ตอนที่ 106 แดนก่อกำเนิดขั้นที่สาม
ตามความคิดของเย่ว์หยาง สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อการบรรลุขอบเขตใหม่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ก็โดยการผลักดันของเทพธิดากระบี่ฟ้านางนี้
แน่นอนว่า การผลักดันของนางอาจทำได้ไม่มาก
แต่เย่ว์หยางกลับคิดว่าใช่ แทนที่จะรอให้นางช่วยเขา เขาก็ควรริเริ่มด้วยตนเองก่อนและให้นางช่วยผลักดันอีกแรง สำหรับระดับความยากของการผลักดัน นับว่าไม่สูงมากนัก เขาคาดว่าระดับความยากบางทีอาจต่ำกว่าการฆ่าจ้าวปีศาจฮาซินให้ได้ทันทีเพียงเล็กน้อย ขนาดนั้นล็กน้อยไปหน่อยหรือ? ขนาดนั้นยังไม่มากจริงๆ เล็กน้อยของเย่ว์หยางก็คือ 99,999 เท่าก็ถือว่ายังน้อยกว่า 100,000 เท่า
เทพธิดากระบี่ฟ้า นางมีอารมณ์เป็นของตนเอง เย่ว์หยางต้องการวิ่งเข้าไปหานางจริงๆ กอดต้นขาของนางและร้องว่า “ที่รักจ๋า! ข้าอยู่นี่แล้ว” ถือโอกาสเอาเปรียบนางนิดหน่อย
อย่างไรก็ตาม นางไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรห่ามๆ ที่ปลายนิ้วเรียวงามของนาง ปรากฏลำแสงสีนับไม่ถ้วนเปล่งออกมาแล้วรวมตัวกันก่อเป็นรูปทรงของคนๆ หนึ่ง
เป็นบุรุษคนหนึ่ง
ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าได้สร้างคนอีกคนหนึ่งในโลกนี้ ด้วยพลังของนาง เย่ว์หยางคงแทบเป็นบ้าเพราะความหึงหวง อย่างไรก็ตาม บุรุษที่ถูกสร้างขึ้นมานี้ไม่ได้ทำให้เขาโกรธเลย เพราะบุรุษคนนั้นดูเหมือนเขามากๆ
จากนั้นเทพธิดากระบี่ฟ้าก็หายไป ขณะที่เย่ว์หยางที่ถูกสร้างจากพลังของนางก็ร่อนเข้าหาเขาทันที พร้อมกับยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ใส่ตัวของเขา
“ข้าเกลียดตัวเองมากที่สุดก็ตอนนี้แหละ”
ตอนนี้ เย่ว์หยางสับสนตัวเองและโกรธมากจนเกินจะเปรียบ
ทั้งนี้เพราะเทพธิดากระบี่ฟ้าได้สร้างร่างโคลนของเขา ร่างโคลนที่มีความสามารถพอๆ กับเขา สามารถปล่อยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้ วิชาลับ 3 รูปแบบ, หัวใจธรรมชาติและจิตสังหาร.. ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เย่ว์หยางสามารถทำได้ ร่างโคลนตัวนี้ก็สามารถทำได้ เขาคือตัวปลอมคัดลอกได้สมบูรณ์แบบ ข้อแตกต่างประการเดียวก็คือ มันไม่มีความรู้สึก มีแต่เพียงสัญชาตญาณ แต่มันก็สามารถเอาชนะเยว์หยางได้สิ้นเชิง ตอนนี้ ในที่สุดเย่ว์หยางก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของการฝึกของเทพธิดากระบี่ฟ้าแล้ว นางต้องการให้เขาบรรลุขอบเขตปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่สาม มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถเอาชนะโคลนนี้ได้ ซึ่งก็มีความสามารถเหมือนกับตัวของเขาเอง
“ที่รัก! ข้าเข้าใจความตั้งใจของเจ้าดี แต่อย่างน้อยเจ้าช่วยต้อนรับข้ากลับบ้านก่อน ในครั้งต่อไปที่เจ้าปรากฏตัวจะได้ไหม? ถ้านี่เป็นวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อข้าทุกครั้งที่เจอเจ้า ข้ามิต้องตกใจจนหัวใจวายตายอย่างนั้นหรือ?” เย่ว์หยางพยายามหลบหลีกการจู่โจมของร่างโคลนเขาอย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตามภายใต้จู่โจมดุจห่าฝนของร่างโคลนของเขา เขาแทบเป็นฝ่ายตั้งรับไม่มีโอกาสได้โต้ตอบเลย
