Ep.453 - กำราบ
2/3
Ep.453 - กำราบ
เผ่าทรายสีชาดระดับสูงถือกำเนิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
พวกมันอยู่ในสถานที่นี้ เป็นประชากรของเทือกเขาทรายสีชาด
ในฐานะผู้อยู่อันดับสูงที่สุดในกลุ่ม ด้วยพลังรบของเพลิงสีชาด มันสามารถสั่งการเหล่าสายพันธุ์รองของเผ่าทรายสีชาดได้หลายพันตน ดังนั้นต้องรีบกำจัดเจ้าหมอนี่
ถ้าพวกมันพบผู้บุกรุกและจัดตั้งกองกำลังขนาดใหญ่สำเร็จ สถานการณ์อาจเลวร้าย!
ฮังอวี่เปิดโจมตีอย่างกะทันหันกับเผ่าทรายสีชาดระดับสูง
โชคดีที่เพลิงสีชาดตอบสนองช้า
ทำให้ฮังอวี่เปิดใช้งานจัตุรัสคุกโลหิตได้ทันเวลา ด้วยการควบคุมหน่วงเหนี่ยวของสกิลนี้ สมาชิกระดับสูงของเผ่าทรายสีชาดจึงถูกขังอยู่ข้างใน หากคิดหลบหนีในช่วงเวลาสั้นๆ ยากจะทำได้
ฉินมู่เพิ่มสกิลควบคุมภาคสนามอีกสองสามอย่างลงไป ปิดกั้นการรับรู้และกลิ่นอายทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์ทรายสีชาดสายพันธุ์รองที่สัญจรไปมาใกล้ๆ ไม่สามารถรับรู้ถึงสถานที่แห่งนี้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเขาเป็นใคร?”
เผ่าทรายสีชาดที่นำโดยเพลิงสีชาด แม้พวกมันจะตื่นรู้เป็นสายพันธุ์ที่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ยังคงอยู่ และด้วยสติปัญญาที่มี ทำให้สามารถนึกคิดได้ ไม่เหมือนตอนเป็นสายพันธุ์รอง สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ
ฮังเสี่ยวไป๋ปลดล่อยแสงแห่งแดนมายา
ภาพลวงตาเข้าโจมตีจิตใจของเหล่าเผ่าทรายสีชาด
นอกเหนือจากเพลิงสีชาดที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถขจัดสิ่งรบกวนนี้ได้ในพริบตาแล้ว อีกหลายตนตกอยู่ในภาวะเฉื่อยชา
เพลิงสีชาดตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดี ยกง้าวขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างสับออกไป เล็งใส่ฮังอวี่ผู้ปลดปล่อยคุกโลหิต
จ้าวหมิงเห็นแบบนั้น รีบเปิดใช้งานเกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์ของเขาทันที เข้าป้องกันการโจมตีอันหนักหน่วงด้วยโล่ยักษ์ เนื่องจากนี่ไม่ใช่การโจมตีด้วยธาตุไฟ อุปกรณ์กันไฟเต็มตัวจึงไร้ความหมาย เกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์แตกเป็นเสี่ยงๆ
พลังโจมตีรุนแรงมาก!
ชายผู้นี้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมฮังอวี่!
และถ้าเทียบกับฮังอวี่แบบชัดๆ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแกร่งกว่าเล็กน้อย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจ้าหมอนี่เคยเป็นถึงมอนสเตอร์ระดับทรราชย์ขั้นโกลด์ ขณะที่ระดับปัจจุบันของฮังอวี่คือพลังรบในระดับมอนสเตอร์ทรราชย์ขั้นซิลเวอร์
ในกรณีสู้แบบตัวต่อตัว ฮังอวี่อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเพลิงสีชาด
เช่นนั้นแล้วสถานการณ์ในตอนนี้เล่า?
ผลลัพธ์ไม่ต้องลุ้นเลย!
นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่สามารถเปิดการโจมตีก่อนได้สำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะขณะที่วิญญาณของเพลิงสีชาดเกิดการเปลี่ยนจากการตื่นรู้ ค่าร่างกายและพลังจิตของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
ตามปกติแล้วมอนสเตอร์ระดับทรราชย์ขั้นโกลด์เลเวล 15 อย่างน้อยที่สุดต้องมีพลังชีวิตและพลังจิตประมาณ 60,000 และพลังการฟื้นฟูก็สูงจนน่าตกใจ
แต่ราคาที่ต้องแลกคือการขาดสติปัญญา
เมื่อเพลิงสีชาดมีสติปัญญา ค่าพลังชีวิต , ค่าพลังจิต , อัตราการฟื้นฟู จึงลดลงอย่างมาก ทุกวันนี้มันเหลือพลังชีวิตแค่ประมาณ 2,000 เท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
หลังจากเพลิงสีชาดตื่นรู้ มันได้รับสติปัญญา ความนึกคิด และการตระหนักรู้ในตนเอง
แต่ก็สูญเสียค่าพลังชีวิต ค่าพลังจิต และคุณสมบัติอื่นๆ ไปมาก
ตราบใดที่ล่อมันให้ติดกับได้ อัตราความสำเร็จในการฆ่าเพลิงสีชาด ง่ายยิ่งกว่าการสังหารจอมพลสีชาดมาก!
“สะบั้นเพลิงคลั่ง!”
“เพลิงพิโรธสะบั้นต่อเนื่อง!”
“เพลิงทำลายล้าง!”
พลังรบอันแก่กล้าของเพลิงสีชาดได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ สกิลรบอันดุร้ายดุดัน แม้แต่จ้าวหมิงก็ยังรู้สึกเต็มกลืน แต่ด้วยการสนับสนุนจากผู้รักษาเจียงหนาน และคนอื่นๆช่วยแบ่งเบาภาระ ทำให้ยังไม่ถึงขีดอันตราย
ถึงขั้นนี้แล้วยังทำอะไรไม่ได้ เพลิงสีชาดรู้สึกว่าไม่มีทางสู้ได้เลย!
อย่างแรกคือมันไม่มีกระทั่งโพชั่น อีกทั้งยังไม่มีผู้รักษาคอยเติมเลือด และไม่ต้องกล่าวถึงพลังในการฟื้นฟูพลังชีวิตที่สูญเสียไปจากการตื่นรู้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ไม่นานทุกตนก็ถูกกำราบอย่างรวดเร็ว
การสังหารหมู่แทบจะถูกตอกตะปูฝาโลง!
เพลิงสีชาดรู้สึกได้ถึงความกลัว การมีสติปัญญา ความนึกคิด และการตระหนักเท่าทันตนเองเป็นสิ่งที่วิเศษ
มันไม่อยากหายไปอีกแล้ว! ไม่อยากกลายเป็นมอนสเตอร์อีกต่อไป!
หากถูกฆ่าตายที่นี่ แล้วโดนอีกฝ่ายทำลายแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพในถ้ำ
จากนั้นวิญญาณของมันที่เพิ่งตื่นรู้ก็จะแหลกสลายไปอีกครั้ง
เพลิงสีชาดเพิ่งตื่นรู้ได้แค่กี่วัน? เวลานี้มันจึงเหมือนเด็กที่เพิ่งรู้จักโลกใบนี้ เมื่อต้องเผชิญกับความตายก่อนวัยอันควรทั้งๆที่ยังไม่เห็นโลกกว้าง มันก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ไม่!
เพลิงสีชาดสูญเสียพลังชีวิตอย่างรุนแรง มันเริ่มอ่อนแอลง จังหวะนั้นรีบตะโกนทันที “ช้าก่อน!”
ใจของฮังอวี่กระตุกวูบ
“เหล่าฉู ลุค หยุดก่อน ฟังว่ามันอยากจะพูดอะไร”
เพลิงสีชาดรักษาชีวิตไว้ได้ชั่วคราว
สมาชิกเผ่าทรายสีชาดหลายตนก็ได้สติกลับมาแล้วเช่นกัน
เมื่อชาวโลกวิญญาณที่ไม่เคยพบเจอโลกกว้างเหล่านี้ได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทุกตนดูหวาดกลัวมาก กลัวว่าจะล่วงลับอีกครั้งทั้งๆที่เพิ่งตื่นจากนิทรา
ฮังอวี่มองเพลิงสีชาดด้วยความสนใจ “นายควรมีเหตุผลมากพอที่จะแยกแยะสถานการณ์ ถ้าพวกเราต้องการฆ่านาย ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ว่าแต่นายจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตตัวเอง?”
เพลิงสีชาดรู้สึกสับสน
มันเพิ่งตื่นได้สิบวัน!
ยังเป็นแค่เด็ก!
มันไม่มีอะไรอยู่ในมือ นอกเหนือจากชุดคุณภาพสีฟ้าบนตัว
แต่มันคงไม่สามารถมอบอุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกไหม? เพราะต่อให้รอดพ้นจากภัยคุกคามนี้ แต่เมื่อครั้งที่สองและสามตามมา คงไม่รอดแน่ๆ
เพลิงสีชาดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน และพบว่ามีทางออกเดียว “ข้ายินดีขอลี้ภัยไปอยู่กับท่าน”
เหล่าเผ่าทรายสีชาดตนอื่น ๆ พอได้ยิน
พวกมันทั้งหมดก็รีบแสดงความเต็มใจที่จะลี้ภัยเช่นกัน
พวกมันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
แม้มีบางตนเคยแนะนำให้ยึดครองดินแดน แต่พวกมันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาณาจักรมังกรโลกา หากรีบร้อนออกจากอาณาเขตเทือกเขาสีชาด ไม่ต้องกล่าวถึงความสำเร็จ บางทีอาจกลายเป็นล่วงเกินผู้คนไม่น้อย
แทนที่จะเป็นอย่างนั้น
สู้รักษาชีวิตไว้จะดีกว่า
เข้าร่วมกองกำลังเบื้องหน้า
ฮังอวี่เอ่ยถามตรงๆ “นายชื่ออะไร แล้วมีมรดกหลักคืออะไร?”
อีกฝ่ายตอบว่า “ข้าชื่อเพลิงสีชาด มรดกหลักคือจ้าวสงครามขั้น 4”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
เจ้าหมอนี่มีมรดกขั้น 4 ที่เหมือนกับคาลิมัวงั้นหรือ? ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรแบบนี้!
ชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณมีสองประเภท
ประเภทแรกคือคนส่วนใหญ่ที่เติบโตอย่างช้าๆจากจุดต่ำสุดและก้าวสู่อำนาจใหญ่ คนกลุ่มนี้อาจได้ขึ้นเป็นผู้ครองแคว้น หรือกระทั่งราชา
แต่ประเภทที่สองนั้นตรงกันข้าม ทันทีที่ตื่นขึ้นมา พวกเขาก็พบว่าตัวเองมีพลังรบทัดเทียมกับขุนนางใหญ่ หรือมีกระทั่งอำนาจของระดับราชันย์ มีทุนมากพอที่จะเรียกลมฝนในโลกวิญญาณ
แม้ว่าสถานการณ์นี้จะหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน
คาลิมัวเป็นประเภทแรก
เพลิงสีชาดเป็นประเภทที่สอง
บรรพบุรุษของเพลิงสีชาด คือจอมพลทรายสีชาด จุดเริ่มต้นสูงมาก
จอมพลทรายสีชาดก็มีความสามารถคล้ายๆกับเพลิงสีชาด ดังนั้นการได้ครอบครองมรดกนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
พูดถึงเรื่องนี้
จ้าวสงครามเป็นมรดกที่มีค่ามาก!
หากอีกฝ่ายมีประสบการณ์มากพอ และเติบโตขึ้น บวกกับมีความทะเยอทะยาน หลังจากนี้ไปคงควบคุมยากมาก
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการสืบทอดความทรงจำมา แต่ชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านี้ส่วนใหญ่คัดลอกมาจากบรรพบุรุษมากกว่าประสบการณ์ของตนเอง ยังขาดความรู้ความเข้าใจ
พูดตามตรงก็คือ ถ้าสั่งสอนและควบคุมดีๆ น่าจะใช้งานเขาได้
เจียงหนานอดพูดไม่ได้ว่า “พลังรบของเขาแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าคาลิมัวแน่นอน แต่ถ้าเลี้ยงเสือไว้จะไม่โดนแว้งกัดหรอ?”
ฮังอวี่พูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องกังวล ฉันพอมีวิธี”
วิธีที่ว่าคืออะไร?
แน่นอนว่ามันคือการทำสัญญาอุปการะ!
ตราบใดที่เพลิงสีชาดกลายเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเขา
จากนั้นก็ไม่มีโอกาสทรยศอีก และจะเท่ากับว่าเมืองธารทะเลทรายมีจ้าวสงครามเพิ่มเข้ามา นี่ช่วยเสริมพลังรบโดยรมของกองทัพได้มาก
เพียงแต่ว่าเพลิงสีชาดอยู่ในเลเวล 15 แล้ว นอกจากนี้ยังเทียบเท่ากับทรราชย์ขั้นโกลด์ ดังนั้นสัญญาจะต้องมีคุณภาพสีฟ้าใสเลเวล 15 จึงจะใช้ได้
แต่สัญญาระดับนี้ เป็นของหายากมาก!
ต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้!
ฮังอวี่พูดกับเพลิงสีชาด “ฉันยอมรับการขอลี้ภัย แต่เพื่อป้องกันการกลับคำ หลังจากนี้ฉันจะให้คนของฉันผนึกพลังของนาย”
ไม่มีทางเลือกอื่น
มีแค่ยอมรับไม่ก็ตาย!
เสี่ยวไป๋เปิดใช้งานเทคนิคผนึกขั้น 4 ‘ผนึกพลังจิต’
สกิลนี้เป็นเทคนิคผนึกใหม่ที่เธอเพิ่งเรียนรู้มา มันสามารถผนึกพลังจิตของเป้าหมายได้ ล็อคพลังจิตผู้ถูกผนึกไว้ที่ 0 และไม่มีโอกาสฟื้นฟู
ฉินมู่เพิ่มผนึกขั้นสามไปอีกสองสามอย่าง จำกัดพลังชีวิต จำกัดความว่องไว และคุณสมบัติอื่นๆ
หากทำแบบนี้ เพลิงสีชาดก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขาชั่วคราว ตราบใดที่เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี