ตอนที่ 101 ออกเดินทาง
เสียงหวีดหวิวดังอยู่ไม่ไกล แต่คงอยู่เป็นเวลานาน บอลแสงที่ปล่อยออกมาจากรอยแยกพลังดูเหมือนน่ากลัวเหมือนกับกลุ่มปลาที่ตื่นกลัวว่ายน้ำไปทุกทิศทาง รอยแยกในปัจจุบันนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
ทันใดนั้นจิ่งหาวลุกขึ้นยืน สายตาของเขามองไปยังตำแหน่งที่มาของเสียงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นน่ากลัว
บุรุษหนุ่มหยาดเหงื่อไม่เคยโกหก...
จิ่งหาวไตร่ตรองอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง เขาเป็นประจักษ์พยานส่วนตัวเห็นสิ่งที่ถังเทียนทำกลายเป็นแข็งแกร่งในแต่ละครั้งแต่ละขั้นตอน ไม่มีผู้ใดเห็นประจักษ์ยิ่งกว่าเขาเกี่ยวกับปริมาณเหงื่อและความทุ่มเทความพยายามอย่างหนักในการฝึกฝนที่ถังเทียนทุ่มเทลงไป จิ่งหาวก็เป็นผู้ร่วมฝึกฝนเองด้วยความยากลำบาก ถ้าไม่เช่นนั้นลำพังแต่เขาคงไม่ได้เกณฑ์ที่จะเข้าไปในค่ายสุสานใหญ่ชั้นนอก การฝึกฝนหนักตลอดมาเป็นความหยิ่งภาคภูมิใจของเขาจนกระทั่งได้พบถังเทียน
ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้าคืออะไรไม่มีความคิดว่าจะมีอะไรทำให้เหนื่อยได้ เขาคงจะหม่นหมองและเบื่อหน่าย ถึงได้หลั่งเหงื่อกัดฟันตลอดเวลา..
อยู่ต่อหน้าถังเทียนนับเป็นครั้งแรกที่จิ่งหาวรู้สึกละอาย
มีอยู่หลายๆ คำพูดที่ถังเทียนพูดกับสตรีชุดดำ นั่นเป็นความคิดของเขา เป็นมาตรฐานปฏิบัติของเขาที่ทำมานานมากแล้ว เขามักจะทำหลายอย่างในทำนองนั้นมานานแล้ว
ระดับห้า!
ถังเทียนบรรลุปราณเที่ยงแท้ระดับห้าแล้ว
เสียงระลอกพลังกระเพื่อมจิ่งหาวพบความเคลื่อนไหวเป็นระลอกของปราณระดับห้า
นักสู้ระดับห้าแม้ว่าจะได้รับการจัดให้เป็นระดับพื้นฐานของสมาพันธ์ชาวยุทธแต่ด้วยอายุระดับถังเทียน การได้สำเร็จระดับห้าเมื่อเทียบกับพวกอัจฉริยะย่อมไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้างถึงจิ่งหาวรู้สึกชัดเจนว่าอนาคตของถังเทียนจะต้องสูงกว่าพวกอัจฉริยะและพวกที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก
เหตุผลบอกจิ่งหาวว่าวิธีคิดของเขาไม่ธรรมดาเพราะพวกอัจฉริยะภายในสมาพันธ์ชาวยุทธ ทรัพยากรบางอย่างที่พวกเขามีเป็นสิ่งที่คนภายนอกไม่มีทางเข้าใจหินดวงดาว แก่นพลังวิญญาณ, สมบัติดวงดาวที่มีจำนวนอย่างน่าอัศจรรย์และยังเพิ่มครูบาอาจารย์ที่คอยช่วยแนะนำ แต่ละคนได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งกันทั้งนั้น เทียบกับพวกเขาแล้ว ถังเทียนยากจนเข้ากระดูก
แต่ความคิดนั้นทวีความรุนแรงขึ้นในใจของจิ่งหาว
"ฮ่าฮ่า!ระดับห้าแล้ว! ในที่สุดข้าก็ทะลุระดับห้าแล้ว!"
