Ep.451 - กลิ่นอายประหลาดของมอนสเตอร์
3/3
Ep.451 - กลิ่นอายประหลาดของมอนสเตอร์
ก่อนเลเวล 15 พลังรบของฮังอวี่ด้อยกว่าซาร์โกเล็กน้อย
แต่หลังจากเลเวล 15 พลังรบของทั้งคู่โดยพื้นฐานแล้วเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่สวมใส่สร้อยคอสีม่วง ทำให้ค่าคุณสมบัติพละกำลัง ความว่องไว ฯลฯ เพิ่มขึ้นกว่าเดิม บวกกับสกิลขั้น 4 อย่างจัตุรัสคุกโลหิต ความแข็งแกร่งของเขาจึงแซงหน้าซาร์โกไป
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า สร้อยคอสีม่วงเส้นนี้ มาพร้อมกับสกิลเสริมสองอย่าง และทั้งสองเป็นสกิลที่ทัดเทียมกับสกิลขั้น 4
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซาร์โกเลยไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะฮังอวี่ได้
“ฮ่ง เจ้านาย สุดยอดไปเลย!”
“เปิ่นหวังไม่มีโอกาสได้เข้าไปช่วยด้วยซ้ำ”
หวังเอ๋อพบว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงในไม่กี่นาที ยอดฝีมือทั้งแปดจากเมืองฟ้าเดียวดายตกตาย นี่ทำให้สุนัขประหลาดใจจริงๆ
และประเด็นก็คือ ผลกำไรจากการต่อสู้ในครั้งนี้มันสูงยิ่งกว่าการฆ่ามอนสเตอร์ระดับทรราชย์เสียอีก
อย่างแรกเลย ฮังอวี่ได้รับแต้มวิญญาณเพิ่มมา 20,000 - 30,000 แต้ม หินสกิลสีฟ้าขั้น 4 สามก้อน อุปกรณ์สีฟ้าห้าชิ้น และสินสงครามอีกหลายรายการ ทุกชิ้นล้วนเป็นของดี
ถึงจะไม่อยากพูดแบบนี้ แต่การฆ่าสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาด้วยกัน เป็นหนทางที่ดีในการฟันกำไร
เวลานี้ผู้ครองแคว้นคงได้รับการแจ้งเตือนแล้ว หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ค้นพบทันทีว่าเป็นฝีมือเขา
ฮังอวี่ไม่ได้ตรวจสอบสินสงครามอย่างละเอียด เขาเหลือบมอพวกมันคร่าวๆและกวาดทั้งหมดเข้ามา จากนั้นสั่งลูกน้องทั้งสองว่า “ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน กำจัดกลิ่นอายของพวกเรา แล้วรีบเผ่น”
ก่อนการเดินทางครั้งนี้ ฮังอวี่ได้ออกไปหาซื้อไอเท็มหรือโพชั่นกำจัดกลิ่นอายระดับสูงหลายขวดด้วยตัวเอง เพื่อหวังว่ามันจะช่วยกลบกลิ่นอายของเขา
ส่วนเรื่องที่ว่าจะเล็ดลอดจากผู้ครองแคว้นได้หรือไม่ ฮังอวี่ก็ไม่มั่นใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เดาว่าน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เว้นแต่ว่าเมืองฟ้าเดียวดายจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจับอย่างหวังเอ๋อ มิฉะนั้นอย่าหวังว่าจะตรวจพบเขา
ซึ่งยอดฝีมือระดับนั้นมีอยู่น้อยมาก
ขณะเดียวกันกลิ่นอายย่อมสลายไปตามกาลเวลา
หากชักช้า ต่อให้เป็นหวังเอ๋อ แล้วเข้ามาที่นี่ช้าไปอีกสองสามวัน คงไม่พบเจอกลิ่นอายใดๆ
ฮังอวี่ได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว นี่คือทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ หากยังปกปิดไม่ผิด ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
แต่อันที่จริงแล้วเรื่องนี้จะถูกเปิดโปงเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา เพราะตราบใดที่ทีมของ ซาร์โกฟื้นคืนชีพ พวกมันต้องบอกความจริงที่เกิดขึ้นแน่นอน
ถึงเวลานั้นเมืองฟ้าเดียวดายย่อมไม่ยินยอมกล้ำกลืนความโกรธ
ผู้ครองแควนจะยอมเสียหน้าแก่ขุนนางใหญ่ของเมืองธารทะเลทรายได้อย่างไร?
สงครามระหว่างเมืองฟ้าเดียวดายยังไงก็ต้องเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากต้องให้เลือกอีกครั้ง ฮังอวี่ก็ยังคงตัดสินใจแบบเดียว คิดแสวงหาความมั่งคั่งโดยไม่มีความเสี่ยง แล้วจะรับผลประโยชน์ได้อย่างไร?
เผ่าพันธุ์มนุษย์เติบโตเร็วมาก ตราบใดที่มีทรัพยากรเพียงพอ เชื่อว่าในหนึ่งเดือน
สมุนทหารของเมืองธารทะเลทราย จะเพิ่มขึ้นจนทัดเทียมกับคาลิมัว และพลังรบโดยรวมแก่กล้ากว่าในสมัยคาลิมัว
ครึ่งวันต่อมา
ฮังอวี่กลับมารวมตัวกับทัพใหญ่ “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
ฉูเทียนหัวตอบว่า “มีมอนสเตอร์เยอะไประหว่างทาง เลยสูญเสียสมุนทหารประมาณ 500 นาย”
ฮังอวี่กวาดสายตาไปทางกองทหาร และเห็นว่ามีทหารบางส่วนลดลง มีกระทั่งมนุษย์บางคนหายไป
ชัดเจนว่าการเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับทุกคน พวกเขาต้องฟันฝ่าการต่อสู้อย่างหนักหน่วง
ความสูญเสียไม่เล็กน้อย
แต่โชคดีที่สมาชิกหลักไม่มีใครตาย และหลายคนอัพเลเวลสำเร็จแล้ว ผลกำไรทุกคนพอใจมาก
เจียงหนานรีบเอ่ยถาม “มหาเทพ ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเขาวงกตลาวาแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาสู้กับ BOSS ใหญ่ใช่ไหม?”
ฮังอวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ต้องเดินทางอีกครึ่งวัน พวกเราถึงจะไปถึงวังของราชาปีศาจทรายสีชาด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาโจมตีราชาปีศาจ ก่อนที่เราจะไปพระราชวัง มีพื้นที่หนึ่งที่ต้องแวะผ่าน ถ้าฉันเดาไม่ผิด ที่นั่นมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆอยู่”
“แข็งแกร่งแค่ไหน?”
“อืม ... ประมาณเลเวล 15 ระดับทรราชย์ขั้นโกลด์ พลังรบสูงมาก ค่อนข้างยากที่จะรับมือ แต่ถ้าเราไม่ทำลายมันก่อน ในตอนที่สู้กับราชาปีศาจ เจ้าตัวนี้จะถูกอัญเชิญออกมา กองทัพหลังของพวกเราได้เจ็บหนักแน่”
ทุกคนพยักหน้าซ้ำๆ
จ้าวหมิงกล่าวว่า “ราชาปีศาจทรายสีชาดเป็นราชาที่พวกเราไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นมาก่อน มันยากมากถ้าคิดจัดการ ถ้าเราถูกระดับทรราชย์ขั้นโกลด์ตลบหลัง เกรงว่าคงพ่ายแพ้แน่นอน ถ้าสามารถกำจัดปัญหาได้ล่วงหน้า แน่นอนว่าต้องทำก่อน”
ฮังอวี่พยักหน้า “ทุกคนไปกำจัดมันกัน ตามผมมา!”
มอนสเตอร์ที่กำลังจะพบพานข้างหน้าแข็งแกร่งมาก ฮังอวี่ไม่ต้องการให้กองทัพที่เหนื่อยล้าออกรบ จึงปล่อยให้ทุกคนมีเวลาพักผ่อนสองชั่วโมง
ภายในชั่วโมงนี้ ทุกคนสามารถกลับสู่โลกจริง ไปรวบรวมวัตถุดิบเช่นโพชั่น คัมภีร์ ซ่อมอุปกรณ์ที่จำเป็น
แน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือขนส่งอาหารจำนวนมาก เพื่อเติมพลังทางกายภาพให้เหล่าสมุนทหาร
ฮังอวี่ยุ่งมาหลายวันหลายคืนแล้ว เขาตัดสินใจพักเล็กน้อย เมื่อกลับมาถึงเจียงเฉิง เขานำเนื้อมังกรน้ำสีชาดออกมาสองสามชิ้น ตรงไปยังร้านอาหารบนถนนมังกรฟ้า ส่งต่อให้ต้าไห่จัดการ
เนื้อมังกรน้ำสีชาดคือยาชูกำลังชั้นดี
และรสชาติยังยอดเยี่ยมอีกด้วย!
