ตอนที่ 87 ฆ่าล้างสำนัก
หลินเจียงมองดูข่งโหย่วหลินคอยให้เขาเปิดเผยปริศนาอย่างเงียบๆ
ข่งโหย่วหลินหัวเราะเบาๆ “มีข่าวลืออยู่
นอกจากความสนใจที่แน่วแน่หวังจะฟื้นคืนวิชาเครื่องจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้แล้ว พี่หลินยังคงสนใจผสานจิตวิญญาณพลังยุทธและวิชาเครื่องกลเข้าด้วยกัน สิ่งที่ข้านำมาในวันนี้พี่หลินจะต้องสนใจแน่นอน”
หลินเจียงหัวเราะ “พี่ข่ง!หยุดทำให้ข้าใจจดใจจ่อเสียทีเถอะ”
ข่งโหย่วหลินล้วงลูกปัดสีดำออกมา“นี่คือลูกปัดวิญญาณโบราณ บังเอิญข้าไปสะดุดเข้ากับมันเข้า ภายในเป็นชิ้นส่วนขุนพลวิญญาณโบราณที่แตกหักซึ่งทรงพลังมาก แม้ว่าจะเป็นขุนพลวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ก็ตามแต่ลูกปัดวิญญาณโบราณอย่างนั้น ท่านยากจะหาได้พบข้าได้ยินมาว่าพี่หลินมักจะหาลูกปัดวิญญาณอย่างนั้น แต่ไม่แน่ใจเท่าใดนักว่านี่จะช่วยพี่หลินได้ดีหรือไม่”
ม่านตาของหลินเจียงเป็นประกายร้อนแรงขณะที่จ้องดูลูกปัดวิญญาณในมือของข่งโหย่วหลิน
ไม่รู้ว่าเขากำลังตรวจสอบมันอย่างระมัดระวังหรือไม่ แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวและทรงพลังจากจากชิ้นส่วนแตกหักของขุนพลวิญญาณโบราณจากลูกปัดวิญญาณแม้จะยืนอยู่ห่างก็ตาม
กลิ่นอายที่เหี้ยมหาญดุร้ายขนาดนั้น
ใจของหลินเจียงร้อนเป็นไฟ ข่งโหย่วหลินพูดถูก เขามักจะตามหาขุนพลวิญญาณที่ดุร้ายเหี้ยมหาญ เขาค้นคว้าวิจัยการรวมผสานจิตวิญญาณพลังยุทธและอาวุธจักรกลมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งเร็วๆนี้ที่มีความก้าวหน้าในที่สุด แต่เขาจำเป็นต้องได้ขุนพลวิญญาณที่เหี้ยมหาญดุร้ายจึงจะทำได้สำเร็จ เขาคาดหวังเล็กน้อยว่าข่งโหย่วหลินคงทราบเป็นอย่างดีดังนั้นจึงสามารถรับรู้รายละเอียดเล็กน้อยนี้ได้ หลินเจียงรู้สึกว่าวิธีการของข่งโหย่วหลินเยือกเย็นและโหดเหี้ยม เขาทำตัวไม่ถูกขณะที่อดยื่นมือไปรับลูกปัดวิญญาณไม่ได้
ทันใดนั้น กรงเล็บเสือบรอนซ์โผล่ออกมาจากที่ว่างเปล่า ก่อนที่ใครๆ จะทันรู้ตัวมันก็ชิงลูกปัดวิญญาณไปแล้ว
ข่งโหย่วหลินตกใจ มันได้รับความสนใจจากเขาทันที“นึกไม่ถึงเลยพี่หลินจะก้าวหน้าในวิชาเครื่องจักรกลมากขนาดนั้น?เสือจักรกลตัวนี้เหมือนกับมีชีวิตจริงๆ”
มีอสูรจักรกลทั้งหมดอยู่ในบ้านตระกูลหลินในรูปแบบหมาป่า,เสือ, แมงมุมเป็นต้น ข่งโหย่วหลินไม่เคยนึกเลยว่าจะมีคนขโมยมันได้ เขาคิดว่าหลินเจียงสร้างสุดยอดอสูรจักรกลได้สำเร็จ เขาจึงพูดอย่างนั้น
หลินเจียงตกตะลึง
เสือบรอนซ์ตัวที่อยู่ข้างหน้าเขานี้ดูเหมือนจะคุ้นแต่ในขณะเดียวกัน ก็สร้างความรู้สึกแปลกให้กับเขา หลินเจียงคลุกคลีกับอสูรหุ่นกลและสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้น ทันทีที่เขาเห็นเสือบรอนซ์ที่คุ้นเคยแต่มีความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ เขาจึงรู้สึกงง
เขาไม่แน่ใจว่าเขาได้สร้างเสือหุ่นกลอย่างนั้นไว้หรือไม่
แต่จากรูปแบบของมันเขาสามารถจำได้ว่าเป็นรูปแบบของค่ายทหารดาวกางเขนใต้ มันดูเหมือนมาก
และการกระทำต่อมาของเสือบรอนซ์ก็ทำให้ทุกคนตะลึงอีกครั้ง
เสือบรอนซ์โยนลูกปัดวิญญาณในมือของมันใส่ปากจากนั้นหมุนตัวเข้าไปปะปนกับสัตว์จักรกลตัวอื่นๆ
ทุกคนได้แต่มองดูภาพข้างหน้า แต่ไม่มีผู้ใดมีปฏิกิริยา
ข่งโหย่วหลินฝืนหัวเราะ“อสูรจักรกลที่มีพลังและว่องไวอย่างนั้น ข้ายังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
ในที่สุดหลินเจียงค่อยมีอาการตอบสนอง หน้าของเขาเปลี่ยน เขาร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว “ไล่ตามไป นั่นเป็นคนสวมรอยมา”
“แต่ท่านพ่อ, นั่นเป็นอสูรหุ่นกลชัดๆ...”หลินเว่ยไม่เข้าใจ
สีหน้าของข่งโหย่วหลินซีดสลดแต่ก็เปลี่ยนในทันใด เขาทะยานขึ้นไปในอากาศและพุ่งเข้าหาเสือจักรกล
ฮึ่ม..
อสูรเครื่องกลที่ตรวจตราอยู่ในลานบ้านทุกตัวเปล่งประกายนัยน์ตาเป็นไฟสีเขียว ทั้งหมดจ้องไปที่ข่งโหย่วหลินที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ ข่งโหย่วหลินก่อนนั้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นศัตรูเพราะเขามักอยู่ข้างตัวหลินเจียงเสมอ แต่ทันทีที่เขาเหินขึ้นไปในอากาศและแสดงอาการแข็งกร้าวจึงเป็นเหตุให้มีเหตุเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องทันที
ปั้บ ปั้บ ปั้บ!
หมาป่าจักรกลสองสามตัวปล่อยพลังงานจากต้นขาของมันพุ่งกระโจนไปในอากาศตรงเข้าหาข่งโหย่วหลิน ควับ ควับ ควับ ธนูที่ติดตั้งอยู่บนหลังของแมงมุมระดมยิงเหมือนสายฝนใส่ข่งโหย่วหลิน พวกมันกระโดดขึ้นไปบนหลังหมาป่าจักรกลในอากาศพวกมันทุกตัวยิงใยโลหะอย่างดีใส่ข่งโหย่วหลินเพื่อจับเขา ขณะที่เสือจักรกลตัวอื่นๆอ้าปากของมันทันทีโฮก..โฮก..โฮก..มีลำแสงยิงใส่ข่งโหย่วหลิน
ข่งโหย่วหลินคาดไม่ถึงว่าเขาจะตกอยู่ภายใต้การจู่โจมที่น่ากลัวอย่างนั้น
หน้าของเขาถึงกับซีดขาว แต่ในฐานะที่เป็นนักสู้ระดับเจ็ด เขาคงไม่งอมือรอความตาย เขาส่งเสียงตวาดดุดันทั่วทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยปราณเที่ยงแท้และชุดเกราะที่ขาวราวหิมะปรากฏอยู่บนร่างของเขา
เกราะเพลงหงส์ชั้นบรอนซ์แห่งหมู่ดาวหงส์
ขนขาวหิมะราวเกล็ดหิมะค่อยๆร่วงลอยลงมา เกราะอ่อนและสง่างามขาวราวหิมะเหมือนผลงานทางศิลปะส่วนลักษณะคล้ายอยู่ที่ไหล่ของเขา คล้ายกับหงส์สานคอขึ้นมาเป็นหมวกเกราะ ชั้นขนมีรูปทรงที่ดีและการออกแบบที่ละเอียดอ่อนซับซ้อนมองดูคล้ายผ้าคลุมศีรษะเปลวไฟสีขาวที่ส่วนหางหงส์ลอยเป็นประกายก่อนจะเปลี่ยนรูปกลายเป็นขนหงส์ขาว
ข่งโหย่วหลินลอยตัวในอากาศปราณของเขาเพิ่มถึงจุดสูงสุดในพริบตา เขาเป็นเหมือนเจ้าชายที่มาจากเทพนิยายดูสงบและสง่างาม
“ทำลาย”
ข่งโหย่วหลินโพล่งออกมาและเกราะเพลงหงส์บนร่างของเขาเปล่งแสงรัศมีพร่างพรายเสื้อคลุมขาวหิมะที่อยู่ส่วนหลังของเขาระเบิดกระจายออกทันที
ขนนกนับไม่ถ้วนเหมือนพายุสลาตันกวาดทุกสิ่งทุกอย่างออกไป
โครม โครม โครม
ลูกศรบรอนซ์จากข่ายทองปะทะกับพายุหมุนขนนกและถูกปั่นกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
เมื่อพายุสลาตันขนนกและลำแสงที่ยิงออกมาจากปากเสือหุ่นกล เปลวไฟระเบิดขึ้นในท้องฟ้า พยัคฆ์คำรามหุ่นกลเสือที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของตระกูลหลิน เปลี่ยนปราณเที่ยงแท้ในหินดวงดาวให้ลุกโชนเป็นไฟ
ฟู่ ฟู่ ฟู่
ท่ามกลางเสียงคำรามของอสูรเครื่องกลที่ดังออกมาจากทุกมุมของตระกูลหลิน อสูรหุ่นกลแต่ละตัวต่างพร่างพรูมารวมกันเหมือนสายน้ำไหล
หลินเจียงดูเหมือนจะเพิ่งตื่นจากฝัน และเตรียมยกเลิกการโจมตีจากอสูรหุ่นกลจู่ๆ ร่างกายของเขาก็แข็งค้างทันที
หลังจากนั้นเขามองลงมาที่กรงเล็บเสือที่ทะลุออกมาจากหน้าอกเขา
“เสือ..เขี้ยว..ดาบ..แห่ง..กองทัพ..ใต้
ถังเทียนไม่มีความเมตตาขณะที่เขาถอยตัวเองเข้าไปรวมกลุ่มกับอสูรหุ่นกลอีกครั้ง เขาได้ยินข่งโหย่วหลินและหลินเจียงสนทนากันทำให้เขาเกลียดหลินเจียงเข้ากระดูก จากนั้นเขาได้ยินว่าหลินเจียงลอบสืบสวนและวางแผนรับนกกระเทศเทศกลดังนั้น เขาจึงไม่มีความปราณียามโจมตีใส่เขา
หลินเว่ยมองดูหลินเจียงล้มลงในกองเลือด เขากลัวตายเหมือนกับว่าเป็นผู้ถูกทำร้ายเอง
ข่งโหย่วหลินวิ่งออกมาจากบอลเพลิงได้ดูเหมือนว่าสภาพเขาไม่ดีเลย เขาได้ยินเสียงคำรามของอสูรหุ่นกลและรู้ได้ทันทีว่าเขาตกอยู่ในความยุ่งยากเสียแล้วขณะที่สีหน้าของเขาขาวซีด
แย่แล้ว
เขาเพิ่งรู้ว่าเขาทำผิดพลาดไป เขาอยู่ในตระกูลหลินและเขาไม่สมควรตอบโต้ ฝ่ายตรงข้ามใช้หุ่นกลเพื่อปกปิดสถานะของตนเองและปะปนอยู่ในหมู่อสูรเครื่องกลและตอนนี้เขาโต้ตอบทำให้ดึงดูดการโจมตีจากอสูรหุ่นกลที่นี่ทั้งหมด
มีเพียงคนเดียวที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้
หลินเจียง!
“พี่หลิน! เร็วเข้า, ยกเลิกการโจมตี!”
ฝ่ามือของข่งโหย่วหลินหุ้มด้วยแสงสีขาวนุ่มนวลดูเหมือนการเล่นเงาในท้องฟ้า วิชาฝีมือระดับเจ็ด ฝ่ามือกระจายรังสี นิ้วของเขาเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าแสงขณะที่เขาสะบัด ชี้ เหวี่ยงและปาด รัศมีขาวปล่อยออกมาจากศีรษะเขาซึ่งเหมือนขนนก ขณะที่ขนพวกนั้นบินผ่านอากาศดูราวกับว่าแสงที่ไม่มีพลังแต่ทันทีที่ลูกศรบรอนซ์ที่แข็งแกร่งนี้สัมผัสกับมัน ก็กลายสภาพเป็นผุยผงทันที
หือ?หลินเจียงทำอะไรอยู่?
ข่งโหย่วหลินแตกตื่น มองจากหางตาของเขา เขาเห็นหลินเจียงนอนจมกองเลือด ถึงกับนัยน์ตาเบิกโพลง
แย่แล้ว
สีหน้าของข่งโหย่วหลินซีดขาว เขารู้ว่าครั้งนี้เขาตกอยู่ในความลำบากเสียแล้ว ศัตรูวางแผนไว้มากเกินกว่าเขาจะคาดการณ์ออก วิธีการที่โหดเหี้ยมน่ากลัวและเป็นความลับมีแต่นักสู้ที่โหดเหี้ยมอำมหิตเหล่านั้น สามารถใช้วิธีการที่ฉลาดอย่างนี้
เขาเคยสร้างความโกรธเคืองคนเช่นนี้เมื่อไหร่?
หรือเป็นศัตรูของตระกูลหลินที่เขาพบโดยบังเอิญ?
สีหน้าของข่งโหย่วหลินมิอาจคาดเดาได้ แต่ช่วงเวลานี้ตาของอสูรหุ่นกลทั้งหมดเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงแล้ว
อสูรหุ่นกลของตระกูลหลินไม่ได้สร้างไว้มากมายเพื่อขาย แต่ทั้งหมดนี้หลินเจียงทำเป็นส่วนตัวอำนาจสั่งการสูงสุดในการสั่งอสูรหุ่นกลก็คือหลินเจียง ตอนนี้เขาตายเสียแล้ว อสูรหุ่นกลทั้งหมดเข้าสู่สถานะคลุ้มคลั่งทันที
วืด..
บอลเพลิงเริ่มเริ่มออกมาจากข้อต่อของอสูรหุ่นกลและลุกท่วมทั้งตัวอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีแดงจัดขณะที่พวกมันซึมซับความประสงค์ของเจ้านายที่ตายแล้ว อสูรเครื่องกลทั้งหมดเริ่มรวมตัวกัน
อสูรเครื่องกลตัวหนึ่งมีไฟลุกท่วมคำรามด้วยความโกรธปลดปล่อยพลังออกจากขาทั้งสี่ และพุ่งขึ้นไปในอากาศตรงเข้าหาข่งโหย่วหลินทันทีข่งโหย่วหลินรู้สึกถึงบอลเพลิงลูกหนึ่ง แรงพุ่งเข้าหาของมันรวดเร็วน่าประหลาดพริบตาเดียวก็พุ่งมาถึงหน้าเขาแล้ว ความร้อนรอบๆ มันพุ่งเข้าหาเขา
อสูรหุ่นกลมีไฟลุกท่วมนัยน์ตาแดงฉานทำให้ใจของเขาหนาวสะท้าน
เขาเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหมัดรัศมีแสงสีขาวคลุมรอบมือของเขา รังสีหมัดสีขาวพุ่งออกจากหมัดของเขา
วิชาระดับเจ็ดของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธหมัดเกียรติยศ
กำปั้นปล่อยรังสีออกมาเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ทั้งชัดและสดใส
ปัง!
อสูรหุ่นกลต่อหน้าเขาระเบิดทันทีกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ เขาผ่อนลมหายใจจากนั้นก็มีเสียงหวีดหวิวทั่วทุกที่ เหมือนกับคลื่นน้ำ เปลวไฟลูกแล้วลูกเล่าโหมลุกโชนไปในอากาศ
หลังจากนั้นบอลเพลิงก็ปลิวร่วงลงพื้น เกิดแนวเส้นแสงสีแดงสว่างจ้าอยู่ทั่วทุกตำแหน่งพุ่งเข้าหาข่งโหย่วหลินที่ยังอยู่ในอากาศ
หน้าของข่งโหย่วหลินซีดไม่มีสีเลือดอีกต่อไป
※※※※※※※※
เมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอากาศ ถังเทียนและปิงเงียบ
“น่าเสียดาย” ถังเทียนพึมพำกับตัวเอง
“เสียดาย?เขากำลังหลบหนีจากหายนะ” ปิงไม่เข้าใจเขาคิดว่าตอนนี้ถังเทียนทำได้ดีแล้ว สามารถใช้ประโยชน์จากตนเองได้เต็มที่และใช้สติปัญญาได้เต็มประสิทธิภาพ ก็เหมือนกับที่เขาได้ตัดสินไว้ก่อนหน้านี้ สัญชาตญาณต่อสู้ของถังเทียนน่าทึ่งมาก
ถังเทียนควบคุมเสือเขี้ยวดาบให้กระโจนขึ้นลงด้วยขาทั้งสี่ ปลอมตัวเป็นอสูรจักรกลทันใดนั้นเขาวิ่งไปอยู่ข้างๆ ข่งโหย่วหลินและหลินเจียงทันทีและชิงลูกปัดวิญญาณได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของเขา
และเมื่อข่งโหย่วหลินดึงดูดการโจมตีจากอสูรหุ่นกลทั้งหมดถังเทียนถือโอกาสฆ่าหลินเจียงในการจู่โจมครั้งเดียว ปล่อยให้ข่งโหย่วหลินจมอยู่ในถนนความตายที่คับแคบ
พลังของอสูรหุ่นกลไม่ใช่สิ่งที่ปิงจะยอมรับได้ แต่เนื่องจากปริมาณของพวกมันมีมากและด้วยพลังเผาผลาญของหินหยกระดับนั้น แม้ด้วยพลังของข่งโหย่วหลินเขาก็ยังไม่อาจหลบได้
ปิงเข้าใจอสูรหุ่นกลดี และรู้พลังของฝูงอสูรจักรกลว่าพวกมันน่ากลัวขนาดไหน
เขาทึ่งที่ถังเทียน เจ้าเด็กร้ายกาจนี่เกิดมาเพื่อต่อสู้ ถังเทียนเมื่ออยู่ในช่วงต่อสู้แตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง เขาดูใจเย็น เจ้าเล่ห์ กล้าหาญ ดุดันไม่สับสน
ดังนั้นเมื่อได้ยินถังเทียนบอกว่าน่าสงสารเขาจึงรู้สึกประหลาดใจ
ถังเทียนมองดูหมัดของเขาเอง อารมณ์ของเขาหม่นหมอง เขาพูดว่า “สิ่งที่ข้าหมายถึงก็คือเสียดายที่ข้าไม่สามารถใช้หมัดของตัวเองเอาชนะเขา”
“ข้าไม่รู้ว่าทำไม ข้าจงเกลียดจงชังความรู้สึกที่อ่อนแอกว่าคนอื่นๆ ความรู้สึกนี้ คิดแล้วน่ากลัวและน่ารังเกียจมาก”
“ปิง,ข้าจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกให้ได้”ถังเทียนไม่ต้องจำต้องปกปิดความหยิ่งผยองและความสูงส่งบนใบหน้าและความจริงจังในดวงตาของเขา