(ฟรี)ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 70 โอ้ เช่นนั้นท่านก็ไม่
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 70 โอ้ เช่นนั้นท่านก็ไม่
ในขุนเขาเมฆาม่วง เย่ชิวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
พายุได้พุ่งออกมาจากถ้ำที่พำนักอย่างรุนแรงราวกับว่าโลกกำลังพ่นลมหายใจออกมาก็ว่าได้ ทำให้ทั้งขุนเขาเมฆาม่วงต่างสั่นสะท้าน
“เฮ้อ…” เย่ชิวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก รอยยิ้มได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา ในที่สุดเขาก็บรรลุของขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์อย่างแท้จริง!”
หลังจากทำให้จิตใจมั่งคงไปสองสามวัน ในที่สุดสภาพจิตใจของเขาก็ก้าวหน้าและถึงบรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์
ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่รางวัลลำดับในการประลองยุทธ นั่นคือผลไม้แห่งการตรัสรู้ จากนั้นเขาก็สามารถทะยานขึ้นสวรรค์ได้ทันที เขาจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตยอดยุทธได้โดยตรงและกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตยอดยุทธผู้ที่สองรองจากซวนเทียนเจินเหรินแห่งสำนักเยียวยาสวรรค์ที่ได้ล่วงลับไป
เย่ชิวค่อย ๆ ยกมือขึ้นและรู้สึกถึงพละกำลังอันทรงพลังในร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง เขาพึงพอใจอย่างมาก
บุปผาเต๋าดอกที่สองได้แสดงสัญญาณของการเบ่งบานแล้ว
นี่เป็นสัญญาณที่ดี เขายังคงมีพลังที่หลงเหลืออยู่จากการได้รับฐานการบ่มเพาะแสนปี ขอบเขตของเขาต้องติดคอขวดเพราะบุปผาเต๋าดอกที่สองของเขายังไม่เบ่งบาน
เย่ชิวทำได้เพียงชำระล้างให้บริสุทธิ์และเพิ่มพลังที่เหลืออยู่เท่านั้น พลังนี้ถูกบีบอัดอย่างสมบูรณ์ เขาอาจดูเหมือนกับผู้ที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธทั่วไป ทว่าพละกำลังที่เย่ชิวครอบครองนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายเท่า
เย่ชิวเดินออกจากถ้ำขุนเขาเมฆาม่วงอย่างช้า ๆ
“ท่านอาจารย์…”
“อาวุโส…”
ในตอนเช้า หลินชิงจู้ จ้าวว่านเอ๋อและเซียวอี้กำลังรอเขาอยู่ที่หน้าห้องฝึกซ้อม
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การประลองยุทธนั้นเข้มข้นเป็นอย่างมาก ทว่าน่าเสียดายที่เย่ชิวปิดด่าน แน่นอนว่านอกเหนือจากการประลองของศิษย์เขาแล้ว เขาก็ไม่สนใจการประลองของใครอื่นอีก
หลังจากสิ้นสุดรอบคัดเลือกที่เข้มข้น ผู้เข้าแข่งขันแปดลำดับแรกได้รับการตัดสินแล้ว สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือศิษย์ทั้งสองคนของขุนเขาเมฆาม่วง ทั้งคู่ได้เข้าสู่แปดลำดับแรก
อีกหกขุนเขาต่างมีศิษย์เพียงคนเดียวที่เข้าสู่แปดลำดับแรก
อย่างเช่น หลิวรู่หยานจากขุนเขาวารีนภา ฉีฮ่าวจากขุนเขากระบี่เร้นลับ หยางเทียนอี้จากขุนเขาแปรกระบี่ กู่ไป๋อี้จากขุนเขาแรก ลู่อวินเซิงจากขุนเขาหวนวายุและตันหยุนซีจากขุนเขาเทียมสวรรค์
ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นจากศิษย์ของทั้งเจ็ดขุนเขาเกือบทั้งหมดอยู่ในขอบเขตสวรรค์
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ระดับพลังยุทธ์ของจ้าวว่านเอ๋อค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเย่ชิวจึงไม่ได้คาดหวังนางมากนัก นางเพียงแค่ต้องไปให้ถึงแปดลำดับแรก
ในทางกลับกัน หลินชิงจู้จะต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เย่ชิวก็กล่าวช้า ๆ ว่า “ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
ทั้งสามคนพยักหน้าและตามเขาไปยังขุนเขาแรก
หลังจากขึ้นสู่แปดลำดับแรกแล้ว ลานประลองสี่แห่งจากเดิมแปดแห่งได้ถูกรื้อถอน ออกไป เหลือเพียงลานประลองสี่ลานที่อยู่ตรงกลางของลานประลองยุทธหลัก
“ช่างมีผู้คนเยอะยิ่งนัก” เซียวอี้อุทานทันทีที่เขามาถึงลานประลองยุทธ
จ้าวว่านเอ๋อลูบมือของนางและกล่าวเบา ๆ ว่า “ลานประลองยุทธได้ลดลงแล้ว ที่นี่จะไม่มีคนเยอะได้อย่างไรกัน ศิษย์พี่หญิง วันนี้ใครคือคู่ต่อสู้ของท่านหรือ”
ปากของหลินชิงจู้ขยับเล็กน้อยและนางกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ลู่อวินเซิง ขุนเขาหวนวายุ”
“ข้าเห็นเขาประลองเมื่อวานนี้ เคล็ดวิชาหอกของชายคนนี้ทรงอำนาจอย่างมาก ระดับพลังยุทธ์ของเขาอย่างน้อยอยู่ที่ขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 7 หลังจากวิเคราะห์การต่อสู้ของเขาแล้ว สิ่งที่เขาชอบที่สุดคือการบดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ศิษย์พี่ชิงจู้ ท่านต้องระวังด้วย…”
เซียวอี้คู่ควรกับการเป็นนายน้อยขี้นินทาอย่างแท้จริง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาเกือบจะสอบถามทุกคนเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับความยอดนิยมในการประลองยุทธครั้งนี้ด้วยซ้ำ ในขณะที่มองดูสาวงาม เขาก็ไม่ลืมที่จะให้คำแนะนำหลินชิงจู้และสอบถามเกี่ยวกับศัตรูมาไม่น้อย
เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เขาได้กระทำ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา ข้าช่างยอดเยี่ยมเกินไป
“ศิษย์พี่ว่านเอ๋อ แล้วท่านล่ะ”
เซียวอี้ยิ้มและหันไปถามจ้าวว่านเอ๋อ นางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ศิษย์พี่รู่หยานแห่งขุนเขาวารีนภา”
“โอ้ เช่นนั้นท่านก็ไม่…”
“เจ้าอยากโดนทุบตีหรือ” จ้าวว่านเอ๋อไม่มีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นางยกฝ่ามือขึ้นและตบเซียวอี้
เซียวอี้รีบหลบไปข้างเย่ชิวและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย ศิษย์ของท่านกำลังจะฆ่าคนแล้ว”
เย่ชิวกล่าวอย่างใจเย็นว่า “เอาล่ะ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร จงทำให้ดีที่สุด ว่านเอ๋อเจ้าไม่ต้องกังวลว่าตนจะเป็นภาระ เจ้าอยู่ในสำนักเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น การพ่ายแพ่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย”
“เจ้าค่ะอาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว” จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หรือว่าท่านอาจารย์ไม่คิดว่าข้าจะสามารถเอาชนะหลิวรู่หยานได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอีกครั้ง มันก็สมเหตุสมผล หลิวรู่หยานเป็นยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 7 แล้ว ทว่านางเป็นเพียงยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 1 เท่านั้น ความแตกต่างระดับพลังยุทธ์ของพวกเขามากเกินไป แม้ว่านางจะมีเคล็ดวิชาลับระดับสวรรค์ แต่ก็ยากที่จะชดเชยได้
หลินชิงจู้ปลอบโยนนางและในที่สุดก็ปล่อยวางความคับข้องใจในใจของนาง
เมื่อพวกเขามาถึงหน้าลานประลอง เมิ่งเทียนเจิ้ง สหายเต๋าเทียนทงและฉีอู๋ฮุ่ยก็ได้นั่งอยู่ในที่นั่งหลักด้านหน้าก่อนแล้ว
แม้แต่หมิงเยว่ก็มาเช่นกัน
“ศิษย์น้องเย่ สองสามวันมานี้เจ้าไปไหนมา เจ้าไม่ได้มาดูการประลองของลูกศิษย์ด้วยซ้ำ” ดวงตาของหมิงเยว่เป็นประกายเมื่อนางเห็นเย่ชิว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุขขณะที่นางถามเบา ๆ
เย่ชิวยิ้มและกล่าวว่า “ข้ากำลังปิดด่าน ดังนั้นข้าจึงได้ล่าช้าไปสองสามวัน การที่ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าศิษย์พี่คิดถึงข้าหรือ”
“ผายลม ข้าจะคิดถึงใครก็ได้นอกจากเจ้า” หมิงเยว่กลอกตาไปยังเขา หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะแอบดูการตอบสนองของเย่ชิว
ทันใดนั้นร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน
กลิ่นอายนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าศิษย์น้องบรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์แล้ว หมิงเยว่ครุ่นคิดกับตนเอง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ แม้ว่านางจะมองไม่เห็นระดับพลังยุทธ์ของเย่ชิวก็ตาม ทว่านางก็สามารถสัมผัสได้จากกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่มองเห็นได้จาง ๆ บนร่างกายของเขา เหมือนกับว่าตอนนี้ระดับพลังยุทธ์ของเย่ชิวเทียบได้กับเมิ่งเทียนเจิ้งก็ว่าได้
มีเวลาเพียงไม่กี่วัน เหตุใดจู่ ๆ นางถึงรู้สึกว่านางยิ่งห่างไกลจากเยชิวมากขึ้นทุกที
สีหน้าของหมิงเยว่นั้นมืดลง ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะสอดคล้องกับการคาดเดาในตอนแรกของนางที่ว่าศิษย์น้องคนนี้จะกลายเป็นตัวตนที่พวกเขาทำได้แต่มองขึ้นไปในอนาคต
“ศิษย์น้อง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำให้ศิษย์พี่ฉีโกรธเกรี้ยวเมื่อสองสามวันก่อน เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าตอนนี้เขาราวกับจะกลายเป็นคนละคนไปเสียแล้ว อันที่จริงเขายังไม่ได้ถากถางเจ้าด้วยซ้ำ…” หมิงเยว่แอบชำเลืองมองฉีอู๋ฮุ่ยที่อยู่ไม่ไกลและกระซิบ
เย่ชิวมองเขาอย่างสงสัยและขมวดคิ้ว “สหายเก่าคนนี้คงไม่มีความคิดชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ในใจใช่หรือไม่”
“ยากที่จะกล่าว…” หมิงเยว่ปลื้มใจ นางพยายามคิดในมุมมองอื่น หากตอนนั้นนางโกรธเกรี้ยวเช่นฉีอู๋ฮุ่ย นางก็คงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างฉีอู๋ฮุ่ยและออกมาเช่นนี้ นางคงกลับไปหลบซ่อนตัวที่ขุนเขาวารีนภาและจะไม่ออกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
“จงระวังไว้ อย่าล้มเหลวจนน่าสังเวชเด็ดขาด” หมิงเยว่หัวเราะเบา ๆ นางรอคอยที่จะเห็นว่าฉีอู๋ฮุ่ยจะกล้าโอ้อวดกับเย่ชิวหรือไม่
เย่ชิวส่ายหัวของเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา แม้แต่ฉีอู๋ฮุ่ยสิบคนก็ไม่สามารถเทียบเขาได้ในตอนนี้
แล้วจะมีอะไรต้องกังวลอีก
ไม่ต้องกล่าวถึงเคล็ดวิชากระบี่ที่ทรงพลังเช่นกระบี่พงไพร แม้แต่เคล็ดวิชาฝ่ามืออนันตจักรวาลของเขาสามารถจัดการกับฉีอู๋ฮุ่ยได้แล้ว