ฮังอวี่เลือกห้องส่วนตัวริมถนน รับประทานสเต็กเนื้อมังกรน้ำสีชาด จิบคู่กับไวน์วิญญาณ หลังอาหารดื่มชาวิญญาณต่อ เพลิดเพลินไปกับมัน
อาการเหนื่อยล้าของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อกลับสู่โลกวิญญาณ คนอื่นๆก็ทยอยกันกลับเข้ามา สมุนทหารได้รับการเติมพลังงานเช่นกัน ทั้งหมดอยู่ในสภาพสมบูรณ์
“ดีมาก”
“ไปกันเถอะ!”
“ครั้งนี้ไม่มีโอกาสถอยแล้ว พวกเราต้องสำเร็จให้ได้ในครั้งเดียว!”
ทุกคนต่างรอคอยให้บอสฮังกลับมานำทีม เพราะในที่สุดก็ถึงเวลาได้เจอกับระดับ BOSS ใหญ่แล้ว
ไม่ว่าจะอุปกรณ์ ไอเท็ม ทรัพยากรล้ำค่า หรือหินคริสตัลมากมายกำลังกวักมือเรียกพวกเขา!
แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็กังวลเช่นกัน อย่างไรเสีย อันตรายที่รออยู่เบื้องหน้านั้นสูงมาก อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อจากเบื้องหลัง
เป็นเวลาเกือบสี่วันแล้วที่เข้ามาในเขาวงกตลาวา
นี่แสดงว่าทีมอื่นๆต้องหาทางเข้าเจอแล้วเช่นกัน!
กองทัพเมืองธารทะเลทรายอ่อนแอที่สุด หากเกิดกรณีขัดแย้ง มีโอกาสสูงที่จะพ่ายแพ้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ ภายใต้การนำทางของฮังอวี่ ทุกคนเก็บกวาดมอนสเตอร์ไปตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงประตูหินธรรมชาติบานใหญ่
เมื่อผ่านประตูหิน ทุกคนประหลาดใจที่พบว่า สภาพแวดล้อมของเขาวงกตลาวาอันซับซ้อนได้หายไปแล้ว
มันกลายเป็นที่ราบภูเขาไฟใต้ดินแทน!
เห็นแค่เพียงเหนือพื้นที่ราบสีดำ มีภูเขาไฟขนาดเล็กหลายลูกกำลังปะทุ ภูเขาไฟขนาดเล็กแต่ละลูกพ่นลาวาออกมา ลาวาร้อนไหลลงมาบนที่ราบสีดำ เกิดเป็นธารลาวา และไหลรวมกันเป็นทะเลสาบลาวา
แต่หากสังเกตดีๆจะพบว่า สุดสายธารลาวาไปบรรจบกันในที่เดียว
นั่นคือพระราชวังกลางที่ราบ ทั้งหลังเป็นสีดำเมี่ยมเหมือนแก้วภูเขาไฟ รูปทรงโบราณเรียบง่าย ให้บรรยากาศเหมือนที่อยู่ของราชา นั่นต้องเป็นวังราชาปีศาจแน่ๆ
จากตำแหน่งนี้ มีทางตรงที่สามารถเข้าถึงวังราชาปีศาจได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม มันไม่สมเหตุสมผลเลยหากคิดเร่งรีบตรงไป
ปกติแล้วสถานที่ใกล้กับ BOSS ใหญ่ มักมีกึ่ง BOSS ใหญ่อาศัยอยู่
หากไม่ค้นหามันก่อน แล้วทำความเข้าใจสถานการณ์ของมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรอบคอบ อาจพลาดท่าเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่
“มีมอนสเตอร์ทรายสีชาดมากมายคอยลาดตระเวนอยู่ใกล้วัง”
“หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ควรเรียกว่าจอมพลทรายสีชาด”
“ปัญหาหลักๆของพวกเรามาจากเจ้าหมอนี่ ตอนนี้พวกเราต้องหาตัวมันก่อน หลังกำจัดมัน ก็เปิดฉากโจมตีวังได้”
“เจ้าหมา ถึงตานายแล้ว!”
หวังเอ๋อดมกลิ่นตามพื้นอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาสุนัขก็แสดงอาการแปลกๆ “เจ้านาย เปิ่นหวังตรวจเจอกลิ่นอายที่แข็งกร่งมาก แต่กลิ่นอายของมันค่อนข้างผิดปกติ”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “ผิดปกติยังไง?”
สุนัขส่ายหัว “ฮ่ง บอกไม่ถูก แต่เป็นมอนสเตอร์ที่ประหลาดมาก ไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ที่พวกเราเคยสู้ พูดตามตรงเปิ่นหวังไม่เคยเจอกลิ่นอายแบบนี้มาก่อน”
ฮังอวี่ขมวดคิ้ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
อย่าบอกนะว่ามีบางสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขาปรากฏขึ้น?