ตอนที่ 3-23 นางชื่ออลิซ (1)
ช่วงเดินทางกลับ อสูรเวทที่ลินลี่ย์เผชิญเจอเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เมื่อลินลี่ย์ย่างเท้าถึงชายป่าก็พบแต่เพียงอสูรเวทระดับ3 และ 4 เท่านั้น พวกมันไม่มีท่าทีคุกคามเขา ถึงอย่างนั้นลินลี่ย์ก็ยังคงระมัดระวังตัวอยู่ตลอด
เดลิน โคเวิร์ทเดินทางเคียงข้างไปกับลินลี่ย์ แต่ในใจลอบกังวล ตอนนี้แม้ว่าลินลี่ย์จะมีท่าทีสงบและสุภาพแต่เมื่อเริ่มกระทำการใด เขาจะไม่มีความปราณีดวงตาของเด็กหนุ่มช่างเยือกเย็น น่ากลัว
เดลิน โคเวิร์ททราบถึงสาเหตุดี เมื่อคราวแรกที่เขาย่างเข้ามาในเทือกเขาอสูรเวทดวงตาของลินลี่ย์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยไมตรี เขาเป็นเพียงคนที่ไว้วางใจผู้อื่นได้ง่าย
หลังจากลังเลอยู่สักครู่ เดลิน โคเวิร์ทก็เอ่ยปาก “ลินลี่ย์”
ขณะกำลังมุ่งหน้าออกจากเทือกเขา ลินลี่ย์ก็หันกลับมามองเดลิน โคเวิร์ทอย่างสงสัย“มีอะไรหรือ? ปู่เดลิน”
เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลินลี่ย์เมื่อแรกเข้ามาในเทือกเขาอสูรเวท ข้าได้เตือนเจ้าว่าผู้คนไม่อาจเชื่อใจได้โดยง่ายและจุดมุ่งหมายของคนเหล่านั้นก็ยากที่เจ้าจะเข้าใจข้าบอกให้เจ้าสงสัยและระแวดระวังผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา”
ลินลี่ย์พยักหน้า “ปู่เดลิน!คำพูดของท่านเป็นจริงอย่างยิ่ง ไม่มีใครที่ข้าจะเชื่อใจได้โดยง่าย ถ้าก่อนหน้านั้นข้าฟังคำของท่านบ้างหน้าอกข้าคงไม่มีรอยแผลเป็นนี่”
เดลิน โคเวิร์ทส่ายหน้าช้าๆ “แม้ว่าเจ้าจะไม่อาจเชื่อใจใครได้โดยง่าย แต่ก็ไม่ควรจะตั้งข้อรังเกียจมากเกินไปหากเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป จะสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างไร? จงจำไว้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ไว้ใจก็อย่าทำตัวเย็นชาหรือตั้งข้อเกียดกันผู้อื่นความเชื่อใจเป็นสิ่งที่ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน”
ลินลี่ย์เป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อตอนอยู่ที่บ้านหรือในสถาบันเอินส์ก็ได้อ่านหนังสือมามากมายเมื่อได้ยินคำพูดของเดลิน โคเวิร์ทก็พอเข้าใจอยู่บางส่วนแต่ประสบการณ์ที่ถูกหลอกลวงหักหลังในช่วง 2 เดือนมานี้สอนให้รู้ว่าจิตใจคนนั้นอำมหิตเพียงไหนเขาได้ประสบพบเจอมาแล้วทั้งสิ้น สำหรับเขา การเชื่อใจใครอีกครั้งเป็นเรื่องยากยิ่ง
“ปู่เดลิน ข้าเข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความยินดีอยู่บางส่วน “โชคดีที่ลินลี่ย์ยังมีหนูเงาน้อยอยู่เคียงข้างรวมถึงเพื่อนสนิททั้งสามในสถาบันเอินส์อย่างน้อยเขาคงไม่รู้สึกผิดหวังในมิตรภาพมากจนเกินไป”
ตอนนี้เดลิน โคเวิร์ทก็พลันนึกถึงเมื่อหนึ่งพันปีก่อน สมัยอาณาจักรพูเอนท์ยังคงรุ่งเรืองมีนักสู้ระดับเซียนของอาณาจักรพูเอนท์ผู้หนึ่งมักแต่งกายด้วยชุดขาวอยู่เสมอเขามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่งในหมู่เซียนดาบ แต่กลับมีนิสัยหยิ่งทะนงและรักสันโดษ
“ปู่เดลิน เมื่อท่านพ่อข้าเห็นแก่นเวทเหล่านี้ท่านว่าเขาจะทำเช่นไร?” ลินลี่ย์มองเดลิน โคเวิร์ท ขณะยิ้มแย้มถาม ในยามนี้ดวงตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเมื่อคิดถึงคำชมของบิดา
เขาดูเหมือนเด็กน้อยที่รอรับคำชมจากบิดาเมื่อทำคะแนนสอบได้ดี
“ลินลี่ย์ เจ้าตั้งใจจะมอบเงินทั้งหมดให้บิดาเจ้าอย่างนั้นหรือ?” เดลิน โคเวิร์ทเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ลินลี่ย์พยักหน้า “แน่นอน แก่นเวทเหล่านี้มีค่า 70,000 เหรียญทองเงินไม่กี่เหรียญทองต่อปีก็เพียงพอให้ข้ากินอิ่มแล้วแต่ท่านพ่อจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการบริหารงานของตระกูลและเก็บไว้ให้วอร์ตันเล่าเรียนแน่นอนว่าข้าย่อมต้องมอบแก่นเวทเหล่านี้ให้แก่เขา”
ลินลี่ย์ไม่คิดจะขายแก่นเวทนี้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยมีประสบการณ์หรือความรู้เรื่องซื้อขายนักแม้ว่าจะกำลังถูกโกงอยู่เขาก็คงไม่รู้ตัว
“ฮ่าฮ่า ข้าเชื่อว่าบิดาเจ้าคงตื่นเต้นจนกระโดดตัวลอย” เดลิน โคเวิร์ทพูดพลางหัวเราะลั่น
ลินลี่ย์รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เขาเพิ่มความเร็วในการเดินทางทันที
ตอนนี้ลินลี่ย์ไม่สนใจสังหารอสูรเวทระดับ 3 และ 4 เขาเดินทางตัดผ่านป่าอย่างรวดเร็วเมื่อขึ้นมายืนบนเนินเตี้ยๆ เขาก็หยุดเดินเนื่องจากได้ยินเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวของอสูรเวทและเสียงตะโกนของมนุษย์จำนวนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับมัน
“หืม? หากพวกเขากล้าเข้ามาในเทือกเขาอสูรเวทอย่างน้อยก็ต้องเป็นนักสู้ระดับ5 ดูจากรอบๆแล้วเจ้าถิ่นแถวนี้คงเป็นเพียงอสูรเวทระดับ 3 หรือ 4 เป็นแน่แต่ทำไมเสียงการต่อสู้จึงดูยืดเยื้อและกลับเป็นฝ่ายมนุษย์ที่กำลังเสียเปรียบ”ลินลี่ย์รู้สึกสงสัย
ในพื้นที่ชั้นในของเทือกเขาอสูรเวทซึ่งเป็นที่อยู่ของอสูรเวทระดับ 5, 6 และบางครั้งอาจพบอสูรเวทระดับ 7 การต่อสู้แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสามารถเกิดขึ้นได้เสมอแต่พื้นที่ชั้นนอกนั้นเกิดขึ้นได้ยาก การต่อสู้ส่วนมากมักจบลงอย่างรวดเร็ว
ลินลี่ย์กระโดดขึ้นสูง 7 – 8 เมตรขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้ใหญ่และกระโจนไปบนกิ่งไม้เข้าหาทิศทางการต่อสู้
เมื่อมาถึง ลินลี่ย์ก็ลอบสังเกตการต่อสู้จากบนต้นไม้
เขาเห็นกลุ่มคนที่ประกอบได้ด้วยเด็กหนุ่ม 2 คนและเด็กสาว 2คนเผชิญหน้าอย่างยากลำบากกับหมูศึกกระหายเลือด เด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดเกราะสีขาวกำลังตะโกนสั่งการ“น้องรอง อย่าวิ่งพล่านไปทั่ว! ไปปกป้องอลิซ! ข้าจะล่อเจ้าหมูโง่นี่ออกไปนีย่าอย่ามัวแต่ลนลาน รีบใช้ธนูของเจ้ายิงให้ถูกจุดสำคัญ!”
กลุ่มคนทั้งสี่ ดูอ่อนประสบการณ์อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเผชิญกับอันตรายพวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก มีเพียงหัวหน้ากลุ่มในเกราะสีขาวที่พอมีความสามารถอยู่บ้าง
“สี่คนนี้กล้าจริงๆ มีเพียงเด็กหนุ่มเกราะขาวเท่านั้นที่เป็นนักรบระดับ5 ส่วนคนที่เหลืออย่างมากก็เป็นนักสู้ระดับ 4” อีก 3คนไม่รู้ว่ากล้าหรือโง่ที่เข้ามาทั้งๆที่ยังไม่บรรลุระดับ 5
หญิงสาวผมแดงเริ่มยิงธนูอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่คาลัน ไหนท่านบอกว่ารอบๆมีเพียงอสูรเวทระดับ3 หรือ 4 เท่านั้น? นี่มันอสูรเวทระดับ 5ไม่ใช่หรือ!”
คาลันนักรบระดับ 5 หัวหน้ากลุ่มทำอะไรไม่ถูก เมื่อเป็นนักรบระดับ 5การพาเพื่อนเข้ามาบริเวณรอบนอกของเทือกเขาอสูรเวทก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไรแต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับอสูรเวทระดับ 5
“วูชชชช!”ทันใดก็มีหอกศิลามากกว่า 10 เล่มผุดขึ้นมาจากพื้นและแทงร่างหมูศึกหอก 3 เล่มถูกตัวมัน แต่ก็แตกหักจากพลังป้องกันที่แข็งแกร่งของหมูศึก
“กรรร”
ทันใดนั้นหมูศึกกระหายเลือดหันมาวิ่งเข้าใส่จอมเวทเพียงคนเดียวของกลุ่มท่าทีของมันดุร้ายน่ากลัว นอกจากนั้นยังมีเปลวไฟปะทุออกมาจากจมูกของหญิงสาวที่เป็นเป้าหมายของมันได้แต่ตื่นกลัว
“วิ่ง! อลิซ หลบเร็วเข้า!” คาลันตะโกนลั่น
อลิซเป็นหญิงสาวผมทองยาวและมีดวงตาสีหมอก เมื่อเห็นอันตรายอยู่เบื้องหน้า อลิซพยายามวิ่งหนีอย่างหวาดกลัวแต่หมูศึกกระหายเลือดเป็นอสูรเวทระดับ 5แม้ว่ามันจะไม่ได้ฉลาดมากนักแต่ก็ถือว่าฉลาดกว่าสัตว์ทั่วไป
หมูศึกกระหายเลือดไล่ตามอลิซ
เมื่อเห็นว่าหมูศึกกระหายเลือดวิ่งไล่นาง อลิซเตรียมจะวิ่งหนีแต่กลับสะดุดรากไม้ล้มลงหน้ากระแทกพื้น เมื่อหันกลับมาก็เห็นดวงตาดุร้ายของหมูศึกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นยิ่งพื้นฐานของอลิซเป็นจอมเวทที่มีร่างกายอ่อนแอ แค่ถูกหมูศึกเหยียบเพียงครั้งเดียวก็สามารถฆ่านางได้
อลิซตกตะลึงหวาดกลัว
เด็กหนุ่มทั้งสองและเด็กสาวอีกคนรู้สึกมึนงงจนทำอะไรไม่ถูกพวกเข้าไม่มีทางช่วยเหลือนางได้เลย
“อลิซ!” เด็กหนุ่มนามคาลันตะโกนอย่างปวดร้าว แม้จะเป็นนักรบระดับ 5แต่เขาก็ยังไม่มีประสบการณ์มากพอในการเผชิญกับสถานการณ์ตรงหน้า
“โครม!”
หอกศิลา 7 – 8 เล่มผุดขึ้นมาจากพื้น แม้ว่าหมูศึกกระหายเลือดจะเป็นอสูรเวทระดับ5 ที่มีหนังหนา แต่หอก 2 เล่มก็สามารถแทงเข้าไปในร่างมันได้เลือดสดจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผล
อย่างไรก็ตาม
หอกศิลาเหล่านี้ก็เพียงสามารถแทงทะลุหนังหน้าของมันได้ ไม่ได้ทำอันตรายใดๆกับอวัยวะภายในของมัน
“กรรรร!” หมูศึกกระหายเลือดเชิดหน้าขึ้นและคำรามอย่างเจ็บปวด
“ฉึก!” มีดสั้นดำพุ่งลงมาจากเบื้องบนรวดเร็วดังสายฟ้าฟาดปักเข้ากลางเบ้าตาของหมูศึกลูกตาของมันทะลักออกมา และมีดสั้นยังปักเข้าไปทะลุสมองของมัน ไม่นานร่างใหญ่โตของหมูก็ล้มลงและไม่ไหวติงอีกต่อไป
คาลัน, นีย่าและอลิซพากันหวาดกลัวกันหมด หัวใจของพวกเขาแทบกระดอนออกมาจากตัวพวกเขามองไปยังนักรบหนุ่มผู้แข็งแกร่งในชุดสีฟ้าที่กำลังใช้มีดสั้นควักแก่นเวทออกมาจากร่างของหมูศึกอย่างรวดเร็วและกำลังจะจากไปคาลันเป็นผู้เดียวที่รู้สึกตัวและตะโกนขึ้น “สหาย! โปรดรอเดี๋ยว!”