2058 - ทุกคนล้วนต้องตาย
2058 - ทุกคนล้วนต้องตาย
จักรพรรดิผีเสื้อโบยบินไปรอบๆร่างกายของมันสดใสราวกับทองคำเซียนความแข็งแกร่งของมันตอนนี้มั่นใจได้ว่าสามารถต่อสู้กับผู้สูงสุดได้ เพียงแต่ว่ามันก็ยังไม่เป็นผู้สูงสุด
วิญญาณสายฟ้าได้รับประโยชน์สูงสุด ระดับการบ่มเพาะของพวกมันแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
พัฒนาการของพวกมันยิ่งน่าเหลือเชื่อตอนนี้พวกมันไม่ได้มีลักษณะคล้ายกับมังกรอีกต่อไปแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ได้ลดลงจากการนี้
สิ่งมีชีวิตทั้งสามนี้สูงครึ่งตัวคนแล้ว พวกมันเคลื่อนที่เร็วกว่าสายฟ้าเสียอีก แม้แต่มู่ชิงและคนอื่นๆก็ไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับทั้งสามในเวลาเดียวกัน
น่าเสียดายที่วิญญาณสายฟ้าทั้งสามก็ไม่สามารถเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดได้เช่นกัน
เมื่อพวกเขากลับมาที่หมู่บ้านหินผาพวกเขาพบว่ามีหลุมศพอีกสองสามหลุมบนภูเขาด้านหลังหมู่บ้าน กาลเวลาไม่สามารถย้อนกลับได้
หัวหน้าเผ่าชรายังมีชีวิตอยู่ เลือดอมตะจากอดีตมีพลังงานแก่นแท้แห่งชีวิตที่แข็งแกร่ง ขยายพลังชีวิตของเขาอย่างมาก ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะแก่แล้ว แต่จิตวิญญาณของเขาก็ยังแข็งแรงอยู่
“เปลี่ยนกลุ่มใหม่ไป!”
สือฮ่าวกล่าว คราวที่แล้วเขาไม่ได้พาสาวกทั้งหมดไปด้วยเพราะราชสำนักต้องการพวกเขา ดังนั้นเขาจึงทิ้งผู้คนไว้ที่นี่ครึ่งหนึ่ง
ครั้งนี้เขาจะพาคนกลุ่มนั้นมาด้วย
อ๋าว…
หลังจากพักผ่อนได้สักพัก เสียงโหยหวนก็ดังขึ้นทั่วหมู่บ้าน สร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หมู่บ้านหินมีความสงบและสงบอยู่เสมอ เสียงคำรามนี้น่าตกใจเกินไป
“หิน มันคือหินก้อนนั้น มันมีชีวิตอีกครั้ง!” มีเด็กร้องไห้ออกมา
ถัดจากมังกรเก้าตัวที่กำลังดึงโลงศพ หินกลิ้งไปมาและส่งเสียงคำรามก้อนหินเทพเจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว
ปิลีปาละ!
ร่างกายของมันมันแตกออกเป็นชิ้นๆ สิ่งที่อยู่ข้างในเป็นประกายและโปร่งแสง ปล่อยพลังแห่งความโกลาหลออกมา คลื่นพลังไร้ขอบเขตพุ่งออกไปด้านนอก
ซู่!
สือฮ่าวตอบสนองทันทีเขายกมือขึ้นและคว้าลำแสงนั้นก่อนจะโยนออกไปนอกอวกาศ
มันเป็นเพราะรัศมีของมันมีพลังมากเกินไป มันจะเป็นอันตรายต่อชาวบ้าน
ฮ่อง!
ในห้วงอวกาศ ดาวฤกษ์ดวงใหญ่ระเบิดออกโดยตรงจากการโดนหินศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ทุบเข้าใส่ กลายเป็นเปลวเพลิงที่แพรวพราว ถูกทำลายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“อ้าว ไอ้สารเลวตัวไหนที่โจมตีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้!” หินศักดิ์สิทธิ์กรีดร้อง
ทันทีที่มันตื่นขึ้นสือฮ่าวก็ปรากฏตัวขึ้นในอวกาศ ยืนอยู่ข้างมัน แม้ว่ามันจะกลายเป็นลูกไฟที่มีรัศมีพลังรุนแรง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ใช้มือเดียวในการคว้าร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังของมันไว้
“เจ้าหนู ตอนนี้เจ้าบ่มเพาะมาถึงระดับใด?” ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึง
เมื่อมันตื่นขึ้น ร่างกายของมันก็ปล่อยพลังแห่งความโกลาหลกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของสวรรค์และปฐพีแต่ถึงจะอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถทำอันตรายสือฮ่าวได้
“แม้แต่ผู้อมตะยังถูกข้าสังหารไปแล้วเจ้าอยากลองไหม” สือฮ่าวถาม
ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์หมดอารมณ์ไปในทันที เดิมทีมันต้องการแสดงท่าทางอวดดี ต่อสู้กับสือฮ่าวสักหน่อย แต่ตอนนี้จิตใจของมันห่อเหี่ยวกลายเป็นไม่กระฉับกระเฉง
เมื่อพวกเขากลับมาที่พื้นโลกพวกเขาก็คุยกันเรื่องที่จะไปฝึกฝนที่โลกแห่งเขื่อนอีกครั้ง ทุกคนจึงมีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ได้โปรดพาข้าไปที่นั่นด้วย ข้าต้องการบรรลุความเป็นอมตะ!”
ครั้งนี้ มู่ชิง สือจง มังกรแดง และคนอื่นๆไม่ได้ไป พวกเขารู้สึกว่านรกสายฟ้าไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถกลายเป็นผู้สูงสุดได้
แต่ในท้ายที่สุดสือฮ่าวก็นำมดเขาสวรรค์ไปกับเขาอีกครั้ง เขาต้องการลองดูว่าจะเปลี่ยนให้มันเป็นผู้สูงสุดได้หรือไม่
แน่นอนว่าก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ก็ไปด้วยในครั้งนี้
คราวนี้มันกินเวลาสองร้อยปี มดเขาสวรรค์ยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่สามารถเป็นผู้สูงสุดจิตใจของมันห่อเหี่ยวเป็นอย่างมาก!
ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมานี้ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ได้อ้อนวอนให้สือฮ่าวจับสระสายฟ้ามาให้มันกินไปมากมาย
ในท้ายที่สุดมันก็เดินทางสู่โลกแห่งเขื่อนพร้อมกับสือฮ่าว หลังจากนั้นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ก็กินกำแพงที่ใช้สร้างเขื่อนไปมากมาย แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดได้
หลังเสร็จสิ้นการฝึกฝนพวกเขาก็กลับมาที่หมู่บ้านหินผาครั้ง
ในเวลานี้สือฮ่าวอายุมากกว่าเจ็ดร้อยปีแล้ว ในขณะที่มดเขาสวรรค์ มังกรแดงและคนอื่นๆล้วนมีอายุไม่น้อยไปกว่าเขาเท่าใด แต่ถึงจะอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถฝ่าทะลุได้นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ
"ทำไม? มันเป็นเพราะยุคไร้การฝึกฝนหรือเปล่า? แม้แต่การย้ายไปฝึกฝนที่โลกแห่งเขื่อนพวกเราก็ไม่สามารถฝ่าทะลุได้” ใครบางคนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
ในปีถัดมาสือฮ่าวค้นคว้าตำราโบราณและพยายามหาวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้
ในที่สุดเขาก็ค้นพบเบาะแสบางอย่าง มีบันทึกบางอย่างที่ทิ้งไว้ในตำราหยกที่พังยับเยินจากยุคอันยิ่งใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยเขาขจัดความสงสัยที่อยู่ในใจออกไป
เมื่อยุคไร้การฝึกฝนมาถึง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือคมดาบแห่งเจตจำนงของสวรรค์ซึ่งจะตัดทำลายทุกสิ่ง
การที่ใครบางคนซึ่งเคยถูกคมดาบแห่งเจตจำนงค์สวรรค์ทำร้ายไปแล้วครั้งหนึ่งจะเป็นการยากที่พวกเขาจะบรรลุเต๋าได้
สำหรับคนเหล่านี้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ยุคไร้การฝึกฝนก็จะตามพวกเขาไปทุกที่!
พวกเขาประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่สุดของสวรรค์และปฐพี ทุกคนถูกดาบแห่งเจตจำนงของสวรรค์ตัดผ่าน แม้แต่สือฮ่าวก็แทบไม่มีข้อยกเว้น
สิ่งนี้ถูกจารึกไว้ในกระดูกของพวกเขา ไม่สามารถลบล้างออกไปได้!
บนภูเขาหลังหมู่บ้านท่ามกลางหลุมศพใหม่และหลุมศพเก่า ยังมีอีกมากมาย สิ่งนี้ทำให้สือฮ่าวผิดหวังและเสียใจ
ต้าจวง เอ้อเมิ่งและคนอื่นๆต่างก็แก่เฒ่าแทบไม่สามารถประคองตัวอยู่สืบไปได้แล้ว ในขณะที่พ่อแม่ของพวกเขาหลายคนก็จากไปหลายร้อยปีแล้วเช่นกัน
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้ทิ้งยาโลหิตอมตะไว้แต่ไม่มีใครใช้
“ท่านพ่อบอกว่าเขาจะไม่กินมัน ชีวิตของเขามีความสุขดีอยู่แล้วเขาบอกว่าคนอื่นอาจจำเป็นต้องใช้” ปี้โหวกล่าว เด็กน้อยที่เคยซุกซนในปีนั้นบัดนี้ก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
“ปี้โหว ต้าจวง หูจื่อ เอ้อเมิ่ง!” สือฮ่าวกอดพวกเขา เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย บางทีการที่เขาไปโลกแห่งเขื่อนครั้งต่อไปคนพวกนี้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
สือฮ่าวมีความลังเลเขาไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ทุกครั้งที่เขาไปฝึกฝนด้วยความสันโดษจะมีผู้คนมากมายที่ต้องไปอยู่ในหลุมศพหลังขุนเขา
เขาห่วงใยต่อทุกคนเขากลัวว่าการไปครั้งนี้เมื่อกลับมาทุกคนอาจจะไปอยู่ในที่แห่งนั้นกับบรรพบุรุษของพวกเขาแล้ว
สือฮ่าวยังคงมีโลหิตอมตะติดตัวเขา หมู่บ้านมียาศักดิ์สิทธิ์ แต่ต่อให้ใช้เลือดพวกนี้จนหมดจะช่วยเหลือได้กี่คน? นอกจากนี้ สหายของเขาและคนอื่นๆล้วนยืนยันว่าไม่ต้องการดื่มเลือดพวกนี้
คนรักของพวกเขาตายไปหมดแล้วพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป
“แล้วถ้าเป็นเลือดของข้าล่ะ” สือฮ่าวก้มศีรษะลง เขายังไม่บรรลุความเป็นอมตะ ไม่มีทางที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นยาโลหิตอมตะได้
อย่างไรก็ตาม เขายังคงพยายามกลั่นเลือดที่แท้จริงของเขาเอง
"หยุด! สิ่งนี้จะเป็นอันตรายต่อทักษะเต๋าของเจ้าเอง! ตอนนี้ เจ้าไม่ควรคิดอะไรทั้งนั้น เจ้าควรทะลวงผ่านระดับผู้สูงสุดให้ได้! การบรรลุความเป็นอมตะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!” ต้าจวงคว้าแขนของเขา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าลองดู” สือฮ่าวส่ายหัว
อย่างไรก็ตาม สหายในวัยเด็กของเขารีบเร่งหยุดเขาไว้
“สักวันหนึ่งทุกคนล้วนต้องตาย เจ้าจะบีบบังคับให้พวกเราอยู่ไปนานแค่ไหน? ยุคหนึ่ง สองยุค สุดท้ายเรายังคงพรากจากกัน พวกเราเพียงต้องการจากไปพร้อมกับคนที่พวกเรารัก” ต้าจวงกล่าว
ฉือห่าวผิดหวังและเสียใจ หัวใจของเขาขมขื่นอย่างยิ่ง
แต่เขายังคงดำเนินการอย่างลับๆกลั่นโลหิตแก่นแท้ของเขาเอง ช่วยให้พวกเขาชำระร่างกายในตอนกลางคืน
ในช่วงเวลาต่อมาสือฮ่าวถึงกับกลั่นซากศพผู้อมตะในสุสานตะวันตก โดยได้รับยาโลหิตอมตะหลายขวด จากนั้นเขาก็นำผู้คนเข้าสู่อาณาจักรที่สูงกว่า