ตอนที่แล้วตอนที่ 89 กรีดร้องสะท้านขวัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 91 ความลับนางพญา

ตอนที่ 90 ยกระดับคัมภีร์


ดาบวิเศษฮุยจินเร็วกว่าแสง ปักเข้าที่หัวใจของหม่าเหลียงเป็นแผลฉกรรจ์

เหมือนกับว่ามันมีชีวิต ผลึกปีศาจทั้งสองดูดพลังจากหัวใจของหม่าเหลียงอย่างกระหาย

เย่ว์หยางคิดว่าหม่าเหลียงคงไม่รอดแล้ว แต่หลังจากนั้น มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจ หม่าเหลียงทั้งที่ยังมีมีดปักหัวใจปีศาจของเขาอยู่ ไม่ได้ตายเหมือนอย่างขุนพลปีศาจทั่วไป เขาฟื้นขึ้นจากอาการมึนงงและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องของหม่าเหลียงทำให้เย่ว์หยางตกใจจนรีบถอยออกมาพร้อมกับดึงดาบฮุยจินออกมาจากหัวใจของหม่าเหลียงด้วย เหมือนกับสัตว์ป่าที่กระเสือกกระสนหนีตาย หม่าเหลียงถอยออกไปอย่างบ้าคลั่งล้มลงนอนบิดตัวอยู่บนพื้น ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้โต้ตอบและไล่ตามซ้ำ หม่าเหลียงไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อสู้กับอาการบาดเจ็บหนัก เย่ว์หยางรีบตอบโต้ทันที แต่ช้าเกินไป พอเขาจะใช้ดาบฮุยจินไล่ล่าทำร้ายเป็นครั้งที่สอง ลำแสงเทเลพอร์ตสีดำก็ครอบคลุมตัวหม่าเหลียงเสียแล้ว

ดาบวิเศษฮุยจินเกือบผ่าอกของหม่าเหลียงเป็นสองส่วน แต่ไม่สามารถทำให้แม่ทัพปีศาจนี้ตายได้

หม่าเหลียงบาดเจ็บหนักและเกือบถูกเย่ว์หยางฆ่าตาย

อย่างไรก็ตาม ในความพยายามสุดท้าย พอลำแสงเทเลพอร์ตฉายออกมา ทำให้เขาหนีตายได้ เมื่อเขากำลังกลิ้งอยู่บนพื้น หม่าเหลียงรู้สึกถึงอันตรายในชีวิต เขาทำลายบอลเทเลพอร์ต มันเป็นของพิเศษสำหรับแดนปีศาจ

ถ้าเขาเป็นนักรบมนุษย์ เขาคงตายไปแล้ว

เย่ว์หยาง คงไม่ยอมให้เขามีโอกาสเปิดประตูเทเลพอร์ตหนีไปได้ แต่ผลกระทบของลูกบอลเทเลพอร์ตมีสูงมาก

ที่สำคัญยิ่งกว่า คือความเร็วในการหนีและโครงสร้างร่างกายของหม่าเหลียงทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถคำนวณความเคลื่อนไหวของเขาได้ถูกต้อง เขาจึงไม่ได้ถือโอกาสกำจัดหม่าเหลียงในการโจมตีครั้งเดียว

สำหรับสาเหตุที่หม่าเหลียงยังขยับได้แม้ว่าหัวใจปีศาจของเขาจะบาดเจ็บอย่างหนัก แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังตะลึง เมื่อเขาไล่ตามเพื่อเตรียมโจมตีครั้งที่สอง ก็คือว่าในขณะที่ดาบวิเศษฮุยจินฟันใส่หน้าอกของหม่าเหลียง เขาพบจากรอยแผลและเลือดว่าเขามีหัวใจปีศาจ 2 ดวงในตัวของเขา ถ้าเขาเพียงทำลายแค่ 1 ในนั้น ก็เพียงแค่ทำให้หม่าเหลียงบาดเจ็บหนักเท่านั้น เขายังไม่สามารถฆ่า 1 ใน 3 แม่ทัพปีศาจได้สำเร็จ

ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ว่าหม่าเหลียงมีหัวใจ 2 ดวง อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่ยอมปล่อยให้แม่ทัพปีศาจผู้นี้มีชีวิตรอดแน่

อ่อนประสบการณ์ นี่คือเรื่องที่น่าเสียดายของการอ่อนประสบการณ์

หม่าเหลียงผู้ที่อยู่ต่อหน้าประตูแห่งความตายได้เทเลพอร์ตหายไป คัมภีร์อัญเชิญของเขาหายไปพร้อมกับเขา ดูเหมือนคัมภีร์อัญเชิญจะไม่อยู่ห่างจากเจ้าของ อย่างไรก็ตาม มังกรบินที่หม่าเหลียงได้อัญเชิญออกมาพบกับหายนะของมันเอง เย่ว์หยางยังอยู่ในความโกรธ เขาซัดดาบจันทร์เสี้ยวของเขาไปที่มังกรดำที่ยังหมดสติอยู่ เขาฆ่ามันด้วยดาบจันทร์เสี้ยวของเขาเอง จากนั้นเย่ว์หยางขว้างดาบวิเศษฮุยจินไปที่หัวใจของมังกรบินปีกไฟ ส่วนมังกรบินเขางอนที่ใหญ่ที่สุดถูกเย่ว์หยางใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ฆ่ามันโดยยิงลงมาจากอากาศ

ในที่สุดเย่ว์หยางไม่ปล่อยให้มังกรบินเหล่านี้ได้มีโอกาสฟื้นและมีชีวิตหลบหนีออกไปได้ ไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ว่าหม่าเหลียงจะมีความสามารถเรียกพวกมันได้หรือไม่ แต่เขาจะฆ่าพวกมันให้หมด ป้องกันไม่ให้พวกมันมาสร้างความรำคาญในอนาคต

อีกด้านหนึ่ง โคเงาได้ย่ำหัว 3 ขุนพลปีศาจที่หมดสติอยู่จนบี้แบน

เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงมึนงงอยู่ และจิ้งจอก 6 หางยังคงหลับตาครางอย่างอ่อนเพลีย เห็นได้ชัดว่าเสียงกรีดร้องทำให้พวกเขาเจ็บปวดมาก โล่แสงของเจ้าเมืองโล่วฮัวหายไปแล้ว แต่แหวนไพลินบนนิ้วเรียวงามของนางเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆ ตั้งแต่นางหมดสติไป วิญญาณดวงหนึ่งกับหยดน้ำนับจำนวนไม่ถ้วนปรากฏล้อมรอบตัวนางราวกับจะปกป้องนาง

“เป็นไปได้ว่าแหวนนี้คือสมบัติในตำนานที่มีจิตวิญญาณเฉพาะงั้นหรือ? วิญญาณประจำสิ่งของงั้นหรือ?

ตัวอย่างเช่น ดาบที่บิดาเจ้าเด็กที่น่าสงสารทิ้งเอาไว้ก็เป็นของมีจิตวิญญาณ

เย่ว์หยางไม่เข้าใจมากนักเกี่ยวกับสิ่งของที่มีวิญญาณประจำ ตามที่เจ้าเด็กน่าสงสารได้บันทึกไว้ อุปกรณ์เหล่านี้ก่อตัวขึ้นต่อเมื่ออสูรอัญเชิญได้ตายในการต่อสู้ แต่วิญญาณไม่ต้องการจากเจ้านายผู้ที่ต่อสู้ร่วมกับพวกมันไป สิ่งของมีวิญญาณอาจกล่าวได้ว่าเทียบเท่ากับอสูรอัญเชิญ สามารถร่วมสู้รบได้โดยไม่ต้องอัญเชิญ แต่เพราะมันสูญเสียร่างของตนเองไป พลังของมันจึงลดลงอย่างมาก ดังนั้นมันจึงสนับสนุนในรูปแบบที่จำกัด

เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวหมดสติ ดูเหมือนว่าวิญญาณในแหวน ได้ออกมาอย่างนั้นเพื่อตั้งใจจะปกป้องเจ้านายตนเอง

แม้ว่าการป้องกันของมันจะไม่มีพลังมากพอ อย่างน้อยก็เป็นความรู้สึกที่ัรับได้ยากจากวิญญาณ

“อย่างนั้น ดาบฮุยจินของเราไม่ถือว่าเป็นของมีวิญญาณหรือ?” ตอนนี้เย่ว์หยางชักปวดหัวแล้ว ดาบวิเศษฮุยจินไม่ได้มีวิญญาณของอสูรแสนรักของเขาที่ตายไป แต่เป็นจ้าวอัคคีกับมังกรกระดูกมากกว่า และมันคงไม่ปกป้องเย่ว์หยางแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นลมหมดสติก็ตาม

เขายังไม่เข้าใจชัดเกี่ยวกับดาบวิเศษฮุยจิน จากนั้นเย่ว์หยางมองดูนางพญากระหายเลือด อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่?

นางนับว่าเป็นเงาปีศาจของเขาเองหรือไม่?

หรือว่าเป็นอสูรอัญเชิญธรรมดา

สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางรู้สึกได้ชัดก็คือ นางพญากระหายเลือดผู้นี้แตกต่างจากโคเงาสิ้นเชิง นางมีความคิดเป็นของตนเองและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ตัวอย่างเช่น เมื่อนางออกมานอกแนวป้องกันของโล่แสง มันเป็นความตั้งใจของนางเองโดยแท้ เย่ว์หยางไม่ได้ออกคำสั่งให้นางทำเรื่องนั้นทั้งหมด สิ่งที่แตกต่างจากเสี่ยวเหวินหลีก็คือ เสี่ยวเหวินหลีไม่อยู่ในความควบคุมของเย่ว์หยาง ปีศาจอสรพิษน้อยจะออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ที่เธอต้องการ และเข้าไปหลบพักในตัวของเย่ว์หยางตามใจเธอปรารถนา ถ้าเย่ว์หยางต้องการให้เธอเข้าร่วมต่อสู้ด้วย เขาจะต้องเรียกเธอในใจ แต่ควบคุมเธอไม่ได้

เย่ว์หยางสามารถควบคุมร่างกายของนางพญากระหายเลือดนี้ นางจะคล้ายกับโคเงาเล็กน้อย

แม้ว่าร่างของนางจะอ่อนแออย่างมาก แต่นางพญากระหายเลือดก็ยังยืนอยู่ได้ นางยืดตัวและลืมตาฟ้าอมม่วงที่เขย่าหัวใจเย่ว์หยางได้ นางกำลังมองมาที่เย่ว์หยาง

ตอนนี้นี่เองที่เย่ว์หยางเห็นได้ชัดเจนว่านางพญากระหายเลือดมองดูเหมือนสิ่งใดกันแน่ ผมยาวสยายคลุมเต็มไหล่และหลังของนาง ดูเป็นลอนโค้งคล้ายเปลวไฟ มีรัศมีสีทองเปล่งออกจากตัวของนาง รัศมีนี้บ่งบอกถึงความเป็นอสูรระดับทอง ที่หลังของนางมีปีกนางฟ้าคู่หนึ่ง แต่สีของมันเป็นสีทองโทนสว่างแทนที่จะเป็นสีขาว ที่ส่วนปลายของปีกจะมีหนามแหลมคมดูเหมือนปีกของมาร ให้ความรู้ที่แปลกๆ ปนเปกันไปทั้งความรู้สึกดีและเลว

ผิวด้านหน้าของนางแทบไม่มีอะไรปิดบัง อย่างไรก็ตาม ที่แขนของนางมีรัดแขนทองคำไม่กี่ชิ้น

หน้าอกนางมีเกราะสีแดงเข้มคลุมปิดทับไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ลูกดุมอัญมณีสีม่วงเข้มเชื่อมระหว่างปทุมทั้งสองของนาง เกราะรบสีแดงเข้มนี้เป็นเครื่องแต่งกายพิเศษแน่นอน มันแทบจะไม่ปิดครอบคลุมถันของนางได้ทั้งหมดดูเหมือนกับดอกไม้ที่ยังตูม ทำให้คนรู้สึกกระสันรัญจวนได้

ถ้านางยังดึงดูดความสนใจมากไปกว่านี้อีก ก็คงทำร้ายความรู้สึกคนอย่างรุนแรงแน่

ท้องของนางแบนราบ ร่างกายสมส่วนสมบูรณ์แบบมองดูมีเสน่ห์อย่างชัดเจน

กายส่วนล่างของนางก็มีเกราะชนิดเดียวสวมคลุมไว้ มีขนาดเล็กพอปกปิดส่วนลับของร่างกายไว้เท่านั้น

นี่ ถ้าเทียบกับอีกโลกหนึ่งก็คือชุดบิกินีว่ายน้ำนั่นเอง เซ็กซี่จนน่ากลัว เย่ว์หยางมองดูนางพญากระหายเลือดผู้มีเรือนร่างโดยรวมงดงามผิวขาวผุดผ่อง ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กลืนน้ำลายตนเอง

นางคืออสูรที่ทำสัญญาตนหนึ่ง ดูเหมือนว่าน่าจะแสวงหาอสูรที่งดงามน่าจะดีกว่า… ยังไม่ต้องพูดถึงทักษะการต่อสู้ของพวกเขาก่อน อย่างน้อยก็ยังดูเจริญนัยน์ตา ถ้าเขาทำสัญญากับเสือหรือสิงห์ที่ต้องหาเนื้อให้พวกมันกินทุกวัน อย่างนั้นเขามิต้องกลายเป็นครูฝึกสัตว์ป่าเหมือนในอีกโลกกระนั้นหรือ? ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ว่า นอกจากการฝึกวิทยายุทธของเขาแล้ว เขาจะต้องทำสัญญากับอสูรสาวสวยในโลกนี้ให้หมด อสูรอย่างฮุยไท่หลางให้หลบมุมไปซะ อสูรเหล่านั้นมีข้อจำกัดอย่างมากที่จะทำสัญญาด้วย พื้นที่ทั้งหมดจะต้องสงวนเอาไว้ทำสัญญากับอสูรสาวแสนสวยเท่านั้น

ค่อยเลี้ยงฮุยไท่หลางเมื่อเขามีเวลาว่างดีกว่ามั้ง?

ฮึ่ย..น่าขยะแขยงเกินไป เขาควรเอาเวลาว่างไปหยิกแก้มอยอกล้อกับอสูรสาวสวยยังจะดีกว่า

บางทีนางพญากระหายเลือดไม่ทราบว่าเจ้านายของนางหื่นแค่ไหน นางเริ่มพูดภาษาปีศาจด้วยประโยคยาวเป็นพืด เย่ว์หยางไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว

มีอุปสรรคทางภาษา ไม่ว่านางพญากระหายเลือดจะพูดมากแค่ไหน เย่ว์หยางก็ไม่เข้าใจเลย เขาได้แต่โบกไม้โบกมือ ช่วยให้นางพญาไม่ต้องลำบากพูดต่อไป ก่อนที่จะหาล่ามที่เชื่อถือได้ ทุกคำที่นางพูดเหมือนเป็นคำพูดไร้สาระสำหรับเขา พอเห็นว่าเย่ว์หยางไม่สนใจนางและเอาแต่ใช้มีดของเขาแซะเอาผลึกเวทจากซากที่ถูกฆ่าด้วยมีดของเขา พร้อมกับเห็นสนามรบที่ปกคลุมไปด้วยควันและบ้านของนางตกอยู่ในเปลวเพลิง ทันใดนั้นนางปิดหน้าร้องไห้ออกมาดังๆ..

“อ๋า? เจ้าร้องไห้ได้ด้วยเหรอ, เอ่?” เย่ว์หยางนึกไม่ถึงเลยว่านางพญากระหายเลือดจะมีอารมณ์ที่หลากหลาย ก่อนหน้านั้น เขามักคิดเสมอว่า คงเป็นหุ่นประเภทหนึ่งคล้ายๆ หุ่นยนต์แอนดรอยด์ผู้หญิง

“ฮือออ…..” เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางพญากระหายเลือดร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ความจริง ข้าเข้าใจดีนะ! จากที่เป็นนางพญาผู้ปกครองระดับบน เจ้าต้องกลายมาเป็นผู้ช่วยของข้า ความรู้สึกก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เจ้าเป็นฝ่ายเสนอทำสัญญากับข้าก่อนนะ เรื่องนี้เจ้าจะตำหนิข้าไม่ได้ ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าเจ้าไม่ได้ทำสัญญากับข้าในตอนนี้แล้ว เจ้าอาจตายไปแล้วก็ได้ ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือ ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจจะปลอบนางพญากระหายเลือดว่า “อย่าร้องไห้เลยนะ ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขในชีวิตแน่นอน (ความหมายโดยอ้อมคือขอแต่งงาน)” แต่เขาไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกไป เพราะบางทีอาจจะทำให้นางร้องไห้ดังกว่าเดิม ดังนั้นเขาชะงักคำพูดไว้ ไม่กล่าวออกมา

สำหรับนางพญากระหายเลือดผู้กำลังร้องไห้เสียใจ เย่ว์หยางไม่ได้ปลอบโยนางต่อไป

ทั้งนี้เป็นเพราะยิ่งเขาพยายามปลอบโยนนางมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังขึ้น

เย่ว์หยางดึงผลึกเวทออกมาจากมังกรบินและนางปีศาจดาบสังหาร ก่อนที่จะหยิบยื่นให้กับโคเงา สุดท้ายนางเพียงแต่รับเอาของนางปีศาจดาบสังหาร ในขณะที่ยกระดับไปพร้อมกับคัมภีร์ชั้นทองแดงของเย่ว์หยาง

ในที่สุดคัมภีร์ทองแดงก็กลายเป็นอดีตไป ตอนนี้เมื่อคัมภีร์ได้ทำการยกระดับขึ้น มันได้เปลี่ยนสภาพจากคัมภีร์ทองแดงระดับสูง เป็นคัมภีร์เงินระดับเริ่มต้น..

หลังจากคัมภีร์ได้ทำการยกระดับแล้ว รหัสโบราณได้เพิ่มทักษะที่สามให้แก่เงาปีศาจ คือ “เงาอำพราง” พวกหน้าพิเศษที่เย่ว์หยางคาดหวังเอาไว้ว่าจะได้ยังคงไม่มีอะไรปรากฏ

ทักษะเงาอำพราง : เงาปีศาจสามารถพลางตัวผสานเข้ากับความมืดได้อย่างอิสระ มองด้วยตาเปล่าจะไม่สามารถเห็นความคงอยู่ของมันได้ ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ร่างหลักสามารถใช้พลังภายในจำนวนมากสร้างหมอกดำเพื่อให้ผสานเข้ากับความมืดได้ดียิ่งขึ้น ทักษะนี้ไม่สามารถใช้กับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งกว่าเจ้าของร่างได้

“นี่หมายความว่าทำได้เฉพาะเงาปีศาจ หรือว่าทั้งโคเงาและนางพญากระหายเลือดก็ทำได้เช่นกัน?” พอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว เย่ว์หยางรู้ว่าคงทดสอบตอนนี้ไม่ได้แน่ มิฉะนั้นเขาคงทดสอบทักษะเงาอำพรางไปแล้ว

เย่ว์หยางไม่มีเวลาพอที่จะทดสอบการเปลี่ยนแปลงหลังจากคัมภีร์ของเขายกระดับเป็นคัมภีร์ชั้นเงิน

ตอนนี้ เขารีบไปอยู่ข้างๆ โคเงา และช่วยนางยกระดับเพื่อปรับฟื้นฟูโครงร่างของนาง ตอนแรกเย่ว์หยางคิดว่าจำเป็นต้องฟื้นฟูด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงวาดฝันเอาไว้ในใจ ว่าเขาจะเปลี่ยนโคเงาให้เป็นนักรบแดรนาย ฉะนั้นใครจะรู้ว่าการปรับเปลี่ยนฟื้นฟูโครงสร้างจะทำสำเร็จแล้วด้วยสัญชาตญาณของโคเงา?

โคเงาดูดซับพลังของเย่ว์หยางผ่านทางฝ่ามืออย่างมากมาย ร่างทั้งหมดของนางเริ่มค่อยๆเปลี่ยนรูปไป

กระบวนการฟื้นฟูปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายในนาทีเดียวมันก็จบสิ้น

เย่ว์หยางเหนื่อยมาก ในที่สุด เขาก็พบว่าโคเงาไม่ได้กลายเป็นสาวโคมีเขาแสนสวย นางยังคงมีหัวโคอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม พอมองใกล้ๆ ร่างของโคเงาดีกว่าเมื่อก่อนมาก ร่างของนางบางและผอมลงมาก แม้ว่าดูภายนอกยังมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ใบหน้าของนางค่อยๆ มีเค้าของมนุษย์มากขึ้น แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความงามพื้นฐานก็ตาม สรุปว่าตอนนี้ดีกว่าเดิมนับสิบเท่า แน่นอน ว่ากันตามตรงแล้วนางก็ยังหัววัวอยู่ดี ถ้าเขาต้องการให้นางกลายเป็นโคสาวแสนสวย อย่างน้อยคงต้องใช้เวลายกระดับนาง 8 – 10 ครั้ง มิฉะนั้นแล้วนางคงไม่มีทางเปลี่ยนเป็นสาวโคแสนสวยได้เลย

“จะใช้เวลายกระดับให้เจ้า ดูเหมือนว่าข้าไม่ต้องรีบร้อนอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องคิดก็คือทำอย่างไรถึงจะเริ่มต้นวิวัฒนาการที่แตกต่าง”

เขาคิดในใจว่าต้องหาวิธีทำให้นางวิวัฒนาการเป็นอสูรเงินให้ได้ มิฉะนั้นทันทีที่นางยกระดับขึ้นเป็นอสูรทองแดงระดับ 6 ก็จะไม่มีอนาคตอีกต่อไป

ตามแผนที่ได้คุยไว้กับเจ้าเมืองโล่วฮัว วิธีที่ดีที่สุดซึ่งจะเปลี่ยนให้อสูรทองแดงระดับ 5 เป็นอสูรเงินก็คือต้องให้นางได้กินผลึกเวทของกระทิงเถื่อนที่เป็นอสูรทองระดับ 6 หรือสูงกว่า นี่เป็นวิธีที่พูดได้ว่าง่ายกว่า เย่ว์หยางจะไปเอาผลึกเวทของกระทิงเถื่อน ชั้นทองระดับ 6 ด้วยมือตนเองจากที่ไหน? อย่าว่าแต่อสูรทองระดับ 6 เลย แม้แต่กระทิงเถื่อน อสูรเงินระดับ 6 ยังไม่รู้จะไปหาได้จากไหนด้วยซ้ำ เดิมทีเย่ว์หยางต้องการยกเลิกความตั้งใจอยู่แล้ว แต่แล้วมีแรงบันดาลใจแว่บเข้ามาในหัวของเขา

อา….ที่นั่นอาจจะมีก็ได้

นักรบแดรนาย โคสาวแสนสวยที่เย่ว์หยางต้องการ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด