ตอนที่ 5-4 ปรมาจารย์ช่างแกะสลัก
หลังจากที่สถาบันเอินส์เปิดเทอมใหม่ได้ไม่นานฮิลแมนก็เดินทางมาที่สถาบันเอินส์เพื่อตามหาลินลี่ย์
ฮิลแมนกำลังหน้านิ่วขณะที่เดินไปเดินมาหน้าประตูใหญ่ของสถาบันเอินส์เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องร้ายบางอย่างสถาบันเอินส์นั้นมีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดมาก บุคคลภายนอกที่ไม่ได้มีอำนาจหรือสถานะพิเศษไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถาบัน
ไม่นานนักเยลกับเรย์โนลด์ซึ่งสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าเดินออกมาหาเขา
"ท่านคือลุงฮิลแมนที่เป็นลุงของลินลี่ย์ใช่หรือไม่? ข้าเคยเจอท่านก่อนหน้านี้"เยลทักทายอย่างอบอุ่น
ฮิลแมนเคยเจอกับพี่น้องทั้งสามของลินลี่ย์มาก่อนทันทีที่เห็นเยลกับเรย์โนลด์ เขาเดินเข้าไปหาและถามว่า"เฮ้...ข้าจำพวกเจ้าได้ พวกเจ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องของลินลี่ย์ข้าอยากรู้ว่าทำไมปีนี้ลินลี่ย์ถึงไม่กลับไปฉลองปีใหม่? ทั้งๆที่ปกติเขาจะกลับมาทุกปี"
"เอ่อ ..." เยลกับเรย์โนลด์สบตากัน
ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักหากจะเปิดเผยให้ผู้ใหญ่ของลินลี่ย์รู้เรื่องที่ลินลี่ย์โศกเศร้าเพราะอกหัก
เรย์โนลด์ตอบสนองไวกว่าเยลเขายิ้มและพูดว่า "ลุงฮิลแมน ลินลี่ย์ได้ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปที่การฝึกฝนเขาได้เลื่อนชั้นไปเป็นจอมเวทระดับ 6 แล้ว ตั้งแต่ก่อนการสอบประจำปีดังนั้นเขาจึงได้มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาอสูรเวทเพื่อฝึกฝนอีกครั้ง เฮ้อเขาฝึกหนักมาก เขาไม่แม้แต่จะกลับมาสอบประจำปีด้วยซ้ำขณะที่ดิ๊กซี่ได้สอบผ่านการเป็นจอมเวทระดับ 6 แล้ว มีข่าวลือในสถาบันว่าตอนนี้ดิ๊กซี่หนือกว่าลินลี่ย์แล้ว"
"น้องสามไม่สนใจเรื่องผิวเผินพวกนี้หรอกตอนนี้ลินลี่ย์เดินทางไปฝึกฝนที่เทือกเขาอสูรเวทตั้งแต่เดือนธันวาคมเขาคงกลับมาเร็วๆนี้ หากลุงฮิลแมนมีเรื่องสำคัญอันใด ท่านฝากพวกเราไปบอกเขาเมื่อกลับมาได้หรือไม่?" เยลพูดอย่างนอบน้อม
ฮิลแมนเงียบไปชั่วครู่เขาฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้า "ไม่หรอก ... ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอันใด เพียงแต่ลินลี่ย์มักจะกลับบ้านทุกปีแต่ปีนี้เขาไม่กลับ ครอบครัวเขาจึงเป็นกังวล และต้องการรู้เขาเป็นอะไรหรือไม่เมื่อเรารู้แล้วว่าลินลี่ย์เดินทางไปยังเทือกเขาอสูรเวท ข้าก็สบายใจ"
"ลุงฮิลแมนไม่ต้องห่วงน้องสามกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะบอกให้เขากลับบ้านก่อนเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน"เยลกล่าวตอบทันที
ฮิลแมนส่ายหน้า"ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องให้เขารีบกลับบ้านหรอกปล่อยให้เขาตั้งสมาธิกับการฝึกไปเถอะ หวังว่าเมื่อเขามีเวลาว่างเขาจะกลับไปเยี่ยมบ้านบ้าง ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองมาก"
เมื่อมองดูฮิลแมนเดินจากไปเยลกับเรย์โนลด์ได้แต่ยิ้มแล้วหันกลับไป
ทันใดนั้น ..