เย่ว์หยางตระหนักได้โดยเร็ว เกี่ยวการใช้ทักษะของเขา ไม่ว่าจะเป็นปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ หรือท่าลับ 3 รูปแบบ ร่างโคลนของเขาสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ในระดับสูงกว่าที่เขาจะทำได้
ในตอนนี้เองที่เย่ว์หยางตระหนักได้ว่า ตัวของเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหน
เพียงแต่หลังจากถูกร่างโคลนของเขาโจมตีใส่ด้วยทักษะที่เขาใช้ได้ เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่าทักษะของเขานี้น่ากลัวมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองต่อสู้กันทางจิตวิญญาณ ไม่มีความหมายอะไร
มันไม่มีความหมายอะไรเลย
ไม่ว่าเย่ว์หยางทำร้ายร่างโคลนของเขาหรือร่างโคลนทำร้ายเขาจนบาดเจ็บกี่ครั้งก็ตาม ทั้งสองก็จะได้รับบาดเจ็บในที่เดียวกันแน่นอน พลังของร่างโคลนยังคงเชื่อมโยงกับพลังของเย่ว์หยาง เย่ว์หยางจะรู้สึกเหนื่อย ถ้าร่างโคลนใช้พลังของเขา… ถ้าหากเขาเอาชนะร่างโคลนด้วยพลังทั้งหมดของเขา เย่ว์หยางจะรู้สึกถึงความสิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก ในพื้นที่ภายในจิตใต้สำนึกของเขา ไม่มีร่างจริงปรากฏ ดังนั้นตัวตนทั้งสองจึงต่อสู้กันด้วยพลังภายในของร่างเดียวกัน ดังนั้น การต่อสู้แบบนี้จึงไม่มีความหมายใดๆ เลย เทพธิดากระบี่ฟ้าสร้างร่างโคลนของเย่ว์หยางเพื่อให้เขาเอาชนะให้ได้เป็นการบีบบังคับเขาให้บรรลุสู่ขอบเขตใหม่
เย่ว์หยางคงไม่สามารถก้าวหน้าได้ แต่ร่างโคลนของเขา ซึ่งเป็นเพียงร่างพลังงานย่อส่วนปราศจากความรู้สึก ก็จะไม่มีทางยกระดับได้
ตราบใดที่เย่ว์หยางยังไม่บรรลุพลังปราณขั้นที่สาม เขาก็จะยังสามารถเอาชนะร่างโคลนของเขาได้โดยง่าย
“คุณพระช่วย! แล้วข้าจะแก้ไขปัญหาในวันนี้ได้อย่างไร?” เย่ว์หยางนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขาคิดว่าถ้าเขามีพลังเต็มเปี่ยมในอนาคต เขาจะไล่จับเทพธิดากระบี่ฟ้าให้ได้แล้วตีก้นน้อยๆ ของนางแรงๆ สักทีหนึ่ง บทฝึกที่นางให้ไว้มันยากเหลือเกิน ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าสร้างร่างโคลนหยาดฟ้ามาดินอย่างตัวนางแทน บางทีเย่ว์หยางคงจะอารมณ์ดีมากกว่าในตอนนี้มากนัก
ขณะที่เย่ว์หยางอยู่ในดินแดนฝันในใจของเขา ในชั่วครู่ที่เขาพลั้งเผลอ เขาโดนร่างโคลนของเขาที่มีสัญชาตญาณของการโจมตีต่อเนื่องเล่นงานเอาจนได้
ร่างโคลนของเขาเข้าโจมตีมีทั้งต่อย, เตะ, เข่าและเอาหัวโขกเย่ว์หยางเป็นชุดๆ
แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างพลังจิตของเย่ว์หยางในฝันของเขา และเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บในโลกจริง เมื่อเขาเห็นศีรษะของร่างโคลนพุ่งตรงมาหาเขาเพื่อใช้หัวโขก พอเขาทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่ร้องลั่นขณะที่ใบหน้าของร่างโคลนอยู่ห่างจากใบหน้าของเขาเพียง 2 ซม. นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นใบหน้าของตัวเองในระยะใกล้ขนาดนั้นมาก่อน
“ซานเอ๋อ! ซานเอ๋อ! เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเขาได้ยินเสียงนุ่มนวลของหญิงงาม เสียงไพเราะดุจสายน้ำไหลเอื่อย เย่ว์หยางถอนสมาธิจากฝันและลืมตาทันที เขาเห็นว่าหญิงงามกำลังนั่งอยู่ทางด้านขวามือของเตียงมองดูเขาอยู่
หญิงงามถามเขาด้วยความกังวลเต็มเปี่ยม “ซานเอ๋อ! เกิดอะไรขึ้นลูก? เจ้าฝันร้ายหรือ?”
เย่ว์หยางส่ายหัวทันที เขาไม่อาจบอกหญิงงามได้ว่า เขากลัวตัวเองจัดจนสะดุ้งตื่นขึ้น ไม่สิ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะความหล่อเหลาของตัวเองต่างหาก
หนูน้อยจอมซนยื่นมือน้อยๆ ออกมาเหมือนจะจับจมูกของเย่ว์หยาง พอเห็นเช่นนี้ หญิงงามรีบดึงมือเธอออกห่าง อย่างไรก็ตาม เธอขืนตัวดิ้นออกไปมุดเข้าใต้ผ้าห่มของเย่ว์หยางแล้วกอดตัวเขาไว้แน่นเหมือนปลาหมึก ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างไร้เดียงสาว่า “พี่เสี่ยวซาน! ข้าก็มีฝันอย่างหนึ่งด้วย มีต้นพลัมต้นเบ้อเริ่มออกลูกอร่อยๆ เต็มกิ่งเลย พี่สามพาข้าไปเก็บลูกพลัมด้วยนะ..”
“รักษาพลัมในฝันของเจ้าให้ดีเลยนะ รอให้สุกมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยเก็บ จำไว้ให้ดีนะต้องขยันรดน้ำให้มันด้วย” เมื่อเย่ว์หยางตอบอย่างนี้ หญิงงามไม่ได้ทำอะไรต่อ นอกจากปิดปากหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
อย่างไรก็ตาม พอใช้วิธีล่อหลอกเด็กหญิงแล้ว เย่ว์หยางกลับนึกวิธีจัดการร่างโคลนของเขาได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็เป็นความฝัน เขาคงไม่ตายจริงๆ อยู่แล้ว แล้วยังต้องกลัวอะไรอีก?
เขาก็แค่ไม่ต้องสนใจร่างโคลนนั้น
เมื่อเย่ว์หยางกำหนดไว้ในใจได้แล้ว เขานอนหลับอีกครั้งและเข้าสู่ดินแดนฝันของเขา เขาพบว่าร่างโคลนที่สร้างจากพลังของเขาได้หายไปแล้ว พอเห็นเช่นนี้ เขาก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เมื่อปรากฏว่าร่างโคลนของเขาหายไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น เขาควรออกจากดินแดนแห่งความนี้เมื่อไหร่ก็ได้ที่เทพธิดากระบี่ฟ้าสร้างร่างโคลนของเขาอีก
ตราบใดที่เขาไม่สู้กับร่างโคลนของเขา นางก็คงทำอะไรเขาไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หน้าด้านซะอย่าง ใครจะสู้ได้จริงๆ เล่า!” เย่ว์หยางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อย่างไรก็ตาม สามวินาทีต่อมา เสียงหัวเราะอย่างเบิกบานใจของเขากลับกลายต้องชะงักกลางครัน
ทั้งนี้เป็นเพราะในจิตสำนึกของเขา มีแขนขาวราวหิมะยื่นออกมา มองดูที่ปลายนิ้วงาม ปรากฏแสงหลากสีนับไม่ถ้วนเปล่งออกมาแล้วก่อตัวเป็นร่างคนๆ หนึ่ง อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นรูปเหมือนเย่ว์หยาง แต่เป็นรูปสตรีที่งดงามเหมือนเทพธิดากระบี่ฟ้า นางสวมเกราะรบปกปิดร่างทุกส่วน หน้าอกกระชับแน่น หญิงสาวสวยสะพรั่งและบริสุทธิ์ดูเหมือนจะปลุกสัญชาตญาณเจ้าชู้ของเย่ว์หยางขณะที่เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก ในขณะที่เขามองเรือนร่างที่เพรียวบางน่ารักของนาง อีกทั้งเอวคอดกลมกลึงจนอยากจะขอเข้าไปกอด ขาที่เรียวงามของนางยังทำให้เย่ว์หยางฟุ้งซ่านได้เป็นพันๆ อย่าง
“น้องหนู! ลุงก๊วยมาหาเจ้าแล้ว” เย่ว์หยางถลาเข้าหานางทันที ใช้วิชาหน้าด้านหน้าทนขั้นสูงสุดของอุ้ยเสี่ยวป้อ “กรงเล็บมังกรขยุ้มอก” (คำว่าลุงก๊วย เป็นสแลงหมายถึงคนแก่ชอบเด็กสาว)
“พลั่ก”
ดรุณีน้อยเตะเขาจนปลิว
ชัดเจนแล้ว นางก็คือร่างโคลนที่คล้ายๆ กับเย่ว์หยาง ที่ก่อนนี้ก็มีทักษะความสามารถพอๆ กับเย่ว์หยาง เป็นแต่เทพธิดากระบี่ฟ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ร่างโคลนจากเดิมที่ดูเหมือนเย่ว์หยางจอมลามกไปเป็นหญิงงามที่ดูคล้ายนางแทน
เย่ว์หยางไม่ต้องการสู้ตั้งแต่แรก แต่กับหญิงสาวน่ารักที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา เขาจะรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาได้อย่างไร หากเขาไม่ให้นางเป็นอิสระ?
แล้วเรื่องความคิดออกจากดินแดนแห่งความฝันเล่า?
เขาโยนความคิดนั้นทิ้งออกไปไกลๆ เรียบร้อยแล้ว ด้วยว่าหญิงงามที่อยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เขาไม่สนใจเรื่องอื่น
“เจ็บปวด แต่ก็มีความสุข นี่แหละรสชาติของชีวิต!” เย่ว์หยางถูกสาวน้อยทุบตีอย่างหนักจนรู้สึกว่าตัวเกือบแบนติดดิน แต่เขาก็จับหน้าอกนางสำเร็จจนได้ เพราะความรู้สึกยอดเยี่ยมราวกับต้องมนต์ที่รู้สึกได้จากมือของเขามันปุบปับกะทันหัน เย่ว์หยางตื่นเต้นจนหลั่งน้ำตาเต็มสองแก้ม
ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าแอบดูฉากนี้ตลอดเวลา ผลงานของเย่ว์หยางอาจทำให้นางพูดไม่ออกเลยก็ได้
ผ่านไป 3 วัน เย่ว์หยางที่ถูกหญิงสาวทุบตีจนฟกช้ำดำเขียวก็บรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 3 ได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถแก้แค้นจากการโดนซ้อมได้และจับนางกดลงกับพื้นไม่ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะหญิงงามนางนั้นก็เพิ่มระดับฝีมือพร้อมกับเขา และมีฝีมือระดับเดียวกับเขา จากนั้นนางก็ยังทุบตีเย่ว์หยางที่พยายามจับอกบ้างสะโพกนางบ้างต่อไป จนกระทั่งเย่ว์หยางมึนงงจนกำหนดทิศทางไม่ถูก กว่าจะบรรลุขอบเขตใหม่ เย่ว์หยางต้องยอมทนให้หญิงงามทุบตีนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อสั่งสอนเรียนรู้วิธีใช้วิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์และสามวิชาลับ
วิธีที่หญิงงามนางนั้นใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิดดูสวยงามและถูกต้อง วิธีที่นางใช้ทักษะนั้นถูกต้องและควบคุมได้ดีจนเย่ว์หยางอาย
แม้ว่าหญิงงามทำให้เย่ว์หยางเรียนรู้ได้มาก แต่เขาก็ยังได้เรียนทักษะใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “วิถีลับแห่งใจ” เพราะความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเขา ทำให้เย่ว์หยางที่เมื่อก่อนยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้เพียง 3 ครั้ง แต่ตอนนี้เขาสามารถยิงได้ถึง 6 ครั้งในการฝึกในความฝันของเขา
เย่ว์หยางคิดว่า เขาสามารถยิงได้ 1 ครั้งตอนสำเร็จขั้นที่หนึ่ง จากนั้นยิงเพิ่มได้อีก 2 ครั้งเมื่อตอนเขาสำเร็จขั้นที่สอง ตอนนี้เขายิงได้เพิ่มอีก 3 ครั้งในระดับขั้นที่ 3
แน่นอนว่านี่เป็นการคาดเดาทื่อๆ ของเขา
จะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ นั้น เย่ว์หยางยังคงนึกไม่ออกในตอนนี้
แม้ว่าจำนวนการยิงกระบี่ของเขาจะได้เพิ่มมาเป็น 6 เย่ว์หยางค่อนข้างจะพอใจ
เขาบรรลุขอบเขตขั้นใหม่ เพิ่มจำนวนการยิงพลังปราณกระบี่ และยังร่วมกับสาวสวยฝึกเเพื่อได้ประโยชน์ร่วมกัน ชีวิตที่แสนสุขสมเช่นนี้ หากเขายังไม่พอใจกับมัน เขาคงถูกสวรรค์ลงโทษ
“พี่สาม! ทำไมพี่ดูมีความสุขนักเล่า?” พอเห็นหน้าตาเย่ว์หยางซึ่งปกติจะมีแต่รอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียม เย่ว์ปิงอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงคิดหาเรื่องกลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ในการแข่งขันในวันปีใหม่แน่ ใครจะนึกถึงเล่าว่า เย่ว์หยางกำลังคิดถึงนางงามในฝัน มัวแต่เล่นเกมโคแก่เล็มหญ้าอ่อนจนทำให้เขาลืมหน้าที่ไปเลย
“จริงด้วยสิ, เราต้องหมั่นฝึกซ้อมและเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดของเราให้ได้ เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของครอบครัวที่สี่กลับคืนมา” เย่ว์หยางโบกมือทำท่าเหมือนคนบ้าสงคราม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เพื่อปลุกใจเย่ว์ปิง ท่าทีเหมือนปลุกระดมของเขานั้นทำให้ดรุณีน้อยเย่ว์ปิงเกิดกำลังใจที่จะสู้ให้ถึงที่สุด เย่ว์ปิงเทิดทูนพี่ชายนางอยู่แล้วจึงพยักหน้าอย่างตั้งใจ “ได้, ข้าจะไม่ยอมให้พี่สามผิดหวังแน่!”
เกี่ยวกับเย่ว์ปิงผู้กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้บทสรุปใหม่เกี่ยวกับความรู้เรื่องสัตว์อสูรที่เย่ว์หยางมี ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน, การวางแผนสู้ การฝึกฝนทักษะที่เขาได้ยินมาจากเจ้าเมืองโล่วฮัวก่อนนี้ ทั้งหมดหมดแก่เย่ว์ปิง หลังจากเขาปรับให้เหมาะกับความต้องการและความสามารถของนาง
เย่ว์ปิงยังคงฝึกอย่างหนักและทุ่มเท ดังนั้นนางจึงมีความก้าวหน้าอย่างมาก
นางฝึกการควบคุมผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีจนถึงระดับเหมือนกับใช้แขนขาของตนเอง ถ้าเอาพลังการต่อสู้ของนางไปเทียบเฉินถู่หาวที่เป็นเจ้าของอสูรแข็งแกร่งมากมายเมื่อก่อนนี้ ตอนนี้นางฝีมือเหนือกว่าเขามากนัก เย่ว์หยางคาดว่าบรรดานักสู้วัยเยาว์ที่เขาได้พบ นอกจาก 3 ดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่ หยานโพ่จุน, เฟิงชิชาและเสวี่ยทันหลางและเทพธิดากระบี่ฟ้าที่มีพลังขี้โกงนั้น ตอนนี้เย่ว์ปิงแทบจะไล่ทันแล้ว
เย่ว์หยางไม่เคยเห็นเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนจนบัดนี้ ดังนั้น เขายังประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่า บางทีในปัจจุบันนี้พวกนั้นคงไม่มีทางสู้กับเย่ว์ปิงได้ง่ายๆ แล้ว
เอาแค่ผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปี อสูรทองแดงระดับ 5 เขาก็เชื่อว่าคนทั้งตระกูลที่ได้เห็นมันก็แทบจะตาโตจนเกือบหลุดจากเบ้าแล้ว
ขณะที่การร่วมทานอาหารค่ำในวันปีใหม่ เย่ว์หยางไม่ได้เข้าร่วมด้วย
รักษาการประมุขตระกูล เย่ว์ซานทำเป็นส่งคนมาเชิญเขา แต่เย่ว์หยางปฏิเสธข้อเสนอด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ค่อยสบาย
คนใช้เห็นว่าเจ้าเด็กเย่ว์หยางก็ยังสุขภาพดีขนาดปล้ำกับเสือก็ยังได้ แต่เขากลับยกข้ออ้างที่หากไม่ใช่คนโง่ก็จะไม่ยอมเชื่อ คนใช้ทำอะไรไม่ถูก แต่รู้สึกระอาใจกับเย่ว์หยาง เขาคิดว่า ถ้าเขาโกหกไม่เป็น เขาก็ไม่ควรโกหก การยกหาข้ออ้างเป็นการกระทำโง่ๆ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์ซานดูเหมือนจะยอมเชื่อว่าจริง เขาส่งคนใช้อีกคนนำยาบำรุงไปให้เย่ว์หยาง สร้างภาพพจน์ลุงผู้มีคุณธรรมผู้เป็นห่วงกังวลหลานชายของตน
วันที่สองของปีใหม่เป็นวันแข่งขันประจำปีใหม่ของตระกูลเย่ว์
เย่ว์หยางรอมาอย่างอดทน เขาถลกแขนเสื้อขึ้น กระตือรือร้นจะแสดงฝีมือ ขณะที่เตรียมพาเย่ว์ปิงเข้าสู่สนามต่อสู้ ขึ้นเวทีไปแกล้งคนอื่นๆ บ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อปู่ห้าขี่กวางเข้ามาคุยอะไรด้วยบางอย่าง เย่ว์หยางถึงกับพูดไม่ออก กลับกลายเป็นว่าการแข่งขันประจำตระกูลในปีใหม่นี้ไม่ใช่การแข่งขันกันเองง่ายๆ ภายในตระกูลอีกแล้ว อีก 3 ตระกูลจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ยังส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์ต่อสู้อีกด้วย พวกเขาอาจไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ แต่พวกเขาจะรายงานสิ่งที่พวกเขาได้เห็นอย่างแน่นอน ทั้งนี้เป็นเพราะในอีก 3 ตระกูลอื่นจะมีคนไม่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจัดการแข่งขันประจำตระกูลได้ ดังนั้น พวกเขามาที่นี่เพื่อดูเรื่องน่าตื่นเต้นในตระกูลเย่ว์ คงไม่เป็นไรถ้ามีแต่เพียงตัวแทนที่มาจากสี่ตระกูลใหญ่ แม้แต่ตัวแทนจากราชสำนักต้าเซี่ยก็ยังมาอีกด้วยอย่างไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกัน ในปีนี้กล่าวกันว่าฮ่องเต้ทรงมีเวลาว่างหลังจากหลังขดหลังแข็งว่าราชการมานาน พระองค์เตรียมมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเช่นกัน
ข่าวนี้ทำให้เย่ว์หยางตกใจ เป็นไปได้ว่าฮ่องเต้ชราจุนอู๋โยวจะพบความจริงหรือ? เขารู้ว่าเย่ว์หยางคือคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้วหรือ?
ถ้าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้จุนอู๋โยวมาชมการแข่งขันของตระกูลเย่ว์ทุกๆ 3-4 ปี บางทีเย่ว์หยางคงถอนตัวจากการแข่งขันไปแล้ว
“ซานเอ๋อ! ข้าหวังว่าเจ้าจะฝึกซ้อมมาอย่างหนักและช่วยให้ครอบครัวที่สามและสี่ได้กลับคืนมา อย่างไรก็ตาม อย่ากลายเป็นคลั่งเจ้าอารมณ์เสียเล่า เจ้าสามารถทุบตีผู้คนได้ แต่ห้ามไม่ให้ฆ่าคน อย่าทำตัวเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องอัปมงคลในวันปีใหม่ เอาล่ะ…ข้าพูดพอแล้ว เจ้าเป็นเด็กฉลาดที่รู้สิ่งที่ควร ปู่ห้าจะไม่พูดอะไรอีกต่อไปแล้ว บางทีเป็นตัวเจ้าเอง เจ้าอาจลงสู่สนามต่อสู้คู่ต่อไปก็ได้ หากเจ้าต้องการอะไร ก็ให้บอกบ่าวรับใช้ก็แล้วกัน ข้าจะพาอาเซียนกับชวงเอ๋อออกไปก่อน มาเถอะหลาน! เดี๋ยวปู่อุ้มเอง.. ไอ้หยา..อย่าดึงเคราปู่สิ, เจ้าจะถอนรากมันอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าห้าดูเหมือนเป็นคนรักเด็กเล็ก แม้จะถูกเด็กหญิงดึงเคราท่านก็ยังยิ้มและหัวเราะเบาๆ ได้
“เตรียมตัวเหรอ?” ความจริงเย่ว์หยางต้องการเตรียมยาปลุกกำหนัดสักเล็กน้อยเอาไว้ยัดปากเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน เพื่อที่พวกนั้นจะได้ทำอะไรที่ขายหน้าต่อหน้าผู้ชมในภายหลัง
“พี่สาม! ข้ากังวลเล็กน้อย” เย่ว์ปิงรู้สึกกังวลเล็กน้อยขณะที่นางทำมือไม่ถูก ในที่สุดนางไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่โผเข้ากอดเย่ว์หยางเพื่อให้พี่ชายนางปลอบใจ
“อา..ไม่เป็นไรนะ..อย่ากังวล ข้าไม่น่ากลัวขนาดนั้น ข้าไม่ใช่ลุงก๊วย เอ๊ย…ข้าหมายถึงพวกนั้นไม่มีอะไรน่ากลัว” เมื่อเย่ว์ปิงดรุณีน้อยน่ารักงดงามโผเข้าหาเขา เย่ว์หยางกางมือขึ้นในอากาศทันที เขาปลอบโยนน้องสาวอย่างใจลอย ขณะภาวนาในใจว่า “น้องสาวนะเว้ย, น้องสาวนะเว้ย,น้องสาวนะเว้ย” อย่างไรก็ตาม ยิ่งภาวนามาก ก็ยิ่งลนลานจนในที่สุด แม้แต่ผากของเขาก็มีเหงื่อผุดเต็มหน้า
“ขอบคุณมาก, พี่สาม, ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เอ๋? พี่สาม! ทำไมเหงื่อถึงออกมากนักล่ะ?” เย่ว์ปิงเป็นเด็กมีใจบริสุทธิ์ นางไม่เคยคิดว่าการกอดของนางจะต้องใช้พลังมาก
“อากาศมันร้อน” ขณะที่เย่ว์หยางแอบปาดเหงื่อ ลมเหนือพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง มองเห็นหิมะซ้อนหนาอยู่ภายนอก..
********************************