บทที่ 31 การมาถึงของหัวหน้าโบสถ์ (อ่านฟรี 15-12-2022)
"ตกลง เราจะรับข้อเสนอเจ็ดวัน"
เนื่องจากกาเบรียลเห็นด้วยแล้ว ลีร่าก็เห็นด้วยเช่นกัน กาเบรียลจะต้องเข้าไปในเมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อขโมยไม้เท้าและดวงตาของโอซิริส ถ้าเขาเชื่อว่าเจ็ดวันก็เพียงพอแล้ว นางก็ต้องเชื่อใจเขา
"เกรงใจเจ้า" แลมบาร์ดหัวเราะอย่างสนุกสนาน เขาเหลือบมองกาเบรียล "เจ้ารู้ไหม นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นลีร่าเปลี่ยนใจหลังจากตัดสินใจบางอย่าง"
"อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าเราทำข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ข้าได้ทำข้อตกลงในส่วนของข้าสำเร็จแล้ว ที่เหลือคือให้เจ้าดำเนินการในส่วนข้อตกลงของเจ้า ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จ ดวงตาของโอซิริสเป็นสิ่งที่ข้าต้องการมาเป็นเวลานาน แต่มันก็มักจะอยู่ไกลเกินเอื้อมเสมอ"
"ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าดวงตาของโอซิริส มีความพิเศษอย่างไร? ข้าคิดว่ามันก็เป็น สิ่งประดิษฐ์นิวเมนเหมือนกัน แต่มันใช้ทำอะไรงั้นรึ? ทำไมเจ้าถึงต้องการ?" กาเบรียลมองเห็นความกระตือรือร้นในสายตาของแลมบาร์ดที่จะได้รับของสิ่งนั้นมากเสียจนเขาเต็มใจที่จะแยกจากแหวนของอะโพฟิส ราวกับว่าดวงตาของโอซิริสมีค่ากว่ามากในสายตาของแลมบาร์ด
"แน่นอน มันคือสิ่งประดิษฐ์นิวเมนเป็นลูกแก้วผลึกขนาดเล็กที่มีความกว้างเพียงไม่กี่นิ้ว มันถูกใช้โดย เดมิก็อด โอซิริส นางเก็บไว้กับกับตัวตราบเท่าที่นางยังมีชีวิตอยู่ เดมิก็อด โอซิริส ยังเป็นคนที่แอบดูอดีตของคาริคและเขียนลงในบันทึกของนางด้วย" แลมบาร์ดตอบ "ดวงตาแห่งโอซิริสสามารถช่วยให้คนมองเห็นอดีตของอีกคนหนึ่งได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม"
"นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้ามองเห็นความลับที่ดำมืดที่สุดของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่มีคนบอกว่าเดมิก็อด โอซิริส สามารถมองเห็นอนาคตได้ในระดับหนึ่ง หากดวงตาของโอซิริสมีความสามารถนั้น ก็จะคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม"
แลมบาร์ดใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในการไล่ตามวรรณกรรมเรื่อง เดมิก็อด และ สิ่งประดิษฐ์นิวเมนเขาสามารถสร้างคอลเลกชันขนาดใหญ่ได้ทั้งหมดเพราะเหตุนั้น แต่กระนั้นก็ยังขาดนิวเมนจำนวนมาก
มีหลายอย่างที่เขาหมายตาไว้และต้องการ หนึ่งในนั้นคือดวงตาของโอซิริส ซึ่งถูกเก็บไว้ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การคุ้มครองระดับสูง ข้างไม้เท้าแห่งความมืดโบราณซึ่งเป็นของเทพแห่งความมืด
"มีนิวเมนหลายร้อยตัวในโลกนี้ แต่ละตนมีความพิเศษของตัวเองที่ได้รับจาก เดมิก็อด ที่เคยเป็นเจ้าของ ในบรรดานิวเมนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน เนื่องจากพวกเขาหลงทางอยู่ในกาลเวลาตลอดกาล แต่ในสิ่งที่ทราบที่อยู่แล้ว ดวงตาแห่งโอซิริสเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญที่สุดที่ข้าต้องการมาตั้งแต่ต้น"
"ข้าพยายามส่งผู้คนสองสามคนไปขโมย แต่พวกเขาล้มเหลวและจบลงด้วยการตาย" แลมบาร์ดถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า นึกถึงความล้มเหลวในอดีตของเขา
กาเบรียลเคยได้ยินจากลีร่าว่าแลมบาร์ดนั้นทรงอำนาจมากแม้ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ตาม เขาคือเหตุผลที่เมืองผิดกฎหมายแห่งนี้ยังไม่ถูกเผาจนราบเป็นหน้ากลอง ดังนั้นทำไมเขาถึงเอาสิ่งประดิษฐ์กลับมาไม่ได้?
"ทำไมเจ้าไม่ไปที่นั่นเพื่อรับมันด้วยตัวเอง? เนื่องจากโบสถ์แห่งแสงไม่สามารถโจมตีที่นี่ได้เพราะเจ้า นั่นต้องหมายความว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ตาม เจ้าไม่สามารถขโมยสิ่งนั้นมาได้ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้างั้นรึ?"