"คุณชายเยล คุณชายเรย์โนลด์!"เสียงเรียกด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรดังขึ้น
เยลกับเรย์โนลด์หันกลับไปมองด้านนอกสถาบันอีกครั้งไกลออกไปพวกเขามองเห็นรถม้าจอดอยู่พร้อมอัศวินชุดเกราะคุ้มกัน 4 นายเยลขมวดคิ้วพูดออกมาอย่างงุนงง "ใครเรียกข้า? โอ้ นั่นมัน ออสโทนี่นี่นา "เยลมองเห็นออสโทนี่โผล่หน้าออกมาจากรถม้า
ออสโทนี่ลงมาจากรถม้าเป็นคนแรกพร้อมยิ้มอย่างสุภาพให้เยลจากนั้นเขาก็หลบออกไปยืนด้านข้างอย่างนอบน้อมขณะที่ประตูด้านหน้าของรถม้าเปิดออกอีกครั้งสุภาพบุรุษที่มีหัวล้านเลี่ยนเด่นเป็นพิเศษเดินถือไม้เท้าลงมาอย่างช้าๆ
เยลกับเรย์โนลด์หันมาสบตากัน
"ตาเฒ่าที่หัวล้านดูเด่นเป็นพิเศษคนนี้คือใครกัน?" เรย์โนลด์พูดออกมาเบาๆ
เยลส่ายหน้าตอบด้วยเสียงกระซิบเช่นกันว่า "ข้าเองก็นึกไม่ออกเช่นกันว่า ตาเฒ่าคนนี้เป็นใครแต่ดูจากการปฏิบัติของออสโทนี่ต่อเขาแล้ว เขาควรจะเป็นบุคคลสำคัญซึ่งสถานะสูงกว่าออสโทนี่ที่เป็นถึงผู้จัดการระดับสูงคนหนึ่งของหอศิลป์พรูกซ์"
ชายแก่ลักษณะโดดเด่นยิ้มแย้มเดินตรงมาหาพวกเขาแน่นอนว่าออสโทนี่เดินร่วมทางมาด้วย
"สวัสดี เจ้าหนูเยล"ชายหัวล้านทักทายเยลด้วยรอยยิ้ม "ฮ่า ฮ่าข้าเพิ่งจะเจอบิดาของเจ้าเมื่อไม่นานนี้ บิดาของเจ้าเอาแต่ยกยอเจ้าไม่หยุดสามารถมีลูกชายเข้าเรียนในสถาบันเอินส์อย่างเจ้าได้นับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับท่านดอว์สัน"
เยลมองชายหัวล้านอย่างงุนงง
"เขาบอกว่ารู้จักท่านพ่อแถมยังดูสนิทกับท่านพ่ออีกด้วย?"
"คุณชายเยลนี่คือท่านผู้อำนวยการไมอา" ออสโทนี่พูดเพื่อคลายความสงสัยให้กับเยล
"แค่เรียกท่านลุงไมอาก็พอไม่ต้องเรียกผอ.หรอก ข้าเป็นเพื่อนกับบิดาของเจ้ามานานหลายสิบปีแล้ว"ชายแก่หัวล้านพูดอย่างยิ้มแย้ม
เยลแอบตกใจ
หอศิลป์พรูกซ์คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของโลกศิลปะทั่วทวีปยูลานจะมีสาขาของหอศิลป์พรูกซ์อยู่ในเมืองใหญ่ทุกเมืองมูลค่าของงานแกะสลักที่เก็บเอาไว้ในหอศิลป์พรูกซ์ของเมืองเฟนไลเพียงเมืองเดียวก็เป็นตัวเลขที่มากมายจนน่าแตกตื่นแล้ว
และนั่นยังเป็นมูลค่าทรัพย์สินไม่ถึงครึ่งของหอศิลป์พรูกซ์ด้วยซ้ำ
การที่จะเป็นผอ.ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของวงการศิลปะนั้นย่อมหมายความว่าผอ.ไมอาได้ไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่อยู่สูงสุดนี่เป็นตำแหน่งหนึ่งที่อยู่เหนือผู้คนจำนวนมากในทวีปยูลานและเขาย่อมต้องมีเพื่อนเป็นนักสู้ระดับเซียนมากมายใครเล่าจะกล้ามองข้ามบุคคลเช่นนี้ได้
นอกเหนือจากนี้ หอศิลป์พรูกซ์ยังเป็นกลางท่ามกลางกองกำลังต่างๆเช่นนั้นแล้วพวกเขาสามารถปกป้องสมบัติมีค่าเหล่านี้ได้อย่างไร?
"ท่านลุงไมอา"เยลทักทายอย่างสุภาพ
ผอ.หัวล้านไมอาร์หันไปมองเรย์โนลด์"แล้วหนุ่มน้อยคนนี้คือ?"
"นี่คือพี่น้องของข้าเรย์โนลด์" เยลตอบทันที เรย์โนลด์ตอบอย่างสุภาพ"รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้พบท่าน, ผอ.ไมอา"
ผอ.ไมอาพยักหน้าเล็กน้อยดูจากกิริยามารยาทของเรย์โนลด์เขาสามารถบอกได้ว่าเรย์โนลด์นั้นได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เด็ก
"ข้าขอบังอาจถามท่านลุงไมอาท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?"เยลถาม
อย่างไรก็ตามขณะที่เขาถามนั้นเขาได้คาดเดาคำตอบเอาไว้ในใจแล้วว่า "เป็นไปได้ว่าเขามาที่นี่เพราะรูปแกะสลัก'ตื่นจากฝัน' ของน้องสามถึง 80%" ความจริงแล้วลินลี่ย์จะส่งงานแกะสลักไปยังหอศิลป์พรูกซ์เป็นบางครั้งตั้งแต่วันหยุดยาวของสถาบันเอินส์ลินลี่ย์ก็ไม่ได้ส่งผลงานไปอีกเลย ออสโทนี่เองก็เคยแวะมาดูสถานการณ์ที่นี่หลายครั้ง
และเมื่อครั้งหนึ่งเขาเข้าไปถึงหอพักของลินลี่ย์ออสโทนี่ฉวยโอกาสเหลือบมองไปทั่วและเห็นรูปแกะสลักชิ้นนั้น ซึ่งพวกเขาวางไว้ในหอพัก
ทันทีที่เห็น ออสโทนี่อยู่ในอาการตกตะลึงสิ้นเชิง
ด้วยฐานะผู้จัดการระดับสูงของหอศิลป์พรูกซ์ออสโทนี่ย่อมมีสายตาที่เฉียบคม เพียงแค่เหลือบมองเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถบอกได้ว่าผลงานแกะสลักของลินลี่ย์นั้นมีคุณสมบัติมากพอจะติดอันดับ 1 ใน 10 ผลงานแกะสลักชิ้นเอกได้เลยทีเดียว
ที่สำคัญรูปแกะสลักของลินลี่ย์รูปนี้นั้นเป็นรูปแกะสลักมนุษย์ขนาดใหญ่ซึ่งมีความแตกต่างกันถึงห้าแบบในรูปแกะสลักเดียว
ขนาดของงานเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดมูลค่าของงานแกะสลักซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับภาพวาด รูปแกะสลักขนาดใหญ่จำเป็นต้องทุ่มเทพลังมหาศาลในการสร้างสรรค์งานขึ้นมารูปแกะสลักนี้ไม่เพียงรวบรวมภาพเหมือนของชีวิตผู้คนห้ารูปแบบเอาไว้มันยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์และมีระดับแตกต่างกับงานอื่นอย่างสิ้นเชิง
ยามที่กำลังมองไปยังรูปแกะสลักนั้นราวกับว่ากำลังมองดูหญิงงามห้านางที่กำลังมีชีวิตจริงๆ
ทั่วทวีปยูลานมีนักแกะสลักระดับอาจารย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นแต่รูปแกะสลักของลินลี่ย์นั้นเหนือกว่าระดับอาจารย์ไปแล้วมันมีคุณสมบัติเทียบเคียงได้กับงานของนักแกะสลักระดับปรมาจารย์ที่น่าเทิดทูนในประวัติศาสตร์เช่นนักแกะสลักที่ฝากชื่อไว้อย่างพรูกซ์, โฮป เจนเซน และ ฮูเวอร์
