจ๋อดูหมองลงตาของเขามีแววเกลียดชังและเขาพูดเย็นชา"ซ่างกวนเชียนฮุ่ยมองหานักสู้หลายคนจากตระกูลต่างๆ และรวมกลุ่มกัน ตราบเท่าที่เราหาเหตุบางอย่างพวกเขาทุกคนจะรวมตัวกันและไปหาเรื่องกับถังเทียน ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือซุ่มรอโอกาสโหมไฟขัดแย้งและตระกูลซ่างกวนคงได้แต่อยู่ในความกลัว หึ หึ"
เสียงของเขาเยือกเย็นเหมือนงูพิษที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
แต่ทุกคนนัยน์ตาเป็นประกาย บุรุษมีหนวดชม "แผนที่ดีมีเพียงคุณชายชิงเจ๋อที่มีสติปัญญาและแผนการที่ดี เรื่องนี้เราขอยกให้คุณชายชิงเจ๋อรับไปจัดการ"
อวี่ชิงเจ๋อตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก แม้ว่าในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความเกลียดและวางแผนที่ร้ายกาจนั้นได้แต่เขาไม่ยินดีจะเสี่ยงรับไปทำเอง
เขาพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง "พลังของข้ามีไม่พอ แต่ข้ามีความคิดดีๆว่าจะเลือกใครได้..."
บุรุษตัวสูงจ้องมองเขา เขาพูดตัดบทอวี่ชิงเจ๋อ "อย่าบอกข้านะว่า คุณชายชิงเจ๋อไม่เต็มใจทำ?"
"เขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น..." อวี่หมิงเว่ยตั้งใจอธิบาย
เขารู้ว่าคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขามีใจอำมหิตและเห็นชีวิตมนุษย์เหมือนผักเหมือนปลาเมื่อเห็นสัญญาณ เขาจะรู้ได้ทันทีว่ารังสีฆ่าฟันเกิดขึ้นในใจของพวกเขาแล้ว และเมื่อดูสีหน้าของลูกชายเขาแล้ว เขารู้ว่าเขาไม่อาจปฏิเสธได้ เขากัดฟัน รวบรวมความกล้าของเขากล่าว"ลูกชายข้าเพียงแต่กลัวว่าเขาจะไม่สามารถทำได้สำเร็จและกลัวว่าเขาอาจทำเสียแผนของท่านทั้งสองคน เนื่องจากท่านทั้งสองเชื่อถือเรา ลูกข้าจะไม่กลัวเรื่องยุ่งยากอะไร และจะไม่ปฏิเสธแน่"
จากนั้นสีหน้าของทั้งสองจึงค่อนข้างจะเฉื่อยชา
"อย่างนั้นเราจะปล่อยให้คุณชายชิงเจ๋อจัดการ!" บุรุษตัวสูงพยักหน้าและพูด "อย่างนั้นเราจะไปพักก่อน"
"ข้าขอน้อมส่งผู้อาวุโสทั้งสอง"อวี่หมิงเว่ยค้อมหลังด้วยความเคารพ
เมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว อวี่ชิงเจ๋อมีสีหน้าหม่นหมอง "ท่านพ่อ, เรื่องนี้ เรื่องนี้..."
อวี่หมิงเว่ยข่มความกังวลในใจเขาและทำเป็นสงบใจพูดว่า"ความจริงไม่มีอะไรมาก เจ้าต้องไม่วิ่งออกไปเสนอหน้า อย่าออกหน้าให้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เจ้าดึงคนอื่นมาให้มากๆ ไว้จะดีกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลอื่นและกลุ่มพวกคุณชาย เฮ้อ..จะดีที่สุดให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันถึงตอนนั้นข้าจะดูว่าจะจัดการกับตระกูลซ่างกวนได้อย่างไร"
อวี่ชิงเจ๋อค่อยๆ เรียกความรู้สึกกลับมา เขาไม่ใช่คนโง่ ยิ่งเขาครุ่นคิดแผนการมาก เขายิ่งรู้สึกว่าไม่มีอะไร ตระกูลซ่างกวนและถังเทียนไม่สามารถเอาชนะได้ เรื่องนี้ดูรุนแรงและมันไม่น่ากลัวเหมือนอย่างที่เขาคิด แม้ว่าตระกูลซ่างกวนจะไม่กลัวตระกูลอวี่ แต่ถ้าพวกเขาไปเกี่ยวพัวพันตระกูลอื่นต่อให้ซ่างกวนเชียนฮุ่ยปรากฏตัว พวกเขาก็ไม่มีความคิดอะไร
"แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อันตราย แต่นั่นก็เป็นโอกาส ถ้าเจ้าสามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ และถ้าผู้อาวุโสสองสามท่านเห็นเจ้าเข้าตา ก็อาจจะดีต่ออนาคตของเจ้าก็ได้" อวี่หมิงเว่ยมองดูอวี่ชิงเจ๋อและตั้งใจสนับสนุนเขาต่อไป "ข้าไม่ต้องการให้เจ้าอยู่ในหมู่ดาวเพอร์ซูสตลอดไป เจ้าควรต้องไปยังหมู่ดาวที่ใหญ่กว่าและผลักดันตระกูลอวี่ให้รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ขึ้น"
อวี่ชิงเจ๋อตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่าบิดาของเขามีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่อย่างนั้นและตั้งความหวังไว้กับเขา เขาปลาบปลื้มใจอยู่ชั่วขณะ และพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าห่วงเลยท่านพ่อ ลูกของพ่อจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จจนได้"
หวี่ชิงเจ๋อมีประกายตาวูบวาบ เขามีความคิดต่อสู้ดิ้นรน แม้ว่าเขาจะกลัวซ่างกวนเชียนฮุ่ย ถังเทียนก็แค่เด็กโง่ที่ไม่รู้เรื่อง เขามุ่งมั่นจะทำให้ถังเทียนเป็นหินรองเท้าก้าวไปให้ได้
※※※※※※※※
หลังจากผ่านไปสิบวัน การฝึกฝนมีความเข้มข้น ทุกๆ วันการฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นไม่มีหยุด หลายคนกัดฟันทุ่มเทฝึกฝน แต่ไม่มีใครโกรธแม้แต่น้อย
พวกเขาไม่มีริ้วรอยแห่งความขุ่นเคือง
เป็นเพราะความเข้มงวดในการฝึกฝนของถังเทียนมีผลต่อพวกเขาหลายเท่า การฝึกฝนของเขาอย่างน้อยไม่มีปลอมปนสักนิด และทุกคนสามารถเป็นพยานในการฝึกฝนของเขาได้ พวกเขาจะดูที่ผลสะท้อนของถังเทียนถังเทียนมีความพยายามและเด็ดขาด เขาทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่สนใจความลำบากเลยแม้แต่น้อย การฝึกฝนแห้งๆน่าเบื่อจะทำให้คนอารมณ์เสียได้มาก แต่เขาก็ยังฝึกฝนต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากวิชาหมัด เป็นวิชาดรรชนี วิชาตัวเบา วิชาเตะ วิชาฝ่ามือ...
ถังเทียนเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดที่ไม่รู้จักความเหนื่อยล้า หลั่งเหงื่อได้ทั้งวันทั้งคืน
วัยของเขาไม่ต่างจากพวกเขาเลย และความจริงเขาอายุน้อยกว่าศิษย์ในตระกูลสองสามคนด้วยซ้ำ แต่ใบหน้าของเขายังมีวี่แววน่าเอ็นดูมีทรงมีสัณฐาณชัดเจน ดูเหมือนเด็กที่แข็งแกร่งสุขภาพดี
ศิษย์ในตระกูลซ่างกวนทุกคนตกใจอยู่ลึกๆ
ไม่มีอะไรเรียกความเชื่อมั่นได้มากกว่าการเปรียบเทียบความสามารถของคนวัยใกล้เคียงกันที่อยู่ข้างหน้า
ไม่มีใครยอมล้าหลัง
พวกคนหนุ่มทุกคนล้วนมีเลือดระอุอยู่ในร่างกาย พวกเขายังมีความนับถือตัวเอง ร่างที่อยู่ที่สนามฝึกฝนผู้ไม่รู้จักความเหนื่อยล้ายังผลักดันให้พวกเขาก้าวหน้าต่อไป ทุกครั้งที่พวกเขาคิดยอมแพ้ สายตาของพวกเขาจะมองเห็นภาพเงาข้างหน้าทันที
พวกเขาทุ่มเทกันเต็มที่ ในสายตาพวกเขาเหมือนมีเปลวไฟร้อนแรงทันที
ความฮึดของพวกเขา ไม่ยินดียอมแพ้ ฝันของพวกเขา หัวใจที่ห้าวหาญของพวกเขา...
มักจะมีคนล้มนอนเพื่อหอบหายใจอยู่เสมอ แต่หลังจากพักช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาจะฝืนตัวเองฝึกฝนต่อไป มักจะมีคนหมดแรงล้มลงเสมอๆ แต่พวกเขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นชั่วขณะก่อนฝึกฝนต่อไป
ราวกับว่ามีสนามพลังปราณที่เยือกเย็นมองไม่เห็นครอบคลุมสนามฝึกซ้อมไว้ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างเงียบๆ
บรรยากาศเช่นนั้นแผ่กระจายครอบคลุมตระกูลซ่างกวนเงียบๆ สมาชิกทุกคนของตระกูลซ่างกวนจะต้องมาฝึกฝนที่สนามฝึกฝนเป็นกิจวัตรประจำวันและดูสมาชิกตระกูลฝึกฝน ขณะที่พวกเขากลัวว่าจะเป็นการทำลายเด็กๆ พวกเขาจะยืนอยู่ข้างๆนัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีและคาดหวังถึงอนาคต
"เด็กๆ พวกนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก!"
"ใช่แล้ว,ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนั่นจะยืนหยัดได้นานมาก ในอดีตเมื่อเขาฝึกไปได้ชั่วขณะเสร็จก็จะบ่นครวญครางไปหลายวัน"
"ถ้าเพียงแต่เขยของตระกูลมาเร็วกว่านี้"
"ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปตราบเท่าที่พวกเขามีความอดทน พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จได้"
"คุณหนูสายตาดีจริงๆ"
…
เมื่อได้ยินสมาชิกในตระกูลซุบซิบคุยกันลุงเฉียนเพ่งมองที่สนามฝึกฝน รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา เมื่อเขามีเวลา ทุกๆวันเขาจะต้องไปที่สนามฝึกฝนและดูเหล่าผู้เยาว์ฝึกฝน นี่กลายเป็นช่วงเวลาที่โปรดปรานของเขาเสียแล้วการได้เห็นผู้เยาว์ไม่ยอมแพ้ทำให้เขามักรู้สึกว่าอนาคตของตระกูลซ่างกวนจะดียิ่งขึ้น
นับวันเขาก็ยิ่งมีแต่ความประทับใจยิ่งขึ้น
คุณหนูและคุณชายอาเทียนทั้งสองคนมีเบื้องหลังที่แตกต่างกันสิ้นเชิง คุณหนูจะมีพรสวรรค์ธรรมชาติ ฉลาด มีไหวพริบนางสมบูรณ์เพียบพร้อม ทุกคนเทิดทูนลุ่มหลงนาง แต่ไม่สามารถรับพลังจากนางได้ นางเพียบพร้อมเกินไป เพียบพร้อมจนทำให้ผู้คนห่างไกลจากนาง
เมื่อเทียบกับนางแล้วพรสวรรค์ของคุณชายอาเทียนไม่คู่ควรเอ่ยอ้างถึง แต่ความขยันหมั่นเพียรของเขาไม่มีใครเทียบได้
ทุกคนรู้ว่าความขยันหมั่นเพียรเป็นยังไง ศิษย์ในตระกูลซ่างกวนทุกคนก็รู้เช่นกัน
แต่ไม่ใช่จนกระทั่งพวกเขาพบคุณชายอาเทียนและเขาได้แสดงความพากเพียรต่อหน้าพวกเขาให้ได้เห็นประจักษ์นั่นทำให้พวกเขาปลาบปลื้มจริงๆ
คุณชายอาเทียนอาจจะไม่ได้ฉลาดกว่าพวกเขา แต่แค่มีความเพียรมากกว่า, ไม่สิ, เขาขยันหมั่นเพียรกว่ามากมายนักพวกเขามองดูคุณชายอาเทียนฝึกฝนเพลงหมัดมวยอย่างเดียวเกินกว่าแสนครั้ง พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาไม่เคยตกตะลึงอะไรอย่างนี้มาก่อน
ในโลกนี้ มีใครบ้างที่ทำอย่างนั้นได้!
การให้เกียรติตัวเองของผู้เยาว์เหล่านั้น ทำให้ให้พวกเขาเงียบ
พรสวรรค์ของคุณหนูสูงส่งเกินเอื้อม แต่ความสำเร็จของคุณชายอาเทียนนั้นมาจากหยาดเหงื่อ หยาดเหงื่อล้วนๆ
ทุกคนเหงื่อหลั่งไหล
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคำขวัญนี้ถูกถ่ายทอดต่อๆกันมาในตระกูลซ่างกวน คำขวัญที่คุณชายอาเทียนพูดอยู่เสมอว่า"หยาดเหงื่อไม่เคยโกหก"
เมื่อเห็นเหล่าผู้เยาว์ทุกคนหลั่งเหงื่อมากมายอยู่ในสนามฝึกซ้อมลุงเฉียนรู้สึกชุ่มชื่นใจ
ตะวันช่างสวยสดงดงาม
ในช่วงเวลานั้น บ่าวในตระกูลวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาและกระซิบบอกอะไรบางอย่างข้างหูลุงเฉียนรอยยิ้มบนใบหน้าลุงเฉียนชะงักค้าง