ตอนที่แล้วตอนที่ 100 จิ่งหาวออกตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 102 อวี่หมิงชิว

ตอนที่ 101 ออกเดินทาง


เสียงหวีดหวิวดังอยู่ไม่ไกล แต่คงอยู่เป็นเวลานาน บอลแสงที่ปล่อยออกมาจากรอยแยกพลังดูเหมือนน่ากลัวเหมือนกับกลุ่มปลาที่ตื่นกลัวว่ายน้ำไปทุกทิศทาง รอยแยกในปัจจุบันนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง

ทันใดนั้นจิ่งหาวลุกขึ้นยืน สายตาของเขามองไปยังตำแหน่งที่มาของเสียงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นน่ากลัว

บุรุษหนุ่มหยาดเหงื่อไม่เคยโกหก...

จิ่งหาวไตร่ตรองอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง  เขาเป็นประจักษ์พยานส่วนตัวเห็นสิ่งที่ถังเทียนทำกลายเป็นแข็งแกร่งในแต่ละครั้งแต่ละขั้นตอน ไม่มีผู้ใดเห็นประจักษ์ยิ่งกว่าเขาเกี่ยวกับปริมาณเหงื่อและความทุ่มเทความพยายามอย่างหนักในการฝึกฝนที่ถังเทียนทุ่มเทลงไป จิ่งหาวก็เป็นผู้ร่วมฝึกฝนเองด้วยความยากลำบาก  ถ้าไม่เช่นนั้นลำพังแต่เขาคงไม่ได้เกณฑ์ที่จะเข้าไปในค่ายสุสานใหญ่ชั้นนอก การฝึกฝนหนักตลอดมาเป็นความหยิ่งภาคภูมิใจของเขาจนกระทั่งได้พบถังเทียน

ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้าคืออะไรไม่มีความคิดว่าจะมีอะไรทำให้เหนื่อยได้ เขาคงจะหม่นหมองและเบื่อหน่าย ถึงได้หลั่งเหงื่อกัดฟันตลอดเวลา..

อยู่ต่อหน้าถังเทียนนับเป็นครั้งแรกที่จิ่งหาวรู้สึกละอาย

มีอยู่หลายๆ คำพูดที่ถังเทียนพูดกับสตรีชุดดำ  นั่นเป็นความคิดของเขา  เป็นมาตรฐานปฏิบัติของเขาที่ทำมานานมากแล้ว  เขามักจะทำหลายอย่างในทำนองนั้นมานานแล้ว

ระดับห้า!

ถังเทียนบรรลุปราณเที่ยงแท้ระดับห้าแล้ว

เสียงระลอกพลังกระเพื่อมจิ่งหาวพบความเคลื่อนไหวเป็นระลอกของปราณระดับห้า

นักสู้ระดับห้าแม้ว่าจะได้รับการจัดให้เป็นระดับพื้นฐานของสมาพันธ์ชาวยุทธแต่ด้วยอายุระดับถังเทียน การได้สำเร็จระดับห้าเมื่อเทียบกับพวกอัจฉริยะย่อมไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้างถึงจิ่งหาวรู้สึกชัดเจนว่าอนาคตของถังเทียนจะต้องสูงกว่าพวกอัจฉริยะและพวกที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก

เหตุผลบอกจิ่งหาวว่าวิธีคิดของเขาไม่ธรรมดาเพราะพวกอัจฉริยะภายในสมาพันธ์ชาวยุทธ ทรัพยากรบางอย่างที่พวกเขามีเป็นสิ่งที่คนภายนอกไม่มีทางเข้าใจหินดวงดาว  แก่นพลังวิญญาณ, สมบัติดวงดาวที่มีจำนวนอย่างน่าอัศจรรย์และยังเพิ่มครูบาอาจารย์ที่คอยช่วยแนะนำ แต่ละคนได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งกันทั้งนั้น  เทียบกับพวกเขาแล้ว ถังเทียนยากจนเข้ากระดูก

แต่ความคิดนั้นทวีความรุนแรงขึ้นในใจของจิ่งหาว

"ฮ่าฮ่า!ระดับห้าแล้ว! ในที่สุดข้าก็ทะลุระดับห้าแล้ว!"

"ฮ่าฮ่าฮ่าเป็นไปตามคาดของหนุ่มน้อยชาวฟ้าเสียที!"

ถังเทียนตื่นเต้นดีใจจนเปล่งเสียงออกมา  จิ่งหาวอดยิ้มให้ไม่ได้  ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ทำงี่เง่าขนาดนั้น  เราคิดว่าเขาคงเป็นอัจฉริยะ

นี่คือเด็กหนุ่มที่โดดเด่นที่แม้เมื่อท่านยืนอยู่ใกล้เขาก็พลอยได้รับความอบอุ่นและมีไฟตามไปด้วย

※※※※※※※※※※

สามวันหลังจากบรรลุระดับห้า

ในที่สุดก็ออกจากใต้ดินที่มืดมิดออกมาจากรอยแยกพลังงานที่เหมือนฝัน ถังเทียนค่อนข้างลังเล แต่เขาโยนความเศร้าทิ้งออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว

เชียนฮุ่ย!

ข้าจะต้องไปยังดาวสายรุ้งเพื่อพบกับเชียนฮุ่ย!

และยังมีสวรรค์วิถี...

ถังเทียนอดกำหมัดแน่นอย่างช่วยไม่ได้  ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น  สองปีที่ไม่ได้พบเห็นเชียนฮุ่ย  คิดถึงเธอจริงๆ .....

เมื่อจิ่งหาวบอกเขาว่าเขาพร้อมจะจากไปแล้ว  ถังเทียนเริ่มเตรียมตัว  เขาไปยังหลุมศพเจ้าโล้นและจุดธูปบอกเจ้าโล้นว่าเขากำลังจะจากไปแล้ว  เกรงว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกขอให้เจ้าโล้นได้หลับพักผ่อนอย่างสงบ

ถังเทียนไปยังเมืองสามวิญญาณส่วนใหญ่ก็จะไปเยี่ยมเซรีน  เซรีนหมกมุ่นอยู่กับอาวุธจักรกลอย่างสิ้นเชิงจนไม่สนใจจะคุยกับถังเทียน ถังเทียนคุยกับนางได้สามประโยคก็โดนตะเพิดออกมา  ถังเทียนปันส่วนแบ่งให้นางอย่างเพียงพอป้องกันไม่ให้เซรีนหิวโซ

"เดินทางกันเถอะ"  จิ่งหาวกล่าว

"ตกลง" ถังเทียนผงกศีรษะ

ขณะที่ทั้งสองคนกลับไปที่ค่ายรอบนอกสุสานใหญ่  นักสู้สองสามคนก็รอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว  และหนึ่งในนั้นเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์  ถังเทียนประหลาดใจที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์ห้าคน และนักสู้ระดับเหล็กเก้าคน!

"ท่านจิ่งหาว!"  แม้ว่านักสู้ระดับบรอนซ์ที่เป็นผู้นำก็อยู่ในระดับเดียวกับจิ่งหาวก็ยังเรียกจิ่งหาวด้วยคำว่าท่านและคำนับโดยอัตโนมัติ "ยานขนส่งบรอนซ์พร้อมแล้วท่านสามารถเดินทางได้ทุกเมื่อ"

จิ่งหาวผงกศีรษะ "พวกเจ้า..พยายามเต็มที่เข้านะ"

ถังเทียนและจิ่งหาวขึ้นยานโดยสาร แม้ว่ายานโดยสารบรอนซ์จะไม่ได้หรูหราฟุ่มเฟือยเหมือนยานของข่งโหย่วหลินแต่การตกแต่งภายในยังนับว่าไม่เลว

บนยานโดยสาร ถังเทียนถามจิ่งหาวเบาๆ "ทำไมถึงมีคนมากนักเล่า? ทุกคนแข็งแกร่งกันทั้งนั้น"

จิ่งหาวอธิบาย"ข้าได้รายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เบื้องบนได้ทราบแล้วก่อนหน้านั้นเบื้องบนไม่ทราบชัดว่ามีสมบัติอะไรอยู่ที่นี่กันแน่ แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเป็นสมบัติหมู่ดาวพิณ  พวกเขาพบเบาะแสสองสามอย่าง  ตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นสำรวจ  ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนมาไม่กี่คนก่อน ถ้าเป็นสมบัติหมู่ดาวพิณข้าเกรงว่าแม้แต่นักสู้ระดับเงินก็จะมากันด้วยตัวเอง  วางใจเถอะน่า ข้าบอกอาจารย์ไปแล้วถ้าพวกเขาได้พบสมบัติหมู่ดาวพิณจริงๆเราทั้งสองจะเป็นผู้นำในการสร้างผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ และเราจะได้รับผลประโยชน์มากมาย"

ถังเทียนนิ่งงัน "สมบัติหมู่ดาวพิณมีอยู่จริงๆ เหรอ?"

"จริงสิ" จิ่งหาวผงกศีรษะ"สมบัติหมู่ดาวพิณมีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์เพียงแต่ไม่เคยมีผู้ใดได้พบร่องรอย สตรีที่เราได้พบครั้งหลังนี้ข้าคาดว่านางคงพบร่องรอยบางอย่าง อย่างไรก็ตาม พอเรารู้เรื่องนั้นแล้ว พวกวิญญาณมืดจะไม่มีโอกาสแล้ว คนพวกนี้เป็นแค่ระลอกแรกต่อมาก็จะมีนักสู้ผู้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมา การรักษาความปลอดภัยที่นี่จะเข้มแข็งยิ่งขึ้น องค์การวิญญาณมืดจะไม่สามารถยื่นมือเข้ามาแตะต้องได้"

ถังเทียนอุทานสีหน้าเศร้าเอามือกุมหน้าด้วยความเสียดาย "ผู้หญิงคนนั้นพูดจริง!  ข้าพลาดแล้ว,ข้าผิดไปแล้ว สมบัติ, สมบัติตั้งมากมาย...."

จิ่งหาวกล่าวอย่างจิงจัง "พ่อหนุ่ม!อย่ามัวแต่ไล่ตามสมบัติเลย มันจะทำให้เจ้าเกียจคร้านได้ เจ้าต้องการทางลัดหรือไงไม่ว่าจะเป็นสมบัติแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม จะเทียบกับหยาดเหงื่อและน้ำตาเจ้าได้ยังไง? เจ้าต้องเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งนั้นเจ้าได้รับมาจากหยาดเหงื่อและการขวนขวาย เป็นพลังที่แท้จริง เจ้ารู้เหตุผลไหม?"

สีหน้าของถังเทียนแข็งค้าง  เขาเหม่อมองจิ่งหาวด้วยสายตาว่างเปล่า

จิ่งหาวเหมือนคนที่ได้กินโสมฟื้นฟูกำลัง  ตลอดทั้งร่างของเขาผ่อนคลายเหลือเชื่อเขากล่าวอย่างเคร่งขรึมเย็นชา "เพราะว่าหยาดเหงื่อไม่เคยโกหกไงเล่า"

ถังเทียน "......."

ทหารยามที่อยู่ด้านข้างๆ กล่าวชมเชย"ก็เป็นอย่างที่ท่านจิ่งหาวคาด คำพูดเหล่านั้นเป็นสัจจธรรมที่พวกเขาเหล่านักสู้ทุกสมควรมุ่งมั่นทำตาม"

จิ่งหาวอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไปเขาหัวเราะออกมาดังลั่น

นัยน์ตาถังเทียนกระตุกเส้นสายที่หน้าผากเพิ่มขึ้นมานับไม่ถ้วนเขาจนปัญญาในที่สุดก็ตบพื้นชี้มาที่จิ่งหาว ขบฟันกรอดท้าทาย "มาเลย! เวลาดีๆอย่างนี้จะปล่อยให้เสียไปทำไมเล่า?  มาเลย!  พ่อหนุ่ม! เรามาสู้กันสักยกหนึ่ง!"

เสียงหัวเราะของจิ่งหาวชะงักทันที

เมื่อเขาคิดถึงรูปแบบวงจรกลยุทธท้าสู้ของเจ้าหนุ่มถังแล้วจิ่งหาวรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจทุกที

นักสู้คนอื่นๆ บนยานโดยสารตกตะลึง  ท่านจิ่งหาวไม่รับคำท้าทายจริงๆ ด้วย

ทุกคนเห็นสายตาของถังเทียนสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่รู้จักถังเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใส่ใจ บางคนก็คิดว่าถังเทียนเป็นลูกศิษย์ของท่านจิ่งหาวมาถึงตอนนี้ทุกคนจึงตระหนักได้ว่าถังเทียนนั้นแตกต่างจากที่พวกเขาคิด

คนผู้ที่ทำให้ท่านจิ่งหาวขยาดที่จะซ้อมมือด้วย...

"ท่านผู้นี้คือ?" หนึ่งในนักสู้ถามด้วยความระมัดระวัง

เมื่อจิ่งหาวได้ยินประโยคนั้นเขารีบฉวยโอกาสขอบคุณและกระแอมเบาๆ "ท่านถังเทียนเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์แล้วและมีส่วนร่วมอย่างมากต่อสมาพันธ์ชาวยุทธนอกจากนี้เขาเป็นผู้สืบทอดของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพราย"

ทุกคนรู้สึกเลื่อมใสเขาอย่างลึกซึ้งทันทีชื่อเสียงที่เกรียงไกรของผู้อาวุโสหนงกรงเล็บภูตพราย  แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วแต่ก็ยังเป็นตำนานเผยแพร่อยู่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ

"นี่เป็นโอกาสดีครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเจ้าทุกคน"จิ่งหาวพูดจริงจัง "การได้ฝึกซ้อมกับถังเทียนจะเป็นการฝึกวิทยายุทธของพวกเจ้าให้ก้าวหน้าเป็นอย่างดี  ข้าสามารถรับรองให้พวกเจ้าทุกคนได้  แม้ว่าน้องถังอาจจะดูว่าอายุน้อย  แต่เขารู้วิทยายุทธอย่างลึกซึ้งใครอยากจะลองด้วย?"

"ข้าเอง!"

"ข้าขอลองเอง"

"ท่านถัง โปรดชี้แนะสั่งสอนเราด้วย"

ทุกคนต่างขันอาสาเป็นคนแรกเพราะกลัวจะพลาดโอกาสดี  เมื่อเห็นเช่นนี้จิ่งหาวถอนหายใจเฮือกใหญ่  เขาถือโอกาสขณะที่ถังเทียนยังตะลึงและตอบสนองไม่ทันรีบกล่าวว่า"งั้นเจ้า.. ไปลองดูก่อน"

นักสู้คนแรกรีบวิ่งมาอยู่ข้างหน้าถังเทียนเขาคำนับถังเทียน "ท่านถัง, ข้าขอคำแนะจากท่านด้วย"

มาถึงตรงนี้ถังเทียนก็เรียกความรู้สึกกลับมาได้ เขาหันไปจ้องดูจิ่งหาว

จิ่งหาวมีท่าทีพึงพอใจปากของเขายังแสร้งพูดอย่างต่อเนื่อง "ก็ได้ ทีละคนนะ  พวกเจ้าทุกคนไปเข้าแถวตามลำดับ"

พี่จิ่งหาว,ท่านทำอย่างนี้ ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่น....

ถังเทียนจ้องมองจิ่งหาวและจู่ๆก็อ้าปากหัวเราะลั่น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา  นักสู้ทุกคนต่างนอนระเกะระกะอยู่กับพื้นถังเทียนไม่มีการยั้งมือ หลังจากบรรลุเป็นนักสู้ระดับห้า พลังของเขาเข้าสู่ระดับสูงใหม่ทั้งหมดพลังเที่ยงแท้ของเขามีพลังรุนแรงมากกว่าเดิมบวกกับปราณมังกรฟ้าและพลังร่างกระเรียนทุกท่วงท่าวิชามีพลังทำลายที่แกร่งกร้าวรุนแรง

ถังเทียนในปัจจุบันเป็นคนที่แม้แต่จิ่งหาวก็รู้สึกว่าเป็นปัญหา

เมื่อตอนที่พวกเขาสู้กันตอนนั้นฝีมือเสมอกัน ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียนยังอ่อนกว่าจิ่งห้าวหนึ่งระดับ แต่พอเพิ่มพลังปราณมังกรฟ้าและพลังกระเรียนก็ยิ่งทำให้ระยะห่างสั้นลง  วิทยายุทธของถังเทียนอ่อนกว่าหนึ่งระดับ  แต่ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่งรุนแรงและถังเทียนในปัจจุบันมีระดับสัญชาตญาณสูงกว่าเดิมถึงหกเท่า

ถ้าจิ่งหาวต้องการจะเอาชนะถังเทียนเขาจำเป็นต้องใช้ถึงพันกระบวนท่า

จิ่งหาวไม่กลัวการฝึกซ้อมกับถังเทียน  แต่จิ่งหาวเกรงว่าถังเทียนใช้วิทยายุทธมากขึ้นจนคุ้นเคย

ถังเทียนสูดลมหายใจอย่างใจเย็นและทันใดนั้นเขาใช้นิ้วกระดิกเรียกจิ่งหาว หลังจากนั้นเขาค่อยๆ พูดว่า “มาเลย,พี่จิ่งหาว”

※※※※※※※

ตลอดการเดินทางไม่มีอะไรรบกวน

นักสู้บนยานโดยสาร ยกย่องถังเทียนมาก  เห็นได้ชัดว่าเขามีพลังปราณเที่ยงแท้ระดับห้า  แต่แข็งแกร่งเกินบรรยาย  และยังคู่ควรกับการเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์แล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นประจักษ์ว่าถังเทียนกับจิ่งหาวยอดฝีมือทั้งสองต่อสู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ช่วยเปิดมุมมองพวกเขาให้กว้างขวางอีกด้วย

ท่านจิ่งหาวเลือกเส้นทางพิเศษและฝึกแต่วิชากระบี่ที่แข็งแกร่งมากและฝึกได้สมบูรณ์แบบ วิชากระบี่ระดับหกถูกมองว่าไม่ใช่วิชาที่แข็งแกร่ง แต่เพลงกระบี่ที่ท่านจิ่งหาวใช้ออกนั้นยอดเยี่ยมเกินบรรยาย

ขณะที่ท่านถังเทียนตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงวิทยายุทธของเขาใช้ออกได้อย่างหลากหลาย มีวิทยายุทธแตกต่างกันห้าหรือหกรูปแบบ  เขาต่อสู้ระยะประชิดได้รุนแรงมากและสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจมากก็คือความเปลี่ยนแปลงในวิชาต่อสู้ ช่างไหลลื่นเหมือนสายน้ำสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาดทำให้ทุกคนทึ่งอย่างอดใจไม่ได้

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้รุกรับจนทำให้พวกเขาตาลายไปหมด

ท่านจิ่งหาวไม่ได้ขยับ เพียงถือกระบี่เฉยๆปลายกระบี่เปล่งแสงพลังที่คมชัดบริสุทธิ์ ขณะที่ท่านถังเทียนเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดห้าวหาญ แกร่งกร้าวเกินบรรยายการบุกโจมตีของเขาเป็นเหมือนพายุรุนแรง เขาสามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายในการโจมตี จนทำให้คู่ต่อสู้ยากจะป้องกันได้

ทุกคนชอบโอกาสที่ได้สังเกตดูเช่นนี้มาก  และจำนวนคนที่สังเกตดูจะไม่มีใครยอมพลาดโอกาสเช่นนี้

ภายใต้การจับตามองของทุกคน จิ่งหาวไม่ยินยอมเสียหน้าเป็นฝ่ายถอยขณะที่เขามองถังเทียนอย่างระมัดระวังและพยายามหาโอกาส  การคว้าโอกาสระหว่างวนเวียนฝึกฝนซ้อมมือกับถังเทียนเป็นการแสดงความสุดยอดของเขา

จิ่งหาวกัดฟันและไม่พูดอะไร

“ถึงดาวสายรุ้งแล้ว!”นักสู้ที่อยู่ข้างหน้าตะโกนเหมือนกับว่าได้ยินเสียงธรรมชาติที่ไพเราะ  จิ่งหาวยินดีซาบซึ้งจนน้ำตาแทบร่วง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด