ตอนที่ 86 ความตั้งใจของข่งโหย่วหลิน
มองจากมุมระยะไกลภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่องเกราะจักรกลสีบรอนซ์หม่นกำลังทะยานอยู่บนท้องฟ้าโดยฝีมือเด็กหนุ่มผู้คะนอง
เสือเขี้ยวดาบกระโจนได้สูงเหมือนนกยักษ์
ปิงตกใจปฏิกิริยาแรกที่เขามีก็คือ ความเคลื่อนไหวนี้ผิดธรรมดา การกระทำนี้ไม่สมเหตุผล การกระทำนี้มัน..
เขาเป็นเจ้าหน้าที่ทหารผู้เคร่งครัดและเข้มงวดกับการอบรมมาก แต่ขณะที่เขาตามเสือเขี้ยวดาบในอากาศ หัวใจของเขาบอกเบาๆ เหมือนกับว่าทุกอย่างจางหายไป จากนั้นเขาเห็นเสือเขี้ยวดาบแสงอยู่บนแสงอาทิตย์เหมือนกับเป็นภาพลวง เพราะเสือเขี้ยวดาบเป็นเหมือนกำลังบินอยู่กลางอากาศ
ปิงมองดูด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
เสือเขี้ยวดาบที่มีขนาดหนักเริ่มร่วงลง ถังเทียนเหยียดตัวกลางอากาศและยกแขนทั้งสองขึ้น เขาเตะขาข้างหนึ่งออกขณะที่อีกข้างหนึ่งงอ พื้นขยายใหญ่ขึ้นในสายตาของถังเทียน ถังเทียนไม่กลัว นัยน์ตาเขาเหมือนมีไฟลุกโชนรอยยิ้มกระหยิ่มปรากฏเต็มใบหน้าเขา
ตึ้ก!
เหมือนกับใช้มีดตัดเต้าหู้เสือเขี้ยวดาบเหยียดขาออกและเหมือนกับตะปู ขาของมันจมลึกลงไปในดินถึงเข่า
เสือเขี้ยวดาบไม่ได้ขยับ
เจ้าเด็กนี่...
ปิงมองเห็นขาของเสือเขี้ยวดาบอีกข้างหนึ่งที่คอยค้ำไว้จากที่ไกลและช่วยดึงขาที่จมลึกในดินออกมา หัวใจของปิงเต้นแรง สีหน้าเขาซับซ้อน ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดถึงผลกระทบดังกล่าวแต่นี่กลับไม่อยู่ในเรื่องเช่นนั้น เขาไม่เคยดูถูกศักยภาพของถังเทียน แต่...
เขามองเสือเขี้ยวดาบบรอนซ์ด้วยความงุนงงขณะที่มันดึงตัวออกจากดินอ่อน
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เรียนรู้การเร่งความเร็ววิ่งระยะสั้น แต่เขากลับทำให้สมบูรณ์แบบนี่สร้างความประหลาดใจให้กับปิง แต่นี่ก็เป็นเพียงความประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ปิงอึ้งก็คือถังเทียนกระโจนขึ้นไปในกลางอากาศ โดยไม่รู้ความคุ้มค่าของการก้าวกระโดด แต่ปิงรู้ชัดเจนในเรื่องนั้นนี่เรียกว่าท่าก้าวกระโจนในตำนาน มันอาจฟังดูแล้วธรรมดา และจำเป็นต้องใช้ในบทเรียนตามปกติเท่านั้นแต่ระยะที่สามารถทำได้อย่างเหมาะสมก็คือสองร้อยเมตรและนั่นก็นับว่ายากในตัวเองอยู่แล้ว แต่การกระโจนในระยะที่ไกลมากขนาดนี้ จำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้แรงกระโดดสูงสุด
ระยะกระโดดของถังเทียนเกินสองร้อยเมตรไปแล้ว แน่นอนว่ามันคือระยะสองร้อยยี่สิบสี่เมตร มาตรฐานขนาดนี้ แม้แต่ในอดีตที่ผ่านมา....
ปิงไม่เคยสอนถังเทียนถึงวิธีกระโจนระยะไกล
เจ้าเด็กบ้านี่ผิดมนุษย์มนาชัดๆ...
ถังเทียนลืมเลือนความจริงไปว่าเขาได้ทำสิ่งที่พิเศษ แต่เมื่อสามารถทำผลงานสำเร็จในแปดวินาที เขามีความสุขทันที ถ้าเขาอยู่ในที่ปลอดภัย เขาคงจะเปิดโชว์หน้าและคำรามใส่ปิงแล้วแต่สถานที่ในปัจจุบันนี้เขาทำได้เพียงตั้งท่าเบ่งกล้ามของบุรุษผู้แข็งแกร่งอวดความยินดีของตนเอง
ปิงหน้าเขียวคล้ำ
ไอ้เด็กบ้านี่....
โชคดีที่เจ้าเด็กบ้านี่ไม่ได้อยู่ในใต้บังคับบัญชาของเราในอดีต มิฉะนั้นบรรยากาศคงได้เลวร้ายเป็นแน่
ปิงคำรามด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว เขาลอยตัวมาอยู่ด้านข้างถังเทียนด้วยเร็วกว่าสายฟ้าเสียอีก
“ผู้เฒ่า!ตกใจล่ะสิที่หนุ่มน้อยชาวฟ้าทำได้ถูก” ถังเทียนดีใจ “ท่านผู้เฒ่ายังไม่เข้าใจถึงพลังของหนุ่มน้อยผู้นี้”
“ผู้เฒ่า...หึหึ...” ปิงหัวเราะเหี้ยมเกรียมพร้อมกับแผ่รังสีอำมหิต
ถังเทียนกลัวรังสีอำมหิตของปิงจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“หยา...เราต้องเร่งฝีเท้ากันแล้ว ไม่งั้นเจ้าบ้านั่นหนีไปแน่”
พอพูดจบถังเทียนหลบสายตาอำมหิตของปิงและกระโจนไปที่กำแพงอย่างรวดเร็ว
เขาตีลังกาลงบนกำแพง ทันทีที่หยุดได้ ถังเทียนตัวแข็งชะงักค้างกับที่ สิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาก็คือหมาป่าจักรกลบรอนซ์กำลังจ้องมาทางเขา เทียบกับนกกระจอกเทศจักรกลแล้ว หมาป่าจักรกลที่อยู่ต่อหน้าเขาเล็กและประณีต ด้วยรายละเอียดที่ดีและประณีต รูปร่างของมันเทียบได้กับหมาป่าแท้ แต่ตลอดทั้งตัวของมันเป็นชิ้นส่วนจักรกลทำด้วยบรอนซ์ด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อน กรงเล็บทั้งสี่คมเหมือนมีด ถ้าโดนมันตะปบใส่ ความแหลมคมคงได้ทำให้คนหวาดหวั่นได้ นัยน์ตาของหมาป่าบรอนซ์เปล่งประกายเป็นมันวาวเขียวมองดูแล้วแทบทำให้ถังเทียนขนลุกผมตั้งชันได้
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือขณะที่มองถังเทียน ประกายสีเขียวของนัยน์ตาของหมาป่าบรอนซ์ค่อยๆ สลัวลง
หมาป่าบรอนซ์หมุนตัวและจากไป
จากนั้นปิงมาโผล่อยู่ข้างๆถังเทียนและพูดขึ้นทันทีว่า “ตระกูลหลินนี้งี่เง่า อสูรหุ่นกลนี้ความจริงจำแนกความแตกต่างคนอื่นไม่ได้
ถังเทียนที่อยู่ภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่กระโดดด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดปิงอยู่ข้างๆ เขา
หือ
นิ้วของปิงวางทาบที่ริมฝีมือของเขาหน้าของเขาสงบและไม่แยแส ทำให้ถังเทียนคำรามอยู่ในลำคอ
หลังจากนั้นเขาค่อยแสดงความมั่นใจอีกครั้ง
ตาเฒ่านี่..จงใจทำ
ถังเทียนเกลียดมันจนกระทั่งฟันเขาเริ่มชา แต่มันไม่ใช่ที่จะระบายอารมณ์โกรธ ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธ
พอเห็นอสูรกลทุกตัวเมื่อผ่านพื้นที่ไป เมื่อใดก็ตามที่เสือเขี้ยวดาบเข้าไปใกล้พวกมัน อสูรหุ่นกลจะแสดงความระมัดระวังตาของมันจะเขียวขึ้น แต่แล้วก็หรี่สลัวลงอย่างรวดเร็ว
ที่คาดไม่ถึงก็คือถังเทียนไม่ได้ถูกขัดขวางเลยตลอดเส้นทาง
ทันใดนั้นข้างหน้าของเขามีเสียงดังเล็ดลอดออกมา ถังเทียนตื่นจากภวังค์ทันทีและเขาก้าวไปข้างหน้าเงียบๆ
※※※※※※※※
“ทุกครั้งที่ข้ามาที่บ้านท่านข้าประทับใจเสมอ” ข่งโหย่วหลินกวาดสายตาไปที่เครื่องกลบรอนซ์รอบๆ ตัวเขา
“ชมเกินไปแล้วพี่ข่ง” หัวหน้าตระกูลหลินพูดนอบน้อม เขาเป็นบุรุษวัยราวสี่สิบและผอม แต่นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยชีวิต เขาสวมชุดยาวเขียวและหัวเราะขณะกล่าว “เทียบกับพี่ข่งแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไร เกราะหงส์ของพี่ข่งมีชื่อเสียงมาก ขณะที่ข้าอยู่ในภูมิภาควิญญาณ ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อข้า”
ข่งโหย่วหลินหัวเราะออกมาดังๆ“ด้วยมาตรฐานอย่างข้า ข้าอายนัก” เขาลดเสียงลงและแกล้งทำเป็นถ่อมตัว “ตรงกันข้ามกับน้องสาวของข้าเธอบรรลุเป็นนักสู้ระดับแปดไปแล้วสร้างความลำบากใจให้ข้าในฐานะเป็นพี่ชายนัก”
หลินเจียงตื่นเต้น “ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด คุณหนูอี้หวี่อายุเพียงยี่สิบแปดปี และปีนี้ก็เลื่อนเป็นนักสู้ระดับแปดแล้วด้วยพรสวรรค์ขนาดนั้น ช่างน่ายินดียิ่งนักนะ พี่ข่ง”
ข่งโหย่วหลินแกล้งทำเป็นละอายตนเอง “ที่หลิน!อย่าล้อข้าเล่นต่อไปเลยข้าไม่อาจเทียบได้กับน้องสาว ว่าไปแล้วช่างน่าละอายยิ่งนัก”
ระหว่างที่เขาพูด เขาซ่อนความหยิ่งยโสไว้ น้องสาวเขาข่งอี้หวี่ได้เป็นนักสู้ระดับแปดก็หมายความว่าอำนาจของตระกูลข่งจะเพิ่มขึ้น เขาจะได้รับประโยชน์จากมันแน่นอน หลินเจียงจงใจพูดสร้างมิตรภาพเขาจะไม่ได้ยินได้ยังไง?
“พี่ข่ง, ที่ท่านพูดมานั้นได้แบบอย่างที่น่าเชื่อมั่นทรงพลังแบบนั้นในตระกูล ยังมีวันและคืนอีกยาวนานสำหรับน้องสาวอย่างนั้น”หลินเจียงทำเป็นสงบใจอยู่ไม่ได้
“ฮ่าฮ่า”ข่งโหย่วหลินหัวเราะ
ถึงตอนนี้ จู่ๆเด็กหนุ่มคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับตะโกน “ท่านพ่อ ท่านพ่อ”
หลินเจียงขมวดคิ้วและพึมพำ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าตะโกนลั่นไปทั้งบ้านอย่างนั้น?”
ถ้าถังเทียนอยู่ตรงนั้นด้วย เขาคงจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือกลุ่มเด็ก 2-3คนที่เขาเล่นงาน ชื่อว่าหลินเว่ย หลินเว่ยถูกหลินเจียงดุสั่งสอนและมองเห็นอาคันตุกะ เขารีบกล่าว “โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ข้าไม่เชื่อฟัง”
พอเห็นหลินเว่ยแสดงความสุภาพออกมา หลินเจียงค่อยผ่อนคลายลงบ้าง
ข่งโหย่วหลินยิ้มกว้าง “นี่คือลูกชายคนดีของท่านใช่ไหม? เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก ข้าสามารถเห็นความเยาว์วัยของท่านในตัวเขาได้”
สีหน้าหลินเจียงผ่อนคลาย “เร็วๆมาคารวะท่านลุงข่งซะ”
หลินเว่ยได้ยินจึงก้าวออกมาแสดงความเคารพเขาทันที
ข่งโหย่วหลินประคองหลินเว่ยขึ้นและยิ้มอ่อนโยน“หลานชาย, เจ้ารีบร้อนเข้ามา คงมีเรื่องรีบด่วนบางเรื่อง เชิญปรึกษากับบิดาเจ้าเถอะ ไม่ต้องเกรงใจข้า”
หลินเจียงโบกมือ “พี่ข่ง,ไม่ต้องมากมารยาทก็ได้ พูดออกมาได้เลย ลุงข่งเป็นคนกันเอง”
หลินเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงเรียนตามตรง “เจ้าอันธพาลที่ขี่นกกระจอกเทศบรอนซ์โผล่มาอีกแล้ว แต่คราวนี้ ดูเหมือนเขาจะไปสุมหัวกับเซรีน”
“เซรีน?”หลินเจียงขมวดคิ้ว
ข่งโหย่วหลินประหลาดใจ “นกกระจอกเทศบรอนซ์ของกองทัพดาวกางเขนใต้น่ะหรือ?”
หลินเจียงค่อยรู้สึกตัว และพยักหน้า“ถูกแล้ว เป็นของนั้นนั่นเอง วันนั้นลูกชายข้าเห็นว่าของนั่นใหญ่และน่าทึ่งจึงต้องการซื้อมันทันที คาดไม่ถึงเลยว่าผู้นั้นจะมีอารมณ์ที่ดุร้ายก้าวร้าว ใช้พลังของเขารังแกและกรรโชกทรัพย์พวกเด็กๆ พลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ความขัดเคืองใจเล็กๆ น้อยๆนี้ปกติตระกูลหลินเราจะไม่เก็บมาใส่ใจ แต่ก็อย่างที่พี่ข่งรู้ สำหรับตระกูลหลิน นกกระจอกเทศกลมีความสำคัญมาก ถ้าข้าได้เห็นด้วยตนเองสักครั้งการประดิษฐ์เครื่องกลของตระกูลหลินอาจจะก้าวหน้าไปอีกระดับก็ได้ ถ้าเขาสามารถเข้าร่วมได้ ตระกูลหลินยินดีจะจ่ายให้เท่าใดก็ได้”
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าพาหนะจักรกลโบราณของกองทัพดาวกางเขนใต้จะคงอยู่มาถึงยุคนี้ได้จริงๆ” ข่งโหย่วหลินประหลาดใจ แต่ปลอบใจว่า “เรื่องนี้ข้าจะช่วยสนับสนุนพี่หลินเอง พาหนะจักรกลอย่างนี้อยู่ในมือพวกเขาถือว่าเสียของเปล่าๆ แต่ถ้าอยู่ในมือของพี่หลินวิชาประดิษฐ์เครื่องกลจะได้รับการฟื้นฟูและแสดงคุณค่าที่แท้จริงของมันได้”
หลินเจียงตอบไม่แยแส “มีเพียงพี่ข่งที่รู้ใจข้าดีที่สุด”
“คนอื่นๆอาจไม่รู้ผลสำเร็จของพี่หลิน แต่ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง?” ข่งโหย่วหลินถาม “สนามซ้อมขจัดจุดอ่อนที่พี่หลินสร้างขึ้น ภายในสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธล้วนสรรเสริญกันทั้งนั้น
หลินเจียงถ่อมตัวทันทนี “พี่ข่ง, ท่านยกยอข้ามากไปแล้ว นั่นยังคงเป็นครั้งแรกที่ข้าสร้างผลงานอย่างนั้น ข้าสงสัยว่าสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนเป็นยังไงบ้าง?”
“เอ่อ,นั่นคือเหตุที่ข้ามาที่นี่” ข่งโหย่วหลินกล่าว
“ไม่ทราบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนหรือเปล่า?”หลินเจียงชะงักและพูดโดยเร็ว
“พี่หลิน ท่านอาจจะไม่ได้ยินเรื่องนี้มา สนามซ้อมขจัดจุดอ่อนไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว” ข่งโหย่วหลินถอนหายใจเบาๆและถูกจ้องมองด้วยสายตาประหลาดใจจากหลินเจียงและหลินเว่ย “ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ข้าได้ไปคัดเลือกตัวเด็กจากดาวอู่อัน หนึ่งในเด็กใหม่นั้นท้าประลองกับเวทีขจัดจุดอ่อน แต่เขากลับทำให้เวทีขจัดจุดอ่อนทั้งหมดและตาแมวสีสวาดระเบิด และการ์ดอื่นๆพลอยถูกทำลายไปด้วย”
“เป็นไปไม่ได้”หลินเจียงตกใจและโพล่งออกมาทันที
ข่งโหย่วหลินลำดับเหตุการณ์และเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีกครั้ง
หลินเจียงนั่งฟังเงียบๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น“ข้อสันนิษฐานของพี่ข่งเป็นไปได้มากที่สุด นอกจากพลังของสายเลือด ข้าก็เหมือนกัน ไม่คิดว่าพลังงานแบบนั้นจะทำให้ตาแมวสีสวาดระเบิดได้ แต่ส่วนที่แพงและสำคัญของเหตุการณ์นี้ก็คือสมบัติดวงดาว นอกจากนี้ พลังของสายเลือดช่างไร้ประโยชน์นัก”
“ใช่แล้วโอนั่นคือเหตุผลที่เขาถูกส่งตัวไปค่ายสุสานใหญ่” ข่งโหย่วหลินสรุปและยิ้ม “สำหรับนักสู้ที่มีสายเลือดดุร้ายและแข็งแกร่งอย่างนั้น จะปล่อยให้องค์การวิญญาณมืดจับตัวไปไม่ได้”
พอได้ยินชื่อค่ายทหารสุสานใหญ่หลินเจียงใจตกวูบ ทั้งที่ข่งโหย่งหลินเป็นคนอำมหิต แต่เขาก็ยังพูด “พี่ข่ง ท่านช่างใจดีนักยังอุตส่าห์ไว้ชีวิตเขา”
“เฮ้อ...ท่านก็รู้ปัญหาของข้า บางครั้งข้าก็ยังลังเลอยู่บ้าง”ข่งโหย่วหลิงแสร้งหัวเราะเยาะตนเอง “แต่ครั้งนี้ ข้าอยากจะขอร้องพี่ร้องพี่หลินช่วยข้าสร้างเวทีขจัดจุดอ่อนขึ้นมาอีกครั้งได้ไหม?
หลินเจียงมีสีหน้ายุ่งยาก
ข่งโหย่วหลินคาดไว้นานแล้วว่าเวลาที่หลินเจียงใช้สร้างเวทีขจัดจุดอ่อนนั้นนานมาก แต่เนื่องจากเขามาแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องได้บางอย่างไว้พึ่งพาเป็นธรรมดา ดังนั้นเขาจึงยิ้มและกล่าว “พี่หลินข้ารู้ว่าท่านยุ่งอยู่กับงานท่าน ข้าได้ยินมาว่าอสูรเครื่องกลของตระกูลหลินถูกขายออกไปในหมู่ดาวที่อยู่ห่างไกล วันนี้ข้าเอาของดีๆ ติดตัวมาด้วย”ข่งโหย่วหลินฉีกยิ้ม