ตอนที่ 81 เสือเขี้ยวดาบ
เป็นเหมือนกับประตูเข้าสู่อีกโลกหนึ่งเปิดขึ้น
ความทรงจำที่หลับใหลและจางหายในความมืดมิดนานนับพันปีและพอมีแสงวาบขึ้นมันก็ถูกปลุกขึ้น
แถวของเครื่องกลชั้นบรอนซ์เรียงรายเป็นระเบียบเหมือนกับอสูรร้าย พวกมันยืนอยู่ในความเงียบสงบและมองดูไม่สิ้นสุดเงาสีบรอนซ์เข้มฉายปกคลุมไปทั่วในพื้นที่ปราศจากการตกแต่ง
ถังเทียนเดินตรงเข้าไปอย่างมึนงง เขาตกใจกับภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา เขาคุมสติเดินไปข้างหน้า ขณะที่นัยน์ตาเป็นประกายจ้องมองเครื่องกลชั้นบรอนซ์
เครื่องกลบรอนซ์เป็นของดูแปลกบางเครื่องก็รูปร่างเหมือนสัตว์ร้าย บางตัวก็เหมือนกับมนุษย์ แต่โดยส่วนใหญ่ ถังเทียนไม่อาจอธิบายได้ เครื่องจักรกลชั้นบรอนซ์แต่ละเครื่องมีกลิ่นอายสังหารที่มิอาจอธิบายได้ สีบรอนซ์คล้ำเพิ่มรังสีให้พวกมันด้วย
“ฐานค่ายแห่งนี้ส่วนใหญ่จะใช้เวลาที่เหลือเพื่อให้คนที่อยู่ได้ฝึกฝน ห้องเก็บของนี้ยังเล็กอยู่มาก” ปิงพูดโดยไม่มีอะไรเปลี่ยน
เล็กมาก
นี่ถูกมองว่าเล็ก
ถังเทียนไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของเขาได้อย่างไร เขามิอาจนึกภาพออกเลยว่ากองทัพดาวกางเขนใต้จะแข็งแกร่งมากเพียงไหน
ปิงมองดูรอบๆแล้วรู้สึกโล่งใจ “ข้าจำได้ว่าฐานทัพนี้ออกแบบโดยหลัวซือ ความคิดของเจ้านั่นเพี้ยนและบ้าบอแต่สถานที่นี้รักษาอยู่รอดมาได้ดี ก็ต้องขอบคุณเขาทั้งหมดเจ้าสามารถตรวจดูได้ด้วยตัวเองเลยว่าอุปกรณ์เครื่องมือทหารนี้คล้ายอะไร ของทั้งหลายแหล่ที่เจ้านั่นใช้ไม่มีอยู่ที่นี่”
“เพื่อคนเพี้ยนไม่ปกติเหรอ?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
“อืมมม, ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมีแบบเครื่องกลที่สร้างให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่พวกเขาต้องการ ทหารทั่วไปจะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้” ปิงอธิบาย
“เครื่องจักรกลเหล่านี้ยังใช้งานได้หรือไม่?” ถังเทียนอดถามอย่างช่วยไม่ได้
“ก็น่าจะได้” ปิงยังไม่แน่ใจนัก “เจ้าเลือกมาลองสักตัวหนึ่งก็ได้”
“เยี่ยมเลย” ถังเทียนดีใจ เขาดีใจอยู่ไม่นานก็ลองมองหาดูเครื่องกลชั้นบรอนซ์เครื่องหนึ่ง
นี่คือหุ่นมนุษย์ธรรมดาพื้นฐานเครื่องหนึ่งดูเหมือนเป็นเกราะใหญ่สูงประมาณสองเมตรความรู้สึกสึกแรกที่คนได้รับจากเครื่องจักรข้างหน้านี้ก็คือ ความน่ากลัวหัวของมันคือเสือ สง่างามและเคร่งขรึม ข้อต่อทั้งหมดมีปุ่มเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อต่อนิ้วของมัน ถังเทียนจินตนาการด้วยตนว่ากำลังใช้หมัดของเขาต่อยศัตรูหมัดที่แหลมคมสามารถทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ของเขาได้ ด้วยพลังที่มหาศาล มันสามารถทำลายทุกอย่างได้กรงเล็บที่แหลมคนทั้งสิบ สร้างความเสียหายให้คู่ต่อสู้ได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเข่าและศอกคู่ต่อสู้คงได้ยอมแพ้ทันทีที่โดนโจมตี
“เอาตัวนี้แหละ” ถังเทียนพูดโดยไม่ลังเลใจ
ปิงมองดูและพยักหน้า “เจ้าก็มีรสนิยมดีนี่,มันเรียกว่าเสือเขี้ยวดาบ เป็นเกราะพื้นฐานสำหรับยอดฝีมือสู้ระยะประชิด เหมาะมากสำหรับแนวการต่อสู้ของเจ้า”
“เสือเขี้ยวดาบ...”ถังเทียนรู้สึกหลงรักชื่อเช่นนี้
“เครื่องจักรกลรูปแบบนี้เรียกว่าอุปกรณ์เกราะ” ปิงเสริมขณะที่เขาชี้มาที่เสือเขี้ยวดาบ “จุดเด่นของมันก็คือความคล่องแคล่วและการให้ความสำคัญในการโจมตีวิชาหมัดมวย, ฝ่ามือ, กรงเล็บ, วิชาทำลายข้อต่อหรือท่าเท้าวิชาเหล่านี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นทันทีอย่างน้อย 20-25%ตามมาตรฐานของผู้ใช้”
ถังเทียนตื่นเต้น สำหรับวิทยายุทธที่ถูกเสริมพลังขึ้นถึง20% นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่น่ากลัวเป็นเรื่องยากมากที่วิชาต่อสู้จะเพิ่มระดับสูงถึง 20%
“อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีจุดอ่อนเช่นกัน” ปิงพูดต่อ “เสือเขี้ยวดาบมีพลังป้องกันอ่อนด้อยความหนักของมันละเมิดข้อห้ามป้องกัน นอกจากนี้ พลังปราณเที่ยงแท้ที่เสริมเข้าไปจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญทันที มันคงจะดีถ้าสู้เพียงระยะเวลาสั้นๆ สำหรับการสู้ระยะยาวมันไม่อาจสำแดงพลังได้”
ขณะที่ปิงพูดคำนี้เขาเปิดชุดเกราะที่อกของมันออก ข้างในว่างเปล่า แต่มีเส้นแสงสีแดงวิ่งทับซ้อนกันไปมา ภายใต้แสงสีบรอนซ์เข้ม สีแดงนั้น แดงสะดุดตากว่าปกติ
“เหมือนกับเส้นโลหิตของมนุษย์เลยไม่ใช่เหรอ?” ปิงกำลังดำเนินการขณะที่ถาม
“ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย” ถังเทียนพยักหน้า
“เอาหินดวงดาววางไว้ตรงนี้” ปิงชี้ไปที่ร่องผนังด้านใน“แม้ว่าเกราะด้านหลังถูกออกแบบมาหนาที่สุดทนต่อการโจมตีที่รุนแรงแต่เจ้าอย่าใช้มันเป็นโล่จะดีกว่า ถ้าศัตรูของเจ้าตระหนักถึงข้อนี้ได้ ก็จะใช้พลังที่กล้าแข็งโจมตีอาจทำให้ร่องแตกและเปิดออกอา..พอถึงตอนนั้นเจ้าสิ่งนี้อาจกลายเป็นกระป๋องบรอนซ์ก็ได้”
ดูเหมือนปิงจะคุ้นเคยกับมัน
“เอาละ, เจ้าสามารถเข้าไปได้แล้ว และลองใช้ดู”
เมื่อถังเทียนได้ยินเช่นนั้นเขาเบียดตัวเขาไปทันที
“ก้าวออกมาสองก้าว” ปิงพับแขนและมองดูจากด้านข้าง เขามีนิสัยชอบตบกระเป๋าตัวเองแต่ก็ทำให้เขาจำได้ว่าเขากลายเป็นขุนพลวิญญาณไปแล้ว ด้วยความรู้สึกผิดในใจ ถ้าเขามีซิการ์สักมวน นั่นจะดูดีแค่ไหน...
ถังเทียนตื่นเต้นมากก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ในที่สุด เขายังไม่เข้าใจการใช้พลังอย่างถูกต้องทำให้ตัวเสียสมดุลจนหน้าคะมำลงกับพื้น
ปิงมองกลับมาและไม่อาจช่วยอะไรได้ ได้แต่มองเขาอย่างเหยียดหยาม “โอว โอว โอวพ่อหนุ่ม ความคุมพลังให้ดีมันจะขยายพลังที่เจ้าปลดปล่อยออกมา”
ด้วยเหตุนั้นเสือเขี้ยวดาบกระโจนขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง มันชนกับเพดานจนบุ๋ม จากนั้นก็ร่วงกลับลงมาที่พื้นทำให้ฝุ่นนับไม่ถ้วนฟุ้งขึ้น
“พ่อหนุ่ม, เจ้าเล่นไปพลางๆ ก่อน ข้าจะไปดูทางด้านอื่น อย่าห่วง เจ้าของเล่นนี้ทนทาน และไม่พังง่ายๆแน่นอน”
พอพูดเสร็จปิงหายไปในอากาศเบาบาง
นับเป็นครั้งแรกที่ถังเทียนมีของเล่นสนุกๆอยู่ในมือ ตั้งแต่แรกไม่ง่ายเลยที่จะควบคุมและเขาร่วงลงมาหลายครั้งมาก ถังเทียนมีปฏิกิริยาเหมือนสัตว์ป่าและเขาตั้งท่ามือ
แคร้ง แคร้ง แคร้ง!
ถังเทียนสวมชุดเสือเขี้ยวดาบและวิ่งไปในคลังอาวุธทหารอย่างบ้าคลั่งบางครั้งก็ชนเครื่องกลอาวุธอื่น แต่เขาไม่สนใจ เขาแค่รู้สึกไร้กังวลอย่างไม่อาจอธิบายได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีมวลพลังงานอยู่ในร่างกายเขา สำหรับการทดสอบเครื่องกลอาวุธเป็นการส่วนตัวให้ความรู้สึกที่สดชื่นมาก ถังเทียนชื่นชมคนของกองทัพดาวกางเขนใต้มากกว่าที่เขาชื่นชมตัวเอง ใครก็ตามที่สร้างเครื่องกลนี้ขึ้นมาได้พวกเขาทรงพลังมากจริงๆ แม้ว่ามันดูเหมือนหนักมากแต่มันต้องการพลังเล็กน้อยมากเพื่อกระตุ้นให้มันเคลื่อนที่ และมันว่องไวมาก
เสือเขี้ยวดาบสามารถหยุดได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ถังเทียนสูดลมหายใจลึกและปล่อยพลังหมัด การใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในทั้งร่างกายเขาพรั่งพรูออกมาโดยเร็ว
หมัดถล่มทลาย
ปัง
ตรงที่ซึ่งถูกหมัดต่อยบรรยากาศถูกทำลายกระจายเป็นชิ้นอย่างสิ้นเชิง อากาศรอบๆ หมัดเขายุบลงอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดพลังคลื่นเสียงระเบิดที่น่ากลัว
แข็งแกร่งมาก
ถังเทียนตะลึงกับหมัดที่ต่อยออกไป
เขาเข้าใจชัดถึงพลังหมัดถล่มทลายเป็นอย่างดีแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ขณะที่สวมชุดเกราะเสือเขี้ยวดาบ การขยายพลังถล่มทลายนั้นมากมายมหาศาล ปกติพลังถล่มทลายจะสามารถสร้างพลังฝ่าอากาศโดยรอบ แต่ยังไม่ถึงกับทำลายได้ พลังถล่มทลายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20%และก็เป็นเช่นนั้นจริง
เลือดร้อนของถังเทียนพลุกพล่านทันทีขณะที่เขาเริ่มต้นฝึกวิทยายุทธรูปแบบต่างๆ อย่างบ้าคลั่ง
วิทยายุทธรูปแบบต่างๆของเขากลายเป็นดุดันมาก พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ถังเทียนรู้สึกว่าเขาเองเป็นเหมือนเครื่องจักรกลต่อสู้ที่บ้าคลั่งกวาดล้างทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเขา
※※※※※※※※
ปิงมองดูตราที่อยู่ต่อหน้าเขา
เป็นตราขนาดมหึมาที่ค่ายทหารทุกแห่งจะต้องมี ภายในนั้นเป็นตราของกองทัพสัญลักษณ์ของกองทัพดาวกางเขนใต้
ปิงยื่นมือออกไปและสัมผัสตรานั้น
จู่ๆ ตราสัญลักษณ์นั้นก็สว่างขึ้นเป็นแสงเลือนราง เครื่องหมายกางเขนของดาวกางเขนใต้เป็นเหมือนดาวที่ถูกปลุกตื่นขึ้น
“ท่านผู้บัญชาการ, ท่านอย่าโกหกข้าจะดีกว่า...”ปิงรำพึง
ทันใดนั้นแสงบรอนซ์ส่องเข้ามาในร่างของเขา ตราสัญลักษณ์บนผนังอับแสงลงอย่างรวดเร็ว
ร่างของปิงสั่นเทิ้มและทันใดนั้นบนหน้าผากของเขาปรากฏเครื่องหมายกางเขนของดาวกางเขนใต้สีบรอนซ์ ร่างแต่เดิมของเขาที่โปร่งแสง กลายเป็นร่างมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นและเป็นร่างจริง
จากใบหน้าที่ว่างเปล่า จู่ๆ ก็มีนัยน์ตา, จมูก, ปากและคิ้วทันที
หลังจากนั้นชั่วขณะ การเปลี่ยนแปลงก็หยุด
ปิงลืมตา ตราสัญลักษณ์ต่อหน้าเขากลายเป็นกระจกทันทีและพอเห็นบุคคลที่อยู่ในกระจกปิงตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเขาตวาดด้วยความโมโหทันที “ผู้บัญชาการ, บัดซบเอ๊ย! อย่าบอกนะว่าท่านสร้างตราสัญลักษณ์นี้แล้วท่านก็ยังเล่นไพ่อยู่เลย....”
ในกระจก, ตา, ปาก,จมูกและคิ้วสามารถขยับได้ แต่ความจริงมันดูเหมือนถูกวาดขึ้น
จากที่เดิมทีไร้หน้า กลับมีใบหน้าที่เหมือนภาพวาด เป็นภาพในสำรับไพ่จริงๆด้วย
ปิงตะโกนโวยวายใส่ตราสัญลักษณ์อยู่นานกว่าจะหยุดได้ในที่สุด ขณะที่เขาจ้องมองว่างเปล่าอยู่ที่ตราสัญลักษณ์ เขาพูดว่า “ท่านกับกลุ่มตัวแสบของท่านคงสนุกกับการเล่นไพ่อยู่ในนรกใช่หรือเปล่า? ถึงได้ปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียวในโลกนี้ อย่าบอกนะว่าข้าไม่ได้เป็นขาประจำเล่นไพ่กับท่าน...”
ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น น้ำตาได้บดบังการมองเห็นของเขา
ปิงปาดน้ำตาออกไป มองดูตราสัญลักษณ์และพึมพำ “เล่นไพ่ในน้ำเปียกโชกก็ว่าน่าเกลียดพอแล้วแต่แน่นอนว่ามันอันตรายเกินไปที่คนเลือดร้อนอย่างข้าต้องมารับบทบาทผู้ให้การฝึกสอน”
เขากลับมาได้สติอีกทีและรอเวลาก่อนจะพูดช้าๆ “ผู้บัญชาการ, นอกจากฝึกทหารใหม่ ข้าไม่รู้อะไรอย่างอื่น อย่างไรก็ตามข้าคิดว่าตั้งแต่พวกท่านทุกคนเตะข้ากลับมาที่นี่นั่นหมายความว่ามีบางอย่างที่จำเป็นต้องทำ พวกเจ้าทุกคนไม่ยอมรับความล้มเหลวใช่ไหม?พวกเจ้าทุกคนไม่ยอมรับว่าถูกทำลายใช่หรือเปล่า? ข้าพูดถูกไหม, พวกเจ้าทุกคนไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย”
“ท่านผู้บัญชาการ, ท่านไม่มา,อาซิ่น แกเจ้าขี้ขลาดที่ไม่ยอมแพ้ตอนเล่นไพ่ก็ไม่มา หลัวซือเจ้าคือครูช่างเครื่องกลที่เก่งที่สุดของเราเจ้าก็ยังไม่มาด้วย” ปิงมองดูฝ่ามือตนเอง “พวกเจ้าทุกคนเตะข้าคนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดกลับมาที่นี่,ทำไมกัน..ท่านผู้บัญชาการ”
“นอกจากฝึกแล้วข้าไม่รู้เรื่องอะไรอื่น” ปิงนั่งลง โน้มตัวไปที่ตราสัญลักณ์บนผนังและพูดกับตนเอง “พวกเจ้าล้วนเป็นกลุ่มที่ทรงพลัง แต่พวกเจ้าขี้เกียจกันทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ยอมเลิกราแต่กลับปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง เดี๋ยวนี้พวกเจ้าขี้ขลาดกันทั้งนั้น แต่เจ้าถังเทียนนี่ไม่เลวจริงๆ โอว..เต็มไปด้วยศักยภาพ เพียงแต่ว่าของในยุคสมัยของเราค่อนข้างจะล้าสมัยไปบ้าง นี่คือปัญหา...”
และเขาเอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้น พูดเรื่อยเปื่อยไม่รู้จบเหมือนกับว่าเขากำลังสนทนากับสหายเก่าตามปกติแสงจากด้านบนก่อให้เกิดเงายาวบนตราสัญลักษณ์(กางเขน)บรอนซ์บนผนังและทอดตัวลงข้างๆ ปิง เหมือนกับเป็นแขนสหายที่กอดคอกันในวันคืนเก่าก่อน