ตอนที่ 5-2 แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่
ลินลี่ย์ตะลึงเพราะคำพูดของเดลิน โคเวิร์ท
"ท่านปู่เดลินเคยเป็นถึงปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนในยุคสมัยของจักรวรรดิพูเอนท์ แม้แต่เขาเองยังไม่เคยพบค่ายกลเวทที่ซับซ้อนและทรงพลังเช่นนี้มาก่อน นี่ย่อมหมายความว่าพลังของค่ายกลเวทนี้สูงส่งยิ่งกว่าคาถาต้องห้ามแน่นอน..."ลินลี่ย์รู้สึกกังวลอยู่ในใจ
ที่สำคัญคือค่ายกลเวทลึกลับนี่มาทำอะไรอยู่ที่นี่?
“ลินลี่ย์เข้าไปดูใกล้ๆ และพยายามที่จับกระแสพลังเวทของค่ายกลเวทนี้ โดยเฉพาะกระบี่ยาวสีม่วงนั่น” เดลิน โคเวิร์ทพูดกับลินลี่ย์
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย เขาตั้งสมาธิรวบรวมพลังเวทธาตุลมทันทีและใช้มันสัมผัสกับรัศมีเวทมนต์จากค่ายกลเวทและกระบี่ยาวสีม่วง เขาหลับตาลง ลินลี่ย์สัมผัสได้ถึงรัศมีของค่ายกลเวทบนแท่นดำนั้นหนักแน่นและหนาทึบ ทั้งหนักหน่วงและอึดอัดมาก
ในขณะเดียวกันแท่นดำ หรือบางทีอาจจะเป็นค่ายกลเวทที่ติดตั้งอยู่บนแท่น ปลดปล่อยคลื่นพลังอันหนาแน่นของเวทธาตุออกมา
"มิน่าเล่า พลังเวทธาตุของที่นี่มีความหนาแน่นสูงกว่าโลกข้างนอกเกือบร้อยเท่า" ถ้าเขาไม่มีความตั้งใจและพยายามที่จะตรวจสอบเจ้าแท่นดำจนกระจ่าง ลินลี่ย์คงไม่มีวันเข้าใจได้เลยว่าเจ้าแท่นดำนี่เองคือแหล่งกำเนิดของคลื่นพลังเวทที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง
พูดให้ถูกก็คือตรงกลางของถ้ำเป็นจุดที่มีคลื่นพลังเวทหนาแน่นที่สุด
ในบรรดาพลังเวทธาตุทั้ง 7 ในที่นี้นั้น พลังเวทธาตุมืดเข้มข้นที่สุด มิน่าเล่าทั้งมังกรเกราะหนามและหมีลายม่วงระดับเซียนถึงชื่นชอบที่นี่นัก เพราะทั้งสองล้วนเป็นอสูรเวทธาตุมืดทั้งคู่" ลินลี่ย์พยักหน้าพร้อมสรุปเรื่องราวทั้งหมดกับตัวเอง
"กระบี่ยาวสีม่วงนั่น" ลินลี่ย์พยายามรับรู้รายละเอียดของกระบี่ยาวสีม่วงที่ปักอยู่ตรงกลางแท่นดำอย่างระมัดระวังที่สุด "ช่างเป็นคลื่นพลังเวทธาตุมืดที่...ทั้งสงบและสันโดษยิ่งนัก"
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้ ลินลี่ย์ ขณะที่ลูบเคราตัวเอง "ลินลี่ย์ ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างหนึ่ง กระบี่ยาวสีม่วงนั่นมีค่าไม่น้อยไปกว่าแก่นเวทระดับเซียนแน่นอน"
ลินลี่ย์ มองอย่างสงสัยไปที่ เดลิน โคเวิร์ท
ลินลี่ย์ นั้นรู้ดีว่าโดยทั่วไปแล้วอาวุธของนักรบนั้นไม่ได้มีค่ามากมายนัก อาวุธสามารถสร้างได้ตราบเท่าที่สามารนำโลหะที่แข็งแกร่งมาผสมกันได้ แม้แต่อาวุธประจำตระกูลบาลุคอย่าง 'ดาบศึกล่าสังหาร' เองยังมีค่าเพียงไม่กี่หมื่นเหรียญทองเท่านั้น
แม้ว่าหลังจากนั้น ผู้สืบทอดตระกูลบาลุคสามารถขาย 'ดาบศึกล่าสังหาร' ได้ถึง 180,000 เหรียญทองก็ตาม แต่นั่นก็สืบเนื่องมาจากชื่อเสียงของนักรบเลือดมังกรนั่นเอง
ช่างโชคร้าย ผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่นักรบเลือดมังกรมีตัวตนและด้วยชื่อเสียงของนักรบเลือดมังกรไม่ได้อ่อนด้อยนัก หากว่ามันถูกขายในช่วงที่นักรบเลือดมังกรท่องเที่ยวพิชิตไปทั่วดินแดน มูลค่าของมันย่อมสูงกว่านี้มากนัก
อาวุธของนักรบไม่ได้มีราคามากนัก แต่คทาเวทมนต์ของจอมเวทนั้นแตกต่าง
คทาเวทมนต์ที่มีระดับสูงขึ้น ก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้วัสดุล้ำค่ามากมายเพื่อสร้างขึ้นมา
อย่างเช่น คทาเวทที่ทรงพลังถือเป็น 'สมบัติระดับเทพ' ซึ่งถูกใช้โดยจอมเวทระดับเซียนนั้น ใช้แก่นของอสูรเวทระดับเก้าหรือระดับเซียนเป็นแหล่งพลังงาน ต่อด้วยการลงอักขระของค่ายกลเวทที่ซับซ้อนและทรงพลังลงไป เพื่อให้มันสามารถแสดงศักยภาพทั้งหมดออกมาได้อย่างเหมาะสม
คทาเวทซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น 'สมบัติล้ำค่าระดับเทพ' นั้นย่อมไม่อาจประเมินค่าได้ แค่เฉพาะแก่นเวทระดับเซียนเพียงอย่างเดียวก็นับเป็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้แล้ว
แต่แน่นอนว่า…
สำหรับอาวุธที่ใช้วัตถุดิบในทวีปยูลานหลอมสร้างแล้ว อาวุธของนักรบนั้นช่างไร้ราคายิ่งนัก แต่หากอาวุธนั้นมากจากที่อื่นนอกทวีปยูลาน อย่างเช่นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แล้ว มูลค่าของมันย่อมต่างออกไป
"กระบี่ยาวสีม่วงนี้เปล่งพลังที่พิเศษมากเฉพาะตัวออกมา หากข้าเดาถูก ก็เป็นไปได้มากว่ามันมาจากแดนนรก ซึ่งเป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่" เดลิน โคเวิร์ทแสดงความเห็น
ลินลี่ย์ถามอย่างประหลาดใจ "แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่?"
เดลิน โคเวิร์ทกล่าวว่า"ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ จงจำเอาไว้นะลินลี่ย์ว่าในจักรวาลนี้นั้นมีดินแดนต่างๆอยู่มากมาย ส่วนทวีปยูลานที่พวกเราอาศัยอยู่นี้เป็นเพียงดินแดนหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้" เคราสีขาวของเขาโบกพริ้วไปมาระหว่างบรรยายให้ลินลี่ย์ฟัง
ลินลี่ย์ พยักหน้า "แน่นอนว่าข้าย่อมรู้จักอยู่บ้าง เช่น โลกบาดาล"
"เจ้ารู้เพียงน้อยนิด" เดลิน โคเวิร์ทส่ายหน้า "ในความเป็นจริงภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้มีดินแดนต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมาย แดนแห่งวัตถุ, เป็นแดนแบบพื้นฐานมีอยู่มากที่สุด นอกจากนี้ยังมี แดนที่สูงกว่าแดนอื่นทั้งสี่ นั่นคือ แดนบาดาล, แดนโลกันต์, แดนแห่งชีวิต และแดนสวรรค์" เดลิน โคเวิร์ทอธิบายอย่างละเอียด
ลินลี่ย์ ฟังอย่างตั้งใจ บางทีข้อมูลเหล่านี้เป็นที่รู้กันเฉพาะกับคนระดับสูงของทวีปยูลานเท่านั้น
"ลินลี่ย์ ตอนนี้เจ้ารู้แล้วใช่มั้ย ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่า 'เทพ'?" เดลิน โคเวิร์ทยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่มองลินลี่ย์
ลินลี่ย์พยักหน้า "ผู้ที่บรรลุเหนือกว่า 'เซียน' คือสิ่งที่เราเรียกว่า เทวดาหรือเทพเจ้า"ลินลี่ย์ได้อ่านหนังสือหลายเล่มซึ่งกล่าวถึงพลังที่เหนือกว่าระดับเซียน พลังระดับนี้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นพลังของเทพเจ้า พลังที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่มีใครต้านได้
"ใช่ แต่ที่เหนือกว่าระดับเทวดา คือราชันย์ และเหนือกว่าราชันย์ยังมี มหาเทพ!" เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจ "มหาเทพทั้งสี่ล้วนมีชีวิตนิรันดร์อย่างแท้จริงซึ่งก้าวข้ามผ่านการมีอยู่ของทุกสิ่ง"
นี่เป็นครั้งแรกที่ ลินลี่ย์ ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมหาเทพทั้งสี่
"มหาเทพ? พวกเขามีพลังเหนือกว่าระดับราชันย์เจิดจรัส? "
"ฮ่าๆ ราชันย์เจิดจรัส?" เดลิน โคเวิร์ทเริ่มหัวเราะ "ไม่ว่าเราจะคุยเรื่อง 'ราชันย์เจิดจรัส' แห่งศาสนจักรเจิดจรัส หรือ'ราชันย์เงา' แห่งลัทธิมืด พวกเขาไม่มีอะไรมากกว่าราชันย์ สำหรับเราจะเป็นพวกเทพหรือเหล่าราชันย์ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังต้องการพลังจากเหล่าผู้ศรัทธา"
" แต่มหาเทพทั้งสี่นั้นแตกต่าง พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีเหล่าผู้ศรัทธา และไม่จำเป็นต้องมีสมุน พลังของพวกเขาสามารถปิดผนึกทุกสิ่งและทำลายล้างทุกอย่าง ราชันย์เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นราชันย์เจิดจรัสหรือราชันย์เงาไม่ได้เป็นมากไปกว่าผู้รับใช้ของมหาทพทั้งสี่ ซึ่งจะเป็นได้ก็ต่อเมื่อเหล่ามหาเทพพบว่าพวกมันคู่ควร" เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างมั่นใจ
ลินลี่ย์หนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
"แดนบาดาล, ดินแดนนรก, แดนชีวิต, ดินแดนสวรรค์ ดินแดนทั้งสี่นี้ถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพทั้งสี่ ในอดีตข้ามีโอกาสสัมผัสถึงรัศมีของแดนทั้งสี่มาครั้งหนึ่ง นี่คือสาเหตุที่ข้าสามารถบอกได้อย่างมั่นใจ ในทันทีที่เห็นกระบี่ยาวสีม่วงว่ามันมาจากแดนนรก "
เดลิน โคเวิร์ทจ้องมองอย่างสงสัยไปยังกระบี่ยาวสีม่วงที่ปักอยู่ตรงกลางแท่นกลมสีดำ "แต่ว่าเหตุใดกันสิ่งของบางอย่างจากแดนนรกจึงมาอยู่ที่ได้? ข้าสงสัยจริงๆ"
"ลินลี่ย์ลองคิดดูสิ นี่คือค่ายกลเวทที่ทรงพลังยิ่งกว่าเวทต้องห้ามเชียวนะ และมันยังพึ่งพาพลังเวทจากกระบี่ยาวสีม่วงนี่เป็นหลัก ดูจากเงื่อนไขของระดับพลังงานแล้ว กระบี่นี่อย่างน้อยควรจะอยู่ในระดับเดียวกันกับค่ายกลเวท ข้าเห็นควรเป็นอย่างยิ่งหากว่าเจ้าจะยอมเสียเลือดทำสัญญาเลือดและถ้าเจ้าผูกมัดมันไว้กับเจ้าได้" ดวงตาของเดลิน โคเวิร์ทเป็นประกาย
"ทำสัญญาผูกมัดเหรอ?"หัวใจของลินลี่ย์เกิดความต้องการที่จะครอบครองสมบัติขึ้นมาทันที
"อย่าได้หวาดกลัว ไม่สำคัญว่าค่ายกลเวทนี้สร้างมาเพื่อการใด สำหรับการทำงานของค่ายกลเวทขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการเริ่มแสดงพลัง กว่าจะถึงเวลานั้นเจ้าก็หนีไปได้ไกลแล้ว ลองหยดเลือดลงไปสักหยดหนึ่งดูว่ากระบี่เล่มนี้มีนายหรือไม่ หากว่ามันยังไม่มีนาย เจ้าก็สามารถเอามันไปกับเจ้าอย่างไร้ปัญหาและไม่มีใครรู้แน่นอน" เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างมั่นใจ
กระบี่เทพซึ่งผูกพันธะไว้ด้วยเลือดย่อมไม่ธรรมดา
ในสายตายคนอื่นมันอาจจะดูธรรมดาเช่นเดียวกับแหวนมังกรขนด ที่ไม่มีใครบอกได้ว่ามันพิเศษอย่างไร
"ดีละ" ลินลี่ย์รวมสมาธิทั้งหมดโคจรลมปราณเลือดมังกร ทันใดนั้นเกล็ดก็เริ่มงอกขึ้นมาบนแขนของเขา
ร่างสองของนักรบเลือดมังกร : ร่างกึ่งมังก
ลินลี่ย์สามารถควบคุมร่างกายให้เปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย ส่วนอื่นของร่างกายเขาเป็นเหมือนคนปกติ หลังจากนั้นเขากัดนิ้วตัวเอง และปล่อยให้เลือดหยดลงบนกระบี่สีม่วง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว
เลือดของลินลี่ย์หยดลงบนฝุ่นที่เกาะอยู่บนกระบี่สีม่วง ซึ่งอยู่มานานจนไม่อาจนับจำนวนปี เลือดของเขาถูกดูดซึมลงไปอย่างง่ายดายราวกับฟองน้ำซึมซับน้ำ
"ติ๊ง!" กระบี่ยาวสีม่วงส่งเสียงกังวานสดใสราวกับกระดิ่ง ในขณะที่มันเริ่มสั่น
ฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวของกระบี่ฟุ้งกระจาย และในขณะเดียวกันแสงวงกลมสีเลือดก็ปรากฎขึ้นด้านบนของกระบี่ กระบี่ทั้งเล่มเรืองแสงสีแดงสดราวกับเลือด
"ดูเหมือนกระบี่นี้ยังไร้นาย" เดลิน โคเวิร์ทรู้สึกแปลกใจระคนยินดี เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เดลิน โคเวิร์ทรู้ดีว่าหากกระบี่เล่มนี้มีนายอยู่แล้ว ลินลี่ย์คงไม่มีหวังจะได้ครอบครองมัน แต่ถ้ากระบี่นี่ไร้นาย มันจะมีประโยชน์ต่อลินลี่ย์อย่างมหาศาลในอนาคต
"เร็วเข้า ลินลี่ย์ รีบดึงกระบี่ออกมาแล้วรีบออกไปจากที่นี่ทันที!" เดลิน โคเวิร์ทเร่ง
"เข้าใจแล้ว"
ลินลี่ย์ พุ่งขึ้นไปจับด้ามกระบี่สีม่วงตรงๆ และใช้พลังทั้งหมดเพื่อดึงกระบี่ออกมา "ชริ้งงงงง!" เสียงกังวานสดใสดังสะท้อนไปทั่วถ้ำ ราวกับว่ามันมีความสุขที่ถูกดึงออกมา
ก่อนหน้านี้ตอนที่เลือดของลินลี่ย์ถูกกระบี่สีม่วงดูดซึม ลินลี่ย์รู้ได้ทันทีว่า....มันเป็นกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง!
แต่เมื่อส่งพลังปราณ, พลังเวทมนต์ หรือพลังใดผ่านกระบี่เล่มนี้ มันมีความสามารถเปลี่ยนเป็นอ่อนหรือแข็งก็ได้ดั่งใจ!
หลังจากลินลี่ย์ดึงกระบี่ออกมาจากแท่นสีดำก็ลงสู่พื้น พร้อมกับสะบัดข้อมือให้กระบี่สีม่วงพันไปรอบเอวของเขา ทำให้มันดูราวกับเป็นเข็มขัด!
"บีบี ไปเถอะ"
ลินลี่ย์เก็บถุงผ้าขึ้นมาสะพายหลังด้วยมือเดียว แล้ววิ่งออกไปที่ทางออกของถ้ำทันที ขณะเดียวกันเขาก็โคจรพลังเรียกเกล็ดมังกรมาคลุมร่างอีกครั้ง ส่วนบีบีก็กระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ทันที
ด้วยร่างมังกร ตอนนี้ลินลี่ย์มีพลังของนักรบระดับ 8 ขั้นต้น แต่ด้านความเร็วของเขานั้น พอๆกับนักรบระดับ 8 เลยทีเดีย
"เวทความเร็วเสียง ระดับ 7!" ลินลี่ย์ร่ายเวทธาตุลมสายสนับสนุน เวทความเร็วเสียง
เวทความเร็วเสียงนั้น เมื่อร่ายที่ระดับ 7 จะสามารถเพิ่มความเร็วของนักรบระดับ 4 ได้ถึงสามเท่า อย่างไรก็ตามความเร็วของลินลี่ย์ปกติก็เร็วอยู่แล้วแม้จะเสริมความเร็วด้วยเวทความเร็วเสียง ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเพียง 50% เท่านั้น.
ถึงความเร็วจะเพิ่มขึ้นแค่ 50% แต่มันก็ยังคงเร็วอย่างน่าทึ่ง
……
หมอกสีขาวยังคงปกคลุมไปทั่วหุบเขาหมอก มังกรบินยักษ์ก่อนหน้านี้ เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆบินวนอยู่ มังกรทั้งหมดที่เหลือพักผ่อนอยู่บนพื้นดิน อย่างไรก็ตามพวกมันล้วนอยู่ห่างจากเนินเขาเล็กๆนั้น
ถ้ำถูกปกปิดไว้ด้วยเนินเขาซึ่งเป็นดินแดนต้องห้าม!
มังกรบินยักษ์เหล่านี้ยังคงจำได้ว่า วันก่อนมีมนุษย์ที่น่าสมเพชผู้หนึ่งได้หลบหนีเข้าไปยังดินแดนต้องห้าม และคิดว่ามนุษย์น่าสมเพชนั่นได้ตายไปนานแล้ว
"ฟิ้ว!"
ทันใดนั้นปรากฏเงาสีดำเลือนลางพุ่งออกมาจากถ้ำสู่ท้องฟ้า
"นั่นอะไรน่ะ?" มังกรกว่าร้อยตัวทั้งหมดสังเกตุเห็นเงาเลือนลางขนาดเท่ามนุษย์
ความเร็วของนักรบระดับ 8 นั้นพอๆกับ มังกรบินยักษ์ระดับ 8 แต่ลินลี่ย์ใช้เวทความเร็วเสียง เสริมความเร็วอยู่ ความเร็วของเขาในตอนนี้จึงเพิ่มขึ้นอีก 50% ซึ่งทำให้ลินลี่ย์มีความเร็วเทียบเท่านักรบระดับ 9 เขาไม่ช้ากว่าแม้กระทั่งบีบี
"กกกกรรรรรรร!
ฝูงมังกรนับร้อยเริ่มคำรามอย่างบ้าคลั่งทันที
มนุษย์กล้าดียังถึงบังอาจบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมังกร? เมื่อมีมังกรยักษ์ตัวหนึ่งกางปีกมังกรตัวอื่นๆก็กางปีกด้วย บินขึ้นและตามล่าลินลี่ย์ทันที แต่ด้วยความเร็วปัจจุบันของลินลี่ย์นั้นเร็วเกินไป แม้แต่มังกรไฟที่ใหญ่ที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองดู ร่างของลินลี่ย์ออกห่างจากพวกมันไปเรื่อยๆและห่างออกไปทุกที เพียงระยะเวลาไม่นาน ลินลี่ย์ก็ทิ้งพวกมันไว้เบื้องหลังและหายไปจากสายตาของพวกมัน
"นั่นดูราวกับว่าไม่ใช่มนุษย์" มังกรไฟตัวใหญ่ที่สุดบินวนอยู่กลางอากาศอย่างสับสนและครุ่นคิดกับตัวเอง
แม้ว่ามันจะไม่สามารถจับลินลี่ย์ได้ แต่มันก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งมีชีวิตนี่มีรูปร่างมนุษย์ที่ปกคลุมร่างด้วยเกล็ด
"อสูรเวทรูปร่างมนุษย์?" มังกรไฟได้แต่ประหลาดใจกับตัวเอง
…..
ในถ้ำใต้ดินบนแท่นสีดำเกิดเส้นแสงเป็นรูปกากบาทพาดผ่านมากมายและลวดลายของค่ายกลเริ่มเรืองแสงอย่างช้าๆ รอยแตกแต่ละสายค่อยๆเรืองแสงสีเงินสว่างจ้าขึ้นช้าๆ ค่ายกลเวททั้งหมดเริ่มส่องแสงสดใสบาดตาออกมา
“บึ้ม!”
ได้ยินเสียงดังกึกก้องดังลึกลงไป และแสงสว่างจากค่ายกลเวทเริ่มเจิดจ้าขึ้น เสียงสั่นสะเทือนเริ่มดังขึ้นและถี่ขึ้น "ตูม" "ตูม" "ตูม" "ตูม!" เสียงดังราวกับใครกำลังรัวกลองชุด เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และค่ายกลลึกลับยังคงส่องแสงสว่างขึ้นไปอีก
"แกร๊ก!" ศาลาสีดำที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่รู้จัก ปรากฏเป็นรอยแตกสามรอยเกิดขึ้นทันที