Ep.449 - สู้กับทีมเมืองฟ้าเดียวดายเพียงลำพัง
1/3
Ep.449 - สู้กับทีมเมืองฟ้าเดียวดายเพียงลำพัง
“หมาตายแน่!”
“อย่าทำร้ายหมา!”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวาย ซาร์โก รองขุนนางเมืองฟ้าเดียวดายเต็มไปด้วยความโกรธ
มันออกสำรวจล่วงหน้าเพื่อเปิดเส้นทางที่ถูกต้องแก่กองทัพใหญ่แห่งเมืองฟ้าเดียวดาย
ได้รับคำสั่งพร้อมสหายเจ็ดตน
แต่เมื่อเข้ามาได้ไม่นาน นักสอดแนมในทีมจู่ๆก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของผู้อื่น
เมื่อทำการตรวจสอบ ก็พบว่ากลิ่นอายนี้เป็นของฮังอวี่ ขุนนางใหญ่คนใหม่ของเมืองธารทะเลทราย
ซาร์โกไม่ถูกชะตากับขุนนางคนใหม่ของเมืองธารทะเลทรายอยู่แล้ว ตั้งแต่เจอกัน มันกังวลว่าจะไม่มีโอกาสได้กำจัดฮังอวี่ แต่ใครจะคาด ว่าจะบังเอิญเจอเจ้าหมอนี่จริงๆ ถ้างั้นก็ใช้โอกาสนี้กำจัดมันเลยแล้วกัน
แต่ระหว่างทาง นักสอดแนมในทีมกลับพบว่า สถานที่เบื้องหน้ามีกลิ่นอายของมอนสเตอร์ระดับทรราชย์อันทรงพลัง
ซาร์โกรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
ตามปกติแล้วมอนสเตอร์ที่มีพลังรบเหนือกว่าตัวอื่นๆใช่ว่าจะเจอได้ง่ายๆ การโค่นมันจะได้รับผลประโยชน์มากมาย และมีโอกาสได้รับสมบัติสวรรค์ หรือกระทั่งหีบสมบัติ
แต่ใครจะคิด พอมันต้องการพาคนไปที่นั่น ผลลัพธ์กลับเป็นถูกมอนสเตอร์ประหลาดจู่โจม
พลังรบของมอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ในระดับปานกลาง แต่เห็นได้ชัดว่ามีสติปัญญา ไม่เพียงปล่อยม้วนคัมภีร์เท่านั้น แต่ยังรู้จักใช้กลยุทธ์อันหลากหลาย นอกจากนี้ยังสามารถพรางตัวและเปลี่ยนสถานะเป็นร่างวิญญาณได้
แม้จะไม่ก่อภัยคุกคามมากนัก แต่ด้วยเล่ห์กลที่ประทังเข้ามา ไม่นานความอดทนของซาร์โกก็หมดลง
มันปลดปล่อยมรดกขั้น 4 สองสกิลติดต่อกัน สังหารหมาป่ายักษ์ไปหลายตัว แต่ในช่วงจังหวะสำคัญ ร่างจริงของหมาป่ายักษ์กลับเปิดใช้งานสกิลและหลบหนีไป
ขณะเดียวกัน นักสอดแนมอุทานว่า “ไม่ได้การ! กลิ่นอายของมอนสเตอร์หายไป ดูเหมือนจะถูกฆ่าแล้ว”
ได้ยินแบบนั้น ปฏิกิริยาแรกของซาร์โกคือไม่เชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร? อีกฝ่ายมีแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น!
ซาร์โกแม้จะไม่อยากเชื่อก็ตาม แต่มันมั่นใจในความสามารถสอดแนมของสหายมาก สหายของมันไม่ควรจะผิดพลาด เจ้าขุนนางน่าชังแห่งเมืองธารทะเลทราย จะต้องใช้อาวุธพิเศษบางอย่างแน่ๆ ถึงสามารถกำจัดมอนสเตอร์ได้ไวขนาดนี้
ซาร์โกพูดด้วยความโกรธ “ไปฆ่ามันกัน”
“ไม่จำเป็น” สีหน้าของนักสอดแนมแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง “เพราะ ... เพราะเขากำลังมาหาพวกเรา!”
ซาร์โกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากชายผู้นี้ปล้นมอนสเตอร์ เขากลับกล้าส่งตัวเองมาถึงหน้าประตูของพวกตน?
ซาร์โกไม่เข้าใจวงจรสมองของอีกฝ่าย แต่ในตอนนั้นเอง ในอากาศเบื้องบนปรากฏฝูงบนบินหนาแน่น มีประมาณ 40 กว่าตัวหรือมากกว่านั้น
ตัวที่เล็กที่สุดมีขนาดใหญ่เท่ากับวัวตัวผู้
มดยักษ์หลายตัวมีพลังรบในระดับเจ้าถิ่น และสูงสุดอยู่ที่เจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์
“สัตว์วิญญาณอัญเชิญ? ช่างหาได้ยากจริงๆ” ซาร์โกมองไปรอบๆ
หมาป่ายักษ์โปร่งแสงล่าถอย กลับมารวมตัวกับฮังอวี่
ซาร์โกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สัตว์วิญญาณที่มีสติปัญญาว่าหายากแล้ว แต่กระทั่งสัตว์วิญญาณสายอัญเชิญเจ้าก็ยังมีมันในครอบครอง เป็นไปได้ยังไงกัน!”
ฮังอวี่กล่าวว่า “เห~ นั่นไม่ใช่ท่านรองขุนนางเมืองฟ้าเดียวดายหรอกหรือ? ช่างบังเอิญซะจริง!”
ซาร์โกเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าจะให้โอกาสเจ้า จงมอบสมบัติมา สมบัติทุกอย่างที่เจ้าได้รับ ทั้งหมดเป็นทรัพยากรล้ำค่าของเมืองฟ้าเดียวดาย!”
ฮังอวี่ตอบว่า “แล้วถ้าฉันไม่ให้ล่ะ?”
ซาร์โกฟุ้งไปด้วยจิตสังหาร “นั่นหมายความว่าเจ้าจงใจหาเรื่องเมืองฟ้าเดียวดาย จงใจเป็นศัตรูกับชูร่าแห่งเลือดนาเซอร์!”
ฮังอวี่ถอนหายใจและพูดว่า “น่าเสียดาย แกไม่มีความสามารถเป็นตัวแทนของเมืองฟ้าเดียวดายได้ เป็นไม่ได้กระทั่งตัวแทนของผู้ครองแคว้น แล้วอีกอย่าง สมบัติในอาณาเขตที่ไร้เจ้าของ ใครก็ตามที่ค้นพบก่อน คนนั้นคือเจ้าของมัน!”
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่สนใจโอกาสที่ข้ามอบให้เลย” ซาร์โกกล่าวพลางยกหอกขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้ามัน “อย่างไรก็ตาม เจ้าพูดถูก สมบัติใครเจอก่อน คนนั้นก็เป็นเจ้าของ ... แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าคนที่เจอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้หรือไม่!”
ฮังอวี่สั่งการ “เสี่ยวไป๋ ลงมือเลย!”
เสี่ยวไป๋ในร่างภูติแฟรี่อาศัยจังหวะที่ศัตรูยังไม่ทันตั้งตัวโฉบออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเผยร่างที่พรั่งพราวไปด้วยแสงจรัสราวภาพฝัน โถมเข้าห่อหุ้มออร์คหลายตัว เข้าควบคุมจิตใจของพวกมัน
“ตาย!”
ซาร์โกแค่มึนงงเล็กน้อยเท่านั้น
มันเปิดใช้งานสกิลเข้าตอบโต้ทันที อันดับแรกปัดเป่าพลังที่คอยรบกวนจิตใจ จากนั้นยกหอกขึ้นและแทงไปทางเสี่ยวไป๋ พยายามเปิดทางหนี
“อย่าคิดว่าจะทำได้!”
ฮังอวี่ปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวไป๋ด้วยสกิลบลิงค์ ร่ายระบำเส้นแสงสีแดง กระบี่หนักที่ซ้อนทับไปด้วยเอฟเฟกต์นักฆ่าขุมนรก ฟันลงอย่างรวดเร็วด้วยเคลื่อนเงาปะทะคลั่ง ปัดป้องหอกยาวที่แทงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง!”
แววตาของซาร์โกเปลี่ยนไป ‘ไม่น่าเชื่อจริงๆ ข้ายังจำได้อยู่เลย ในเมืองขุนเขาไฟเมื่อไม่กี่วันก่อน เวลานั้นพลังรบของขุนนางเมืองธารทะเลทรายห่างชั้นกับในตอนนี้มาก แต่ในเวลาแค่ไม่กี่วัน เจ้ามนุษย์ผู้นี้ราวกับเกิดใหม่เป็นคนละคน’
ในเวลานั้นฮังอวี่เป็นเพียงเลเวล 14
แต่ตอนนี้ฮังอวี่อยู่ในเลเวล 15 ทั้งยังสวมใส่อุปกรณ์สีม่วง อาศัยแค่โบนัสค่าคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามา ก็มากพอแล้วที่จะเสริมประสิทธิภาพการรบไปอีกขั้น
อีกทั้งระหว่างตรงเข้ามาช่วยเจ้าหมา ฮังอวี่ยังคอยฆ่ามอนสเตอร์ระดับล่างไปตลอดทาง เพิ่มเอฟเฟกต์นักฆ่าขุมนรกซ้อนทับกันหลายสิบชั้น
ทำให้ตอนนี้พลังทำลายของอาวุธในมือเพิ่มขึ้นมาก ต่อให้เป็นซาร์โกก็ยากจะต้านไหว
เฉพาะในด้านโบนัสค่าคุณสมบัติ ฮังอวี่แซงหน้าซาร์โกไปเรียบร้อยแล้ว
“สังหารลมกรด!”
ฮังอวี่แยกเป็นแปดภาพติดตา โจมตีจากมุมต่างๆโดยไม่มีลำดับขั้น ไม่อาจคาดเดา
ทว่าเมื่อการโจมตีของฮังอวี่กำลังใกล้เข้าไป ซาร์โกร้องคำรามลั่น หอกยาวในมือมันพลันหายไป อากาศโดยรอบเกิดการเปลี่ยนแปลง ถูกปกคลุมไปด้วยคมหอก
“หอกวายุ! สังหาร!”
ลำแสงหอกอันทรงพลังปะทุออกจากร่าง ไม่ต่างอะไรจากแสงเลเซอร์เล็กๆ กระจายออกไปทุกทิศทาง
ภาพติดตาต่างๆที่เกิดจากสังหารลมกรดถูกทำลายทันที และมีหนึ่งคมหอกเจาะทะลุหน้าอกของฮังอวี่ กระแทกตัวเขาลอยกลับไปไกลเป็นสิบเมตร
“ทำได้แค่นี้หรือ?” ซาร์โกคำราม “ปราณสงครามหอกวินาศ!”
ฮังอวี่ไม่ได้หยุดนิ่ง ด้านซาร์โกก็ยกหอกขึ้นและทิ่มแทงอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของมันดูธรรมดาไม่ซับซ้อน แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่าภายใต้คมหอกนี้ อัดแน่นไปด้วยปราณสงครามในปริมาณอันน่าทึ่ง
นี่คือสกิลขั้น 4!
และไม่ใช่สกิลขั้น 4 ธรรมดา แต่มันคือมรดกขั้น 4 ของซาร์โกที่ชื่อว่า ‘ปราณสงครามราชาหอก’ สกิลหลักของมรดกนี้พิเศษมาก เมื่อเปิดใช้งานสกิลที่เกี่ยวข้อง ปราณสงครามจะสามารถเกาะตัวอยู่บนอาวุธได้ ทำให้ในทุกๆการโจมตีมีปราณสงครามคอยปัดเป่าตลอดเวลา สามารถทำลายการป้องกันได้เกือบทุกชนิด
“ค่ายกลล่าแสงและเงา!”
ฮังอวี่เพิ่งเริ่มสร้างค่ายกลกระบี่ตอนเขามาถึง ในเวลานี้ปลดปล่อยมันในลมหายใจเดียว ด้วยพลังรบในปัจจุบัน เขาสามารถสร้างปราณกระบี่ได้ 60 เล่มในชั่วพริบตา เข้าห่อหุ้มซาร์โกในทันที
“ไอ้ทุเรศเอ๊ย”
“ไสหัวไปให้หมด!”
ซาร์โกเปลี่ยนการโจมตีเป็นป้องกัน หมุนหอกยาวด้วยมือทั้งสอง คมหอกซึ่งห่อหุ้มไปด้วยปราณสงครามกวัดแกว่งอย่างดุเดือด ปัดเป่าปราณกระบี่ของฮังอวี่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่นานก็ปัดป้องได้ไม่หมด ปราณกระบี่บางส่วนเริ่มปักลงตามร่างซาร์โก
อย่างไรก็ตาม พลังป้องกันของซาร์โกดูเหมือนจะสูงมาก ทำให้มันไม่สนใจเลย ยังคงทิ่มแทงอย่าเป็นบ้าเป็นหลัง และมีหอกหนึ่งแทงเข้าตรงหน้าอกของฮังอวี่
แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง แสงพราวที่คล้ายเปลวเพลิงจำนวนมากปะทุออกมา
ฮังอวี่ยังคงนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ไม่เหมือนคราวก่อนที่กระเด็นไปเป็นสิบเมตร
ช่วงเวลาที่เกือบถูกแทง ฮังอวี่เปิดใช้งานปราณสงครามเกราะ!
ตอนนี้ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงของปราณสงคราม
ปราณสงครามปะทะปราณสงคราม!
แม้การโจมตีของซาร์โกเป็นไปอย่างดุเดือด แต่ปราณสงครามที่อัดแน่นอยู่ในตัวหอกอ่อนแอลงมากจากการปัดเป่าค่ายกลกระบี่ ดังนั้นไม่มีกำลังเหลือพอที่จะเจาะลงบนร่างของฮังอวี่
ฮังอวี่ใช้ประโยชน์จากเอฟเฟกต์แยกตัวเป็นอิสระที่เกิดจากกายาเกราะ เปิดใช้งานปลุกเลือดปีศาจ เหวี่ยงกระบี่หนักด้วยสองมือที่ลุกไหม้ไปด้วยกลบฝังปีสาจโถมเข้าใส่ซาร์โกทันที
“ไม่ดีแล้ว!” ซาร์โกถึงกับผงะ รีบระเบิดปราณสงครามของตน แต่ปราณสงครามใหม่ที่ใช้อยู่ในขั้น 3 เท่านั้น มันไม่มากพอที่จะหักล้างต้านทานสกิลขั้น 4 ได้อย่างสมบูรณ์
พละกำลังอันรุนแรงประทังเข้าใส่ร่างซาร์โก พื้นดินรอบตัวมัน ทั้งหมดแตกระแหง เสาไฟปะทุขึ้นต่อเนื่อง ทำดาเมจให้แก่ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ๆ
ซาร์โกถูกกระแทกกลับไปไกลถึง 20 30 เมตร ชนเข้ากับสหายตนอื่นๆ
และในเวลานี้สหายตนอื่นๆ เนื่องจากโดนลูกหลงจากการโจมตี ทำให้หลุดพ้นจากการควบคุมของเสี่ยวไป๋ ได้สติกลับมา
ซาร์โกกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ อย่าเสียเวลา ช่วยกันฆ่ามัน!”
“รับทราบ!”
ทุกตนตอบสนองทันที
พวกมันทั้งหมดเป็นออร์คหัวกะทิแห่งเมืองฟ้าเดียวดาย
ต่อให้อ่อนแอกว่าซาร์โก แต่ก็ไม่ใช่พลรบธรรมดา
จะมากจะน้อยมีไม้ตายก้นหีบเก็บไว้หนึ่งหรือสองกระบวนท่า หากคิดสังหารพวกมันในคราเดียว ไม่มีทางเป็นไปได้
ฮังอวี่มิได้ตื่นตระหนก แค่เอ่ยว่า “นั่นแหละที่ฉันต้องการ ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วเหมือนกัน มาจบการต่อสู้นี้กันเลยดีกว่า!”
วินาทีต่อมา
ซาร์โกและออร์คตัวอื่นๆ ต่างตื่นตกใจ พวกมันรู้สึกว่าฝีเท้าหนักขึ้น พื้นดินใต้ฝ่าเท้าราวกับอ่อนยวบ คล้ายดั่งถูกหยอดด้วยกาวเหนียว
เมื่อก้มลงมอง ทุกตนก็ต้องตะลึงพรึงเพริด!
เพราะพื้นดินได้หายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเวลานี้พวกมันกำลังยืนอยู่ในแอ่งเลือดเหนียวหนืด!
และไม่ใช่แค่พื้นดินเท่านั้นที่เปลี่ยนไป กระทั่งบรรยากาศโดยรอบก็เต็มไปด้วยละอองเลือด พวกมันค่อยๆเกาะตัวกัน และสุดท้ายก่อตัวเป็นกรงขัง
ออร์คทั้งแปดถูกขังอยู่ในกรงสีเลือดขนาดยักษ์
“นี่มันอะไรกัน?”
“สกิลเช่นนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน!”
ทีมออร์คสัมผัสถึงความน่ากลัวของสกิลนี้
ซาร์โกใบหน้าบึ้งตึง “นี่คือสกิลหลักของปีศาจคลั่งอาบโลหิต มรดกขั้น 4 ‘จัตุรัสคุกโลหิต’ ชายผู้นี้มีสกิลขั้น 4 ในครอบครองมากมายจริงๆ!”