ตอนที่แล้วตอนที่ 93 ปณิธานของซ่างกวนเชียนฮุ่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 95 ศัตรูปรากฏ

ตอนที่ 94 ห้อง18 มนุษย์ทองแดง


เมื่อถังเทียนเห็นจิ่งหาวเดินเข้ามาหา เขาหยุดฝึกทันที

จิ่งหาวมีท่าทางละอาย  “ข้าทำตัวโง่ไปหน่อย  น้องถังหนักแน่นจริงๆ  จิ่งหาวประทับใจยิ่งนัก”

ความจริงเขาหลับไปถึงสองวันสองคืนเต็มๆ ในความทรงจำของเขา เขาไม่เคยหลับยาวขนาดนั้นมาก่อน เมื่อนึกถึงการซ้อมก่อนหน้านั้น ทำให้หัวเขารู้สึกมึนชา แต่หลังจากสำรวจตรวจดูตนเองแล้ว เขาประหลาดใจเมื่อพบว่าพลังปราณเที่ยงแท้ของเขาก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด  และไม่ใช่เพียงเท่านั้น  เพลงกระบี่ของเขามีความรุดหน้าด้วยเช่นกัน

นี่ทำให้เขาทึ่งและมีความสุขอย่างมาก สภาพของเขาในปัจจุบันนี้ จะให้ฝีมือก้าวหน้าได้แต่ละนิด ช่างยากเย็นแสนเข็ญและจำเป็นต้องใช้การฝึกฝนอย่างหนักมากมายจึงจะเห็นความก้าวหน้าได้ชัด

เทียบกับความก้าวหน้าที่เกิดจากความทรมานต้องยอมอดทนซ้อมมือกับถังเทียน ดูเหมือนจะให้ผลที่ไม่เลวเลย  และเมื่อจิ่งหาวมาถึงก็เห็นได้ว่าถังเทียนยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนแรกเขารู้สึกละอาย มิน่าเล่าถังเทียนถึงได้ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด แค่เพียงภาพการฝึกหนักตามลำพังนี้ก็นับว่าน่าปลาบปลื้มแล้ว

“พี่จิ่งหาว, ท่านตื่นแล้ว”  ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย

ไม่ทราบว่าเป็นเหตุผลใด เมื่อเห็นสีหน้าถังเทียนจิ่งหาวรู้สึกตึงหน้าขึ้นมา ความรู้สึกนี้ดูเหมือนมิอาจควบคุมได้ เขาปัดพื้นรอบๆ  “น้องถังมานั่งอยู่ที่นี่เองหลังจากที่เราซ้อมมือชุดสุดท้าย เจ้าเพิ่งซื้อการ์ดทองมางั้นหรือ?”

“ใช่! ข้าซื้อรวดเดียวสี่ใบ!”  ถังเทียนพอใจ “ข้าใช้คะแนนแลกมาเพียงแปดร้อยคะแนน”

“ใช้คะแนนไปเพียงแปดร้อยคะแนน...”  สีหน้าจิ่งหาวชะงักค้าง  เขาพึมพำ “อะไรกัน? เจ้าใช้คะแนนไปถึงแปดร้อยคะแนนเชียวหรือนี่?”

“ใช่แล้ว! สองร้อยคะแนนต่อการ์ดหนึ่งใบ” ถังเทียนดีใจตื่นเต้น “ข้าก็แค่สั่งและทางเจ้าของร้านก็จัดส่งมาให้ข้าทันที คิดๆ ดูแล้วมันส่งมาได้รวดเร็วจริงๆ”

“แน่นอนว่าพวกมันถูกจัดส่งมาได้ไว”  จิ่งหาวมองดูถังเทียนทำท่าจะเอ่ยปากอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะพูดว่า “เมื่อเจ้าซื้อการ์ดเหล่านั้นเจ้าน่าจะปรึกษาข้าสักหน่อย”

ถังเทียนยิ้มค้าง “เขาโกงข้าเหรอ?”

“เขาไม่ได้โกงเจ้า ราคาสมเหตุผลดีแล้ว  ก็แค่ว่าหลายๆคนไม่นิยมซื้อของเหล่านี้” จิ่งหาวอธิบาย  “ตามปกติเมื่อทำการค้าสำเร็จ จะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสี่สัปดาห์เพื่อส่งของถึงเจ้า  ทางร้านต้องกลัวว่าเจ้าอาจเสียใจกับการตัดสินใจดังนั้นพวกเขาต้องใช้คะแนนเพื่อจัดส่งของมาให้ถึง นอกจากเจ้าแล้ว คงไม่มีคนอื่นซื้อกัน”

“ใช้คะแนนเพื่อจัดส่ง?” ถังเทียนไม่เข้าใจ

“ถูกแล้ว, เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย ความจริงข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอก สหายเก่าแก่ในสมาพันธ์ชาวยุทธนึกคิดวิธีส่งของที่ทำได้รวดเร็ว  แต่ราคาก็ต้องสูงหน่อย  เจ้าก็รู้ การ์ดวิญญาณใบละสองร้อยคะแนนเฉพาะค่าส่งอย่างเดียว การ์ดวิญญาณหนึ่งใบ คิดค่าส่งห้าสิบคะแนน”  จิ่งหาวกล่าว

ถังเทียนอุทาน  “อย่างนั้นเขาไม่ขาดทุนแย่หรือ?”

“ทำไมจะต้องขาดทุนด้วยเล่า?” จิ่งหาวทนอธิบาย  “การ์ดวิญญาณชั้นทองระดับสี่  ตามปกติจะไม่มีผู้ใดซื้อกัน  ทำไมน่ะหรือ? ไม่ใช่ว่าของเหล่านั้นไม่มีค่า แต่เจ้าจะไม่อยู่ในระดับที่สี่นานนักหรอก ก็เหมือนน้องถังนั่นแหละ  ด้วยความรุดหน้าของเจ้าระดับนี้  เจ้าจะขึ้นเป็นนักสู้ระดับห้าในไม่ช้านี้  จากนั้นเจ้าก็จำเป็นต้องเริ่มฝึกวิทยายุทธในระดับห้า เจ้าอาจรู้สึกว่า วิทยายุทธระดับสี่น่ากลัวในตอนนี้  แต่เมื่อเจ้าเรียนรู้วิทยายุทธระดับห้า เจ้าจะตระหนักว่าวิทยายุทธระดับห้าน่ากลัวยิ่งกว่า”

ถังเทียนตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ “ไม่สำคัญ, ไม่สำคัญเลย  ข้าคิดจะยกระดับไปเป็นขั้นๆฝึกฝนให้สมบูรณ์ในแต่ละระดับ จะเป็นประโยชน์มากกว่าในระยะยาว ฮืม..ก็เหมือนกับวิธีที่ข้าฝึกวิทยายุทธขั้นพื้นฐาน หลายคนบอกว่าการฝึกเหล่านั้นไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง”

จิ่งหาวเห็นว่าถังเทียนไม่ติดใจเรื่องนี้ จึงหยุดโน้มน้าวเขา เขาทราบดีว่าทุกคนมีวิธีการและแนวทางการฝึกฝนที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ในการโต้เถียงต่อไป  นอกจากนี้คนที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นประเภทเด็กหัวแข็ง

“จิตวิญญาณพลังยุทธของน้องถังเข้าสู่ระดับเงินแล้ว ดังนั้นระบบการทำงานหลายอย่างในป้ายเกียรติยศจึงถูกเปิดออก  น้องถังอย่าดูแคลนป้ายเกียรติยศเชียว มันสามารถทำให้พวกสหายเก่าแก่เหล่านั้นใช้เป็นฐานแสวงหาสมบัติได้  จิตวิญญาณพลังยุทธของผู้ใช้ที่แข็งแกร่งจะยิ่งทำให้มันทำงานได้ดีขึ้น น่าเสียดายจิตวิญญาณพลังยุทธของข้าอยู่ในระดับบรอนซ์ ระบบในเครื่องหลายอย่างยังไม่เปิดทำงานให้ข้า  แต่น้องถังสามารถค้นหาดูได้ด้วยตนเอง”

“มิน่าเล่า ข้าพบว่าป้ายเกียรติยศชักจะน่ากลัวมากกว่าแต่ก่อน”ถังเทียนแสดงความเห็น

จิ่งหาวหัวเราะอย่างร่าเริง “มาเถอะ,ดูเหมือนก่อนนั้นน้องถังจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ มาซ้อมมือกันอีกครั้งเถอะ”

“เอาจริงๆ เหรอ?” ตาถังเทียนเบิกกว้าง หน้าของเขาแสดงความประหลาดใจ  เขาถูมืออย่างตื่นเต้น  “สบายใจได้ อย่าห่วงไปเลย ข้าจะไม่ใช้แรงมากนัก”

มุมตาของจิ่งหาวกระตุกและเขาพึมพำเงียบๆ “เห็นได้ชัดว่าข้าต่างหากที่ต้องไม่ใช้พลังให้มากจนเกินไป,ได้โปรด..”

แต่เมื่อจำได้ว่าดูเหมือนว่าจะเป็นเขาที่เป็นฝ่ายขอให้หยุดซ้อมมือเมื่อครั้งก่อน  จิ่งหาวปิดปากด้วยความเข้าใจดี

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ปิดกั้นความรู้สึกที่ไม่สบายใจไว้ในใจส่วนลึก  เมื่อไม่มีอะไรกังวลต่อไป  เขาจึงชักกระบี่ออกมา

ทั้งสองฝ่ายคำรามพร้อมกัน และโรมรันพันตูกันอีกครั้ง

ศึกครั้งนี้ใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนอีกครั้งหนึ่ง

แต่ครั้งนี้จิ่งหาวทนได้มากกว่าเดิมเล็กน้อย นานเกือบสี่ชั่วโมงเมื่อเทียบกับครั้งก่อน แต่ในไม่ช้าเขาก็หมดแรง และกองลงกับพื้นเหมือนดินเหลวอีกครั้งโดยไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วได้  ถังเทียนพยายามพูดถากถางอยู่ข้างๆ จิ่งหาวอยู่ถึงครึ่งค่อนวัน แต่เมื่อตระหนักได้ว่าจิ่งหาวไม่เหลือพลังพอฝึกซ้อมแล้ว  เขาจึงได้แต่ไปฝึกฝนด้วยเองที่ด้านข้างอย่างไม่พอใจ

ครั้งนี้ ระยะเวลาที่จิ่งหาวหลับสนิทเพื่อฟื้นฟูร่างกายสั้นลงกว่าแต่ก่อน  เขาตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน

ตอนนี้ ความรู้สึกของจิ่งหาวชัดเจนมากขึ้นกระบี่ของเขาเคลื่อนไหวได้แหลมคมมากขึ้น ความรู้สึกเสียดแทงก่อนหน้านั้นแทบหายไปหมดแล้ว  แต่ละท่วงท่าที่เขาใช้ออกเหมือนกับว่าได้รับการขัดเกลาชัดเจนไหลลื่นเหมือนสายน้ำไม่มีอะไรติดขัด

โดยไม่ทันรู้ตัว วิทยายุทธของเขายกระดับเข้าสู่ขอบเขตใหม่ทั้งหมด

จิ่งหาวสนับสนุนให้เริ่มการต่อสู้ทันที

แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน จิ่งหาวก็หมดแรงพับอีกครา

หลังจากนั่งโคจรปราณเสร็จแล้ว ถังเทียนสดชื่นขึ้น แต่นี่อยู่ในช่วงรอบเวลาฝึกหนัก ดังนั้นเขาจึงเข้าประตูดาวกางเขนเพื่อเริ่มต้นฝึก

สิ่งที่ตามมาหลังจากวิทยายุทธก้าวหน้าก็คือการฝึกฝนเบื้องหลังประตูดาวกางเขนก็เริ่มเปลี่ยนไป ถังเทียนใช้เวลามากกับการฝึกฝนในค่ายทหารใหม่ของลุงปิงและไม่เพียงแต่หลังประตูดาวกางเขนเท่านั้น   ยังตามลุงปิงไปยังที่ๆคนที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ากองทัพใช้ฝึก

ตอนนี้การฝึกหนักของถังเทียนย้ายมาที่ค่ายฝึกทหารใหม่แล้ว  และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น  สำหรับการฝึกหนักวิทยายุทธในตอนนี้ผ่านไปแล้ว

ความสามารถในวิชาการต่อสู้กลายเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ถังเทียนไม่คุ้นเคย  แต่เขาไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าวิธีการฝึกใหม่ๆเหล่านี้มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่นการฝึกรับการทุบตี ทำให้ถังเทียนเรียนรู้วิธีดึงสัญชาตญาณออกมาใช้

“วันนี้ยังต้องฝึกรับการทุบตีหรือไม่?”  ถังเทียนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณพร้อมต่อสู้

“ไม่, ใช้วิธีฝึกรับการทุบตีก็ไม่ได้ยกระดับสัญชาตญาณของเจ้าอีกต่อไปแล้ว”  ปิงส่ายศีรษะ และเขาชี้ไปยังดาวอีกดวง

ถังเทียนรู้สึกว่ารอบๆ ตัวเขาเปลี่ยนไปและเขามาอยู่ในห้องฝึกวิทยายุทธที่สร้างจากกระเบื้องเขียว

ห้องฝึกวิทยายุทธนี้ไม่ใหญ่  ยาวราวๆสิบห้าเมตร กว้างห้าถึงหกเมตร  แต่สายตาถังเทียนจับจ้องหุ่นบรอนซ์ที่อยู่ข้างหน้า  หุ่นบรอนซ์เหล่านี้สูงพอๆ กับถังเทียน  แต่ละตัวตั้งอยู่ในท่าทางที่แตกต่างกัน  บางรูปก็ดูดี บางรูปก็ดุร้าย  บางรูปก็เงียบๆ  จัดเป็นแถวสามแถว

หนึ่ง สอง สาม สี่......

ถังเทียนนับได้ทั้งหมดสิบแปดตัว

“นี่ลุง, เจ้าพวกนี้คืออะไร?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย

“สิบแปดมนุษย์ทองแดง” ปิงถอนหายใจเบาๆ “นี่คือจักรกลระดับชิ้นโบว์แดงหมายเลขสี่ของกองทัพดาวกางเขน”

“ห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง?”ถังเทียนกระตือรือร้น “พวกมันน่ากลัวนักเหรอ?”

“ถ้าในสายตาของข้ามันก็ธรรมดามาก แต่ถ้าเป็นพวกทหารใหม่เมื่อให้เลือกหลักสูตรที่น่ารังเกียจมากที่สุดสามหลักสูตรห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงจะต้องติดอยู่ในรายชื่อนั้น” เสียงของปิงฟังดูเศร้าใจพิกล

“พวกเขาใช้ฝึกอะไร? ใช้ฝึกสัญชาตญาณด้วยเหรอ?”  ถังเทียนมองปิง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในค่ายฝึกทหารใหม่มานาน แต่เขาก็รู้รูปแบบการฝึกทหารของกองทัพดาวกางเขนใต้ ห้องฝึกแต่ละห้องในค่ายจะต้องมีวัตถุประสงค์เฉพาะตัว

“ไม่, นี่เหมาะกับการฝึกวิชาภูษาหมอง”

คำอธิบายของปิงทำให้ถังเทียนประหลาดใจ เขาอดที่จะถามไม่ได้ “วิชาภูษาหมอง?ลุง, แน่ใจนะ?”

ในการ์ดทองสี่ใบ วิชาภูษาหมองบางทีอาจเป็นวิชาที่สำคัญที่สุดของถังเทียน เพราะวิชาภูษาหมองต้องใช้ตอนที่ร่างกายประชิดศัตรู  แต่ในการฝึกซ้อมจริงถังเทียนรู้ว่ายากขนาดไหน  ยกตัวอย่างเช่นการซ้อมกับจิ่งหาวถังเทียนไม่อาจแตะต้องแม้แต่ชายผ้าของจิ่งหาวได้เลย  วิชากระบี่ของจิ่งหาวยอดเยี่ยมนัก ม่านกระบี่ที่เขาสร้างขึ้นมาทำให้ถังเทียนทำอะไรไม่ได้

ระหว่างซ้อมฝีมือกับจิ่งหาว วิชาที่ถังเทียนใช้ได้น้อยที่สุดก็คือวิชาภูษาหมอง

ดังนั้น เมื่อถังเทียนได้ยินว่าปิงหาที่ให้เขาฝึกวิชาภูษาหมองเป็นพิเศษเขาจึงผงะตกใจ

“อืม... วิชาภูษาหมองเป็นวิชาที่ค่อนข้างดี”

คำอธิบายของปิงยังไม่อาจทำให้ถังเทียนพอใจ เขาถามต่อ “วิชาภูษาหมองน่ากลัวตรงไหน?”

“ยืมพลังคู่ต่อสู้ตอบโต้กลับ” ปิงอธิบาย  “นี่คือส่วนที่น่ากลัวที่สุด  ความจริงมีส่วนหลักๆ อยู่สองส่วนก็คือหนึ่งประเมินพลังของคู่ต่อสู้ และประการต่อมาคือใช้ประโยชน์จากพลังของฝ่ายตรงข้ามและทั้งสองส่วนต้องสำเร็จในระยะเวลาที่สั้นที่สุดระดับความยากสูงมาก”

ถังเทียนส่ายศีรษะ “แต่นี่มีผลเพียงทำให้ทำให้ท่านสามารถเข้าประชิดฝ่ายตรงข้ามดูวิธีที่พี่จิ่งหาวและข้าซ้อมมือกันสิ ข้าไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้”

ปิงไม่ลดละ “ถ้าพูดถึงความสามารถปัจจุบันของเจ้าตอนนี้ ก็ใช่”

“ท่าน..” ถังเทียนถลึงตาด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร

“ใครบอกว่าวิชานี้สามารถใช้ได้เพียงเข้าประชิดตัว?”   น้ำเสียงของปิงเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย “กระบี่ของเขามีพลังไม่ใช่หรือ? ก็แค่เพราะพลังของเจ้าแตกต่างอย่างมาก ระดับพลังของเจ้ายังไม่ดีเท่าเขาตามธรรมดาเจ้ายังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ แต่ไม่ใช่หมายความว่าวิชานี้ไม่ดี”

ถังเทียนคิดตาม ใช่แล้ว นั่นเป็นเรื่องจริง

กระบี่ของพี่จิ่งหาวเป็นของแข็งและพลังของเขาค่อนข้างกระจายตัว

“เขาอยู่ระดับหก เจ้าอยู่ระดับสี่ เขาจึงแข็งแกร่งกว่าเจ้ามาก มีเพียงส่วนเดียวที่เจ้าเหนือกว่าเขาก็คือจิตวิญญาณพลังยุทธ จิตวิญญาณพลังยุทธเงินทำให้เจ้าได้สัญชาตญาณที่แข็งแกร่ง  นั่นเป็นวิธีที่เจ้ารอดอยู่ได้นานมาก ดังนั้นจิตวิญญาณพลังยุทธเงินคือจุดความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าที่มีอยู่”  ปิงพูดอย่างขึงขัง “ในฐานะทหารคนหนึ่งเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะใช้จุดแข็งของเจ้าให้เต็มรูปแบบ”

“ข้าไม่ใช่ทหาร...” ถังเทียนตอบอย่างอ่อนใจ

ปิงหยุด  แต่ในไม่ช้าเขาทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินถังเทียน และพูดต่อ “จิตวิญญาณพลังยุทธเงินจะทำให้เจ้ามีความรู้สึกถึงสิ่งรอบตัวได้อย่างรวดเร็วรวมทั้งพลังด้วย  นั่นคือเหตุที่เมื่อเจ้าฝึกฝนในตอนนี้เจ้าถึงมีความก้าวหน้ารวดเร็ว และเพราะเหตุนี้เอง เจ้าจึงมีความรู้สึกที่ไวต่อพลังปราณเที่ยงแท้”

“และระหว่างที่ฝึกซ้อม เจ้าจะรู้ได้ถึงพลังของศัตรูมากขึ้น” ปิงเสริมต่อ “ตราบใดที่เจ้ารู้วิธีใช้มัน”

จู่ๆ เขาก็ฉีกยิ้มและพูดเหี้ยมเกรียม “เจ้าหนู, ยินดีต้อนรับสู่ห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด