ตอนที่ 72 หลอกลวง?
ทั้งถังเทียนและปิงมิได้เปลืองพลังงานมากนักขณะที่พวกเขาหาหอสมุดตามที่เซรีนบอกไว้
หลังจากออกมาจากหอสมุดปิงยังคงเงียบอยู่
ถังเทียนไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์วิญญาณแม้แต่น้อย ประวัติศาสตร์เหล่านี้ทั้งหมดไม่มีอะไรน่าตื่นตะลึง เนื้อหาอย่างนั้นควรปล่อยให้ลุงปิงเค้นสมองศึกษาดีกว่า สำหรับหนุ่มน้อยชาวฟ้าเขาท้าทายวิทยายุทธที่แข็งแกร่งทั้งหมด
ทันทีที่กลับมาค่ายฝึกทหารใหม่ ถังเทียนก็เริ่มฝึกเป็นบ้าเป็นหลังทันที
การเดินทางไปเมืองสามวิญญาณครั้งนี้ ถังเทียนให้ความสนใจการใช้พลังของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องรับมือกับกลุ่มวัยรุ่นสี่คน เขาถูกขุนพลวิญญาณข่มมากขนาดโงหัวไม่ขึ้น นี่เองทำให้ถังเทียนอารมณ์เสีย และอารมณ์เสียยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเขาถูกขุนพลวิญญาณข่มจนซึมเซาอย่างแท้จริง
ถังเทียนเริ่มฝึกลมปราณสี่มังกรฟ้า
ปราณเที่ยงแท้ของเขาถึงระดับสุดยอดของยุทธระดับสามแล้ว และเพื่อทลายกำแพงเพื่อเข้าสู่ระดับต่อไปไม่จำเป็นต้องใช้พลังมาก เนื่องจากเมื่อเงื่อนไขถูกต้องพร้อมมูล ความสำเร็จก็จะตามมาโดยธรรมชาติ ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างระหว่างลมปราณสี่มังกรฟ้าและปราณคัมภีร์กระเรียนจะแหลมคมแต่ฐานปราณเที่ยงแท้ของมันก็คงอยู่ได้นาน แต่ปราณเที่ยงแท้ของปราณสี่มังกรฟ้า กร้าวแกร่งรุนแรง เหมือนกับลาวาโคจรไปตามเส้นเดินปราณ ค่อนข้างขัดแย้งกัน แต่ก็สามารถทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้
เมื่อก้าวขึ้นสู่ระดับสี่ ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียน เพิ่มความรุนแรงถึงห้าเท่า
ปราณเที่ยงแท้มังกรฟ้ามีพลังอำนาจโดดเด่นแทนทันที แต่เนื่องจากสิ่งที่เซรีนคาดการณ์ไว้ ปราณเที่ยงแท้กระเรียนระดับหกจะไม่ปล่อยพลังได้มาก แต่จะเข้าร่วมกับพลังเที่ยงแท้ของปราณมังกรฟ้าในร่างของถังเทียนแทน สิ่งที่น่าประหลาดใจมากก็คือรูปแบบที่แตกต่างกันของปราณทั้งสองนี้ผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถังเทียนพยายามใช้วิธีกระตุ้นพลังงานของร่างกระเรียนให้ไปเดินปราณเที่ยงแท้ของปราณมังกรฟ้า พลังร่างกระเรียนที่แหลมคมก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิด
แต่ทั้งหมดที่เซรีนได้กล่าวถึงเรื่องพลังมังกรฟ้า ถังเทียนยังไม่เข้าใจเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เร่งและด้วยการฝึกร่างกระเรียน มันช่วยให้เขาเข้าใจสาระสำคัญ เพื่อให้พลังตื่นขึ้นแท้จริงจำเป็นต้องอดทนและรอสถานการณ์ที่ดี
ปราณเที่ยงแท้มังกรฟ้าแข็งแกร่งมากกว่าปราณเที่ยงแท้เดิมของเขาจนถึงตอนนั้น ถังเทียนยังไม่เข้าใจจริงๆว่าความแตกต่างระหว่างปราณเที่ยงแท้ระดับสามและปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ใหญ่หลวงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกฝนในร่างกระเรียนแม้คิดว่าการใช้พลังของปราณเที่ยงแท้ระดับสามไปสู้กับปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ ก็อาจเป็นได้แค่เพียงฝัน
หลังจากฝึกมาสามวันเต็ม ถังเทียนก็สามารถบริหารจัดการแอ่งตันเถียนชั้นที่สี่ได้
หลังจากสามวันไปแล้ว แอ่งตันเถียนชั้นที่สี่มีความเสถียรอย่างสมบูรณ์ ทำให้ถังเทียนโล่งอกทันใดนั้นเขาตระหนักว่าแอ่งตันเถียนทั้งสี่ของเขาแตกต่างจากกันแอ่งตันเถียนแรกเหมือนกับถ้วยชา และว่างเปล่าสิ้นเชิง แอ่งตันเถียนที่สองเป็นเหมือนปากน้ำพุที่เรืองรองสะสมพลังงานเที่ยงแท้จากการฝึกปราณลับและมีเส้นชีพจรเล็กเบาบาง แอ่งตันเถียนที่สามเหมือนกับบ่อน้ำน้อยที่ถูกแปลงโดยปราณกระเรียน ในภายในเป็นเหมือนทะเลเมฆมีปราณที่แตกต่างชัดเจน แอ่งตันเถียนที่สี่เป็นเหมือนปล่องภูเขาไฟ และภายในก็เต็มไปด้วยพลังสีแดงไหลเวียนอยู่ช้าๆ
ทุกครั้งที่ระดับพลังปราณเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งคุณภาพหรือระดับปราณเที่ยงแท้ก็จะได้รับการปรับปรุงด้วย
ถังเทียนลืมตากว้างและสูดลมหายใจยาว ช่างแตกต่างจากการหายใจของปราณกระเรียน และทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเหมือนนำบอลไฟมาไว้ในตัวเขา
ถังเทียนยืดร่างตรงและมองไปรอบๆ
ลุงปิงยังคงอยู่ที่มุมนั่งคิดตั้งแต่วันแรก สามวันต่อมาผีกรงเล็บยาวของผู้อาวุโสหนงก็กลับคืนสู่สภาพไม่มีอะไร
ถังเทียนตัดสินใจออกไปดูเพราะวิชาท่าเท้าระดับสี่ เท้าคู่เตะต่อเนื่องที่เซรีนให้เขา ถังเทียนต้องการฝึกฝนให้สำเร็จในวิชาระดับสามก่อน ถังเทียนรู้สึกว่าเซรีนพูดถูก เมื่อเขาสู้กับหุ่นดำ เขาก็พบจุดอ่อนของเขาวิชาที่ใช้มือของเขาพลังยังห่างกับวิชาเท้าเตะ และเมื่อหุ่นดำใช้วิชาท่าเท้า ถังเทียนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยากทันที
ในที่สุดเมื่อเข้าสู่ระดับสี่ เขาก็จะย่างเข้าและกลายเป็นยอดฝีมือสู้ระยะประชิดอย่างเป็นทางการ และเป็นเวลาที่เขาจะไปหาเชียนฮุ่ย
“นี่คือแผนของถังเทียนเองและอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ ก็เป็นแค่หินหยั่งเท้าก้าวเข้าไปหาเธอเท่านั้น
น่าเศร้าเขาต้องการหาจิ่งหาวเพื่อสู้ด้วยสักครั้ง
เขาส่ายศีรษะและเดินออกนอกประตูกางเขน ก่อนอื่นเขาต้องได้ภาพที่ชัดเจนของสถานที่ซึ่งเชียนฮุ่ยอยู่ก่อน เธออยู่ในดาวสายรุ้ง
ถังเทียนตัดสินใจถามเจ้าโล้น
※※※※※※※※※※※
หลังจากได้ยินคำอธิบายของหวี่ซีผู้อาวุโสถึงกับคราง“เจ้ากำลังบอกว่าหุ่นนกกระจอกเทศบรอนซ์ถูกเขาสร้างทั้งหมดหรือ?”
หวี่ซีพยักหน้า“ขุนพลวิญญาณของเขาสร้างมันให้เขา ข้าไปสอบสวนหวีเป่ามาแล้วและเขาไม่ได้ปิดบังอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทราบวิธีประกอบหุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์”ผู้อาวุโสหน้าเข้ม “เขาสามารถเลียนแบบได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำซ้ำและสร้างนกกระจอกเทศกลชั้นบรอนซ์ขึ้นมา ต้องเป็นคนรุ่นสามกองทัพใหญ่ถึงจะมีความสุดยอดในเรื่องหุ่นกลโบราณ หุ่นกลในยุคนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาในตอนนี้หุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์เป็นหนึ่งในการจัดสรรของกองทัพดาวกางเขนใต้ มันง่ายที่จะถอดรหัสตามมาตรฐานของมัน เจ้าต้องระมัดระวัง หลังจากนั้นพวกเขาไปที่ไหน?”
“พวกเขาไปที่ร้านขายการ์ดของเซรีน”หวี่ซียิ้มอย่างขมขื่นขณะกล่าว
“เซรีน?” ผู้อาวุโสขมวดคิ้วและส่ายศีรษะทันที“เจ้าอย่าไปกวนเธอจะดีกว่า”
“ได้ค่ะ” หวี่ซีหยุด “แต่ ข้ากังวลว่าหัวหลิงจะไม่พอใจ สำหรับหัวหลิง กระบี่กระต่ายไหมของเธอถูกเจ้านั่นเอาไปมอบให้เป็นของขวัญกับเซรีนหัวหลิงชอบกระบี่นั่น...”
“ห้ามพวกเขาซะ” ผู้อาวุโสพูดโดยไม่ลังเลใจ “อย่านำความยุ่งยากมาสู่เมืองสามวิญญาณ”
หวี่ซีแสดงสีหน้าตกใจ “เป็นไปได้ว่า...”
“จำเอาไว้, อย่าไประรานเธอ” หน้าของผู้อาวุโสจริงจัง“อย่าสืบสาวเรื่องนี้อีกต่อไป ไม่ว่าเจ้าหนุ่มนี่จะมาจากไหน ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา เนื่องจากเขาปฏิบัติตามธรรมเนียมดาวกางเขนใต้ เนื่องจากพวกเจ้าไถ่ตัวออกมาแล้วอย่างนั้นเรื่องคับแค้นทั้งหมดนี้ก็ควรลืมซะ”
หวี่ซีรีบพูดทันที“ค่ะ”
ผู้อาวุโสยังคงกังวลและพึมพำกับตนเอง“ข้าจะแจ้งกับตระกูลอื่น เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ห้ามคนของตนไม่ให้ออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก”
หวี่ซีเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นปู่ของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้น ในใจของเธอ เธอรู้สึกถึงระลอกคลื่น เซรีน เธอเป็นใครกันแน่
※※※※※※※※
เจ้าโล้นได้ยินว่าถังเทียนออกมาและสายตาเขาดูแปลก
ถังเทียนสังเกตได้และรู้สึกว่าแปลก “อะไรนี่? ทำไมแกทำสีหน้าอย่างนั้น?”
“พี่ใหญ่ พี่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธของเราแน่หรือ?” เจ้าโล้นเค้นคำถามหลังจากคิดอยู่นาน
ถังเทียนจ้องมองเขาอย่างรำคาญ “ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการพูด ก็ว่ามาเร็วๆ”
เจ้าโล้นดูท่าทางเหงาและพูดเสียงทุ้มว่า“พี่ใหญ่, เว้นแต่ท่านไม่รู้ ข้างนอกค่ายรู้จักสถานที่นี้ว่าเป็นดินแดนเนรเทศ ทราบหรือเปล่า? ทุกคนที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นเด็กใหม่ที่ไม่มีอนาคต หรือสร้างไม่พอใจให้กับเบื้องบน พี่ใหญ่ ท่านสร้างความไม่พอใจให้ใครหรือ?”
“ข้าไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้ใคร”ถังเทียนคิดหนัก และยังคงคิดไม่ออกว่าเขาได้สร้างความไม่พอใจให้ใครกันแน่?”
“พี่ใหญ่ พี่ต้องทำให้ใครบางคนไม่พอใจแน่” เจ้าโล้นยืนยัน “แม้แต่ท่านจิ่งหาวก็ถูกส่งมาเพราะสร้างความไม่พอใจให้กับเบื้องบน ค่ายนี้เป็นที่รู้จักดีเพราะความจริงว่าทุกคนสามารถเข้ามาได้ แต่ไม่มีใครเคยได้ออกไป ทุกๆแห่งใกล้กับที่นี่จะเต็มไปด้วยกับดักและเขาวงกต แม้มีสมบัติที่ชี้บอกตำแหน่งก็ยังใช้ที่นี่ไม่ได้ แม้แต่นักสู้ชั้นทองแดงก็ยังไม่สามารถออกไปได้โดยปลอดภัย พวกระดับสูงต้องการให้เราเป็นด่านหน้าคอยป้องกันในกรณีที่เราพบอสูรดวงดาวที่ทรงพลัง อย่างน้อยเราจะสามารถช่วยเตือนเขาได้”
“ทุกๆ สามเดือนพวกเขาจะส่งทรัพยากรมาที่นี่ ถ้าพี่ใหญ่อยู่ใกล้ค่าย พี่ใหญ่จะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ทันทีที่พี่ใหญ่ออกไปไกลจากเขามากกว่าระยะห้าสิบลี้ อย่างนั้นจะมีอันตรายมากจริงๆ”
“อย่างนั้นทำไมเราถึงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้?” ถังเทียนถามอย่างสงสัย
“ยานขนส่งปลอดภัย แต่ก็มีอุบัติเหตุอยู่หลายครั้ง” เจ้าโล้นกล่าว
“ทำไมพวกเขาต้องมาตั้งค่ายที่นี่?นี่จะมีความแตกต่างอะไรจากกรงขังเล่า?” ถังเทียนไม่พอใจ
เจ้าโล้นอธิบาย“ตั้งแต่แรก พวกเขากล่าวว่าเป็นเพราะสมบัติ จากนั้นก็เป็นเพราะภูตอสูรดวงดาว ทั่วทั้งแนวเส้นทางรูปร่างรังผึ้งลึกลงไปจะมีภูตอสูรดวงดาวที่แข็งแกร่งและอันตรายนี่คือจุดที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางหมู่ดาวเพอร์ซูสทันทีที่อสูรดวงดาวขึ้นมาจากข้างล่าง จากนั้นถ้าหมู่ดาวเพอร์ซูสจะถูกคุกคาม พวกเขาจะต้องการป้ายเตือนภัย
“ถ้ามีอสูรดวงดาว อย่างนั้นพวกเขามิตายกันหมดหรือ” ถังเทียนกล่าว
“นั่นมันแน่นอน” เจ้าโล้นเห็นด้วย “ถ้าลูกพี่ต้องการออกไป ตราบเท่าที่ลูกพี่เข้าถึงระดับห้าและได้เลื่อนให้เป็นนักสู้ชั้นเหล็กได้ ลูกพี่ก็สามารถขึ้นยานขนส่งจากไปได้”
ถังเทียนไม่พูดสักคำประกายตาเยือกเย็นพาดผ่านนัยน์ตาเขา เขาเพิ่งพบว่าเขาถูกโกง โดยการส่งมาที่นี่
“อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครเคยออกไปได้” เจ้าโล้นแบมือจนปัญญา“พวกที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นเด็กใหม่ที่พรสวรรค์ไม่ดี อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นเด็กใหม่ที่สูญเสียความสามารถ พรสวรรค์ของทุกคนไม่ดี ยิ่งกว่านั้นทรัพยากรที่นี่มีจำกัดมาก รังผึ้งที่แนวภูเขานั่นมีความหนาแน่นพลังงานในระดับต่ำและไม่มีหินดวงดาว เป็นไปไม่ได้ในการใช้ฝึกฝน เมื่อไม่มีการฝึกฝน ดังนั้นทุกคนจึงเกียจคร้าน”
“ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น”ถังเทียนสังเกตจุดนี้ได้ ความหนาแน่นของพลังงานเกือบเป็นศูนย์ ต่ำที่สุดเท่าที่เคยพบมา ทันใดนั้นถังเทียนถาม“อย่างนั้นจิ่งหาวฝึกยังไง?”
“ท่านจิ่งหาวเป็นนักสู้ระดับทองแดงไปแล้วเมื่อตอนที่เขาถูกส่งมาที่นี่ เขาแข็งแกร่งและสามารถบุกตะลุยเข้าไปในเส้นทางที่เหมือนรังผึ้งได้ มีแอ่งพลังงานอยู่ที่นั่น และท่านจิ่งหาวไปฝึกอยู่ที่นั่น” เจ้าโล้นอธิบาย “แต่มันอันตรายมาก นอกจากท่านจิ่งหาวแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึงที่นั่นได้”
“เด็กใหม่ส่วนใหญ่มาด้วยพื้นฐานสมัครใจ แม้ว่าจะรู้สึกขมขื่นเมื่อคิดเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็สามารถเพลิดเพลินกับการดูแลเหมือนเป็นนักสู้ระดับชั้นเหล็ก พรสวรรค์ข้าแย่และข้าไม่มีอนาคต ถ้าข้าได้รับผลประโยชน์บางอย่าง ข้าก็สู้หน้าครอบครัวได้ แค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว”เจ้าโล้นพูดมองโลกในแง่ดี
“ข้าไม่ยินดีจะมาที่นี่เลย” ถังเทียนดูน่ากลัว
“อย่างนั้นพี่ใหญ่คงไปทำให้คนบางคนไม่พอใจ” เจ้าโล้นมั่นใจ
ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นทางเข้าค่าย
ถังเทียนมองดู เป็นจิ่งหาว
สีหน้าของจิ่งหาวดูเหมือนเหน็ดเหนื่อย ร่างของเขามีร่องรอยบาดเจ็บและเห็นได้ชัดว่าเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างรุนแรง
จิ่งหาวมองสองคนอย่างไม่ใส่ใจนัก ขณะที่สายตามเขากวาดผ่านถังเทียนลักษณะที่แตกต่างวูบผ่านสายตาเขาไป แต่เขาไม่หยุด และยังคงเดินตรงไปที่ห้องของเขา
แม้แต่ด้วยพลังของจิ่งหาว ก็ยังไม่ง่ายที่จะจัดการด้วย
แต่...ถ้าเขารู้ว่าใครส่งเขามายังที่กันดารแห่งนี้
ถังเทียนตัดสินใจตามหาเจ้าตัวบัดซบที่ส่งเขามาที่นี่หนุ่นน้อยชาวฟ้าไม่ใช่คนที่ใครจะมาระรานกันได้