ตอนที่ 79 เครื่องกล
ทางเข้าเป็นประตูหินเก่าและหักพัง
ใยแมงมุมและกองฝุ่นมีอยู่ทั่วทุกแห่ง แต่เป็นเรื่องง่ายที่จะติดตามร่องรอยของคนที่เคยผ่านเข้ามาในที่นี้ และในชั่วขณะหนึ่งยังสามารถชี้จุดขยะสองสามชิ้นที่ถูกพวกนักผจญภัยทิ้งไว้ เส้นทางสองสามสายที่ซ่อนตัวจากสายตาพวกเขาในระยะไกล เริ่มปรากฏต่อหน้าถังเทียนและปิง
หน้าของปิงเคร่งเครียดและจริงจัง “ตามข้ามา แต่ต้องระวังตัวด้วย”
“ลุงปิง, ลุงเคยอยู่ที่นี่มาก่อนใช่ไหม?” ถังเทียนกระซิบถาม แม้ว่าภายในจะสลัว แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย
ปิงลอยไปพลางกล่าว “ข้าเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ที่นี่เคยเป็นค่ายของกองทัพ ในภายในมีคลังอาวุธทหาร ดังนั้นจึงมีเครื่องจักรกลหลายอย่างอยู่ที่นี่”
“เครื่องจักรกล?” ถังเทียนนัยน์ตาเบิกกว้างและมองไปรอบๆ
หยาหยาที่อยู่บนไหล่ของเขาพยายามเรียนรู้สีหน้าเขา มันพองแก้มเพื่อบังคับให้ตาน้อยของมันเบิกกว้างและมองไปรอบๆ มันไม่แน่ใจว่าจะเก็บแก่นพลังวิญญาณไว้ที่ไหนดี ขณะที่ในมือของมันถือธนูและลูกธนู
“เอ๋?” จู่ๆ ปิงก็มีความรู้สึกและคำราม “มีคนตามหลังเรามา”
“มีคนเหรือ?” ตาของถังเทียนฉายแววระมัดระวังทันที
รังสีเยียบเย็นรอบๆตัวปิงเพิ่มขึ้น เขาไม่ได้เข้าไปในทางเดินและไม่พูดอะไรสักคำและเข้าไปยังผนังด้านข้างและดูเหมือนว่าจะกดวัตถุอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น มีเสียงแกรกๆ ผนังยกตัวขึ้นเผยให้เห็นทางเดินสีบรอนซ์
ถังเทียนกลืนน้ำลายตนเอง ทั่วทั้งทางเดินทำด้วยบรอนซ์ หลังจากผ่านไปหลายปีไม่มีแม้แต่สนิมสักนิด ชิ้นงานแกะสลักบนผนังบรอนซ์เต็มไปทั้งทางเดิน การออกแบบเรียบง่ายและตกแต่งด้วยบรอนซ์ล้วนมีฝุ่นปกคลุมเนื่องจากผ่านกาลเวลา มันค่อยๆ เปิดออกต่อหน้าถังเทียน ถ้วยน้อยบนผนังเริ่มเปล่งแสงคดเคี้ยวลึกลงไปตามทางเดิน
“มันยังคงใช้งานได้ ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด”
ถังเทียนสามารถได้ยินได้ แม้ว่าลุงปิงจะพยายามรักษาน้ำเสียงของเขาให้สงบแต่ความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงกลับเปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตามเขายังคงสงบอยู่ดี
ถังเทียนเดินเข้าไปในทางเดินบรอนซ์ ผนังหินค่อยๆ เลื่อนปิดลงแน่นอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้ถังเทียนรู้สึกแปลกก็คืออากาศภายในทางเดินสดชื่นมาก และมันไม่เฉอะแฉะเหมือนอย่างที่เขาคิดว่าน่าจะเป็น
“อย่าก้าวไปบนพื้น” ปิงเตือนถังเทียน
“อย่าก้าวไปบนพื้น?” ถังเทียนตะลึง “งั้นจะให้ข้าเดินยังไงเล่า?”
นัยน์ตาหยาหยาเป็นประกาย ด้วยขาน้อยๆ ของมันมันพุ่งออกไปเหมือนกระสุนตรงเข้าหาผนัง ปั้ก ปั้ก ปั้กถังเทียนเห็นเหมือนลูกกระสุนกระเด้งไปตามผนังซ้ายไปผนังขวาและพุ่งไปผนังซ้ายอีกครั้งขณะเคลื่อนไปข้างหน้าทำให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนหยาหยาจะฉลาดกว่าเจ้านะ”ปิงทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้และลอยตัวไปข้างหน้าต่อ
ถังเทียนนัยน์ตากระตุกโดยมิอาจพูดอะไรได้ เขาใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องยังดีที่วิชาตัวเบาของเขาแข็งแกร่ง และสำหรับเขาแล้ว มันง่ายมาก
ทางเดินลึกกว่าที่ถังเทียนคาดไว้มากมายนักและรู้สึกว่ามันยืดขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ใจของถังเทียนยิ่งประหลาดใจมากขึ้นทุกที ทางเดินบรอนซ์นี้ยาวมากกว่าสิบกิโลเมตรแล้วและยังคงลงไปต่อเป็นการวางแผนออกแบบที่น่าทึ่งขนาดนั้น พวกเขาสร้างที่นี้อย่างมั่นคงได้ยังไงกัน
“ระวัง,ถ้าข้างหน้ายังไม่สูญเสียประสิทธิภาพ เราจะต้องพิสูจน์สถานะตัวเอง” คำพูดของปิงหนักแน่น
“จะพิสูจน์อะไร?” ถังเทียนถาม
“สัญลักษณ์” ปิงกล่าว
“แล้วท่านมีไหม?” ถังเทียนถามอีกครั้ง
“ไม่มี” ปิงตอบตามตรง
ถังเทียนยืนด้วยความงุนงง “งั้นเราจะทำยังไงกันดี?”
“วิ่งอย่างเดียว” ปิงตอบ
“วิ่ง...วิ่งอย่างเดียว?” ถังเทียนคิดว่าได้ยินผิด
“ถูกแล้ว” จู่ๆปิงก็มาปรากฏตัวข้างหยาหยาคว้าตัวเขาไว้และมาอยู่ข้างหลังถังเทียน มือหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเขาและพูดว่า “หนุ่มน้อยชาวฟ้าเราจะขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
ถังเทียนต้องการจะด่าเขา แต่ลำแสงสีแดงจางๆ เปล่าแสงวาบอยู่ต่อหน้าเขา
“หวา หวา หวา”ถังเทียนไม่สนใจเรื่องอื่นอีกต่อไปแล้วและหลบไปด้านข้าง
ธนูบรอนซ์ดอกหนึ่งพุ่งผ่านตัวเขาไป“ฉึก” มันปักลึกลงไปในผนัง ขนนกของลูกศรบรอนซ์ยังคงสั่นหึ่งๆพอเห็นเช่นนั้น หัวใจของถังเทียนสั่นสะท้าน หน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย ถ้าเขาโดนมันปักใส่ มันคงทะลุผ่านตัวเขาไปแน่
“อย่ามัวแต่ตะลึง! วิ่งขึ้นหน้าต่อไป” ปิงกระตุ้นเขา
“ลุงเฮงซวย!” ถังเทียนสบถด้วยความโกรธขาของเขาปล่อยพลังออกมาทันทีและพุ่งไปที่ผนังตรงข้าม ธนูบรอนซ์ยิงออกมาอีกดอก
“อย่าก้าวไปบนพื้น”ปิงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขาและคอยเตือนดังๆ
วืด วืด วืด!
เสียงแตกหักที่ทำให้คนผมบนหัวตั้งชันได้เสียงดังที่ลึกเข้าไปในทางเดิน
ถังเทียนแทบตาเหลือก จุดสว่างเล็กๆสองสามจุดปรากฏในสายตาเขาขณะที่ถ่ายพลังลงไปที่ขา เหมือนกับธนูที่หลุดจากแล่งเขาพุ่งไปยังผนังตรงข้าม
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
ถังเทียนไม่อาจด่าใครได้อีกต่อไปเนื่องจากธนูระดมยิงมาเหมือนห่าฝน ธนูทองแดงสิบสองดอกแทบจะปิดพื้นที่หลบหนีของเขา
ความกลัวที่รุนแรงไปกระตุ้นกล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายเขาขณะที่เขารวบรวมสมาธิอย่างไม่เคยมีมาก่อน เขาเข้าไปใกล้ผนังและเหยียดมือออกไปทันที งอนิ้วทั้งห้าเป็นตะขอ ปั้ก...และจิกลงไปในผนังบรอนซ์ แรงเฉื่อยจากการโถมไปทั้งตัวทำให้ร่างของเขากระแทกกับผนังบรอนซ์ พลังนี้ส่งผลถึงนิ้วของเขาทำให้นิ้วของเขารู้สึกเจ็บปวดเขาไม่สนใจอะไรในตอนนั้น ยังใช้นิ้วที่งอเป็นตะขอจิกลงไปในผนังบรอนซ์เช่นกัน
แขนของเขาปลดปล่อยพลังงานทันทีและเหมือนกับจิ้งจกไต่ผนัง ถังเทียนเคลื่อนไปข้างหน้าตามแนวผนังบรอนซ์
ปั้ก ปั้ก ปั้ก
ลูกธนูบรอนซ์หลายดอกพุ่งผ่านร่างเขาไปแรงเสียดอากาศเฉียดผ่านผิวทำให้ผมบนศีรษะของเขาตั้งชัน
“ทำได้ยอดเยี่ยม” ปิงตื่นเต้นเล็กน้อย “วิธีนั้นนั่นแหละ เด็กใหม่! ลุยไปข้างหน้าต่อไป”
เด็กใหม่....
ถังเทียนตาเหลือกอีกครั้ง แต่เขายับยั้งใจไม่ให้ทุ่มลุงปิงลงไปข้างล่างและยังคงมุ่งหน้าต่อไปอย่างบ้าคลั่ง ทั้งตัวของเขาแนบติดผนังและได้แต่อาศัยพลังนิ้วและแขนของเขา พลังถึกของถังเทียนได้เปล่งอานุภาพแท้จริงออกมา
ควั่บ ควั่บ ควั่บ
ลูกธนูระดมยิงมาเหมือนฝนด้วยพลังที่น่ากลัวพุ่งลึกไปตามทางเดินอย่างไม่หยุดยั้ง
ลักษณะผิวของถังเทียนเปลี่ยนแปลง เขาไม่สามารถหายใจได้อย่างถูกต้อง นิ้วทั้งสิบจิกลงไปในผนัง ขณะเดียวกันขาทั้งสองก็ใช้พลังไปด้วย เขาเป็นเหมือนกบที่พุ่งออกไปด้านนอก
“ดีมาก! ความแข็งแกร่งทั่วทั้งตัวเจ้ามีความกลมกลืนดีเต็มไปด้วยการระเบิดพลังออกมาได้อย่างงดงาม! เด็กใหม่, ยอดเยี่ยมแล้ว อย่าหยุด, ไป ไป ไป”
ปิงที่ตามอยู่ด้านหลังของเขาตื่นเต้นมาก ภาพที่คุ้นเคยรอบๆตัวทำให้เขาเหมือนกลับไปสู่ยุคสมัยของตนอีกเขากับเด็กหนุ่มบริสุทธิ์คนแล้วคนเล่าและการฝึกฝนหนักหน่วงต่อเนื่อง ในตอนนั้น เขาก็ใช้วิธีเหมือนปัจจุบันนี้ คอยคำรามและให้กำลังใจอยู่ด้านข้างพวกเขา
ทั้งกองทัพในตอนนี้เหลือเขาอยู่เพียงลำพัง
เขาไม่ถือว่าตายทั้งไม่นับว่ามีชีวิตอยู่
แต่จากแรกเริ่ม เขาสูญเสียเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเหลืออยู่เพียงคนเดียว...
ในกองทัพพลังของเขาไม่นับว่าแข็งแกร่งนัก และมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งกว่าเขาทักษะทางวิศวกรรมของเขาอยู่ในระดับสมบูรณ์ของกองทัพ ภูมิปัญญาในเรื่องกลศึกของเขาไม่ได้อยู่ในชั้นสุดยอด
ทำไมเขาถึงกลายเป็นวิญญาณ? ทำไมจึงเป็นเขา? ทำไม!
เขาพร่ำถามคำถามเดียวกันนี้กับตนเองนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาไม่สามารถคิดออก และไม่สามารถเข้าใจได้ กองทัพถูกทำลาย ดังนั้น ยังจะมีอะไรเหลือใช้ให้ผู้ฝึกสอนอย่างเขา ถ้าสวรรค์ต้องการให้เขาใช้กรรมจริงๆอย่างนั้นก็ควรเป็นผู้บัญชาการหรือคนสำคัญที่รอดอยู่...
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นและมีแต่เพียงเขาที่เหลือรอดชีวิต
เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังอยู่ข้างหูของเขาค่อยๆ ดึงเขากลับมาจากการจมอยู่ในห้วงคำนึง
เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าถังเทียนเป็นทหารที่ดี
แม้ว่าพรสวรรค์ของถังเทียนจะไม่ค่อยมีค่ามาก แต่ปิงบอกได้ว่าสมดุลธาตุทั้งห้าของถังเทียนไม่ใช่สิ่งเลวร้ายและการเข้าถึงพลังของถังเทียนก็ไม่มีปัญหาแต่เขาพูดสิ่งที่เขาอยากพูดออกมาครึ่งเดียวเท่านั้น ทุกอย่างที่เขาพูดไม่มีปัญหาก็เพียงเพราะว่ามันยังไม่มีปัญหา รวมทั้งพลังเที่ยงแท้เขาได้เห็นคนหลายคนผู้มีความใกล้ชิดพลังปราณเที่ยงแท้อย่างเป็นธรรมชาติมาก และนั่นเป็นพรสวรรค์ที่ฝังลึกถึงกระดูกและราก ปัจจุบันนี้รากและกระดูกของแต่ละคนนั้นไม่สำคัญในสายตาของปิง ขณะเมื่อเขาฝึกทหารใหม่ ก็ไม่ขาดแคลนคนมีพรสวรรค์ที่เชื่อมต่อกับห้าธาตุ คนทั้งหมดเหล่านี้สามารถฝึกพลังปราณเที่ยงแท้ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ มากนักประสิทธิภาพของพวกเขาสูงมากและก้าวหน้าในระดับที่น่าทึ่ง
แต่ในสายตาปิง พรสวรรค์หรือความสามารถตามธรรมชาติที่ฝังอยู่ในกระดูกและรากนั้นก็เพียงแค่นั้น พรสวรรค์สำหรับอัจฉริยะเยาว์วัยสำคัญมากกว่า สำหรับทหารนั้น ความกล้าหาญ,จิตตานุภาพและความมุ่งมั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในแง่มุมนี้ ถังเทียนผู้เป็นหนึ่งในทหารใหม่หลายคนที่เขาฟูมฟักนับว่าโดดเด่นแน่นอน
ถังเทียนไม่ใช่คนฉลาดแต่ทัศนคติเยือกเย็นระหว่างต่อสู้ของเขาเป็นเหมือนสัญชาตญาณธรรมชาติของสัตว์ป่าและนั่นทำให้ปิงประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เขาเพิ่งจะบรรลุปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ แต่ก็สามารถรักษาความสงบขณะที่มีลูกธนูยิงออกมาตามทางเดินเป็นห่าฝน ถ้ากองทัพยังคงมีชีวิตอยู่คงได้มีคนส่งเสียงเชียร์เป็นแน่
เครื่องกลนี้ ถังเทียนไม่ใช่เป็นคนแรกที่บุกฝ่าเข้าหามัน
ทหารของกองทัพดาวกางเขนใต้ส่วนใหญ่มีนิสัยรวดเร็วรุนแรงชอบการท้าทาย และจะปลดสัญลักษณ์เขาออกเพื่อท้าทายเครื่องกลนี้ หลายคนทำเล่นเพื่อความสนุก แต่คนที่สามารถทำได้จะเป็นทหารรุ่นเก่าทั้งนั้นไม่เคยมีทหารใหม่ผ่านไปได้
ทันใดนั้น ปิงสนใจว่าถังเทียนจะสามารถผ่านด่านได้สมบูรณ์หรือไม่
ถังเทียนไม่รู้ถึงสิ่งที่ปิงคิดอยู่ในปัจจุบันนี้ เขาซึมซับและเพ่งสมาธิใช้สัญชาตญาณสังเกตดูที่ด้านหน้าเขา
วิธีเดินหน้าไปแบบจิ้งจกจะตกอยู่ในความยุ่งยากอีกไม่ช้าเนื่องจากเครื่องกลดูเหมือนจะสามารถรู้สึกถึงกระบวนการวิธีของเขาแล้วและธนูบรอนซ์เริ่มมีความน่ากลัวมากขึ้น ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทันที เนื่องจากธนูบรอนซ์ที่อันตรายเฉียดผ่านร่างเขาไป ที่เฉียดที่สุดคือผ่านหน้าผากเขาไปมันทิ้งรอยแผลจางๆ ไว้ที่หน้าผากของเขา
ถังเทียนถึงกับเหงื่อกาฬออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาติดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
พื้นที่ในทางเดินสำหรับหลบยิ่งจำกัดมากขึ้นทุกที แต่จำนวนลูกศรบรอนซ์กลับเพิ่มมากขึ้นทุกที เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะถูกตรึงพื้นที่ไว้และทำให้พื้นที่การหลบของเขาแคบลงทุกที
เขาจะทำอย่างไรดี?
เหงื่อไหลลงมาถึงคางของถังเทียน เขาลืมความจริงที่ว่าวิธีที่เขาใช้นั้นสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงทางกายมากการหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นและผิดปกติ แต่สีหน้าของเขาไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย และเขายังคงมุ่งหน้า มองตรงไปและใช้สมองคิดอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่มีพื้นที่ให้หลบมากพอ...เขาจะทำยังไง?
ดวงตาของถังเทียนทอประกายดุดันร้อนแรง
ถ้าไม่มีพื้นที่ให้หลบอีกต่อไปอย่างนั้นก็ต้องสร้างพื้นที่เพิ่ม
ถังเทียนใช้ความเร็วที่น่าประหลาดใจของเขาเคลื่อนขวางไปตามผนังหลบธนูที่ยิงออกมาอย่างเกรี้ยวกราดได้ผนังบรอนซ์เย็นทำให้หัวใจของเขารู้สึกเยือกเย็น ธนูเจ็ดดอกเล็งมาที่พื้นที่เบื้องหน้าเขาถังเทียนพุ่งออกจากผนังอย่างไม่ลังเลใจ
ธนูบรอนซ์สามดอกส่งเสียงหวีดหวิวยิงพร้อมออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยม
ถังเทียนผู้อยู่ในอากาศขดตัวงอเข่า ขณะที่ลูกธนูพลาดเป้าเฉียดผ่านเขาไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาสูญเสียแรงเหวี่ยงในอากาศก็ต้องพบกับลูกศรที่ยิงออกมาอย่างเกรี้ยวดอกหนึ่งทันที
พอเห็นว่าเขาจะถูกแทงทันที ถังเทียนขยับตัวอย่างรวดเร็ว