งานแกะสลักของเหล่าผู้ที่ได้รับฉายาอาจารย์นั้นคุณภาพของงานแกะสลักสูงยิ่งนักและด้วยกลิ่นอายเฉพาะตัวของแต่ละคนนั้นมีศักยภาพมากพอที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณของผู้ชม
แต่หากเทียบผลงานของพวกเขากับงานของพรูกซ์,โฮป เจนเซน และนักแกะสลักผู้ได้รับฉายาปรมาจารย์แล้วมันยังคงด้อยกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตามช่องว่างเพียงเล็กน้อยนี้ยังให้เกิดสถานะที่แตกต่างกัน
การแกะสลักหินมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าแสนปีในช่วงเวลานั้นรูปแกะสลักมากมายที่ไม่อาจผ่านกาลเวลาอันยาวนานมาได้มีเพียงรูปปั้นพิเศษที่สร้างจากวัตถุดิบพิเศษที่ยังคงรอดพ้นและผ่านมาได้จนถึงปัจจุบันด้วยเหตุนี้เองเขาเหล่านั้นจึงถูกเรียกว่าสิบปรมาจารย์เก้าในสิบของพวกเขานั้นมีชีวิตอยู่เมื่อแสนปีก่อน
นับตั้งแต่จักรวรรดิยูลานรวบรวมทวีปยูลานให้เป็นหนึ่งเดียวกันมีนักแกะสลักเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับให้อยู่ในระดับเดียวเหล่าปรมาจารย์ยุคโบราณนั่นก็คือพรูกซ์และ โฮป เจนเซน
ฮูเวอร์เป็นปรมาจารย์จากยุคสมัยกว่าหนึ่งแสนปีก่อนรูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเขา ได้แก่ ราชสีห์ตาโลหิตซึ่งผ่านกาลเวลาอันโหดร้ายเหล่านั้นมาได้ตัวมันนั้นสร้างจากวัตถุดิบหายาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชื่อเสียงของฮูเวอร์ยังคงอยู่ต่อเรื่อยมา
ช่วงเวลากว่าหมื่นปีที่ผ่านมามีนักแกะสลักระดับปรมาจารย์เพียงสองคนเท่านั้น แน่นอนว่าพรูกซ์นั้นเป็นนักแกะสลักที่น่ายำเกรงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์และผลงานชิ้นเอกสามในสิบชิ้นเป็นของเขาไม่ใช่รูปแกะสลักซึ่งเหล่าปรมาจารย์ทั้งสิบคนสร้างจะเข้าสู่ทำเนียบผลงานชิ้นเอกหนึ่งในสิบได้
แน่นอนว่านี่เป็นการตัดสินของคนรุ่นหลังในแง่ของฝีมือในการแกะสลักนั้น ปรมาจารย์ทั้งสิบคนล้วนใกล้เคียงกัน
ปรมาจารย์คนใหม่ถือกำเนิดแล้ว...และเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัย17ปี!
ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน!และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผอ.ของหอศิปล์พรูกซ์รีบเร่งเดินทางมาด้วยตัวเองแม้ว่าตลอดทางจากที่ตั้งของหอศิลป์พรูกซ์นั้นเป็นอาณาเขตของพันธมิตรมืดก็ตาม
"ไม่ต้องรีบร้อนไปที่ห้องส่วนตัวที่โรงแรมและสนทนากันแบบสบายๆเถอะ"ผอ.ไมอาพูดออกมาท่าทางสบายๆ
นักแกะสลักระดับปรมาจารย์?
อย่ามาล้อเล่นน่า!
ถึงแม้ว่าสายตาของออสโทนี่จะเฉียบคมแต่กว่าที่งานแกะสลักที่มีคุณสมบัติมากพอจะผ่านการตัดสินที่ยากเย็นนั้นต้องใช้เวลานานงานของเหล่านักแกะสลักระดับอาจารย์และระดับปรมาจารย์นั้นถูกฝังกลิ่นอายและจิตวิญญาณเอาไว้ด้วย
ไม่ว่าผลงานศิลปะจะมีคุณสมบัติพอที่จะผ่านการตัดสินให้เป็นผลงานศิลปะระดับปรมาจารย์หรือไม่ก็ต้องใช้เวลาศึกษาอย่างลึกซึ้ง
…..
ภายในห้องหรูหราที่โรงแรม
เบื้องหน้าพวกเขาทั้งสี่มีกาน้ำชาขนาดเล็ก ผอ.ไมอาหัวเราะแล้วพูดว่า "ออสโทนี่บอกว่าหลังจากได้เห็นผลงานแกะสลักของลินลี่ย์แล้วยืนยันว่าผลงานของเด็กคนนี้เทียบได้กับผลงานชิ้นเอกทั้งสิบ ฮ่าๆนี่มันเหมือนกับจะบอกว่าตอนนี้เรามีปรมาจารย์ที่มีอายุเพียง 17 ปีไม่ใช่หรือ?"
'ปรมาจารย์' เป็นฉายาที่แสดงถึงสถานะสถานะที่หมายถึงใครบางคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกศิลปะ
แต่เวลาที่พูดคุยกันแบบปกติผู้คนส่วนใหญ่จะเรียกคนนั้นว่า 'อาจารย์' เช่น 'อาจารย์พรูกซ์'
"ปรมาจารย์นักแกะสลัก?" เยลค่อนข้างประหลาดใจ "ข้าก็ไม่รู้หรอกว่ารูปแกะสลักของลินลี่ย์นั้นจะมีคุณสมบัติพอหรือไม่ตัวข้านั้นมีประสบการณ์ในด้านนี้น้อยนัก แต่ข้ามั่นใจยิ่งนักว่ารูปแกะสลักของลินลี่ย์นั้นอย่างน้อยที่สุดสามารถเทียบเคียงกับรูปแกะสลักที่ท่านจัดแสดงไว้ในหอแสดงผลงานของเหล่าอาจารย์นักแกะสลัก"
"โฮ่?" ผอ.ไมอา หัวเราะ "พูดได้ดี หลังจากการสนทนานี้แล้วทำให้ข้าอยากจะเห็นสักครั้งแล้ว ข้าไม่รู้ว่ารูปแกะสลักที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนขอให้ข้าได้ดูได้หรือไม่?"
"แน่นอน"เยลยิ้ม
"อืม เจ้าหนูเยลแม้ว่ารูปแกะสลักนี้ไม่ได้มีระดับเดียวกับผลงานชิ้นเอกทั้งสิบข้าก็กล้าพูดได้ว่ามันคงไม่ได้แตกต่างจากนั้นมากนักหรอกเจ้าต้องปกป้องและทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะต้องไม่ถูกขโมยไป" ผอ.ไมอากล่าวเตือนความจำเยล
เยลกล่าวอย่างมั่นใจว่า"ท่านลุงไมอาโปรดวางใจข้าปิดเรื่องสถานที่จัดเก็บรูปแกะสลักไว้ที่ห้องลับใต้ดินของโรงแรมฮัวเดลี่เป็นความลับและยังมีเหล่าผู้ฝึกยุทธของหอการค้าดอว์สันคอยป้องกันอีกด้วยยิ่งกว่านั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่ามีรูปแกะสลักเช่นนี้อยู่"
"เจ้าย้ายมาที่โรงแรม?" ออสโทนี่ค่อนข้างประหลาดใจ ครั้งล่าสุดที่เห็นมันยังอยู่ในหอพักของพวกเขาอยู่เลย
เยลห่อริมฝีปาก"ข้าเชื่อมั่นในตัวพี่น้องของข้า แต่ข้าไม่อาจวางใจท่าน"
ออสโทนี่ทำได้เพียงหัวเราะแห้งกลบเกลื่อนเท่านั้น
"ท่านลุงไมอาไปกันเถอะ ข้าจะนำทางท่านไปที่นั่นเอง" เยลกล่าวอย่างอบอุ่น
โรงแรมฮัวเดลี่เป็นหนึ่งในกิจการของหอการค้าดอว์สันนี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้จัดการของโรงแรมฮัวเดลี่รู้ดีว่าเยลมีสถานะใด
ห้องเดี่ยวขนาดใหญ่ในโรงแรมฮัวเดลี่ภายในห้องมีเก้าอี้หลายตัวพร้อมด้วยสามผู้ฝึกยุทธซึ่งคอยยืนคุ้มกันทุกวัน
"คุณชายเยล"นักรบระดับ 7 ทั้งสามคนคารวะอย่างนอบน้อม
เยลพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย"ท่านลุงไมอา โปรดชมดูจนกว่าท่านจะพอใจเถอะ"เยลพูดอย่างชาญฉลาดเพื่อดึงดูดความสนใจ ในขณะที่รูปแกะสลักที่ถูกคลุมไว้งานศิลปะขนาดใหญ่กำลังเผยออกมา นั่นหญิงสาวที่แสนจะงดงามและหมดจดทั้งห้านางคนแรกนั้นเผยภาพลักษณ์ความรักอันละเอียดอ่อน อีกคนหนึ่งนั้นน่ารักไร้เดียงสาคนที่สามอยู่ในอาการประหม่าและเขินอาย คนที่สี่ดูเร่าร้อนและน่าหลงใหลและคนสุดท้าย...เย็นชาไร้น้ำใจ
พวกนางทั้งหมดดูเหมือนหญิงสาวนางหนึ่งจริงๆ
เห็นรูปแกะสลักรูปร่างหญิงสาวห้านางผอ.ไมอาได้แต่ยืนอ้าปากค้าง และจ้องมองมันอย่างตกตะลึงอย่างยาวนาน
เวลาผ่านไปนานพอสมควร…
"เหลือเชื่อเหลือเชื่อจริงๆ " ตอนนี้ผอ.ไมอาตื่นจากอาการงุนงง"รูปแกะสลักนี้อยู่ในระดับอาจารย์เป็นอย่างน้อยรูปแกะสลักนี้เชื่อมต่ออารมณ์ที่แตกต่างของหญิงสาวห้าแบบเอาไว้ด้วยกันและทั้งห้ายังดูราวกับมีชีวิตจริงๆ? ต้องทุ่มเทไปเท่าไหร่กัน?แค่เวลาอย่างเดียวอย่างน้อยหนึ่งปีที่เสียไปกับรูปแกะสลักนี้"
ผอ.ไมอารู้ดีว่าต้องทุ่มเทขนาดไหนเพื่อการแกะสลัก
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากบางครั้งในระหว่างการแกะสลักรูปปั้น นักแกะสลักระดับอาจารย์อาจจะอยู่ๆก็กระอักโลหิตออกมาและหยุดงานไว้กลางคันมีแม้กระทั่งนักแกะสลักที่ตายในระหว่างที่กำลังแกะสลักงานไปได้เพียงครึ่งเดียวงานแกะสลักเช่นนี้สร้างมาจากหยาดเหงื่อและโลหิต
"เพียงแค่...เพียงแค่อายุ17 ปี กลับสามารถแกะสลักรูปนี้ขึ้นมาได้... "ผอ.ไมอาไม่มีคำใดหลุดออกมาเขาเดินอย่างตื่นเต้นเข้าไปใกล้รูปแกะสลักมากขึ้นเพื่อพินิจพิเคราะห์มัน"ไม่ว่ารูปแกะสลักนี้จะเทียบเท่าผลงานชิ้นเอกทั้งสิบหรือไม่ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมจากอีกหลายๆมุม"
ในขณะที่เขาพูดผอ.ไมอาปล่อยตัวเองให้ติดหนึบอยู่กับรูปแกะสลักเริ่มต้นตรวจสอบอย่างละเอียดทุกๆรอยแกะสลัก