"ฮ่าฮ่าฮ่าเป็นไปตามคาดของหนุ่มน้อยชาวฟ้าเสียที!"
…
ถังเทียนตื่นเต้นดีใจจนเปล่งเสียงออกมา จิ่งหาวอดยิ้มให้ไม่ได้ ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ทำงี่เง่าขนาดนั้น เราคิดว่าเขาคงเป็นอัจฉริยะ
นี่คือเด็กหนุ่มที่โดดเด่นที่แม้เมื่อท่านยืนอยู่ใกล้เขาก็พลอยได้รับความอบอุ่นและมีไฟตามไปด้วย
※※※※※※※※※※
สามวันหลังจากบรรลุระดับห้า
ในที่สุดก็ออกจากใต้ดินที่มืดมิดออกมาจากรอยแยกพลังงานที่เหมือนฝัน ถังเทียนค่อนข้างลังเล แต่เขาโยนความเศร้าทิ้งออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว
เชียนฮุ่ย!
ข้าจะต้องไปยังดาวสายรุ้งเพื่อพบกับเชียนฮุ่ย!
และยังมีสวรรค์วิถี...
ถังเทียนอดกำหมัดแน่นอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น สองปีที่ไม่ได้พบเห็นเชียนฮุ่ย คิดถึงเธอจริงๆ .....
เมื่อจิ่งหาวบอกเขาว่าเขาพร้อมจะจากไปแล้ว ถังเทียนเริ่มเตรียมตัว เขาไปยังหลุมศพเจ้าโล้นและจุดธูปบอกเจ้าโล้นว่าเขากำลังจะจากไปแล้ว เกรงว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกขอให้เจ้าโล้นได้หลับพักผ่อนอย่างสงบ
ถังเทียนไปยังเมืองสามวิญญาณส่วนใหญ่ก็จะไปเยี่ยมเซรีน เซรีนหมกมุ่นอยู่กับอาวุธจักรกลอย่างสิ้นเชิงจนไม่สนใจจะคุยกับถังเทียน ถังเทียนคุยกับนางได้สามประโยคก็โดนตะเพิดออกมา ถังเทียนปันส่วนแบ่งให้นางอย่างเพียงพอป้องกันไม่ให้เซรีนหิวโซ
"เดินทางกันเถอะ" จิ่งหาวกล่าว
"ตกลง" ถังเทียนผงกศีรษะ
ขณะที่ทั้งสองคนกลับไปที่ค่ายรอบนอกสุสานใหญ่ นักสู้สองสามคนก็รอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว และหนึ่งในนั้นเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์ ถังเทียนประหลาดใจที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์ห้าคน และนักสู้ระดับเหล็กเก้าคน!
"ท่านจิ่งหาว!" แม้ว่านักสู้ระดับบรอนซ์ที่เป็นผู้นำก็อยู่ในระดับเดียวกับจิ่งหาวก็ยังเรียกจิ่งหาวด้วยคำว่าท่านและคำนับโดยอัตโนมัติ "ยานขนส่งบรอนซ์พร้อมแล้วท่านสามารถเดินทางได้ทุกเมื่อ"
จิ่งหาวผงกศีรษะ "พวกเจ้า..พยายามเต็มที่เข้านะ"
ถังเทียนและจิ่งหาวขึ้นยานโดยสาร แม้ว่ายานโดยสารบรอนซ์จะไม่ได้หรูหราฟุ่มเฟือยเหมือนยานของข่งโหย่วหลินแต่การตกแต่งภายในยังนับว่าไม่เลว
บนยานโดยสาร ถังเทียนถามจิ่งหาวเบาๆ "ทำไมถึงมีคนมากนักเล่า? ทุกคนแข็งแกร่งกันทั้งนั้น"
จิ่งหาวอธิบาย"ข้าได้รายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เบื้องบนได้ทราบแล้วก่อนหน้านั้นเบื้องบนไม่ทราบชัดว่ามีสมบัติอะไรอยู่ที่นี่กันแน่ แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเป็นสมบัติหมู่ดาวพิณ พวกเขาพบเบาะแสสองสามอย่าง ตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นสำรวจ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนมาไม่กี่คนก่อน ถ้าเป็นสมบัติหมู่ดาวพิณข้าเกรงว่าแม้แต่นักสู้ระดับเงินก็จะมากันด้วยตัวเอง วางใจเถอะน่า ข้าบอกอาจารย์ไปแล้วถ้าพวกเขาได้พบสมบัติหมู่ดาวพิณจริงๆเราทั้งสองจะเป็นผู้นำในการสร้างผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ และเราจะได้รับผลประโยชน์มากมาย"
ถังเทียนนิ่งงัน "สมบัติหมู่ดาวพิณมีอยู่จริงๆ เหรอ?"