เมื่อได้ยินกาเบรียล แลมบาร์ดก็จ้องมองเขาอย่างว่างเปล่าชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน "ฮ่าฮ่าฮ่า"
"เจ้าคิดว่าข้าแข็งแกร่งกว่าโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ? เจ้าจะคิดผิดถ้าเจ้าเชื่ออย่างนั้น แม้ว่าจะมีบางกรณีที่ข้าสามารถเผชิญหน้ากับพวกเขาได้ แต่นั่นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการเท่านั้น และหนึ่งในพวกเขากำลังอยู่ในเมืองนี้"
เขาอธิบายเพิ่มเติม "เหตุผลที่พวกเขาไม่โจมตีข้าที่นี่คือเมืองนี้ปกป้องข้า เมืองทั้งเมืองนี้ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์นิวเมนรู้จักกันในชื่อเมืองอบาดอน ซึ่งเป็นกึ่งเทพที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกัน"
"หลังจากที่ทั้งตระกูลของเขาเสียชีวิตในสงคราม อบาดอนก็ได้สร้างเมืองนี้ขึ้นและปกคลุมเมืองนี้ด้วยกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายผู้คนที่เขาต้องการปกป้องได้ แม้กระทั่งหลังจากที่เขาเสียชีวิต กระแสพลังยังคงอยู่กับเมืองและถูกดูดกลืนเข้าไปในนั้น เมืองนี้กลายเป็นสิ่งสิ่งประดิษฐ์นิวเมนหรือเป็นที่รู้จักในชื่อเมืองอบาดอนที่ไม่อาจทะลุผ่านได้"
"เหตุผลเดียวที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถทําอะไรที่นี่ได้ก็เพราะเหตุนั้น ตราบใดที่ข้าอยู่ในเมืองนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถทําอะไรได้ แม้แต่หัวหน้าโบสถ์แห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่สามารถสังหารข้าที่นี่ได้"
"ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในเมืองนี้ ข้าก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้" แลมบาร์ดยิ้ม "อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าออกจากเมืองนี้ ข้าก็จะไม่มีการป้องกันนั้น ดังนั้นข้าจึงไม่ค่อยได้ออกจากที่นี่ และแม้ว่าข้าจะทำ ข้าก็จะทำมันอย่างลับๆ"
"ถ้าข้าไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง ข้าจะไม่มีข้อได้เปรียบนี้ และข้าจะไม่สามารถกลับมาที่เมืองนี้ได้อีกถ้าข้าถูกจับได้ที่นั่น" เขาเหยียดแขนอย่างเกียจคร้าน "เจ้าไม่รู้ว่าโบสถ์แห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เกลียดข้ามากแค่ไหน ถ้าพวกเขาจับตัวข้าได้ ชะตากรรมของข้าคงจะเป็นอะไรที่กลัวแม้กระทั่งคนที่ดุร้ายที่สุด ดังนั้น ข้าจะไม่ออกจากเมืองนี้และไม่เข้าไปในเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ชายชราคนนั้นอยู่อย่างแน่นอน"
"ทั้งเมืองเป็นสิ่งประดิษฐ์นิวเมนงั้นรึ?" กาเบรียลถาม ฟังดูเหลือเชื่อมาก เขาสันนิษฐานว่ามีเพียงเครื่องประดับเล็กๆ เท่านั้นที่เป็นสิ่งประดิษฐ์นิวเมนแต่เป็นทั้งเมือง?
"เฮ้ ข้ารู้ว่ามันฟังดูเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่ข้าเองก็ยังแทบไม่อยากเชื่อเมื่อได้รู้เกี่ยวกับเมืองนี้ โชคดีที่เมื่อข้าไปถึง เมืองนี้ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย มันเป็นเมืองที่แห้งแล้ง เมืองนี้อาจจะอยู่ที่นี่เมื่อข้ามาถึง แต่ข้าทำให้มันกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้"
"ทำไมเมืองนี้ถึงปกป้องเฉพาะเจ้า? ถ้าทั้งเมืองเป็นนิวเมนเจ้าก็ยึดไว้ไม่ได้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนติดต่อกับมัน หมายความว่ามันให้ความคุ้มครองแก่ทุกคนเหมือนกันกับที่ให้กับเจ้างั้นรึ?"
"ไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงคิดว่าผู้คนที่นี่จะกลัวลีร่าเมื่อนางมาโอ้อวดตัวตนของนาง?" แลมบาร์ดกลอกตา
เขาจ้องไปที่ลีร่า "และเจ้ากล้าเรียกข้าว่าคนอวดดี? มันเหมือนหม้อเรียกกาต้มน้ำว่าสีดำ"
##ให้กำลังใจผู้แปลที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ด้วยนะคะ
"แล้วมันทำงานอย่างไร?" กาเบรียลถาม
"มัน"
แลมบาร์ดชะงักเมื่อกำลังจะอ้าปากตอบ คิ้วที่ขมวดมุ่นก็ปรากฏบนหน้าผากของเขา "ดูเหมือนเรามีแขกมาเพิ่ม วันนี้เมืองคงวุ่นวายแน่ๆ"
"มีแขกมาเพิ่มงั้นรึ?" กาเบรียลจ้องไปที่ลีร่า เขารู้ได้อย่างไรว่ามีคนมาเพิ่มในเมื่อเขานั่งอยู่ที่นี่
"เมืองอบาดอนอยู่ภายใต้การควบคุมของแลมบาร์ด เขาสามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่" ลีร่าอธิบาย "นั่นเป็นวิธีที่เขาเห็นว่าเรามาเช่นกัน เจ้าคิดว่าเขารู้ได้อย่างไร? ถ้าเขาจริงจังขนาดนี้ คนที่มาถึงจะต้องเป็นคนสำคัญอย่างแน่นอน"
"ใครอยู่ที่นี่?" นางถามแลมบาร์ด
"คนที่ข้าไม่คิดว่าจะมาที่นี่" แลมบาร์ดเกาท้ายทอย "หัวหน้าโบสถ์แห่งน้ำมาถึงแล้ว ...นักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีธาตุแห่งน้ำในโลก... และเป็นหนึ่งใน ผู้ครองธาตุทั้งหก"