ตอนที่ 78 หยาหยา
ปิงตื่นเต้นมาก
ฉากภาพที่คุ้นเคยทำให้เขาระลึกถึงช่วงเยาว์วัย
มีหน้าผาแดงขนาดมหึมาสูงราวๆยี่สิบเมตรสีแดงราวกับสนิม พื้นผิวแข็งเป็นพิเศษคล้ายกับนักรบเดียวดายยืนตระหง่านในถิ่นทุรกันดาร
ปิงลอยตัวไปข้างๆหินยักษ์สัมผัสหน้าผาแดงเบาๆ ด้วยความคิดพลุกพล่าน เขารำพึง “เจ้ายังคงเหมือนเมื่อตอนนั้นอยู่เลย...”
ถังเทียนฟังอย่างไร้จุดหมาย แต่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ปิงพยายามยับยั้งความคิดกลับสู่สภาพที่สงบและกล่าว“ตำหนักวิญญาณพลังยุทธประกอบด้วยสถานที่ที่น่าหนักใจ ดังนั้นเจ้าต้องหมั่นทำจุดอ้างอิงเพื่อใช้ในการระบุตำแหน่งเป็นประจำหินแดงนี้ เราใช้มันโดยเรียกว่ายามสีแดง ถ้าเรายังคงเดินตรงต่อไป เราจะเข้าสู่พื้นที่ล่าวิญญาณ โชคดีที่สถานที่นี้ไม่ต่างไปจากในอดีตยุคข้ามากนัก”
ถังเทียนเดินตามปิงไปเรื่อยๆแต่ทันใดนั้นรอบๆ ตัวกลับเย็นลงอย่างรวดเร็ว ในท่ามกลางป่ารกทึบป่าหินปรากฏอยู่ต่อหน้าถังเทียน มีหินรูปร่างแปลกประหลาดล้วนตั้งตรงตระหง่านทั้งหมดเป็นสีซีดๆ ให้ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นขวัญผวา
“ระวังไว้” ปิงเตือนถังเทียน
ถังเทียนไม่พูดอะไรและเรียกเกราะนกยูงครามและและเพลิงเตาหลอมออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้ เขารู้ว่าพลังของเขายังอ่อนอยู่ ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังถึง 120%
ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกถึงบางอย่าง และเขาต่อยออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ปึ้ก!
หมัดของเขาต่อยใส่เงาสีเทานุ่มจนมันกระเด็นไปกระแทกผนังหินตรงกันข้าและมันพุ่งกลับตรงมาที่เขา
เจ้าตัวน้อยนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บและยังคึกคักปราดปราดเปรียวมากและในที่สุดถังเทียนก็เห็นว่ามันคือขุนพลวิญญาณขนาดเท่ากำปั้น ถังเทียนตะลึง เขาไม่เคยเห็นขุนพลวิญญาณขนาดเล็กอย่างนั้นมาก่อนและแม้ว่ามันจะเล็กมาก แต่มันก็มีเกราะดูเรียบร้อยและดูสมจริง
ขุนพลวิญญาณน้อยคำรามเสียงแหลมอีกครั้งและทันใดนั้นก็พุ่งเข้าหาถังเทียน มันใช้ธนูน้อยในมือเพื่อขับเคลื่อนตัวเองและพุ่งเข้าใส่ถังเทียน
ถังเทียนสั่นและมีปฏิกิริยาโต้ตอบมันทันที ขุนพลวิญญาณน้อยที่ไม่ได้รับเชิญ เขาปล่อยหมัดออกไป
ปัง
หมัดนี้กระแทกใส่มันจนได้ ขุนพลวิญญาณน้อยปลิวละลิ่วกลับไปกระแทกผนังและจมลึกลงไปในผนังหิน
“นี่.. นี่มันตัวอะไรกัน?” ถังเทียนกลืนน้ำลายและถามอย่างยากลำบาก
“โอว, ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ” ปิงตอบตามปกติ “สถานที่นี้เต็มไปด้วยเจ้าพวกนี้ โดยพื้นฐานพวกมันเป็นระดับต่ำที่สุดของขุนพลวิญญาณที่จะพัฒนาได้ เศษจิตวิญญาณพลังยุทธโบราณเหล่านี้หลังจากผ่านเวลาไปนานก็จะกลายรูปเป็นขุนพลวิญญาณ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณนี้นับว่าอ่อนแอที่สุด พวกมันจะมีพลังราวๆระดับสองหรือสาม แต่เจ้าต้องระวังให้ดี พวกมันยากที่จะทำลายได้”
ขณะที่ปิงพูดจบ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณก็ร่วงลงมาจากผนังหิน ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณยกธนูน้อยและปล่อยลูกธนูในมือมันธนูสองสามดอกถูกยิงตรงมาที่ถังเทียน
ถังเทียนหัวเราะ และร้องไปด้วยขณะที่ขุนพลวิญญาณยิงลูกธนูน้อยขนาดเท่าไม้จิ้มฟันใส่ แต่เขาก็ยังเงื้อหมัดต่อยออกไป
ลูกธนูสีเทาขนาดไม้จิ้มฟันร่วงทันที
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณโกรธ ขณะที่มันร้องเสียงแหลมเล็กด้วยความโกรธ กระโดดสูงและยกธนูเล็งแล้วปล่อยธนูสองดอกพุ่งใส่ถังเทียน
มันถูกกระแทกกลางอากาศอีกครั้ง
ปั้ก!
มันจมลึกลงไปในหินอีกก้อนหนึ่ง
“อย่าไปยุ่งกับมันเลย เจ้าพวกตัวน้อยทั้งหมดนี้ไม่ได้คุกคามแต่อย่างใด แต่มันยากจะทำลายได้ โอว..เจ้าสามารถกลืนกินมันได้นะ มีผลมากทีเดียว” ปิงกล่าว
ถังเทียนขบคิดชั่วขณะ และแค่คิดว่าหยิบร่างเจ้าตัวน้อยใส่ปาก มือเท้าของมันดิ้นกระแด่วอยู่ภายในปากของเขา ทันใดนั้นมันก็ระเบิดอยู่ในปากอย่างเยือกเย็นและชั่วร้าย เขาส่ายศีรษะ “ลืมเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า”
“งั้นก็ไปกัน” ปิงนำทางเดินไปต่อ
ถังเทียนเตรียมจะก้าวไปต่อ ขณะที่ความรู้สึกเตือนเขาอีกครั้ง และเขาหมุนตัวปล่อยหมัดออกไป
หมัดกระทบอะไรบางอย่าง
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณปลิวไปในอากาศอีกครั้ง
ถังเทียนรู้สึกปวดหัว เป็นอย่างที่ลุงปิงว่าจริงๆ เจ้าตุ๊กตานี่ยังไม่ยอมจบเรื่อง โดยไม่ต้องพูดอะไรเขาเริ่มวิ่งหนีจากเจ้าตัวยุ่งยากน้อยนี้
ขณะที่เขาเริ่มวิ่งไปได้สองก้าว จากตรงมุมสายตาเขา เขาเหลือบไปเห็นโขดหินข้างๆ ร่างน้อยๆ กำลังกวดไล่ตามหลังมาอย่างกระชั้นตัวอ่อนขุนพลวิญญาณเป็นเหมือนกระสุนกลม พุ่งมาจากโขดหินด้วยความเร็วสูง มันสังเกตว่าถังเทียนกำลังมองมันมันจึงยกธนูในมือและเล็งใส่ถังเทียนอย่างเอาเป็นเอาตาย
ถังเทียนถลกข้อมือ และประกายสีดำถูกยิงออกมากลางอากาศ
เป็นธนูลับแขนเสื้อนั่นเอง
ถูกเป้าหมาย
ถังเทียนดีใจที่มีพลังอย่างคาดไม่ถึง เขาเคยทดสอบพลังธนูลับแขนเสื้อมาแล้ว เช่นกับลำต้นไม้ก็ยังถูกเจาะทะลุได้เจ้าตัวน่ารำคาญนี่ไม่มีทางหนีได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ถังเทียนตะลึง
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณถูกธนูลับแขนเสื้อเฉียดพลิกกระเด็นไปอย่างไม่คาดหมาย
ในวินาทีต่อมาก็มีเสียงคำรามร้องด้วยความโกรธเหมือนกับเสียงสุนัขบ้าพุ่งออกมาจากโขดหินด้านหลังใกล้เข้ามาทุกที ขณะที่ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณปรากฏออกมาที่โขดหินอีกครั้งหน้าของมันแดงคล้ำจากความโกรธ ขณะที่มันใช้ธนูและลูกธนูด้วยพลังทั้งหมดของมัน พร้อมกับตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้าใส่
ถังเทียนตะลึงงัน มันไม่ถูกยิงทะลุหรือนี่? ทำไมมันพลิกตัวได้ทันล่ะ?
และมันยังดื้อดึงยิ่งกว่าเราเสียอีก...
“ถ้าเจ้าต้องการสัตว์เลี้ยงก็ลองโยนแก่นพลังวิญญาณให้มันดูสิ” ปิงชำเลืองมองและบอก
แก่นพลังวิญญาณ! ถังเทียนไม่สามารถทนต่อความรำคาญได้อีกต่อไปจึงโยนแก่นพลังวิญญาณของวานรไม้เขียวออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
สีหน้าของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณชะงักค้าง จมูกน้อยๆของมันเดี๋ยวเชิดขึ้นเดี๋ยวก้มลง ใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความโกรธหายไปทันทีมันวิ่งมาที่แก่นพลังวิญญาณ ตาของมันหยีจนเป็นเส้นตรงมันสะพายธนูของมันไว้ข้างหลังและใช้สองมือถือแก่นพลังวิญญาณ
ถังเทียนระบายลมหายใจ
ถ้าเป็นวันธรรมดา ต้องมาสูญเสียแก่นพลังวิญญาณไปคงทำให้เขาปวดใจ แต่เมื่อถูกเจ้าตัวน้อยไล่กวนใจไม่เลิกราทำให้ถังเทียนต้องยอมใช้แก่นพลังวิญญาณมาแก้ปัญหาอย่างช่วยไม่ได้ทำให้เขาได้หายใจโล่งอกอีกครั้ง
ความจริงมีเงินสามารถจ้างผีโม่แป้งได้ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณเหล่านี้กินได้จุจริงๆ
ถังเทียนเก็บความคิดไว้ในใจ เตรียมยกขาก้าวเดินต่อไป
ปุ ปุ ปุ เสียงดังพอได้ยินอีกครั้ง
ถังเทียนยืดคอมองดู ก็เห็นแต่เพียงตัวอ่อนขุนพลวิญญาณกอดแก่นพลังวิญญาณวิ่งตามถังเทียนมา ถังเทียนถอยและใช้มือทั้งสองโบกไล่มัน “ข้าให้แก่นพลังวิญญาณแกไปแล้วยังต้องการอะไรจากข้าอีก ถึงได้ตามมา?”
“วี้ด วี้ด วี้ด วี้ด”
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณปล่อยแก่นพลังวิญญาณในมือของพยายามแสดงอารมณ์ความรู้สึก พร้อมกับใช้มือทั้งสองทำท่าอย่างต่อเนื่อง
“โอ, เขาบอกว่าเขายอมรับเจ้าให้เป็นเจ้านายแล้ว” ปิงที่ยืนอยู่ด้านข้างดูเหมือนจะคุ้นเคยอยู่แล้วและแปลให้ถังเทียนฟังอย่างใจเย็น
“ยอมรับข้าเป็นเจ้านายเหรอ?” ถังเทียนดูเหมือนอารมณ์พลุกพล่านและใช้นิ้วชี้ที่จมูกตนเอง
“อืม..ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณรับของเซ่นได้ง่ายที่สุด ทันทีที่เจ้าโยนแก่นพลังวิญญาณให้พวกมันก็หมายความว่าพวกมันถูกซื้อตัวแล้ว และจะทำตัวเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ดี พวกมันฉลาดจริงๆ” ปิงคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างแท้จริง
ถังเทียนส่ายหัวรัวเหมือนตีกลอง “ลืมไปได้เลยแค่ดูแลตัวเองข้าก็มีปัญหามากพออยู่แล้วแล้วท่านยังต้องการให้ข้ามีสัตว์เลี้ยงอีก ข้าไม่ต้องการ”
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณพุ่งเข้ามาหาพร้อมทั้งน้ำตาไหลนองหน้า มันร้องไห้ขณะเดียวกันก็ใช้มือน้อยๆปาดน้ำตาออกไป
ถังเทียนอ้าปากค้าง พลางขยี้เท้า
“โอว,ตราบที่เจ้ายอมรับขุนพลวิญญาณน้อยนี้ พวกขุนพลวิญญาณน้อยอื่นๆ ก็จะไม่กวนใจเจ้า” ปิงพูด
ถังเทียนยื่นมือออกมาทันที ทันใดนั้นในใจเขาจินตนาการภาพว่ามีตัวอ่อนขุนพลวิญญาณนับไม่ถ้วนไล่ตาม ทำให้เขาตัวสั่น เขาเปลี่ยนใจทันที “เอาอย่างงั้นก็ได้ เจ้าติดตามข้าได้”
น้ำตาของขุนพลวิญญาณน้อยหยุดไหลทันที และมันมีความสุขดีใจทันที มันประจบขณะที่แบกแก่นพลังวิญญาณและพุ่งเป็นกระสุนไปอยู่ที่ไหล่ของถังเทียนทันที
ถังเทียนอึดอัดเล็กน้อย เขาไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาก่อน
“ตั้งชื่อให้เขาด้วย” ปิงกล่าว
ถังเทียนขมวดคิ้วคิดชั่วขณะ “เรียกว่า หยาหยาก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของปิงเต็มไปด้วยแววเย้ยหยันทันที “ในกองทัพในอดีต ชื่อหยาหยานั้น แม้มีไม่ถึงพันแต่ก็ไม่น้อยกว่าแปดร้อย”
ถังเทียนเหลือกตาบ้าง “แต่ตอนนี้มีแค่ชื่อเดียว”
ปิงหยุดพูด
ถังเทียนตระหนักได้ทันที่ว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปไม่ค่อยเหมาะสมเขาจึงขอโทษทันที “ลุงปิง, ข้าขอโทษ”
“มีอะไรต้องขอโทษด้วยเล่า?” น้ำเสียงของลุงปิงราบเรียบตามปกติ “ไม่ว่ากองทัพจะแข็งแกร่งเพียงไหน แต่ในที่สุดก็จะสูญสลายไป ในโลกนี้มีอะไรบ้างเล่าที่คงอยู่ได้ตลอดไป?นี่เป็นกฎของธรรมชาติ แต่ตราบใดที่ทิ้งสัญลักษณ์ของเราไว้ในยุคนี้ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว”
ถังเทียนเงียบ
พวกเขาผ่านดงหินไปอย่างรวดเร็วและมาถึงซากปรักหักพังข้างหน้า
พอจ้องดูซากปรักหักพังชั่วเวลาสั้นๆ ปิงกล่าว “เข้าไปกัน”
※※※※※※※※※※※※
ไกลออกไปเบื้องหลังโขดหินสองสามก้อน จู่ๆ ปรากฏร่างคนสองสามคน
“เป็นไปตามคาด พวกเขาเข้าไปในซากหักพัง” หนึ่งในนั้นที่เป็นบุรุษผอมสูงกล่าว ศีรษะเขาพันด้วยผ้าสีม่วง มีสีหน้าดูน่าอันตราย
“พี่ใหญ่มองการณ์ไกลได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ”
“พี่ใหญ่สามารถทำนายเรื่องอย่างนี้ได้ ท่านก็มีพลังมากเหมือนกัน”
คนอื่นๆ ในกลุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่าบุรุษหนุ่มจะเข้าไปในซากหักพังจริงๆ
ผู้นำที่พันผ้าม่วงดูเหมือนจะไม่ยินดีแม้แต่น้อย “พวกแกทุกคนตื่นตัวไว้ให้มากดีกว่า ขุนพลวิญญาณของเจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งมาก กลุ่มโจรแพนด้ายังพลาดท่าในเงื้อมมือเขามาแล้ว เราต้องไม่พ่ายแพ้ในลักษณะเดียวกัน”
“อย่าห่วงเลยพี่ใหญ่,กลุ่มโจรแพนด้าเป็นแค่ตัวโง่งมสามคน จะเอาพวกนั้นมาเทียบกับเราได้ยังไง” บุรุษร่างกำยำตบอกตัวเองพลางกล่าวอวดตัว
หัวที่พันผ้าม่วงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “พวกแกบอกว่าพวกนั้นเป็นตัวโง่งม อย่างนั้นพวกแกนั่นแหละที่จะเป็นเหมือนกัน”
แววลำบากใจปรากฏอยู่เต็มสีหน้าของบุรุษร่างล่ำสัน
สีหน้าของหัวหน้าผู้พันหน้าสีม่วงแปรปรวนไม่แน่นอน เนื่องจากนานมาแล้วซากปรักหักพังถูกมองว่าลึกลับ มีหลายคนลองไปสำรวจแล้วแต่มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตออกมา บุรุษหัวหน้าที่พันผ้าสีม่วงเคยพบซากปรักหักพังที่เป็นฐานทัพของกองทัพดาวกางเขนใต้โดยบังเอิญ สิ่งที่ทำให้เขาใจสั่นรัวด้วยความกระตือรือร้นก็คือภายในฐานทัพทหารนั้นเป็นที่ตั้งของคลังอาวุธทหาร
คลังอาวุธของกองทัพดาวกางเขนใต้
การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาตื่นเต้นมากจนมึนชาไปทั้งตัว ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป จะต้องดึงดูดยุคสมัยที่น่ากลัวกลับมาแน่เว้นแต่ลูกน้องและคู่หูของเขา เขาไม่ยอมเปิดเผย และไม่ปล่อยให้ข้อมูลนี้รั่วไหลออกไป
ยุคของสามกองทัพใหญ่ซึ่งกองทัพดาวกางเขนใต้ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น พวกเขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องกลศาสตร์ที่ไม่มีใครเทียบ กองทัพดาวกางเขนใต้มีชื่อเสียงเลื่องลือในสาธารณะชนว่าเป็นสุดยอดผู้บุกเบิกยุคเครื่องจักรกล แต่เครื่องจักรกลนั้นต่อมาที่รู้จักกันภายหลังเรียกว่าเครื่องจักรกลของราชวงศ์สกอร์เปียน ความจริงนั้น ตกต่ำลงมาแล้ว
คลังอาวุธของทหาร
แม้ว่าถ้าพวกเขาเอามาได้สักชิ้น ก็อาจถูกมองว่าพวกเขาตกทองได้
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เขาได้ค้นพบไปแล้วมีใครบางคนถูกพบเห็นว่ากำลังขี่นกกระจอกเทศกลวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน
นกกระจอกเทศกลชั้นทองแดง ก็ยังเป็นเครื่องหมายของกองทัพดาวกางเขนใต้
เขาคาดเดาทันทีว่า คนผู้นั้นต้องเก็บมาจากซากปรักหักพังเดียวกัน
เจ้าเด็กนี่แทบจะคาดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ตั๊กแตนไล่จับจักจั่น นกขมิ้นกลับไล่ตามหลังพวกมัน
เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น