"จริงสิ" จิ่งหาวผงกศีรษะ"สมบัติหมู่ดาวพิณมีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์เพียงแต่ไม่เคยมีผู้ใดได้พบร่องรอย สตรีที่เราได้พบครั้งหลังนี้ข้าคาดว่านางคงพบร่องรอยบางอย่าง อย่างไรก็ตาม พอเรารู้เรื่องนั้นแล้ว พวกวิญญาณมืดจะไม่มีโอกาสแล้ว คนพวกนี้เป็นแค่ระลอกแรกต่อมาก็จะมีนักสู้ผู้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมา การรักษาความปลอดภัยที่นี่จะเข้มแข็งยิ่งขึ้น องค์การวิญญาณมืดจะไม่สามารถยื่นมือเข้ามาแตะต้องได้"
ถังเทียนอุทานสีหน้าเศร้าเอามือกุมหน้าด้วยความเสียดาย "ผู้หญิงคนนั้นพูดจริง! ข้าพลาดแล้ว,ข้าผิดไปแล้ว สมบัติ, สมบัติตั้งมากมาย...."
จิ่งหาวกล่าวอย่างจิงจัง "พ่อหนุ่ม!อย่ามัวแต่ไล่ตามสมบัติเลย มันจะทำให้เจ้าเกียจคร้านได้ เจ้าต้องการทางลัดหรือไงไม่ว่าจะเป็นสมบัติแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม จะเทียบกับหยาดเหงื่อและน้ำตาเจ้าได้ยังไง? เจ้าต้องเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งนั้นเจ้าได้รับมาจากหยาดเหงื่อและการขวนขวาย เป็นพลังที่แท้จริง เจ้ารู้เหตุผลไหม?"
สีหน้าของถังเทียนแข็งค้าง เขาเหม่อมองจิ่งหาวด้วยสายตาว่างเปล่า
จิ่งหาวเหมือนคนที่ได้กินโสมฟื้นฟูกำลัง ตลอดทั้งร่างของเขาผ่อนคลายเหลือเชื่อเขากล่าวอย่างเคร่งขรึมเย็นชา "เพราะว่าหยาดเหงื่อไม่เคยโกหกไงเล่า"
ถังเทียน "......."
ทหารยามที่อยู่ด้านข้างๆ กล่าวชมเชย"ก็เป็นอย่างที่ท่านจิ่งหาวคาด คำพูดเหล่านั้นเป็นสัจจธรรมที่พวกเขาเหล่านักสู้ทุกสมควรมุ่งมั่นทำตาม"
จิ่งหาวอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไปเขาหัวเราะออกมาดังลั่น
นัยน์ตาถังเทียนกระตุกเส้นสายที่หน้าผากเพิ่มขึ้นมานับไม่ถ้วนเขาจนปัญญาในที่สุดก็ตบพื้นชี้มาที่จิ่งหาว ขบฟันกรอดท้าทาย "มาเลย! เวลาดีๆอย่างนี้จะปล่อยให้เสียไปทำไมเล่า? มาเลย! พ่อหนุ่ม! เรามาสู้กันสักยกหนึ่ง!"
เสียงหัวเราะของจิ่งหาวชะงักทันที
เมื่อเขาคิดถึงรูปแบบวงจรกลยุทธท้าสู้ของเจ้าหนุ่มถังแล้วจิ่งหาวรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจทุกที
นักสู้คนอื่นๆ บนยานโดยสารตกตะลึง ท่านจิ่งหาวไม่รับคำท้าทายจริงๆ ด้วย
ทุกคนเห็นสายตาของถังเทียนสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่รู้จักถังเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใส่ใจ บางคนก็คิดว่าถังเทียนเป็นลูกศิษย์ของท่านจิ่งหาวมาถึงตอนนี้ทุกคนจึงตระหนักได้ว่าถังเทียนนั้นแตกต่างจากที่พวกเขาคิด
คนผู้ที่ทำให้ท่านจิ่งหาวขยาดที่จะซ้อมมือด้วย...
"ท่านผู้นี้คือ?" หนึ่งในนักสู้ถามด้วยความระมัดระวัง
เมื่อจิ่งหาวได้ยินประโยคนั้นเขารีบฉวยโอกาสขอบคุณและกระแอมเบาๆ "ท่านถังเทียนเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์แล้วและมีส่วนร่วมอย่างมากต่อสมาพันธ์ชาวยุทธนอกจากนี้เขาเป็นผู้สืบทอดของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพราย"
ทุกคนรู้สึกเลื่อมใสเขาอย่างลึกซึ้งทันทีชื่อเสียงที่เกรียงไกรของผู้อาวุโสหนงกรงเล็บภูตพราย แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วแต่ก็ยังเป็นตำนานเผยแพร่อยู่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ
"นี่เป็นโอกาสดีครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเจ้าทุกคน"จิ่งหาวพูดจริงจัง "การได้ฝึกซ้อมกับถังเทียนจะเป็นการฝึกวิทยายุทธของพวกเจ้าให้ก้าวหน้าเป็นอย่างดี ข้าสามารถรับรองให้พวกเจ้าทุกคนได้ แม้ว่าน้องถังอาจจะดูว่าอายุน้อย แต่เขารู้วิทยายุทธอย่างลึกซึ้งใครอยากจะลองด้วย?"
"ข้าเอง!"
"ข้าขอลองเอง"
"ท่านถัง โปรดชี้แนะสั่งสอนเราด้วย"
…
ทุกคนต่างขันอาสาเป็นคนแรกเพราะกลัวจะพลาดโอกาสดี เมื่อเห็นเช่นนี้จิ่งหาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาถือโอกาสขณะที่ถังเทียนยังตะลึงและตอบสนองไม่ทันรีบกล่าวว่า"งั้นเจ้า.. ไปลองดูก่อน"
นักสู้คนแรกรีบวิ่งมาอยู่ข้างหน้าถังเทียนเขาคำนับถังเทียน "ท่านถัง, ข้าขอคำแนะจากท่านด้วย"
มาถึงตรงนี้ถังเทียนก็เรียกความรู้สึกกลับมาได้ เขาหันไปจ้องดูจิ่งหาว
จิ่งหาวมีท่าทีพึงพอใจปากของเขายังแสร้งพูดอย่างต่อเนื่อง "ก็ได้ ทีละคนนะ พวกเจ้าทุกคนไปเข้าแถวตามลำดับ"
พี่จิ่งหาว,ท่านทำอย่างนี้ ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่น....
ถังเทียนจ้องมองจิ่งหาวและจู่ๆก็อ้าปากหัวเราะลั่น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา นักสู้ทุกคนต่างนอนระเกะระกะอยู่กับพื้นถังเทียนไม่มีการยั้งมือ หลังจากบรรลุเป็นนักสู้ระดับห้า พลังของเขาเข้าสู่ระดับสูงใหม่ทั้งหมดพลังเที่ยงแท้ของเขามีพลังรุนแรงมากกว่าเดิมบวกกับปราณมังกรฟ้าและพลังร่างกระเรียนทุกท่วงท่าวิชามีพลังทำลายที่แกร่งกร้าวรุนแรง
ถังเทียนในปัจจุบันเป็นคนที่แม้แต่จิ่งหาวก็รู้สึกว่าเป็นปัญหา
เมื่อตอนที่พวกเขาสู้กันตอนนั้นฝีมือเสมอกัน ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียนยังอ่อนกว่าจิ่งห้าวหนึ่งระดับ แต่พอเพิ่มพลังปราณมังกรฟ้าและพลังกระเรียนก็ยิ่งทำให้ระยะห่างสั้นลง วิทยายุทธของถังเทียนอ่อนกว่าหนึ่งระดับ แต่ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่งรุนแรงและถังเทียนในปัจจุบันมีระดับสัญชาตญาณสูงกว่าเดิมถึงหกเท่า
ถ้าจิ่งหาวต้องการจะเอาชนะถังเทียนเขาจำเป็นต้องใช้ถึงพันกระบวนท่า
จิ่งหาวไม่กลัวการฝึกซ้อมกับถังเทียน แต่จิ่งหาวเกรงว่าถังเทียนใช้วิทยายุทธมากขึ้นจนคุ้นเคย
ถังเทียนสูดลมหายใจอย่างใจเย็นและทันใดนั้นเขาใช้นิ้วกระดิกเรียกจิ่งหาว หลังจากนั้นเขาค่อยๆ พูดว่า “มาเลย,พี่จิ่งหาว”
※※※※※※※
ตลอดการเดินทางไม่มีอะไรรบกวน
นักสู้บนยานโดยสาร ยกย่องถังเทียนมาก เห็นได้ชัดว่าเขามีพลังปราณเที่ยงแท้ระดับห้า แต่แข็งแกร่งเกินบรรยาย และยังคู่ควรกับการเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นประจักษ์ว่าถังเทียนกับจิ่งหาวยอดฝีมือทั้งสองต่อสู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ช่วยเปิดมุมมองพวกเขาให้กว้างขวางอีกด้วย
ท่านจิ่งหาวเลือกเส้นทางพิเศษและฝึกแต่วิชากระบี่ที่แข็งแกร่งมากและฝึกได้สมบูรณ์แบบ วิชากระบี่ระดับหกถูกมองว่าไม่ใช่วิชาที่แข็งแกร่ง แต่เพลงกระบี่ที่ท่านจิ่งหาวใช้ออกนั้นยอดเยี่ยมเกินบรรยาย
ขณะที่ท่านถังเทียนตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงวิทยายุทธของเขาใช้ออกได้อย่างหลากหลาย มีวิทยายุทธแตกต่างกันห้าหรือหกรูปแบบ เขาต่อสู้ระยะประชิดได้รุนแรงมากและสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจมากก็คือความเปลี่ยนแปลงในวิชาต่อสู้ ช่างไหลลื่นเหมือนสายน้ำสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาดทำให้ทุกคนทึ่งอย่างอดใจไม่ได้
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้รุกรับจนทำให้พวกเขาตาลายไปหมด
ท่านจิ่งหาวไม่ได้ขยับ เพียงถือกระบี่เฉยๆปลายกระบี่เปล่งแสงพลังที่คมชัดบริสุทธิ์ ขณะที่ท่านถังเทียนเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดห้าวหาญ แกร่งกร้าวเกินบรรยายการบุกโจมตีของเขาเป็นเหมือนพายุรุนแรง เขาสามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายในการโจมตี จนทำให้คู่ต่อสู้ยากจะป้องกันได้
ทุกคนชอบโอกาสที่ได้สังเกตดูเช่นนี้มาก และจำนวนคนที่สังเกตดูจะไม่มีใครยอมพลาดโอกาสเช่นนี้
ภายใต้การจับตามองของทุกคน จิ่งหาวไม่ยินยอมเสียหน้าเป็นฝ่ายถอยขณะที่เขามองถังเทียนอย่างระมัดระวังและพยายามหาโอกาส การคว้าโอกาสระหว่างวนเวียนฝึกฝนซ้อมมือกับถังเทียนเป็นการแสดงความสุดยอดของเขา
จิ่งหาวกัดฟันและไม่พูดอะไร
“ถึงดาวสายรุ้งแล้ว!”นักสู้ที่อยู่ข้างหน้าตะโกนเหมือนกับว่าได้ยินเสียงธรรมชาติที่ไพเราะ จิ่งหาวยินดีซาบซึ้งจนน้ำตาแทบร่วง