ตอนที่ 92 ข้อตกลง
พอกลับมาถึงเมืองเถี่ยฉวน เจ้าเมืองโล่วฮัวใจใหญ่วางเงิน 20 เหรียญทองไว้ที่สมาคมนักรบเพื่อสร้างความเชื่อถือ ในที่สุด ก็ได้ทหารรับจ้างที่ดูแข็งแกร่ง 2 นายยอมรับไว้ การเคลื่อนย้ายซากศพเคลียร์พื้นที่สนามรบไม่ใช่ภารกิจยุ่งยาก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกปีศาจจากแดนนรกจะปรากฏตัวเมื่อใด หรือพวกเขาอาจประสบอุบัติเหตุใดๆ บนเส้นทางก็ได้ ดังนั้นรางวัลจึงต้องมากกว่าปกติถึง 10 เท่า
“ถ้าพวกเจ้าเคลียร์พื้นที่ได้ดี ข้าจะให้ส่วนแบ่งเจ้าเพิ่ม 1%” เย่ว์หยางรู้สึกว่าตำหนักที่ถูกไฟไหม้หนัก อาจเหลือสิ่งมีค่าที่คุ้มค่าเงินก็ได้ การเพิ่มส่วนแบ่งให้คนพวกนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์และจูงใจที่ดี
“ได้ขอรับ เราจะทำตามคำสั่งของท่านเจ้าเมืองอย่างตรงไปตรงมา”
ทหารรับจ้างทั้ง 2 นายมองดูนางพญากระหายเลือด ระดับอสูรทองที่อยู่ข้างเย่ว์หยางแล้วรู้สึกนับถือเขาทันที
เรื่องที่นางพญากระหายเลือดได้เลื่อนระดับขึ้นมา ผู้คนจากชั้นสามต่างก็รู้เรื่องนี้ทั้งนั้น แต่ไม่มีใครกล้าปิดบังความตั้งใจใดๆ ที่มีต่อนางพญากระหายเลือด ที่สำคัญคือนางเป็นจ้าวอสูรทอง แม้ว่านางเพิ่งจะเลื่อนระดับขึ้นมา และเป็นเพียงอสูรระดับ 5 การที่จะฆ่าทหารรับจ้างทั่วไปเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีอสูรทองแดงระดับ 6 และระดับ 7 อยู่ภายใต้บัญชาของนาง ทหารรับจ้างธรรมดาไม่มีหวังที่จะปีนขึ้นไปบนตำหนักและสู้กับนางพญากระหายเลือดได้ เมื่อแต่เมื่อพวกเขาเริ่มจะปีนขึ้นภูเขาเท่านั้น บางทีพวกเขาอาจถูกพวกฮาร์ปี อสูรทองแดงระดับ 3 รวมกลุ่มกันทำร้ายถึงชีวิตก็ได้ และสิ่งที่นึกไม่ถึงเลยตอนนี้กลับกลายเป็นว่านางพญากระหายเลือดถูกคนอื่นกำราบและทำสัญญาได้สำเร็จด้วย ในโลกนี้มีคนที่ทำสัญญากับจ้าวอสูรทองได้ด้วยหรือ? นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่ทำได้อย่างนั้น มีหรือที่เขาจะไม่ยอมรับใช้ด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างดี?
แม้ว่าพวกทหารรับจ้างจะไม่รู้จักเย่ว์หยางและไม่รู้ว่าโจรน้อยผู้นี้เป็นคนเช่นไร แต่พวกเขารู้จักเจ้าเมืองโล่วฮัว
เจ้าเมืองโล่วฮัว เป็นเจ้าเมืองประจำชั้นที่สี่ แห่งหอทงเทียน แน่นอน นางยังคงเป็นนักสู้ที่พวกเขามิบังอาจหาญกล้าท้าทาย
ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเย่ว์หยางให้เงินตอบแทนเพิ่ม พวกเขาขอบคุณเขาเป็นการใหญ่
ในความเป็นจริง เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ได้กังวลว่า คนเหล่านี้จะไม่จริงใจหรือทำงานไม่ถูกต้อง การทำภารกิจในทวีปมังกรทะยานอาจมีบ้างที่มีความรู้สึกโลภ แต่ภายในหอทงเทียน เงื่อนไขแบบนี้จะหาที่ไหนไม่ได้เลย ทันทีที่คนเหล่านี้ยอมรับภารกิจ หากว่าพวกเขาพยายามที่จะหลอกลวงแม้แต่ด้วยเงินแดงเดียว เกียรติยศของพวกเขาจะกลายเป็นติดลบ คนที่มีเกียรติติดลบ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในกองทัพหรือเป็นพวก 18 มงกุฎ ก็จะไม่สามารถใช้ประตูเทเลพอร์ตหนีได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในสมาคมนักรบ มีการประเมินผลภารกิจที่ทำเสร็จสิ้น เมื่อพวกเขารายงานผลสำเร็จของภารกิจ นัยน์ตาสีเลือดจะประเมินว่ามีการก่อความเสียหายหรือไม่ ถ้าตรวจพบการกระทำที่ไม่สุจริต ก็จะถูกทหารจับขังคุกทันที
พอเห็นว่าเย่ว์หยางจอมหื่นอาจหลงเสน่ห์รูปร่างที่ยั่วยวนของนางพญากระหายเลือดได้ เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบไปที่ร้านหาซื้อเกราะเงินมาให้นางพญากระหายเลือดสวมใส่
ตอนแรกนางไม่ต้องการใส่มัน แต่เมื่อเย่ว์หยางเห็นดังนั้น เขาบังคับให้นางรับมาใส่
ในที่สุด นางพญากระหายเลือดโวยวายเป็นภาษาปีศาจก่อนจะรับเกราะมาสวมอย่างไม่พอใจในที่สุด
เย่ว์หยางคิดว่านางคงประท้วงว่าเขากลั่นแกล้งนางเหมือนเป็นคนใช้เล็กๆ แต่หลังจากเย่ว์หยางทำเป็นไม่ได้ยินนางบ่นและนางพญากระหายเลือดได้สวมเกราะเงิน นางกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างมากกว่าปกติ ความรู้สึกที่นางมีเสน่ห์ดึงดูดใจที่ไร้เดียงสา ดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ภาพนางตอนนี้ดูดีกว่าลักษณะกึ่งเปลือยอย่างเมื่อก่อน ตอนนี้นางไม่ตกเป็นเป้าดึงดูดความสนใจมากนัก เจ้าเมืองโล่วฮัวคงยังหาแนวคิดดีๆ ในระยะสั้นไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ ไม่มีใครกล้าปิดบังความรู้สึกที่มีต่อจ้าวอสูรทอง พวกเขาไม่สามารถห้ามคนอื่นไม่ให้น้ำลายไหลยืดยามที่มองนางพญากระหายเลือดได้
พอกลับมาที่ชั้นหนึ่ง และไปที่หอเกียรติยศสมาคมนักรบ พวกเขาพบว่าคนชุดขาวที่ชื่อซานเหอเพิ่งกลับมาจากห้องพยาบาล
เขาไม่มีเวลาได้นั่งพัก ก่อนที่เขาจะได้เห็นเย่ว์หยางพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างโกรธเกรี้ยวเหมือนปีศาจจากนรก
โดยไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง เย่ว์หยางเริ่มทุบตีเขาอีกครั้ง
“นี่.. มีเหตุผลอะไรถึงได้ทำแบบนี้อีก?” คนชุดขาวรู้สึกว่าเขาผิดไป เขาโดนทุบตีจนฟันคลอนไปหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เขาถูกทุบตี
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดคนชนิดไหนมากที่สุด? ในชีวิต ข้าเกลียดคนที่พูดได้หลายภาษามากที่สุด พอข้าได้ยินว่าเจ้าสามารถพูดได้เกินกว่าร้อยภาษา ข้าจึงรู้สึกโกรธในใจ ทำไมคนหล่อและฉลาดอย่างข้าถึงไม่สามารถพูดภาษามังกรทวีปได้อย่างถูกต้อง แถมยังมีคนโง่อย่างเจ้ายังสามารถพูดได้ถึงร้อยภาษาอีกหรือนี่? พูดมาซิ เจ้าคิดว่าข้าควรทุบตีใคร ถ้าไม่ใช่เจ้า?” เย่ว์หยางถือโอกาสถีบก้นของคนชุดขาว ขณะที่อธิบายตรรกะที่ไร้เหตุผลของเขา
“…” เพียงชั่วเวลานั้นที่คนชุดขาวรู้สึกว่าพรสวรรค์ทางภาษาของเขานำภัยพิบัติมาให้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะถูกซ้อม แต่ในใจของเขาก็รู้สึกภูมิใจ
เขาเป็นนักสู้ที่ทรงพลังไม่ใช่หรือ? เขาฆ่า 6 ขุนพลปีศาจมาก่อนไม่ใช่หรือ? เขายอดเยี่ยมมากขนาดที่สาวสวยต้องเรียกหาไม่ใช่เหรอ? แต่เขาเป็นแค่เจ้างั่งที่ไม่สามารถพูดภาษาต่างๆ ในทวีปมังกรทะยานได้ ไม่เหมือนข้า ข้าต่างกันกับเจ้า แม้ว่าข้าจะไม่สามารถฆ่าขุนพลปีศาจได้ ข้าก็ยังพูดได้เกินร้อยภาษา ไม่สิ แค่เฉพาะภาษาปีศาจ ข้าก็พูดได้เป็นร้อยภาษาแล้ว
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางตบสะโพกของเขา คนชุดขาวคงยืดตัวตรงและโบกพัดในมือตนเดินด้วยมาดเท่ห์ พูดด้วยภาษาคุกเลือดแห่งแดนปีศาจ ซึ่งเป็นภาษาที่ยากที่สุดที่ใช้กันมาเมื่อหมื่นปีที่แล้ว
พอถึงตอนนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวเดินเข้ามาและฉุดมือเย่ว์หยาง ให้คำแนะนำเขาว่า “อย่าโกรธไปเลย, เจ้าแค่สอบตกภาษาเท่านั้น ตราบใดที่เจ้าเรียนหนักขึ้น เจ้าจะสอบผ่านได้แน่นอน”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งทำให้เย่ว์โกรธขึ้นไปอีกจนถึงกับดึงดาบจันทร์เสี้ยวออกมาเสียงดังแคร้ง
“ให้ข้าฆ่าเจ้าคนที่น่ารำคาญนี้ซะและครูสอนที่สมควรตายนั้นด้วย ข้าจะตัดพวกมันให้เป็นชิ้นๆ โยนให้หมากินซะ แล้วมาดูซิว่าใครยังกล้าพูดถึงเรื่องภาษาของข้าในอนาคตอีก” เย่ว์หยางตั้งท่าเหมือนกับว่าจะเข้าไปฟันบุรุษชุดขาว จนทำให้เขากลัวมากจนแทบฉี่ราดกางเกง เขาไม่มีที่ใดๆ ให้หลบหลีกหรือซ่อนได้ ถ้าเขาโดนเจ้าเด็กนี่ฟันแม้แต่น้อย เขาคงต้องไปนอนโรงพยาบาลอย่างน้อยครึ่งเดือนแน่ ทำไมเขาถึงได้ซวยอะไรอย่างนี้?
“เจ้าน่าจะพูดออกมา แทนที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม แน่นอนว่า ข้าคิดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ทางภาษา มันก็แค่เจ้ามีครูไม่ดีเท่านั้นเอง” เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบฉุดมือเย่ว์หยางเอาไว้
“ข้า..ข้าสามารถสอนภาษาให้คุณชายฟรีๆ ได้นะถ้าเขายังไม่สามารถสอบผ่านได้ ข้ายินดีต้องทัณฑ์ทรมานหมื่นมดกัดสังขาร พวกท่านอาจไม่รู้ ที่นี่เคยมีผู้หญิงใบ้มาก่อน และข้าเป็นคนสอนวิธีพูดให้นาง พวกท่านคิดดูสิ ข้าสามารถสอนให้คนใบ้พูดก็ยังได้ ดังนั้นจะไม่อาจทำให้ท่านสอบผ่านได้อย่างไรกัน? นี่มันงานหมูๆ สำหรับข้า” คนชุดขาวรีบรวบรวมข้อมูลและนำมันออกมาอวดให้มากที่สุด เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะลืมตาที่โดนเย่ว์หยางซ้อม และมองไปที่เย่ว์หยาง “คุณชายท่านนี้ ข้าเข้าใจความคับข้องใจและความเดือดร้อนของท่าน อย่างไรก็ตาม โปรดเชื่อใจข้า ภาษาเป็นเรื่องที่ไม่ยากจริงๆ ข้ารับรองได้ว่าท่านจะสามารถเรียนรู้ได้ดี”
“ไสหัวไปเลย, ใครอยากให้เจ้าสอนกัน?” เย่ว์หยางเตะเขาจนกระเด็น จนเกือบทำให้คนชุดขาวร่วงลงมาจากหน้าต่างชั้นสาม
“อย่าเพิ่งโกรธสิ, ลองศึกษาไว้ก็คงไม่เป็นไรหรอกน่า” เจ้าเมืองโล่วฮัวพูดอย่างอ่อนหวานขณะที่ฉุดดึงเย่ว์หยางลงไปที่ชั้นสอง
หลังจากนั้นชั่วครู่ นางกลับมาอีกครั้งและให้ค่าธรรมเนียมแก่บุรุษชุดขาว 10 เหรียญทอง “ซานเหอ! ท่านชื่อซานเหอใช่ไหม? ข้าจำได้แล้ว เรื่องเมื่อครู่นี้ข้าต้องขอโทษด้วย สหายข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี ยิ่งไปกว่านั้น เขาเครียดอย่างหนักจากเรื่องการสอบภาษาเมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาจ่ายอย่างหนักสำหรับคนที่จะเฉลยข้อสอบให้เขาได้ แต่ใครจะรู้ ในที่สุดแล้วเขาก็ยังสอบไม่ผ่านอยู่ดี”
บุรุษชุดขาวกล่าวขอบคุณเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งที่ยังมีน้ำตาคลอเบ้า “ถ้าเขาขอให้คนเฉลยข้อสอบให้เขา ทำไมเขาไม่ขอให้ข้าทำแทนล่ะ? ไม่ใช่ ข้าหมายความว่าคุณชายนั้นโชคไม่ดี ข้ามีความรู้เรื่องภาษาอยู่มาก และข้าก็มั่นใจในความรู้ของข้าด้วย ถ้าท่านเจ้าเมืองโล่วฮัวเชื่อถือข้า อย่างนั้นปล่อยคุณชายไว้กับข้าก็ได้ อย่าว่าแต่ภาษาเดียวเลย ต่อให้ภาษาต่างกันถึง 10 ภาษา ข้าก็สอนให้เขาได้ อย่างไรก็ตาม ท่านช่วยข้าบอกเขาที การใช้ความรุนแรงแก้ไขสถานการณ์ มันไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้ เราจะนั่งคุยกันอย่างสันติแทน ตราบใดที่คุณชายไม่เริ่มทุบตีข้า อย่างนั้นทุกอย่างก็แก้ไขได้ด้วยการเจรจากัน”
เจ้าเมืองโล่วฮัวให้ทองแก่บุรุษชุดขาวเพิ่มอีก 10 เหรียญ โดยถือว่าเป็นเงินค่าจ้างล่วงหน้าของครูสอนภาษา “ข้าจะพยายามแนะนำเขาอย่างสุดความสามารถ อย่าห่วงเลย ปกติแล้วเขาเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ยกตัวอย่างนะ ตอนเป็นเด็กทารก เขาเป็นคนเงียบจริงๆ”
บุรุษชุดขาวแทบอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ตอนเป็นเด็กทารก ใครเขาทุบตีคนกันเล่า?
เด็กคนไหนที่จะไม่หลับอย่างเงียบๆ …. เป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กเปรตนั่นเริ่มทุบตีผู้คนตั้งแต่หัดเดินได้งั้นหรือ? อันธพาลน้อยโดยกำเนิดชัดๆมั้ง?
เขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางกับเจ้าเมืองโล่วฮัวได้เตรียมบทเล่นกันมาก่อน ถ้าพวกเขาพานางพญากระหายเลือดมาขอให้บุรุษชุดขาวช่วยแปลความลับที่นางพญากระหายเลือดต้องการพูด อย่างนั้นคงเป็นเรื่องแปลก ถ้าบุรุษชุดขาวจะไม่เชิดหน้าเข้าใส่พวกเขา
ดังนั้น เย่ว์หยางมีแผนดีๆ แผนนี้เคยถูกใช้โดยจักรพรรดินีบูเช็คเทียนในอดีตมาก่อนแล้ว และมันใช้ได้ผลดีมากจริงๆ
ตอนที่เขากับเจ้าเมืองโล่วฮัวใช้แผนนี้ ดูเหมือนว่าจะได้ผลไม่มากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม อย่างน้อย ก็ประสบความสำเร็จผูกมัดบุรุษชุดขาวได้
จากนั้นเจ้าเมืองโล่วฮัวพูดกับบุรุษชุดขาวต่อ และท่องคำพูดที่นางพญากระหายเลือดได้บอกออกมา นางพยายามทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบของบุรุษชุดขาวไปด้วย แต่ท่าทีของบุรุษชุดขาวเป็นไปในเชิงบวกมาก “ข้อสอบของคุณชายจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมบัติในดินแดนปีศาจ ข้าเดาว่าเป็นไปในทำนองนั้น แต่มีแค่เพียงคำพูดฝ่ายเดียว ดังนั้นข้าไม่มั่นใจเต็มร้อย ในภาษาปีศาจรูปแบบนี้ มีวลีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสมบัติ อย่างเช่นรังมังกร, ศิลาเทพเจ้า, ดินแดนเชื่อมต่อ, มีดฆ่ามังกรและประตูเทเลพอร์ต ข้ามั่นใจถึง 90% ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการล่าสมบัติในดินแดนปีศาจ เนื้อหาของการทดสอบในโรงเรียนส่วนใหญ่จะเหมือนกัน ถ้าไม่เป็นเรื่องการค้นหาสมบัติ ก็เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิง แต่ละคนนี่เป็นเรื่องราวมหากาพย์ได้เลย ถ้าให้เวลาข้าสักหน่อย ข้ามั่นใจว่าจะสามารถสอนภาษานี้ให้คุณชายภายในเดือนเดียว ไม่สิ ข้าสามารถสอนภาษาปีศาจถึง 3 รูปแบบให้เขาได้ หลังจากเรียนไม่กี่รูปแบบนี่แหละ ภาษาปีศาจทั้ง 3 รูปแบบนี้จะช่วยให้ท่านเข้าใจถึงภาษาปีศาจที่ใช้กันทั่วไปด้วย”
บุรุษชุดขาวไม่ได้ระแวงสงสัยอะไร แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับใจเต้นแรง
ถ้านางพยายามเชื่อมต่อรังมังกร, ศิลาเทพเจ้า, ดินแดนเชื่อมต่อ, มีดทองฆ่ามังกร,และประตูเทเลพอร์ต ก็ไม่จำเป็นต้องแปลอีกต่อไปแล้ว นางพอจะเดาความหมายของนางพญากระหายเลือดได้ ไม่มากก็น้อย
นางพญากระหายเลือดกำความลับยิ่งใหญ่ไว้ บางทีนางคงต้องการใช้ความลับแลกเปลี่ยนบางอย่างกับโจรน้อย ก่อนหน้านี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่เข้าใจว่ามารดาของนางพญากระหายเลือดสามารถวิวัฒนาการรวดเร็วได้อย่างไร ไม่เพียงแต่นางกลายเป็นเจ้าอสูรทองที่แข็งแกร่งที่สุดเหนือกว่าอสูรทองตนอื่นๆ นางสามารถไปจากชั้นสามบินขึ้นไปสู่ชั้นที่สี่
ดูเหมือนว่าเป็นเพราะมารดาของนางได้สมบัติลับและได้รับประโยชน์ยิ่งใหญ่ นั่นคือเหตุผลให้นางก้าวหน้าได้รวดเร็ว
ในตอนนี้ เนื่องจากนางพญากระหายเลือดกลายเป็นอสูรอัญเชิญและจำต้องทิ้งตำหนักลอยฟ้าของนางจากมา นางไม่ได้เป็นนางพญาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น นางต้องการบอกความลับแก่เจ้านายของนางและเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนกับเขา นางต้องการให้เขาเพิ่มระดับให้นางในขณะเดียวกับที่เขาเพิ่มความสามารถของเขา นางยังจะได้รับเกียรติจากเจ้านายของนางด้วยวิธีนี้
เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวออกมาจากสมาคมนักรบแล้วเข้าไปโรงเตี๊ยมนักรบตามหาเย่ว์หยาง นางบอกเขาทุกเรื่อง และยังเพิ่มน้ำเสียงที่ห่วงใยว่า “ถ้ามันเป็นขุมสมบัติที่ปกป้องโดยมังกรจริงๆ อย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้สึกว่า เราไม่ควรต้องกังวลเรื่องนี้มากเกินไป ดีที่สุดคือไม่ต้องให้ซานเหอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เจ้าก็รู้ว่าคนอย่างเขาไม่สามารถรักษาความลับใดๆ ได้ ถ้าเขารู้เรื่องจริงทั้งหมด นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เจ้าจะเรียนภาษาปีศาจจากเขา แล้วค่อยๆคุยกับนางพญากระหายเลือดดีไหม? เกี่ยวกับเรื่องสมบัติ ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าไปเสี่ยงด้วยกัน อย่างนั้นพวกดอกไม้สด, หญ้าวิญญาณและเมล็ดพันธุ์ของจำพวกนี้เจ้าต้องให้ข้าก่อน อย่างน้อยข้าต้องการของสำคัญแบบนั้น ส่วนผลึกปีศาจและทองนั้น ข้าไม่สนใจมัน เจ้าก็เป็นลูกผู้ชายนี่ เจ้าตัดสินใจได้เลย”
“ก็ได้ ตกลงตามนั้น” เย่ว์หยางฟังแผนที่สมเหตุผลของนางแล้ว จึงพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย
“งั้นก็ได้เวลาแยกกันแล้ว ข้าจะกลับไปบ้าน ปลูกดอกไม้เหล่านี้ก่อน ขณะนี้เจ้าควรจะเพิ่มระดับความสามารถของนางพญากระหายเลือดไปในขณะเดียวกันด้วย ข้าเห็นว่าระดับของนางตกลงไปหลังจากที่ทำสัญญากับเจ้า ตอนนี้นางน่าจะเป็นเพียงอสูรทองระดับ 3 เจ้าควรจะยกนางให้อยู่ในระดับ 4 หรือ 5 จากนั้นเราค่อยไปหาสมบัติด้วยกัน เกี่ยวกับการเคลียร์พื้นที่ภารกิจ ข้าจะขอให้พวกเขารายงานเจ้าไปที่ชั้น 1 แทน ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการเรื่องนั้น ถ้าหากมีอะไร เจ้าฝากข้อความไว้ให้ข้าที่สมาคมนักรบได้ ถ้าหากลายมือเจ้าไม่เขียนลวกๆ แบบไก่เขี่ยนะ เจ้าสามารถเขียนจดหมายถึงข้าได้ ถ้าไม่อย่างนั้นสัญญากันก็ได้ อีก 3 เดือนเราค่อยมาเจอกัน ด้วยบุปผางามปีศาจ บางทีอสูรของข้า คงจะยกระดับได้เช่นกัน จากนั้นเราค่อยไปหาสมบัติ เราจะเชื่อมั่นยิ่งขึ้นว่าจะได้รับสมบัติแน่ โจรน้อย! สุดท้ายนี้ ข้าขอขอบใจเจ้าที่ช่วยข้าไว้ เจ้าเป็นสหายน้อยที่คาดไม่ถึง เดาไม่ได้เลย จงฝึกฝนให้หนัก เจ้าก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ดังนั้นเจ้าไม่ควรเป็นเหมือนกับข้าที่เอาแต่ปลูกดอกไม้ทั้งวันทั้งคืน เจ้าต้องตั้งความปรารถนาเดินทางไปทั่วโลก จงเดินทางสำรวจแดนปีศาจและอาณาจักรสวรรค์ให้ได้” เจ้าเมืองโล่วฮัวใช้นิ้วเรียวงามของนางเชยคางเย่ว์หยาง ตากลมโตของนางจ้องมองตาเย่ว์หยาง ใบหน้าของนางใกล้กับใบหน้าเย่ว์หยางจนเขารู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานและลมหายใจที่เร่าร้อนของนาง ขณะที่เย่ว์หยางคิดว่านางกำลังจะจูบเขา นางรีบคลายมือทันที เสียงหัวเราะของนาง เบิกบานอ่อนหวานราวกับมีดอกไม้บานอยู่รอบตัวนาง
ในที่สุด นางก็เดินออกนอกประตูไป พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังห่างออกไป
ทิ้งร่องรอยกลิ่นหอมรัญจวนใจไว้เบื้องหลัง ท่ามกลางเสียงที่หัวเราะอย่างเปิดเผย นางโบกมือให้แล้วเดินออกไปอย่างสง่างาม
กับเจ้าเมืองโล่วฮัว เย่ว์หยางรู้สึกสูญเสียเล็กน้อย นางสนใจเขาจริงๆ หรือเปล่า? หรือว่านางไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย เป็นแค่เพียงการหยอกล้อสนุกๆ?
พอคิดดูอีกที เย่ว์หยางตัดสินใจลืมมันไปก่อน ถ้าเขาสามารถทำให้นางนอนลงกับพื้นได้ในอนาคต นางจะต้องถึงกับหอบและครางในไม่ช้าแน่ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรีบ ตอนแรกก็ทำเป็นเจ้าชู้ใส่กันไปก่อน เมื่อเย่ว์หยางระลึกถึงเรื่องก่อนนี้ มันรู้สึกยอดเยี่ยมมากขณะแบกนางวิ่งลงมาตามทาง สถานการณ์อย่างนั้นอาจเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเจ้าเมืองโล่วฮัว เป็นเรื่องยากที่จะเห็นหน้าอกนาง ดูเหมือนว่าจะขนาด 34 ซี แค่น้อยกว่า 36 ดี อย่างไรก็ตาม ที่เขาสัมผัสได้จากข้างหลัง เขาตระหนักได้ว่า นางเติบโตแล้วบวกกับเรือนร่างที่เพรียวบางนับว่านางงามสมบูรณ์แบบ
สำหรับบุรุษชุดขาว เย่ว์หยางคงไม่รบกวนเสียเวลาเรียนภาษาปีศาจจากเขาแน่
เขาสามารถสั่งให้เย่คงและคนอื่นๆ เรียนได้ คนอย่างเหอสื่อหยุนกับฉินหยาง มีความสามารถในการพูดทำเงินได้ เมื่อพวกเขาได้เรียนรู้ภาษาและได้รับความรู้มาจากบุรุษชุดขาวแล้ว พวกเขาค่อยมาสอนเรื่องนี้กับเขาก็ได้ ยังมีเวลาสำหรับเรื่องนั้น
ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำคือช่วยเย่ว์ปิงและอี้หนานจบภารกิจหัวใจต้นโอ๊ค จากนั้นพาเย่ว์ปิงกลับบ้าน
ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว เมื่อเขาและแม่สี่กลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ เขาจะย่ำพวกสมาชิกครอบครัวที่หนึ่งและที่สองให้เละ ช่วยให้แม่สี่ได้แก้ความคับแค้นข้องใจในอดีตให้ได้ เขาต้องการทำให้สมาชิกตระกูลเย่ว์ทุกคนที่เป็นตัวการขับไล่ให้นางหนีไป ต้องคุกเข่าขอร้องให้แม่สี่กลับมา ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะให้ทุกคนในตระกูลเย่ว์ที่ขับนางออกไป รู้สึกละอายใจ เสียใจ และแสดงมันออกมาต่อหน้าแม่สี่
เอ่อ..อี้หนานจะมีท่าทีอย่างไร เมื่อนางได้เห็นนางพญากระหายเลือดที่เซ็กซี่มีเสน่ห์?
เกลียด? หึง? หรือว่าทำเป็นใจเย็น?
เย่ว์หยางกำลังมองดูสีหน้าของอี้หนาน แน่ใจได้เลยว่า คงเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว
*******************************