ตอนที่ 108 สะท้านสุญญากาศ
ถังเทียนไม่เข้าใจถึงความเมื่อยล้าขณะฝึกฝน
เขาลืมเพ่งดูการฝึกฝนของคนอื่นๆและลืมไปว่านี่คือบ้านของเชียนฮุ่ย เขามีแต่เพียงวิทยายุทธของเขาอยู่ในสายตาตนเอง นั่นคือหมัดของเขาเอง
ปราณเที่ยงแท้ระดับห้ากับวิชาหมัดระดับสี่ เขาอยู่ในระดับที่ไม่เคยประสบเจอมาก่อนความแตกต่างในรายละเอียดนี้ ถังเทียนเพิ่งพบเจอวันนี้
ปราณเที่ยงแท้ระดับห้าเพิ่มขึ้นและไม่ว่าจะเป็นพลังมังกรฟ้าหรือพลังงานกระเรียน เป็นเหมือนกับว่าทำให้ความปรารถนาของถังเทียนกลายเป็นจริง พลังงานที่สะสมอยู่ภายในพลังปราณเที่ยงแท้เกิดความปั่นป่วนและระเบิดพลังออกมาได้อย่างน่าทึ่ง
เมื่อเข้าถึงปราณเที่ยงแท้ระดับห้าพลังที่เพิ่มขึ้นจะครอบคลุมไม่ว่าในเรื่องระดับความแข็งแกร่ง หรือความรุนแรง เมื่อเทียบกับปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ความก้าวหน้าเป็นแบบก้าวกระโดดรายละเอียดและความรู้สึกเล็กน้อยของพลังหมัดสะท้านฟ้าภายใต้พลังของปราณเที่ยงแท้ระดับห้า มีความโดดเด่นและชัดเจน
ถังเทียนมีสัญชาตญาณคมชัดเป็นพิเศษขณะที่เขายังคงฝึกฝนวิชาหมัดของเขาต่อไป รายละเอียดที่ยากจะเข้าใจทั้งหมดก็ค่อยๆ โผล่ออกมา
หมัดสะท้านฟ้าในมือของถังเทียนเริ่มจะกลายสภาพเป็นช้าลง
ลมที่แผ่ออกจากหมัดค่อยๆหายไป
ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่ถังเทียนใช้หมัดสะท้านฟ้าจะทำให้เกิดระลอกคลื่นกระจัดกระจายนับไม่ถ้วน ระลอกทั้งหมดเหล่านี้คือปราณเที่ยงแท้ของเขาที่ทำให้อากาศรอบหมัดของเขาสั่นสะเทือนและระลอกเหล่านี้มีพลังรุนแรงขนาดทำลายหินได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้พลังสั่นสะเทือนของระลอกหมัดสะท้านฟ้าน้อยลงทุกที ขณะที่ลมจากหมัดของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว หมัดสะท้านฟ้าของถังเทียน ยิ่งแตกต่างจากที่ได้ใช้งานในครั้งก่อนที่ยังแสดงให้เห็นถึงพลังทำลายล้างและตอนนี้มันดูเหมือนหมัดมวยธรรมดา แต่ในความเป็นจริงหมายความว่าพลังงานของถังเทียนถูกควบคุมสงวนไว้เป็นอย่างดีพลังงานไม่ได้รั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย
คนที่เป็นพยานเห็นการเปลี่ยนแปลงกับตาตนเองอย่างซ่างกวนจู้และคนที่เหลือรู้สึกใจสั่นสะท้าน แม้ว่าตระกูลซ่างกวนจะตกต่ำเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ธรรมเนียมพวกเขายังคงมีอยู่และแม้ว่าศิษย์ในตระกูลจะมีพลังอ่อนแอก็ตาม แต่พวกเขายังคงมีสายตาที่ดีเฉียบแหลม
พลังงานของหมัดกลายเป็นว่าถูกเก็บกักและเข้มข้นมากขึ้นและพลังก็แข็งแกร่งมากขึ้น
ทุกคนสามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผล แต่มีน้อยคนนักที่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้จริง วิทยายุทธในยุคปัจจุบันได้รับโดยผ่านการ์ดวิญญาณทั้งหมด เรียนรู้ง่ายแต่ยากจะบรรลุถึงแก่น การ์ดทองมีราคาแพงมาก และไม่ใช่ว่าทุกคนจะหาซื้อได้ขณะที่การ์ดเงินและการ์ดบรอนซ์ มีประสบการณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์ นอกจากนี้ประสบการณ์ที่ได้รับแตกต่างกันไปในแต่ละคน อาจเหมาะสำหรับเขา แต่ไม่เหมาะสำหรับท่าน อย่างเช่นนักสู้และขุนพลวิญญาณที่เข้ากันไม่ได้ ก็มีเกิดขึ้นบ่อย
การอธิบายสิ่งที่ฝึกก็ทำได้ชัดเจน และลึกซึ้ง ระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น
ปัจจุบันแนวคิดทั่วไปเมื่อเทียบกับชั้นและระดับ ระดับที่สูงจะชนะระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายของทุกคนคือรีบเร่งบรรลุเข้าสู่เป้าหมายระดับสูง เกี่ยวกับวิทยายุทธต่อสู้มีน้อยคนที่จะฝึกฝนขัดเกลาตนเองอย่างต่อเนื่องฝึกเพื่อให้ตนเองสมบูรณ์แบบ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าไม่ว่าวิทยายุทธระดับต่ำจะสมบูรณ์มากแค่ไหนก็ตามต่อให้พวกเขาฝึกไปก็ไม่สามารถเอาชนะวิทยายุทธที่มีพลังระดับสูงได้
การจัดระดับคือทุกอย่างที่ทุกคนคิดกันและก่อนหน้านี้ ซ่างกวนเว่ยและพวกที่เหลือก็คิดแบบนี้
จนกระทั่งถังเทียนปรากฏตัว เขาเป็นนักสู้ระดับห้าอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาสามารถใช้พลังต่อสู้และความแข็งแกร่งได้เกินกว่าระดับห้า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงวันนี้ หลายคนเชื่อว่าเหตุผลที่เขยของตระกูลแข็งแกร่งมาก เนื่องจากเขายืมพลังมาจากเกราะของเขา แต่พวกเขาก็ตระหนักได้ในไม่ช้า เนื่องจากพวกเขามองเห็นเขาแสดงหมัดสะท้านฟ้าที่สมบูรณ์แบบซึ่งเขยของตระกูลใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักและต่อเนื่อง
เมื่อมีเวลาเมื่อฝึกปราณเที่ยงแท้มากขึ้นวิชายุทธระดับที่สูงขึ้นถูกมองว่าเป็นหนทางแห่งการเป็นราชา
เมื่อลมที่ออกมาจากหมัดของถังเทียนหายไปทุกคนตกตะลึงอย่างหนัก ทุกหมัดที่เขาปล่อยออกมา ไม่เหลือร่องรอยระลอกคลื่นเลยแม้แต่นิดเดียวแต่เต็มไปด้วยอันตรายที่ยากอธิบายได้มากขึ้นทุกทีและความรู้สึกของทุกคนถูกหมัดของถังเทียนดึงดูดไปพวกเขาไม่สามารถละสายตาได้ เหมือนกับว่าหมัดนั้นมีพลังที่มีเสน่ห์บางอย่าง
พวกเขาทุกคนยืนมองดูอยู่กับที่จนลืมการฝึกฝนของตนเอง ทั่วทั้งสนามฝึกไม่รู้ว่าตกอยู่ในความเงียบตั้งแต่เมื่อใด
มีแต่เพียงถังเทียนที่ยังปล่อยหมัดออกไปหมัดแล้วหมัดเล่าลืมสิ้นทุกอย่าง
เหมือนกับพลังปราณเที่ยงแท้ในร่างของเขากำลังเดือด ถังเทียนรู้สึกเป็นอิสระและมีความสุขมาก เขาปล่อยหมัดออกไปหมัดแล้วหมัดเล่าด้วยความยินดีทุกความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนเป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลรินอยู่ในใจเขาช่างงดงามเสียจริง
นี่คือแรงสั่นสะเทือน...
ดูเหมือนจะมีความเสียใจเงียบๆลอยอยู่ในหัวใจเขาเงียบๆ
เป็นเหมือนผ้านวมที่หน้าต่างค่อยๆเปิดออกและแสงงดงามนอกประตูและสายลมด้านนอกหน้าต่างสาดส่องพร่างพรูเข้ามาทั่วห้องทันที
ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเบ่งบานขึ้นในใจของถังเทียน
จู่ๆ เขาก็ร้องฮึขึ้นมา ปราณเที่ยงแท้ของเขาปะทุออกมา กระเรียนส่งเสียงร้องอยู่ภายในใจของเขาตามมาด้วยเสียงมังกรคำราม ปราณเที่ยงแท้ของเขาปะทุออกมาดังปังถังเทียนไม่ได้คิดอะไร แค่ปล่อยหมัดออกไปเท่านั้น
หมัดที่ไร้เสียงไร้ลักษณ์และว่างเปล่า
บนหมัดของเขา มีบอลแสงขาวขนาดเท่าผลมะพร้าวโปร่งใสปรากฏขึ้นมาทันที
บอลแสงคงอยู่เพียงหนึ่งวินาทีและจากนั้นก็เริ่มสั่นสะเทือนระเบิดคลื่นเสียงกึกก้องไปทั่วพื้นที่
อากาศในพื้นที่ฝึกฝีมือเป็นเหมือนกับถูกควบคุมโดยมือไร้รูปขนาดใหญ่ จู่ๆ บอลแสงก็พุ่งขึ้นและระเบิดออกมา
พลังงานไร้ขีดจำกัดระเบิดออกจากร่างถังเทียนที่เป็นเหมือนภูเขามิได้ขยับออกไปแม้แต่น้อย
ตาของเขามีแววครุ่นคิด
※※※※※※※※※※
อาโมรี่เดินทางตรงเข้ามา และเมื่อหาตระกูลซ่างกวนพบเขาแสดงสถานะตัวเอง โชคดีที่คนที่ออกมารับเขาคือลุงเฉียน และเมื่อเขาได้ยินว่ามีเด็กหนุ่มสาวสองสามคนที่มาจากเมืองซิงฟงมาตามหาคุณชายอาเทียน เขาจึงนำพวกเขาเข้ามาทันที
ขณะที่พวกเขาวิ่งเข้ามาที่สนามฝึก พวกเขาเข้ามาทันเวลาเห็นบอลแสงโปร่งใสระเบิดออกมาด้วยฝีมือถังเทียน
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน พวกเขาชะงักเท้า เหมือนกับว่าเหมือนกับว่าถูกบังคับให้หยุดอยู่ตรงนั้น
นั่น.. นั่นคือ...สุญญากาศ!
มันเป็นไปได้ยังไง...
ความจริงหมัดนั้นสั่นสะเทือนอากาศกระทั่งมันหายไปเองทันทีและสร้างเป็นบอลสุญญากาศขึ้น...
หมัดสะท้านฟ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นวิทยายุทธระดับสี่...ชัดเจนว่ามันคือวิทยายุทธระดับสี่!
ถังพื้นฐาน....
พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน เมื่อหมัดสะท้านฟ้า ถูกฝึกฝนจนถึงระดับสุดยอดก็อาจสลายอากาศและสร้างสุญญากาศขึ้นได้ นี่ก็คือหมัดสะท้านสุญญากาศที่ขึ้นชื่อนั่นเอง
หมัดสะท้านสุญญากาศเป็นแค่เพียงตำนาน พวกเขาไม่เคยเห็นใครเชี่ยวชาญวิชานี้เลย แต่วันนี้ ต่อหน้าต่อตาพวกเขา การจู่โจมที่แข็งแกร่งขนาดนั้นและพลังสั่นสะเทือนรุนแรง แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะแข็งแกร่งและมาดมั่น แต่ในช่วงเวลาอย่างนี้ จิตใจของพวกเขาทุกคนว่างเปล่า
ไม่มีใครคิดว่า อาโมรี่จะเป็นคนแรกที่รู้สึกตัวและเขาส่ายหัวพูดว่า "ข้าไม่สู้แล้ว,ข้าไม่สู้ด้วย! จะมีอะไรจากการต่อสู้ครั้งนี้เล่า?เจ้าโรคจิตถังบ้าเกินไปแล้ว! เขาจะตายไหมนี่ถ้าไม่รู้แจ้งเคล็ดสังหาร.."
คนที่เหลือ เมื่อได้ยินเสียงนี้ ก็รู้สึกตัวทันที
ขณะที่ถังเทียนเพิ่งตื่นจากสภาวะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เขาได้ยินเสียงอาโมรี่เมื่อเขาเหม่อมองหันมาดูและเห็นเป็นอาโมรี่และพวก เขาปลาบปลื้มยินดี
"เจ้าวัวแมงวัน!"
ถังเทียนตะโกนลั่น ด้วยการก้าวย่างเพียงสองก้าวเขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
พวกเขาเห็นเพียงภาพเลือนลางและถังเทียนก็วิ่งมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว หานปิงหนิงและคนอื่นถึงกับใจสั่นสะท้าน
ไวมาก!
ทุกคนตกใจอย่างเห็นได้ชัด และมีเพียงอาโมรี่ที่กำลังหัวเราะเขาเดินเข้าไปหาและกอดถังเทียนส่งเสียงดังลั่น "ถังพื้นฐาน, ไม่ได้เจอกันนานเลย!อว๋า.. ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าทึ่งและตกใจ เจ้ายิ่งแข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้นทุกที ตอนแรกข้ากะจะมาซ้อมมือกับเจ้า แต่พอเห็นหมัดของเจ้าแล้วข้าไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว บุรุษหนุ่ม,ตอนนี้การช่วยเหลือโลกอยู่ในมือของเจ้าแล้ว..."
เมื่อได้ยินการสนทนาของอาโมรี่หัวใจถังเทียนอบอุ่นอย่างประหลาด นิสัยของอาโมรี่อดทน, ง่ายๆ ซื่อสัตย์และคุยค่อนข้างสนุก
"เจ้าวัวแมงวัน,เจ้าน่ะช่างพูดนักนะ"
ทั้งสองผละออกจากกัน ถังเทียนยิ้มเต็มหน้าทันที
"โอว, ถังพื้นฐานเจ้าคงต้องเข้าใจว่าตัวเองอัดอั้นตันใจเป็นนักสู้รอบนอกอยู่นานสินะพวกเขาทุกคนไม่มีความหมายอะไรเลย คนหนึ่งเป็นภูเขาน้ำแข็งหมื่นปี, อีกคนก็เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และอีกคนก็ดันเป็นนักมังสวิรัติตัวยงเสียอย่างนั้น เจ้าต้องเข้าใจโลกเป็นไปได้ยังไงที่สิ่งมีชีวิตจะมัวเอาแต่กินผัก? และสิ่งมีชีวิตนี้ก็คือพี่เหลียงชิว,โอวพระเจ้า, ต้นแบบตัวอย่างของข้าเป็นอย่างนั้นเสียแล้วส่วนเจ้าสบายๆ แน่นอน ดูทั้งหมดนี่สิบุรุษหนุ่มที่เอาแต่บ้าฝึกวิทยายุทธไม่หยุดหย่อน เขาได้สร้างมรรคาวิชาบู๊เป็นของตนเองและมีหัวใจที่แข็งแกร่งมั่นคงนัก"
อาโมรี่ยังพูดพล่ามต่อไปเรื่อยๆจนทำให้สหายที่เหลือชักจะหงุดหงิด
หานปิงหนิงแตะด้ามกระบี่ ขมวดคิ้วบรรยากาศกลายเป็นเยือกเย็นขณะนางถาม"เจ้าหาว่าข้าเป็นภูเขาน้ำแข็งหมื่นปีหรือ?"
อาโมรี่หุบปากตนเองทันที
เหลียงชิวยิ้ม ขณะที่เขาถามอย่างครุ่นคิด "ถังเทียนท่าที่เจ้าเพิ่งใช้ออกไปคือหมัดสะท้านสุญญากาศหรือเปล่า?"
ถังเทียนพยักหน้า "ใช่,ข้าเพิ่งจะฝึกฝนได้สำเร็จนี่เอง"
แววชื่นชมปรากฏอยู่ดวงตาของเหลียงชิวขณะที่เขากล่าว"เป็นไปตามคาดเลยนะ ถังพื้นฐาน! หมัดสะท้านสุญญากาศเป็นเคล็ดสังหารของหมัดสะท้านฟ้ามีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งรุนแรงมาก เจ้าจะฝึกสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเข้าถึงระดับหกได้ และเมื่อฝึกหมัดสุญญากาศจะทุ่นความพยายามไปครึ่งหนึ่ง แต่ได้ผลเป็นสองเท่า"
ถังเทียนรู้ว่าเหลียงชิวกำลังสอน เขาจึงชื่นชมและขอบคุณ"ขอบคุณพี่เหลียงชิว!"
"ฮืม.. แต่มันเป็นแค่เพียงหมัดสะท้านสุญญากาศเอง, พ่อหนุ่มถัง เจ้าก็เข้าสู่ระดับที่ห้าาแล้วทำไมยังฝึกฝนวิชาหมัดมวยระดับห้าเล่า?" ซือหม่าเซียงซานนัยน์ตาสามเหลี่ยมเหมือนตางูของกระพริบเป็นประกายวูบวาบ
ถังเทียนพูดเป็นจริงเป็นจัง "ข้าตั้งใจจะฝึกวิทยายุทธทั้งหมดที่ข้ารู้จัก ฝึกให้สมบูรณ์แบบจะให้ดีที่สุดต้องฝึกจนได้รับเคล็ดสังหารทั้งหมด"
ทุกคนตะลึง
ถ้าเป็นคนอื่นพูดคำพูดเหล่านี้ พวกเขาคงคว้าก้อนอิฐมาทุบกบาลเจ้าผู้นี้เพื่อดูว่าในสมองของเขายัดอะไรเอาไว้ข้างใน แต่เมื่อหลุดออกจากปากของถังเทียนพวกเขากลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
นอกจากเป็นโรคจิตแล้ว เจ้านี่ยังมีนิสัยที่ผิดปกติอีกด้วย
"สมกับเป็นถังพื้นฐานจริงๆ!" อาโมรี่ปรบมือตาของเขาเป็นประกายลุกโชน เขาพูดอย่างตื่นต้น "มีแต่หนุ่มน้อยชาวฟ้าที่กล้าจะทำเช่นนี้ จอมยุทธหนุ่มน้อยผู้ฮึกเหิมอยากเรียนรู้จากหนุ่มน้อยชาวฟ้าเสียจริง โอวๆๆพอคิดแล้ว ช่างทำให้ตื่นเต้นเสียจริง!คำพูดแบบนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้มาก..."
ถังเทียนมองดูสับสนและถามว่า "จอมยุทธหนุ่มผู้ฮึกเหิมเจ้าตั้งฉายานั้นให้ตัวเองเหรอ?"
อาโมรี่ดูภาคภูมิใจมาก "ฮ่าฮ่า ก็แน่อยู่แล้วชื่อมีเสน่ห์ออกอย่างนั้น มีแต่จอมยุทธหนุ่มน้อยผู้ฮึกเหิมเต็มไปด้วยอารมณ์สุนทรีจึงจะคิดชื่ออย่างนั้นได้...."
ถังเทียนดึงสายตาเขากลับมา ขณะที่เขามองพวกที่เหลือด้วยความเห็นอกเห็นใจ"เจ้าเด็กนี่ติดตามพวกเจ้าไปตลอด พวกเจ้าทุกคนอดใจไม่ฆ่าเขานับว่าพวกเจ้าทุกคนใจดีมากแล้ว"
"ถังเทียน,เจ้าอยู่ที่ค่ายทหารชั้นนอกเป็นยังไงบ้าง?" จู่ๆหานปิงหนิงก็เชิดหน้าถาม
ถังเทียนฝืนยิ้มขมขื่นและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาให้พวกเขาฟังทุกอย่าง นอกจากเรื่องสังหารข่งโหย่วหลินแล้วเขาบอกพวกเขาว่าได้เข้าร่วมกลุ่มของจิ่งหาวแล้ว มิฉะนั้น เขาก็ไม่ได้ซ่อนอะไร
ทุกคนประหลาดใจ เดิมทีพวกเขาคิดว่าถังเทียนคงเป็นที่ต้องตาของข่งโหย่วหลิน พวกเขาคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะถูกเขี่ยออกไป
"ข้า, อาโมรี่ต้องการจะเข้าร่วมกลุ่มของเจ้า!"อาโมรี่ชูมือข้างหนึ่ง
น่าประหลาดใจที่หานปิงหนิงพูดเสียงเย็นชาทันที"ข้าก็จะร่วมด้วย"
อาโมรี่เป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่ง ถังเทียนรู้เรื่องนั้นมาโดยตลอดแต่สำหรับหานปิงหนิงจะเข้าร่วมกลุ่มด้วย ถังเทียนประหลาดใจจริงๆ
เหลียงชิวพูดอย่างลึกซึ้ง "เนื่องจากพวกเราทุกคนมาจากเมืองซิงฟง เป็นกลุ่มพลังเดียวกัน เราจะต้องดูแลกันและกัน”
ทั้งสามคนหันไปมองซือหม่าเซียงซาน
ซือหม่าเซียงซานยื่นมือออกมา "ข้า..ยังไงก็ได้"ถังเทียนรู้สึกอบอุ่นใจแต่เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เขาขบคิดแล้วจึงพูด "พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องเร่งรีบอย่าเพิ่งปล่อยข่าวนี้ออกไป ให้ข้าไปขอพี่จิ่งหาวก่อน"