ตอนที่ 3-24 นางชื่ออลิซ (2)
“หืม?” ลินลี่ย์หันกลับมาช้าๆ
คาลันรีบเดินเข้าไปหาเพื่อกล่าวขอบคุณลินลี่ย์ “ข้าชื่อคาลัน ข้าอยากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านถ้าไม่ใช่เพราะท่าน อลิซคงตายไปแล้ว”
เด็กสาวชื่ออลิซรีบวิ่งเข้ามาหาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่านางยังดูตื่นเต้นมากพอให้แก้มของนางแดงระเรื่อและหอบหายใจถี่ แต่ดวงตากลมโตสีหมอกของนางยังคงจ้องลินลี่ย์อย่างไม่วางตา“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าชื่อว่าอลิซ ชื่อเต็มคืออลิซ สตราฟ เป็นจอมเวทธาตุดิน”
สายตาของลินลี่ย์หยุดที่อลิซชั่วขณะ
เขายอมรับว่าอลิซเป็นหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่ง นางให้ความรู้สึกที่ทำให้บุรุษหนุ่มทั้งหลายหลงใหลและอยากปกป้องเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งด้วยจริตเสียงหรือเครื่องสำอางใดๆ
“ลินลี่ย์! ในเทือกเขาอสูรเวทตามปกติแล้วเมื่อเจ้าเห็นผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายเจ้ามักจะไม่เข้าไปยุ่งวันนี้เกิดอะไรขึ้น?” เสียงหยอกล้อของเดลิน โคเวิร์ทดังขึ้นในหัวลินลี่ย์ “โอ้ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าคงชอบเด็กสาวอลิซคนนั้นสินะ”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
“ปู่เดลิน ในอดีตที่ข้าไม่ช่วยเหลือใคร ก็เพราะเราอยู่ในเขตชั้นในของเทือกเขาอสูรเวท อสูรเวทที่มนุษย์ต่อสู้อยู่ส่วนใหญ่เป็นอสูรเวทระดับ6 บางครั้งเป็นถึงอสูรเวทระดับ 7 ซึ่งข้าไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยใครได้และการสังหารอสูรเวทระดับ 5 ก็ไม่ได้ยุ่งยากนัก เหตุใดข้าจะไม่ช่วยเหลือพวกเขาเล่า?” ลินลี่ย์รีบอธิบาย
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะและไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
“ข้าชื่อโทนี่ ท่านจอมเวท! ท่านล่ะชื่ออะไร?” บุรุษหนุ่มอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเช่นกัน
ลินลี่ย์มองคนในกลุ่มนี้อย่างใจเย็น “พวกเจ้าเข้ามาในเทือกเขาอสูรเวทนานแค่ไหนแล้ว?”
“วันนี้เป็นวันแรก” คาลันยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ “คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกับอสูรเวทระดับ5 ตั้งแต่วันแรก พวกเราช่างโชคร้ายนัก หนังสือที่ข้าอ่านกล่าวว่าที่ชายป่าเราจะพบเพียงอสูรเวทระดับ 3 และ 4 เท่านั้นซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อพวกเราเท่าไรนัก”
“โง่จริง” ลินลี่ย์ส่ายหน้าและพูด
มือธนูหญิงนามนีย่าโกรธขึ้นมาทันที “เฮ้, ทำไมเจ้าต้องพูดกวนโมโหด้วยเล่า?เจ้าช่วยชีวิตอลิซไว้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้ามีสิทธิ์สั่งสอนคนอื่นหรอกนะ”
“นีย่า!” คาลันตะโกนทันที
ลินลี่ย์อธิบายตามตรง “ข้ายอมรับความกล้าหาญของพวกเจ้าที่เข้ามาในเทือกเขาอสูรเวทเช่นนี้แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่าโชคดีเพียงใดที่พวกเจ้าไม่เผชิญหน้ากับโจรผู้ร้ายเลยระหว่างการเดินทาง”
“โจร?” คาลันและคนอื่นๆได้แต่มองหน้ากันพวกเขาไม่พบโจรผู้ร้ายแม้สักคน
เทือกเขาอสูรเวททอดตัวยาวหลายหมื่นกิโลเมตร ซ้ำยังมีทางเข้าออกหลายทางการเข้ามาโดยไม่พบเจอกับโจรร้ายเลยถือเป็นเรื่องปกติ
“ข้าขอบอกให้พวกเจ้ารู้ไว้ ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็ควรออกจากเทือกเขาเสีย” ลินลี่ย์พูดตามตรง
“ทำไมล่ะ? หรือว่ามีอสูรเวทระดับ 5มากมายบริเวณชายป่านี้อย่างนั้นหรือ?” เด็กหนุ่มนามโทนี่ถามอย่างสงสัย
ลินลี่ย์อธิบายอย่างใจเย็น “ในเทือกเขานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตรอบนอกสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่อสูรเวท แต่เป็นมนุษย์พวกเจ้าทั้ง 4 ทั้งอ่อนแอและไร้ประสบการณ์ ข้าเชื่อว่าพวกคนโลภคงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆแน่เหตุผลเดียวที่พวกเจ้ายังไม่ถูกพบเจอเพราะนี่เป็นวันแรกในเทือกเขาของพวกเจ้ามิเช่นนั้นพวกเจ้าทั้ง 4 คงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว”
“สิ่งที่อันตรายที่สุดคือมนุษย์อย่างนั้นหรือ?” คาลันขมวดคิ้วและเปลี่ยนสีหน้าในทันที
คาลันพูดกับลินลี่ย์อย่างให้เกียรติ “ท่านจอมเวท พวกข้าเข้ามาในเทือกเขาอสูรเวทโดยมีข้อมูลเล็กน้อยมากเกี่ยวกับพื้นที่แห่งนี้และตัดสินใจเข้ามาโดยมิได้ปรึกษาผู้ใด ท่านจอมเวท ข้าหวังว่าท่านจะมีเมตตาช่วยคุ้มกันพวกข้าออกจากเทือกเขาแห่งนี้ด้วยเถอะ”
ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาเกลียดเรื่องยุ่งยาก แต่ถ้าคนพวกนี้พบโจรในระหว่างทางคงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แน่
“ท่านจอมเวท พวกเราขอร้องท่าน” อลิซอ้อนวอน
ลินลี่ย์มองดูอลิซ เห็นแววตาวิงวอนของนาง เมื่อจินตนาการว่านางถูกสังหารโดยโจรร้ายหัวใจของลินลี่ย์ก็กระตุก เขาพยักหน้า “ได้ อย่างไรเสีย ข้าก็อยู่ระหว่างเดินทางกลับอยู่แล้วจะพาพวกเจ้าไปด้วยก็ย่อมได้ แต่หากพบเจอกับโจรระหว่างทางข้าทำได้เพียงสาบานว่าจะทำเต็มที่เท่านั้น หากสุดท้ายแล้วพวกเจ้าจะถูกสังหารข้าก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้แล้ว”
คาลันพยักหน้ายินดี “แค่ท่านยินดีช่วยเหลือพวกข้าเท่านั้น ท่านจอมเวท เราก็พอใจมากแล้ว”
ลินลี่ย์พยักหน้าและเดินนำออกไป “ตามข้ามา” คาลันและคนอื่นเริ่มติดตามลินลี่ย์พวกเราเริ่มเดินทางออกจากเทือกเขาอสูรเวทภายใต้การคุ้มครองของลินลี่ย์มุ่งหน้าเข้าสู่เมือง
…..
ระหว่างทาง คาลันและพวกพ้องก็ได้รู้ชื่อลินลี่ย์ อลิซที่เป็นจอมเวทธาตุดินรู้สึกชื่นชมลินลี่ย์อย่างเห็นได้ชัดปีนี้นางก็มีอายุ 15 ปีเช่นกัน และนับเป็นนักเรียนมีพรสวรรค์คนหนึ่งในสถาบันเวลลิน
แต่อย่างไรก็ตาม อลิซเป็นเพียงจอมเวทระดับ 4 หากเทียบกับมาตรฐานของสถาบันเอินส์ก็ถือว่าอยู่ทั่วไปเท่านั้น
ช่วงเวลาพัก ระหว่างที่ลินลี่ย์ คาลัน อลิซ และคนอื่นๆกำลังทานอาหาร ลินลี่ย์กับอลิซนั้นนั่งด้วยกัน
“พี่ลินลี่ย์ ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ท่านเป็นจอมเวทระดับ 5 เมื่ออายุ 14 ปีข้าคงอายุ 20 ปีโน่นกว่าจะเลื่อนเป็นระดับ 5 ได้” อลิซกล่าวยกย่องลินลี่ย์
“ข้าไม่อาจเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมหรอก อัจฉริยะอันดับ 1 ของสถาบันเอินส์คือ ดิ๊กซี่เป็นจอมเวทระดับ 4 เมื่ออายุ 9 ปี และเป็นจอมเวทระดับ 5 เมื่ออายุ 12” ลินลี่ย์กล่าวโดยไม่ได้สังเกตเลย...ว่าเมื่อตนเองอายุ 13 ปีเป็นเพียงจอมเวทระดับ 4และบรรลุระดับ 5 เมื่ออายุ 14 ปี
ในเวลาสั้นๆ เพียง 1 ปีเขาได้พัฒนาฝีมือมาในระดับเทียบเท่ากับดิ๊กซี่โดยที่อีกฝ่ายใช้เวลาถึง3 ปี
“กลายเป็นจอมเวทระดับ 4 เมื่ออายุ 9 ปี? ข้าอายุ 15 ปี เพิ่งได้เป็นจอมเวทระดับ 4 เช่นกันถึงอย่างนั้นในสถาบันก็กล่าวว่าข้านั้นมีพรสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าสถาบันของเราเทียบไม่ได้เลยกันสถาบันเอินส์ของท่าน”อลิซถอนหายใจ
“พี่ลินลี่ย์, ข้าสัมผัสได้ว่าหอกศิลาของท่านทั้งแข็งแกร่งและอันตรายยิ่งแม้บรรดาจอมเวทระดับ 5 ของสถาบันข้าก็ไม่อาจเทียบได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?” อลิซก็เป็นจอมเวทธาตุดินเช่นกัน จึงเป็นธรรมดาที่ย่อมสังเกตเห็นความแตกต่างของเวทที่ลินลี่ย์ร่าย
ลินลีย์ยิ้มเล็กน้อย ไม่ในเพียงความรุนแรงเท่านั้นแต่ความเร็วที่หอกศิลานั้นผุดขึ้นมาจากพื้นก็มากเช่นกัน
“เวทธาตุดินนั้นมีจุดกำเนิดจากแก่นกลางของโลก....” ลินลี่ย์เริ่มอธิบายให้อลิซฟังกล่าวตามตรงแล้ว ด้านความเข้าใจต่อเวทธาตุดินของลินลี่ย์นั้นถือว่าลึกซึ้งกว่าอาจารย์ผู้สอนธาตุดินในสถาบันเสียอีกที่สำคัญเขาก็มีปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนเป็นอาจารย์ส่วนตัวอยู่แล้ว
อลิซทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ลินลี่ย์
ยิ่งได้ฟังอีกฝ่ายพูดยิ่งบทสนทนาดำเนินต่อไป ทั้งสองก็ยิ่งใกล้ชิดกันขึ้นเรื่อยๆ และดำดิ่งลงในทฤษฎีเวทอย่างสมบูรณ์ลินลี่ย์รู้สึกตัวเมื่อใบหน้าของทั้งคู่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายระยะห่างระหว่างพวกเขาเหลือไม่ถึงฝ่ามือ
ลินลี่ย์รู้สึกตกใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวถึงเพียงนี้ใกล้มากจนเห็นดวงตาสีหมอกสลัวของอลิซอย่างชัดเจนดวงตาอ่อนหวานและจมูกโด่งของนาง...ลินลี่ย์คิดว่าเขารู้สึกถึงลมหายใจและกลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายของนาง
“พี่ลินลี่ย์ เหตุใดท่านจึงหยุดพูดเล่า?” อลิซถามอย่างสงสัย สักครู่ต่อมานางจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อลิซถอยห่างในทันทีใบหน้าของนางแดงซ่านดูเหมือนแอปเปิ้ลสุกลินลี่ย์บังคับตนเองให้ใจเย็นลงและหันไปหาคนอื่นๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ตอนนี้ทุกคนคงทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเราจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งเร็วๆนี้ มาพยายามให้เต็มที่ในการเดินทางกลับเมืองให้เร็วที่สุดเถอะ”