ตอนที่แล้วตอนที่ 71 การ์ดใบใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 73 คำอธิบายของจิ่งหาว

ตอนที่ 72 หลอกลวง?


ทั้งถังเทียนและปิงมิได้เปลืองพลังงานมากนักขณะที่พวกเขาหาหอสมุดตามที่เซรีนบอกไว้

หลังจากออกมาจากหอสมุดปิงยังคงเงียบอยู่

ถังเทียนไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์วิญญาณแม้แต่น้อย  ประวัติศาสตร์เหล่านี้ทั้งหมดไม่มีอะไรน่าตื่นตะลึง เนื้อหาอย่างนั้นควรปล่อยให้ลุงปิงเค้นสมองศึกษาดีกว่า  สำหรับหนุ่มน้อยชาวฟ้าเขาท้าทายวิทยายุทธที่แข็งแกร่งทั้งหมด

ทันทีที่กลับมาค่ายฝึกทหารใหม่  ถังเทียนก็เริ่มฝึกเป็นบ้าเป็นหลังทันที

การเดินทางไปเมืองสามวิญญาณครั้งนี้  ถังเทียนให้ความสนใจการใช้พลังของเขา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องรับมือกับกลุ่มวัยรุ่นสี่คน   เขาถูกขุนพลวิญญาณข่มมากขนาดโงหัวไม่ขึ้น นี่เองทำให้ถังเทียนอารมณ์เสีย และอารมณ์เสียยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเขาถูกขุนพลวิญญาณข่มจนซึมเซาอย่างแท้จริง

ถังเทียนเริ่มฝึกลมปราณสี่มังกรฟ้า

ปราณเที่ยงแท้ของเขาถึงระดับสุดยอดของยุทธระดับสามแล้ว และเพื่อทลายกำแพงเพื่อเข้าสู่ระดับต่อไปไม่จำเป็นต้องใช้พลังมาก  เนื่องจากเมื่อเงื่อนไขถูกต้องพร้อมมูล  ความสำเร็จก็จะตามมาโดยธรรมชาติ ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างระหว่างลมปราณสี่มังกรฟ้าและปราณคัมภีร์กระเรียนจะแหลมคมแต่ฐานปราณเที่ยงแท้ของมันก็คงอยู่ได้นาน แต่ปราณเที่ยงแท้ของปราณสี่มังกรฟ้า  กร้าวแกร่งรุนแรง เหมือนกับลาวาโคจรไปตามเส้นเดินปราณ  ค่อนข้างขัดแย้งกัน  แต่ก็สามารถทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้

เมื่อก้าวขึ้นสู่ระดับสี่  ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียน  เพิ่มความรุนแรงถึงห้าเท่า

ปราณเที่ยงแท้มังกรฟ้ามีพลังอำนาจโดดเด่นแทนทันที แต่เนื่องจากสิ่งที่เซรีนคาดการณ์ไว้  ปราณเที่ยงแท้กระเรียนระดับหกจะไม่ปล่อยพลังได้มาก แต่จะเข้าร่วมกับพลังเที่ยงแท้ของปราณมังกรฟ้าในร่างของถังเทียนแทน  สิ่งที่น่าประหลาดใจมากก็คือรูปแบบที่แตกต่างกันของปราณทั้งสองนี้ผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถังเทียนพยายามใช้วิธีกระตุ้นพลังงานของร่างกระเรียนให้ไปเดินปราณเที่ยงแท้ของปราณมังกรฟ้า พลังร่างกระเรียนที่แหลมคมก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิด

แต่ทั้งหมดที่เซรีนได้กล่าวถึงเรื่องพลังมังกรฟ้า  ถังเทียนยังไม่เข้าใจเต็มที่  อย่างไรก็ตาม เขาไม่เร่งและด้วยการฝึกร่างกระเรียน มันช่วยให้เขาเข้าใจสาระสำคัญ เพื่อให้พลังตื่นขึ้นแท้จริงจำเป็นต้องอดทนและรอสถานการณ์ที่ดี

ปราณเที่ยงแท้มังกรฟ้าแข็งแกร่งมากกว่าปราณเที่ยงแท้เดิมของเขาจนถึงตอนนั้น ถังเทียนยังไม่เข้าใจจริงๆว่าความแตกต่างระหว่างปราณเที่ยงแท้ระดับสามและปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ใหญ่หลวงมาก  ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกฝนในร่างกระเรียนแม้คิดว่าการใช้พลังของปราณเที่ยงแท้ระดับสามไปสู้กับปราณเที่ยงแท้ระดับสี่  ก็อาจเป็นได้แค่เพียงฝัน

หลังจากฝึกมาสามวันเต็ม  ถังเทียนก็สามารถบริหารจัดการแอ่งตันเถียนชั้นที่สี่ได้

หลังจากสามวันไปแล้ว แอ่งตันเถียนชั้นที่สี่มีความเสถียรอย่างสมบูรณ์ ทำให้ถังเทียนโล่งอกทันใดนั้นเขาตระหนักว่าแอ่งตันเถียนทั้งสี่ของเขาแตกต่างจากกันแอ่งตันเถียนแรกเหมือนกับถ้วยชา และว่างเปล่าสิ้นเชิง  แอ่งตันเถียนที่สองเป็นเหมือนปากน้ำพุที่เรืองรองสะสมพลังงานเที่ยงแท้จากการฝึกปราณลับและมีเส้นชีพจรเล็กเบาบาง  แอ่งตันเถียนที่สามเหมือนกับบ่อน้ำน้อยที่ถูกแปลงโดยปราณกระเรียน  ในภายในเป็นเหมือนทะเลเมฆมีปราณที่แตกต่างชัดเจน แอ่งตันเถียนที่สี่เป็นเหมือนปล่องภูเขาไฟ และภายในก็เต็มไปด้วยพลังสีแดงไหลเวียนอยู่ช้าๆ

ทุกครั้งที่ระดับพลังปราณเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งคุณภาพหรือระดับปราณเที่ยงแท้ก็จะได้รับการปรับปรุงด้วย

ถังเทียนลืมตากว้างและสูดลมหายใจยาว ช่างแตกต่างจากการหายใจของปราณกระเรียน  และทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเหมือนนำบอลไฟมาไว้ในตัวเขา

ถังเทียนยืดร่างตรงและมองไปรอบๆ

ลุงปิงยังคงอยู่ที่มุมนั่งคิดตั้งแต่วันแรก สามวันต่อมาผีกรงเล็บยาวของผู้อาวุโสหนงก็กลับคืนสู่สภาพไม่มีอะไร

ถังเทียนตัดสินใจออกไปดูเพราะวิชาท่าเท้าระดับสี่ เท้าคู่เตะต่อเนื่องที่เซรีนให้เขา ถังเทียนต้องการฝึกฝนให้สำเร็จในวิชาระดับสามก่อน  ถังเทียนรู้สึกว่าเซรีนพูดถูก  เมื่อเขาสู้กับหุ่นดำ  เขาก็พบจุดอ่อนของเขาวิชาที่ใช้มือของเขาพลังยังห่างกับวิชาเท้าเตะ  และเมื่อหุ่นดำใช้วิชาท่าเท้า  ถังเทียนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยากทันที

ในที่สุดเมื่อเข้าสู่ระดับสี่  เขาก็จะย่างเข้าและกลายเป็นยอดฝีมือสู้ระยะประชิดอย่างเป็นทางการ  และเป็นเวลาที่เขาจะไปหาเชียนฮุ่ย

“นี่คือแผนของถังเทียนเองและอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ  ก็เป็นแค่หินหยั่งเท้าก้าวเข้าไปหาเธอเท่านั้น

น่าเศร้าเขาต้องการหาจิ่งหาวเพื่อสู้ด้วยสักครั้ง

เขาส่ายศีรษะและเดินออกนอกประตูกางเขน ก่อนอื่นเขาต้องได้ภาพที่ชัดเจนของสถานที่ซึ่งเชียนฮุ่ยอยู่ก่อน  เธออยู่ในดาวสายรุ้ง

ถังเทียนตัดสินใจถามเจ้าโล้น

※※※※※※※※※※※

หลังจากได้ยินคำอธิบายของหวี่ซีผู้อาวุโสถึงกับคราง“เจ้ากำลังบอกว่าหุ่นนกกระจอกเทศบรอนซ์ถูกเขาสร้างทั้งหมดหรือ?”

หวี่ซีพยักหน้า“ขุนพลวิญญาณของเขาสร้างมันให้เขา ข้าไปสอบสวนหวีเป่ามาแล้วและเขาไม่ได้ปิดบังอะไร”

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทราบวิธีประกอบหุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์”ผู้อาวุโสหน้าเข้ม “เขาสามารถเลียนแบบได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำซ้ำและสร้างนกกระจอกเทศกลชั้นบรอนซ์ขึ้นมา ต้องเป็นคนรุ่นสามกองทัพใหญ่ถึงจะมีความสุดยอดในเรื่องหุ่นกลโบราณ  หุ่นกลในยุคนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาในตอนนี้หุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์เป็นหนึ่งในการจัดสรรของกองทัพดาวกางเขนใต้  มันง่ายที่จะถอดรหัสตามมาตรฐานของมัน  เจ้าต้องระมัดระวัง  หลังจากนั้นพวกเขาไปที่ไหน?”

“พวกเขาไปที่ร้านขายการ์ดของเซรีน”หวี่ซียิ้มอย่างขมขื่นขณะกล่าว

“เซรีน?” ผู้อาวุโสขมวดคิ้วและส่ายศีรษะทันที“เจ้าอย่าไปกวนเธอจะดีกว่า”

“ได้ค่ะ” หวี่ซีหยุด  “แต่ ข้ากังวลว่าหัวหลิงจะไม่พอใจ  สำหรับหัวหลิง กระบี่กระต่ายไหมของเธอถูกเจ้านั่นเอาไปมอบให้เป็นของขวัญกับเซรีนหัวหลิงชอบกระบี่นั่น...”

“ห้ามพวกเขาซะ” ผู้อาวุโสพูดโดยไม่ลังเลใจ “อย่านำความยุ่งยากมาสู่เมืองสามวิญญาณ”

หวี่ซีแสดงสีหน้าตกใจ  “เป็นไปได้ว่า...”

“จำเอาไว้, อย่าไประรานเธอ”  หน้าของผู้อาวุโสจริงจัง“อย่าสืบสาวเรื่องนี้อีกต่อไป ไม่ว่าเจ้าหนุ่มนี่จะมาจากไหน ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา  เนื่องจากเขาปฏิบัติตามธรรมเนียมดาวกางเขนใต้  เนื่องจากพวกเจ้าไถ่ตัวออกมาแล้วอย่างนั้นเรื่องคับแค้นทั้งหมดนี้ก็ควรลืมซะ”

หวี่ซีรีบพูดทันที“ค่ะ”

ผู้อาวุโสยังคงกังวลและพึมพำกับตนเอง“ข้าจะแจ้งกับตระกูลอื่น เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ห้ามคนของตนไม่ให้ออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก”

หวี่ซีเบิกตากว้าง  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นปู่ของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้น  ในใจของเธอ เธอรู้สึกถึงระลอกคลื่น  เซรีน เธอเป็นใครกันแน่

※※※※※※※※

เจ้าโล้นได้ยินว่าถังเทียนออกมาและสายตาเขาดูแปลก

ถังเทียนสังเกตได้และรู้สึกว่าแปลก  “อะไรนี่? ทำไมแกทำสีหน้าอย่างนั้น?”

“พี่ใหญ่ พี่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธของเราแน่หรือ?”  เจ้าโล้นเค้นคำถามหลังจากคิดอยู่นาน

ถังเทียนจ้องมองเขาอย่างรำคาญ  “ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการพูด ก็ว่ามาเร็วๆ”

เจ้าโล้นดูท่าทางเหงาและพูดเสียงทุ้มว่า“พี่ใหญ่, เว้นแต่ท่านไม่รู้  ข้างนอกค่ายรู้จักสถานที่นี้ว่าเป็นดินแดนเนรเทศ ทราบหรือเปล่า? ทุกคนที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นเด็กใหม่ที่ไม่มีอนาคต หรือสร้างไม่พอใจให้กับเบื้องบน  พี่ใหญ่ ท่านสร้างความไม่พอใจให้ใครหรือ?”

“ข้าไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้ใคร”ถังเทียนคิดหนัก และยังคงคิดไม่ออกว่าเขาได้สร้างความไม่พอใจให้ใครกันแน่?”

“พี่ใหญ่ พี่ต้องทำให้ใครบางคนไม่พอใจแน่”  เจ้าโล้นยืนยัน “แม้แต่ท่านจิ่งหาวก็ถูกส่งมาเพราะสร้างความไม่พอใจให้กับเบื้องบน  ค่ายนี้เป็นที่รู้จักดีเพราะความจริงว่าทุกคนสามารถเข้ามาได้  แต่ไม่มีใครเคยได้ออกไป  ทุกๆแห่งใกล้กับที่นี่จะเต็มไปด้วยกับดักและเขาวงกต แม้มีสมบัติที่ชี้บอกตำแหน่งก็ยังใช้ที่นี่ไม่ได้ แม้แต่นักสู้ชั้นทองแดงก็ยังไม่สามารถออกไปได้โดยปลอดภัย พวกระดับสูงต้องการให้เราเป็นด่านหน้าคอยป้องกันในกรณีที่เราพบอสูรดวงดาวที่ทรงพลัง  อย่างน้อยเราจะสามารถช่วยเตือนเขาได้”

“ทุกๆ สามเดือนพวกเขาจะส่งทรัพยากรมาที่นี่ ถ้าพี่ใหญ่อยู่ใกล้ค่าย พี่ใหญ่จะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ทันทีที่พี่ใหญ่ออกไปไกลจากเขามากกว่าระยะห้าสิบลี้  อย่างนั้นจะมีอันตรายมากจริงๆ”

“อย่างนั้นทำไมเราถึงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้?”  ถังเทียนถามอย่างสงสัย

“ยานขนส่งปลอดภัย  แต่ก็มีอุบัติเหตุอยู่หลายครั้ง”  เจ้าโล้นกล่าว

“ทำไมพวกเขาต้องมาตั้งค่ายที่นี่?นี่จะมีความแตกต่างอะไรจากกรงขังเล่า?” ถังเทียนไม่พอใจ

เจ้าโล้นอธิบาย“ตั้งแต่แรก พวกเขากล่าวว่าเป็นเพราะสมบัติ จากนั้นก็เป็นเพราะภูตอสูรดวงดาว  ทั่วทั้งแนวเส้นทางรูปร่างรังผึ้งลึกลงไปจะมีภูตอสูรดวงดาวที่แข็งแกร่งและอันตรายนี่คือจุดที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางหมู่ดาวเพอร์ซูสทันทีที่อสูรดวงดาวขึ้นมาจากข้างล่าง  จากนั้นถ้าหมู่ดาวเพอร์ซูสจะถูกคุกคาม  พวกเขาจะต้องการป้ายเตือนภัย

“ถ้ามีอสูรดวงดาว  อย่างนั้นพวกเขามิตายกันหมดหรือ” ถังเทียนกล่าว

“นั่นมันแน่นอน”  เจ้าโล้นเห็นด้วย “ถ้าลูกพี่ต้องการออกไป  ตราบเท่าที่ลูกพี่เข้าถึงระดับห้าและได้เลื่อนให้เป็นนักสู้ชั้นเหล็กได้ ลูกพี่ก็สามารถขึ้นยานขนส่งจากไปได้”

ถังเทียนไม่พูดสักคำประกายตาเยือกเย็นพาดผ่านนัยน์ตาเขา เขาเพิ่งพบว่าเขาถูกโกง โดยการส่งมาที่นี่

“อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครเคยออกไปได้” เจ้าโล้นแบมือจนปัญญา“พวกที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นเด็กใหม่ที่พรสวรรค์ไม่ดี อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นเด็กใหม่ที่สูญเสียความสามารถ  พรสวรรค์ของทุกคนไม่ดี ยิ่งกว่านั้นทรัพยากรที่นี่มีจำกัดมาก รังผึ้งที่แนวภูเขานั่นมีความหนาแน่นพลังงานในระดับต่ำและไม่มีหินดวงดาว เป็นไปไม่ได้ในการใช้ฝึกฝน เมื่อไม่มีการฝึกฝน ดังนั้นทุกคนจึงเกียจคร้าน”

“ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น”ถังเทียนสังเกตจุดนี้ได้ ความหนาแน่นของพลังงานเกือบเป็นศูนย์ ต่ำที่สุดเท่าที่เคยพบมา  ทันใดนั้นถังเทียนถาม“อย่างนั้นจิ่งหาวฝึกยังไง?”

“ท่านจิ่งหาวเป็นนักสู้ระดับทองแดงไปแล้วเมื่อตอนที่เขาถูกส่งมาที่นี่  เขาแข็งแกร่งและสามารถบุกตะลุยเข้าไปในเส้นทางที่เหมือนรังผึ้งได้  มีแอ่งพลังงานอยู่ที่นั่น  และท่านจิ่งหาวไปฝึกอยู่ที่นั่น”  เจ้าโล้นอธิบาย  “แต่มันอันตรายมาก  นอกจากท่านจิ่งหาวแล้ว  ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึงที่นั่นได้”

“เด็กใหม่ส่วนใหญ่มาด้วยพื้นฐานสมัครใจ  แม้ว่าจะรู้สึกขมขื่นเมื่อคิดเรื่องนี้  แต่พวกเขาก็สามารถเพลิดเพลินกับการดูแลเหมือนเป็นนักสู้ระดับชั้นเหล็ก  พรสวรรค์ข้าแย่และข้าไม่มีอนาคต  ถ้าข้าได้รับผลประโยชน์บางอย่าง  ข้าก็สู้หน้าครอบครัวได้ แค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว”เจ้าโล้นพูดมองโลกในแง่ดี

“ข้าไม่ยินดีจะมาที่นี่เลย”  ถังเทียนดูน่ากลัว

“อย่างนั้นพี่ใหญ่คงไปทำให้คนบางคนไม่พอใจ”  เจ้าโล้นมั่นใจ

ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นทางเข้าค่าย

ถังเทียนมองดู  เป็นจิ่งหาว

สีหน้าของจิ่งหาวดูเหมือนเหน็ดเหนื่อย ร่างของเขามีร่องรอยบาดเจ็บและเห็นได้ชัดว่าเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างรุนแรง

จิ่งหาวมองสองคนอย่างไม่ใส่ใจนัก  ขณะที่สายตามเขากวาดผ่านถังเทียนลักษณะที่แตกต่างวูบผ่านสายตาเขาไป แต่เขาไม่หยุด และยังคงเดินตรงไปที่ห้องของเขา

แม้แต่ด้วยพลังของจิ่งหาว  ก็ยังไม่ง่ายที่จะจัดการด้วย

แต่...ถ้าเขารู้ว่าใครส่งเขามายังที่กันดารแห่งนี้

ถังเทียนตัดสินใจตามหาเจ้าตัวบัดซบที่ส่งเขามาที่นี่หนุ่นน้อยชาวฟ้าไม่ใช่คนที่ใครจะมาระรานกันได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด