ตอนที่ 73 คำอธิบายของจิ่งหาว
จิ่งหาวกำลังขัดกระบี่ของเขาเมื่อถังเทียนมาพบเขา
จิ่งหาวมองดูถังเทียน สีหน้าของเขายังคงเป็นปกติ “มีอะไรหรือ?”
“ข้าต้องการออกไปจากที่นี่” ถังเทียนพูดตามตรง “ข้าต้องการไปดาวสายรุ้ง
“อีกสามเดือนยานขนส่งจะมา ถ้าแกได้ถึงระดับห้า แกสามารถออกไปพร้อมกับยานขนส่งได้” จิ่งหาวพูดห้วนๆ
“ข้าต้องการจะไปจากนี่เดี๋ยวนี้” ถังเทียนพูดจริงจัง
จิ่งหาวไม่สนใจเขาและตรวจดูกระบี่ของตนเองอย่างระมัดระวัง การกระทำของเขานุ่มนวลและตั้งใจ ราวกับว่าถังเทียนไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“ไม่มีทางอื่นหรือไง?” ถังเทียนถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่มี” จิ่งหาวยังไม่หยุดเคลื่อนไหวมือ “ถ้าแกยังไม่ถึงระดับห้าและออกไปจากค่ายตามอำเภอใจ แกจะถูกสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธทิ้ง”
ถังเทียนมีสีหน้าโกรธทันที “โธ่เว้ย”เมื่อคิดว่าเขาไม่สามารถไปหาเชียนฮุ่ยได้ทันที เขาอารมณ์เสียอย่างสิ้นเชิง
“แกมาถึงนี่ได้ยังไง?” จิ่งหาววางกระบี่ลงและถามเขาตามปกติ
ถังเทียนอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขาเดินทางอีกครั้ง เมื่อจิ่งหาวได้ยินชื่อสนามซ้อมขจัดจุดอ่อน แววประหลาดปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ดูเหมือนถังเทียนไม่ได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นตลอดทางจนมาถึงที่นี่
“เข้าใจแล้ว” จิ่งหาวพูดเบาๆ “ข่งโหย่วหลินเป็นคนที่มีเหตุผลคนหนึ่งเขาชอบมองว่าสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนของเขาเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง มิน่าเล่าแกถึงถูกส่งมาที่นี่เพราะไปทำมันพังนี่เอง”
ดูเหมือนกับว่าเขาจะสนิทกับข่งต้าเริ่น (ท่านข่ง) มาก
“ไม่นะ...ไม่น่าเป็นไปได้..” ถังเทียนตะกุกตะกักด้วยความงุนงง เขาไม่คิดเลยว่าปัญหาจะมาปรากฏที่นี่ เขาคิดว่าข่งต้าเริ่นเป็นคนดีงาม
“ถ้าแกมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น และมีอนาคตรุ่งเรือง บางทีพวกเขาอาจจะไม่ใส่ใจกับความเสียหายดังกล่าว และตรงกันข้ามพวกเขาจะปฏิบัติต่อแกเป็นอย่างดี แต่..พรสวรรค์ของแกแย่แล้วยังทำสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนพังอีกด้วย ข้าเกรงว่าเขาอาจคิดว่าความสามารถปัจจุบันของแกโดยหลักจะมาจากพลังสายเลือดของแก” จิ่งหาวพูดสรุปเรื่องทั้งหมดในรวดเดียว
“พลังสายเลือด?” ถังเทียนถามด้วยความงุนงง
“ข่งโหย่วหลินอาจมองการณ์ไกลผิดเพี้ยนก็ได้” จิ่งหาวพูดตามปกติ แต่สำหรับถังเทียนกลับมองว่าข่งต้าเริ่นดีใจกับความโชคร้ายของเขา
“แล้วพลังสายเลือดคืออะไร?” ถังเทียนผายมือแล้วถาม
จิ่งหาวขมวดคิ้ว “ก่อนนั้นแกเรียนอยู่ที่ไหน?”
“ข้าเคยศึกษาอยู่ที่เมืองซิงฟง ดาวอู่อัน” ถังเทียนตอบตามตรง “แต่ผลการเรียนของข้าแย่ ข้าฝึกวิทยายุทธพื้นฐานถึงห้าปี ตั้งแต่แรก ข้าเรียนอยู่ที่สถาบันแอนดรูว์ จากนั้นก็ถูกไล่ออก ดังนั้นก็เลยเข้าฝึกฝนในสถาบันคาราเมล”
“แกฝึกวิทยายุทธขั้นพื้นฐานถึงห้าปีเชียวหรือ?” จิ่งหาวยืดตัวตรงมองเขาอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว” ถังเทียนพยักหน้า
“ช่างน่าเสียดาย...” นัยน์ตาจิ่งหาวเต็มไปด้วยความเสียดายและชื่นชม น่าเสียดายเขาไม่ได้ฝึกฝนวิชากระบี่...
“ก็ไม่น่าเสียดายหรอก” ถังเทียนสั่นหัว “ข้ารู้สึกว่าวิทยายุทธพื้นฐานมีประโยชน์มาก”
“แกพูดถูก” จิ่งหาวเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและหัวเราะอย่างเย็นชา“ข่งโหย่วหลินและกลุ่มพวกของเขาทุกคนสายตาสั้นนัก พวกเขาดีแต่มองหาผู้มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ อย่าห่วง พวกเขาจะต้องเสียใจแน่ สายเลือดเป็นที่รู้กันดีก็คือพลังงานที่สะสมอยู่ในเลือดของเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ทรงพลังแค่เพียงเพราะสายเลือดแน่”
จิ่งหาวสงบลง “ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องภายในสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธแล้ว สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเป็นองค์กรขนาดใหญ่และภายในนั้นมีอยู่หลายฝักฝ่าย บางฝ่ายก็มีเจตนารมณ์ที่แตกต่าง บางฝ่ายถูกสร้างขื้นมาเพื่อผลประโยชน์ ถ้านับรวมทั้งหมดก็น่าจะมีสิบฝ่ายหรือมากกว่านั้น”
ถังเทียนอึ้งตะลึง “เกินกว่าสิบ..อย่างนั้นมิกระจัดกระจายกันเหมือนทรายหรือ?”
“เจ้าพูดถูก” จิ่งหาวมิได้ปฏิเสธกลับเห็นด้วยกับคำพูดของถังเทียน “เมื่อสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธก่อตั้งในช่วงแรกก็เป็นองค์กรที่สบายๆ ค่อนข้างจะหย่อนยานด้วยซ้ำ ปกติสิทธิ์ในการปกครองทั้งหมดจะอยู่ที่รัฐมนตรีฝ่ายต่างๆ น้องสาวของข่งโหย่วหลินคือรัฐมนตรีแห่งหมู่ดาวเพอร์ซูส แต่ถ้าเจ้าต้องการเลื่อนชั้นขึ้นได้เร็ว เจ้าสามารถออกไปผจญภัยในสวรรค์วิถีได้ แม้ว่าจะอันตรายก็ตาม ผลงานที่เจ้าสร้างสมไว้ก็จะมากเกินกว่าพวกที่ตามหลังเจ้า”
ถังเทียนส่ายศีรษะ “ข้าไม่ชอบสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเลย”
“เป็นเพราะเจ้าถูกส่งมาที่นี่ใช่ไหม?” จิ่งหาวเหลือบตามองถังเทียน “มันเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ ไม่เคยมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นในสถาบันหรือ? นี่เป็นแค่เรื่องของมุมมอง”
“นั่นก็มีเหตุผล” ถังเทียนคิดถึงเรื่องโจวเผิงและถอนหายใจทันที ถังเทียนตบหมัด “แต่ ข้าจะต้องทุบตีพวกนั้นบ้าง”
“เจ้าจะมีโอกาส” จิ่งหาวไม่เพียงไม่ตั้งใจโน้มน้าวเขาเท่านั้น แต่ยังยุยงส่งเสริมเขาด้วย“ถ้าเจ้าต้องการไปจากที่นี่ ข้ามีวิธี”
“วิธีอะไร?” ถังเทียนทำท่าพร้อม
“พวกเขาจะให้สถานะนอกค่ายแก่เจ้าซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้เจ้า ข้าจะให้สถานะนักสู้ระดับเหล็กกับเจ้า”จิ่งหาวพูดโดยไม่ลังเลใจ “อย่างไรก็ตาม ข้าต้องพูดไว้ตรงนี้ก่อน เจ้าต้องเข้าร่วมกับสำนักของข้า”
“ร่วมกับสำนักของท่าน?” ถังเทียนมองดูจิ่งหาวด้วยความประหลาดใจ
“ข้าเห็นว่าเจ้ามีศักยภาพ” จิ่งหาวพูดตามตรงชัดเจน “นอกจากนี้ เจ้ายังได้รับตกทอดวิทยายุทธของผู้อาวุโสหนง ผู้อาวุโสหนงเป็นแกนหลักของสำนักเราไม่มีใครคัดค้านเรื่องนั้นได้ สำนักของเราแสวงหาพลังด้วยความมุ่งมั่น โดยปกติ เราไม่มีกิจกรรมอย่างอื่น เมื่อเจ้าเข้าร่วมด้วย ก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ สำหรับเรื่องขัดแย้งของเจ้ากับข่งโหย่วหลิน ทางสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธไม่สนใจ เราก็จะไม่ก้าวก่ายเจ้าจัดการด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
หัวใจของถังเทียนแทบเต้นกระดอน “นักสู้ระดับเหล็ก นั่นต้องได้พลังยุทธระดับห้า”
“ปกติก็เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ข้ามองเห็นว่าเจ้ามีศักยภาพ ด้วยสิทธิและอำนาจพิเศษ ข้าสามารถให้สถานะระดับเหล็กกับเจ้าได้แน่นอน” จิ่งหาวพูด จากนั้นเขาพูดด้วยความหมายพื้นฐาน “และตอนนี้ เจ้าก็มีพลังยุทธระดับสี่แล้ว เจ้าอยู่ห่างจากระดับห้าไม่ไกลนักหรอก”
“อย่างนั้นก็ดี” ถังเทียนพูดโดยไม่ต้องคิด “แต่,ข้าต้องการไปยังดาวสายรุ้ง”
“ไม่มีปัญหา, ข้าสามารถส่งเจ้าออกไปได้” จิ่งหาวกล่าวอย่างสงบ “แต่,ข้าไม่แนะนำให้เจ้าออกไปตอนนี้”
“ทำไม?” ถังเทียนมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“ความแข็งแกร่งของเจ้ายังอ่อนแออยู่มาก” จิ่งหาวไม่ปกปิด “พลังต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งกว่าระดับสี่ตามปกติ แต่เจ้าก็ยังมีระดับที่ห่างจากพลังยุทธระดับห้า แม้ว่าดาวสายรุ้งจะไม่ใช่ดาวดวงใหญ่ แต่ก็ทรงพลังอยู่บ้าง ทุกๆคนที่อยู่ดาวนั้นจะมีพลังยุทธอย่างน้อยระดับห้า ถ้าเจ้าไปตอนนี้ เจ้าจะล้มเหลวเสียเปล่าๆ อดทนอยู่ที่นี่ต่ออีกสามเดือนข้ามั่นใจว่าเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับแน่”
“โกหก”ถังเทียนมองดูอย่างไม่เชื่อถือ สามเดือนก้าวหน้าไปเป็นระดับใหม่ แม้แต่ลุงปิงก็ยังไม่กล้าโอ้อวดขนาดนี้
“ทำไมเจ้าคิดว่า ข้าถึงรั้งอยู่ค่ายชั้นนอกนี้เล่า?” จิ่งหาวย้อนถามเขา
“เจ้าโล้นบอกว่า ท่านผิดใจกับใครบางคน” ถังเทียนตอบ
“แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงนักสู้ชั้นทองแดงแต่ไม่อยู่ในขอบข่ายที่ใครจะส่งข้ามาได้” แม้ว่าหน้าของจิ่งหาวยังคงสงบเย็น แต่น้ำเสียงของเขาแสดงว่าภูมิใจ จากนั้นเขากล่าวต่อ “เหตุผลที่ข้ามาที่นี่เป็นเพราะประโยชน์จากการฝึกฝนที่นี่”
“เพื่อประโยชน์ในการฝึกฝน?” ถังเทียนตกใจ
จิ่งหาวพยักหน้า “พรุ่งนี้ตามข้ามา แล้วเจ้าจะรู้เอง”
※※※※※※※
ไม่มีกลางวันและกลางคืนในโลกใต้ดิน มีแต่ความมืดไปทั่วทุกที่ ถ้าไม่ใช่เพราะตะไคร่เรืองแสง ที่นี่จะมีแต่ความมืดมิด
จิ่งหาวมองดูนกกระจอกเทศกลชั้นบรอนซ์ของถังเทียนและรู้สึกอึ้ง เพราะเป็นครั้งแรกที่ปรากฏแววตาสงสัยในดวงตาเขา“นี่คือ... หุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์หรือนี่?”
ถังเทียนตอบอย่างมีความสุขและภาคภูมิใจ “ใช่แล้ว”
จิ่งหาวเดินวนดูหุ่นกลกระจอกเทศพลางศึกษาดู หน้าของเขาไม่มีความสงบแม้สักนิด เหมือนกับว่าเป็นเด็กน้อยช่างสงสัย เขาแตะตรงนั้นบ้าง ตรงนี้หน่อยและจดจำตรงส่วนที่เขาได้พบ ถังเทียนมองดูเขาอย่างทึ่ง เขาไม่เคยเห็นจิ่งหาวในด้านนี้มาก่อน
“เครื่องกลโบราณช่างน่าทึ่งจริงๆ ข้าเพียงแต่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นกับตา ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ ข้านับถือมาตรฐานของคนโบราณหมดใจทีเดียว พวกเขาช่างยอดเยี่ยม” จิ่งหาวชมและยืดตัว จากนั้นปรับน้ำเสียง “เอามันไปเก็บซะ”
“เอาไปเก็บ?” ถังเทียนตะลึงและรีบพูด “วิชาตัวเบาของข้าแค่ระดับสามข้าไม่สามารถไปกับท่านได้”
“ความเคลื่อนไหวของมันใหญ่โตเกินไป และมันจะปลุกภูตอสูรดวงดาวที่อยู่ด้านใต้” จิ่งหาวเหลือกตาให้ถังเทียนและกล่าวว่า “ยิ่งกว่านั้นในฐานะที่เป็นนักสู้ เจ้าควรเพ่งไปที่ฝึกฝนตนเอง อย่าเอาแต่หยิบยืมพลังภายนอกนี่คือป้ายเหล็กเบาที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นนักสู้ระดับเหล็ก สิทธิ์ของเจ้าทั้งหมดจะถูกโอนเข้ามาคล้ายๆกับตู้อาวุธอควาเรียส ถ้าเจ้ามีอะไรที่ต้องการขายออกไป เจ้าสามารถใช้แลกเปลี่ยนกับนักสู้คนอื่นได้”
“โอว” ถังเทียนศึกษาอย่างระมัดระวัง ขณะที่เขารับมาเก็บไว้ ป้ายเหล็กมีขนาดประมาณฝ่ามือ แข็งแรงทนทานให้ความรู้สึกหนักมือ พื้นผิวตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้ประณีต ตอนกลางลายดอกไม้ก็คือดวงอาทิตย์
จิ่งหาวชี้ป้ายเหล็กและพูดว่า “เมื่อเจ้าถ่ายจิตวิญญาณพลังยุทธลงไป เจ้าสามารถใช้มันติดต่อกับคนอื่นได้ มีรายละเอียดมากกว่านี้ อย่าทำหายเสียเล่า”
แน่นอนว่าถังเทียนพยายามลองใช้ป้ายเหล็กด้วยจิตวิญญาณพลังยุทธของเขาเพื่อติดต่อกับใครบางคนและทันทีนั้น มีชื่อปรากฏขึ้นมายาวเหยียด จิ่งหาวก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนคนอื่นจะเป็นสีเทา มีเพียงชื่อของจิ่งหาวที่เรืองแสง ถังเทียนคิดลองดูจึงแตะที่ชื่อของจิ่งหาว
จิ่งหาวประหลาดใจ เขาล้วงป้ายบรอนซ์ออกมาและดวงอาทิตย์ในกลางป้ายบรอนซ์เปลี่ยนเป็นสีเทาทันที
เขาเชื่อมการติดต่อด้วยป้ายบรอนซ์และต้องตะลึง เป็นถังเทียน
จิ่งหาวไม่อาจใจเย็นได้ นัยน์ตาเขาเบิกกว้าง พลางอุทาน “เจ้าถ่ายพลังวิญญาณวิทยายุทธลงไปแล้วหรือ?”
“ถูกแล้ว ข้าสั่งสมพลังวิญญาณยุทธมาได้ช่วงหนึ่งแล้ว” ถังเทียนตะโกน เขาแค่เพียงคิดเท่านั้น คำพูดก็เข้าไปสู่ใจของจิ่งหาว ถังเทียนรู้สึกว่าสิ่งนี้น่าสนใจมากถังเทียนมักจะมองสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธในแง่ไม่ดีและคิดว่าพวกเขาไม่ดีเหมือนอย่างที่ข่าวเล่าลือกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เห็นป้ายเหล็ก ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ว่าสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธทรงพลังขนาดไหน
จิ่งหาวตกตะลึงมองดูถังเทียน เขาเชื่อมั่นศักยภาพของถังเทียน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มัดใจถังเทียนด้วยสถานะของนักสู้ระดับเหล็ก แต่เขาไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะสามารถสร้างพลังจิตวิญญาณยุทธได้ ระดับของถังเทียนถูกระบุว่าสร้างพลังจิตวิญญาณยุทธมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นั่นก็หมายความว่าตั้งแต่เมื่อเขาอยู่ในระดับสาม เขาก็สร้างพลังจิตวิญญาณยุทธได้แล้ว มีพลังยุทธระดับสามเขาก็สามารถสร้างพลังจิตวิญญาณยุทธได้แล้ว ถ้าเขาไม่เห็นด้วยตาตนเอง จิ่งหาวไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
เรื่องนี้ไม่มีทางทำได้ ต่อให้มีพลังทางสายเลือดก็ตาม
ทันใดนั้นจิ่งหาวก็ตระหนักได้ทันที รอบนี้เขาได้สมบัติมาจริงๆ แล้ว
จิ่งหาวหายใจลึกจากนั้นสงบอารมณ์ตนเองแล้วเงยหน้า “ไปกันเถอะ เจ้าจะมีเวลาค้นพบเอง”
ถังเทียนได้ยินเช่นนี้จึงเก็บป้ายเหล็กเบาไว้เงาร่างทั้งสองเดินหายไปในความมืด