ตอนที่ 131 - แย่งชิงใบชาแห่งตรัสรู้!
ในตอนนี้ ต้นไม้ยักษ์ได้เติบโตจนมีขนาดใหญ่อย่างมาก มันทำให้ทุกคนหวาดกลัว พวกเขาไม่สามารถใช้คำใดอธิบายความยิ่งใหญ่และความกว้างใหญ่ไพศาลของมันได้ ราวกับว่ามันมีอยู่ในโลกนี้ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
เมื่อกิ่งก้านและใบค่อยๆ ยืดออก กลิ่นหอมสดชื่นก็แผ่ซ่านไปรอบๆ ราวกับว่ามันได้ให้ความกระจ่างแก่ทุกคน
“มีข่าวลือว่ามีต้นไม้โบราณที่อยู่ระหว่างสวรรค์และโลก ใบของมันนั้นมีความพิเศษอย่างมากและมีรูปร่างที่แตกต่างกัน หากใครชะตาต้องกับมัน คนนั้นอาจถึงกับรรลุความสำเร็จในทันที...”
“หรือว่าเจ้ากำลังพูดถึงใบชาศักดิ์สิทธิ์?”
“ใช่! ข้าก็เคยได้ยินจากปรมาจารย์ว่าชาแห่งการตรัสรู้นี้ลึกลับมา ก่อนหน้านี้เขาได้รับเพียงแค่ครึ่งใบเท่านั้น แต่กลับทำให้เขาเข้าสู่ระดับกึ่งเซียนในทันที”
“มันชั่งทรงพลังจริงๆ!”
เมื่อมองไปที่ต้นไม้หน้าหน้าของพวกเขา ทุกคนก็อดที่จะสูดอากาศเย็นๆ เข้าไปไม่ได้ เป็นไปตามคาดอาณาจักรลับแห่งความโกลาหล แม้แต่สมบัติล้ำค่าอย่างชาตรัสแห่งการรู้ก็ยังหาได้
“ข้าต้องได้รับชาแห่งการตรัสรู้นี้!”
ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์เทพลวงตา ,นิกายดอกบัวบริสุทธิ์, ตระกูลจ้าน หรือกลุ่มนิกายโบราณอื่น ๆ ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดเผยให้เห็นประกายไฟ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใช้งานมันได้ในตอนนี้ แต่พวกเขาก็สามารถนำมันกลับไปได้ มันจะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายพวกเขา
เป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งระดับการบ่มเพาะของคนเหล่านี้สูงเท่าไหร่ การฝึกฝนของพวกเขาก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น วัตถุทางวิญญาณธรรมดา ๆ ไม่มีประโยชน์กับพวกเขา มันต้องวัตถุอัศจรรย์อย่างชาแห่งการตรัสรู้เท่านั้นถึงจะได้ผล
กระแสอมตะแผ่กระจายออกไปอย่างช้าๆ ซึ่งหมายความว่าชาตรัสรู้นี้ใกล้จะปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว และมันกำลังจะเติบโตเต็มที่ เมื่อเวลานั้นทุกคนก็จะสามารถรับมันได้
ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความใหญ่โตของมันบดบังแสงแดดและท้องฟ้าไปทั่ว แต่กลับมีใบสีเขียวขจีของมันไม่มากนัก โดยเฉพาะใบที่ส่องแสงสีทองและมีรูปร่างแตกต่างกับกันแต่ล่ะใบ แหละใบพวกนั้นคือใบชาแห่งการตรัสรู้
เมื่อลองนับดูคร่าวๆแล้ว มันมีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ที่นี่มีคนสองสามร้อยคนเข้าร่วม เห็นได้ชัดว่ามันมีหมาป่ามากกว่าเนื้อ
ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมพร้อมที่จะลงมือ แรงกดดันที่มองไม่เห็นจนสามารถเขย่าสวรรค์และโลกได้โถมออกมา
สะพานศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันราวกับบันไดที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต เสียงแห่งความอมตะสูงสุดถูกส่งมาที่ยังโลกที่ รูปร่างที่ไม่ชัดเจนในก้อนเมฆทำให้รูม่านตาของทุกคนหดตัวลง
เกล็ดสีเขียว ๆ ที่เปรียบเหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของโลก มันซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆ เมื่อผู้คนได้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน พวกเขาแสดงสีหน้าตกตะลึงทันที มันเป็นมังกรสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้
ไม่สามารถมองเห็นหัวหรือหางของมัน เห็นแค่เพียงลำตัวที่ใหญ่โตของมันเท่านั้น ราวกับว่าท้องฟ้าทั้งหมดไม่สามารถรองรับมันได้ นี่ยากที่จะจินตนาการว่าร่างกายที่แท้จริงของมันนั้นจะใหญ่โตขนาดไหน มันได้ขดเป็นวงกลม
แรงกดดันอันมหาศาลแผ่ซ่านลงมาจากบันไดสวรรค์ ดวงตาของสัตว์ร้ายเต็มไปด้วยแสงแห่งสวรรค์ขณะที่มันจ้องมองมาที่กลุ่มคนที่กำลังมองมัน แต่นี่เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น แต่มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันกำลังจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ชั่วขณะหนึ่งทุกคนตกตะลึงในจุดนั้นและไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
แต่พวกเขารู้ว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ
“เหตุใดถึงไม่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องสมบัติสวรรค์เช่นนี้กัน? มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้”
"ถูกต้อง! หรือว่าที่นี่จะมีกับดัก?”
ที่นี่ไม่มีกลิ่นอายของสัตว์อสูรอยู่รอบๆ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้เลย ชั้นป้องกันของพลังอมตะก็กระจายออกไปเช่นกัน หากไม่มีแรงกดดันอันทรงพลังนั้น พวกเขาทุกคนคงข้ามมันไปได้ง่ายดาย
มันเหมือนกับว่าตราบใดที่พวกเขายื่นมือออกไป ใบชาแห่งการตรัสรู้ก็จะอยู่ในเอื้อมมือของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ในแบบอย่างที่มีครั้งก่อน ทุกคนไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม พวกเขากลัวว่าหากไม่ระวัง พวกเขาจะตกสู่ดินแดนแห่งคำสาปชั่วนิรันดร์
เพราะท้ายที่สุดแล้วสมบัติเช่นนี้จะมันต้องมีผู้พิทักษ์มันอย่างแน่นอน มิฉะนั้น พวกเขาคงได้รับมันมาอย่างง่ายดายแล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังลังเลอยู่ มุมหนึ่งของใบไม้สีเขียวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มันค่อยๆขยายออกไป และเมื่อเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งหมด
สายลมอ่อนๆ ก็ได้พัดโชยมา ใบชาแห่งการตรัสรู้ใบนั้นมันก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจากกิ่งไม้ และตอนนี้มันไม่มีพลังวิญญาณเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป มันได้กลายเป็นใบไม้ธรรมดา ๆ เท่านั้น
ทุกคนหน้าซีดด้วยความตกใจทันที "ไม่ดีแล้ว! หากชาแห่งการตรัสรู้นี้ล่วงหล่นจนหมด มันจะมีประโยชน์อันใด”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ทุกคนต่างไม่ลังเลอีกต่อไป
แสงเย็นวาบขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเหมือนมนุษย์ที่ไล่ตามสายลมและดวงจันทร์ ทักษะการเคลื่อนไหวของเขาน่าทึ่งมาก เขาสวมเสื้อผ้าของคฤหาสน์เทพลวงตา เขากวาดผ่านฝูงชนไปราวกับสายลม ในชั่วพริบตาใบไม้สีเขียวก็ปรากฏอยู่ในมือของเขา
มันคือใบชาแห่งการตรัสรู้!
แต่ว่าเงาที่ดูเหมือนอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เกาะอยู่บนต้นไม้กลับไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลยสักนิด มันกลับปิดตาลงครึ่งหนึ่ง ราวกับว่ามันไม่มีสติปัญญาใดๆ เลย เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนต่างรู้สึกสบายใจ ทุกต่างกล้าที่จะเสี่ยงทันที
ทุกคนต่างรุมล้อมและล้อมรอบต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
แต่อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณสายหนึ่งได้ระเบิดออกมา คนหลายคนได้ล่วงหล่นมาจากบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ เมื่อพวกเขาตั้งตัวได้ความโกรธได้ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา “เจ้าชั่งน่ารังเกียจนัก เจ้ากล้าที่จะโจมตีพวกข้า!”
“มีชาแห่งการตรัสรู้เพียงแค่เท่านั้น แล้วข้าจะต้องรบกวนให้เจ้าไปเอามาให้หรือ”
“เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไงว่าเปิดก่อนได้เปรียบเสมอ มีผู้คนตั้งมากมายที่นี่ มัวชักช้าจะพลาดชาแห่งการตรัสรู้ที่น้อยนิดได้”
หลายคนโจมตีกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ข้างๆ พวกเขา เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น พลังวิญญาณทุกชนิดก็ลอยอยู่ในอากาศ จากระยะไกล มันดูเหมือนกับดอกไม้ไฟในงานเทศกาล
อย่างไรก็ตาม มีเพียงการเข้าไปข้างในเท่านั้นที่จะรู้ถึงอันตรายจากพลังวิญญาณ มันพัดผ่านไปมาอย่างร้อนระอุ
มันไม่ง่ายเลยที่ใครสักคนจะสามารถยืนอยู่ข้างต้นไม้ยักษ์ได้ ขณะที่ชาตรัสรู้อยู่ใกล้แค่เอื้อม พลังวิญญาณก็มาจากด้านหลังพวกเขาทัน ไม่มีใครมีเวลาหยิบชาเลย พวกเขาทำได้เพียงแค่หลบการโจมตีเท่านั้น
“ข้ามาที่นี่คนแรก!”
“หลีกทางไปซะ!”
ชายหนุ่มยืนอยู่บนอากาศ พลังวิญญาณที่ทรงพลังของเขากระจายออกไปทันทีและทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบตัวเขาล้มลงทันที
อาจกล่าวได้ว่ามีอมตะทั้งแปดตนข้ามน้ำข้ามทะเลมา แต่ละคนได้แสดงความสามารถของตนเอง มีทั้งวิธีการฝึกฝน ทักษะการต่อสู้ และอาวุธวิเศษมากมาย ซึ่งพวกมันต่างมาบรรจบกันบนอากาศ การระเบิดของพลังงานวิญญาณขนาดใหญ่สร้างคลื่นที่สามารถผลักคนที่อยู่ขั้นการแปลงร่างมังกรกระเด็นออกไปได้
มีคนสองคนกำลังต่อสู้เพื่อใบชาใบเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างไม่มีใครยอมปล่อยมือ พวกเขาได้แลกหมัดกันอย่างดุเดือด เรียกได้ว่ามันเข้มข้นสุดๆ การปะทะกันระหว่างธาตุไฟและน้ำทำให้เกิดภาพที่ยิ่งใหญ่ของธาตุน้ำและธาตุไฟที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน
ฉีก!
ใบชาแห่งการตรัสรู้แบ่งออกเป็นสองส่วนทันที แต่ละคนถือใบชาครึ่งหนึ่งไว้ในมือ ในระหว่างการต่อสู้ของคนอื่น ๆ เหล่าใบชาหลายใบต่างก็มีชะตากรรมเหมือนกัน
---
หมายเหตุคนที่แปลนิยายเรื่องนี้เข้าโรงบาล