ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 62 อย่าทำให้อาจารย์ลุงของเจ้าผิดหวัง
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 62 อย่าทำให้อาจารย์ลุงของเจ้าผิดหวัง
ฉีอู๋ฮุ่ยซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกบูดบึ้งเป็นอย่างมาก
เย่ชิวอีกแล้ว บัดซบ เหตุใดเขาถึงมีส่วนร่วมทุกเรื่อง
ฉีอู๋ฮุ่ยขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมกำมือแน่นจนแทบจะส่งเสียงออกมา
เมื่อสหายเต๋าเทียนทงได้ยินสิ่งนี้เขาก็กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้ เป็นจริงอย่างที่ข่าวลือกล่าวหรือว่าขุนเขาเมฆาม่วงมีปรมาจารย์ขุนเขาอายุน้อยที่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธจริง ๆ”
เขาคุ้นเคยกับชื่อขุนเขาเมฆาม่วงมาก ทว่านั่นเป็นเพียงความทรงจำที่เกี่ยวกับปรมาจรย์ของขุนเขาเมฆาม่วงคนก่อน นับตั้งแต่ที่เขาจากไป ก็ไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับขุนเขาเมฆาม่วงอีกเลย สหายเต๋าเทียนทงคิดว่ามรดกนี้คงถูกตัดขาดไปแล้ว
ทุกคนล่วงรู้ถึงนิสัยของสหายเต๋าซวนเทียน เขาไล่ตามวีถีเต๋าแห่งความอมตะอย่างสุดใจและฝึกฝนราวกับคนบ้า ทำให้ไม่มีศิษย์เลยแม้ผู้เดียว
สหายเต๋าเทียนทงอดไม่ได้ที่จะสงสัยเมื่อปรมาจารย์ขุนเขาของขุนเขาเมฆาม่วง ปรากฏตัวขึ้น
เมิ่งเทียนเจิ้งยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์น้องของข้านี้ถูกอาจารย์ลุงซวนเทียนรับเป็นศิษย์ก่อนที่จะเสียชีวิต เขาเป็นคนที่สงบและเก็บตัว เขาอยู่ในสำนักมาสิบปี ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขาอาศัยอยู่คนเดียวบนขุนเขาเมฆาม่วงและมุ่งเน้นบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็ง เขาไม่เคยออกไปไหน เว้นแต่จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในสำนัก ทำให้ยากที่จะพบเจอเขา”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกเอ่ย ร่องรอยของความประหลาดใจก็ฉายผ่านดวงตาของ สหายเต๋าเทียนทง เขาสงบจิตใจลงและค่อย ๆ ปกปิดสายตานั้น
“สิบปี… บรรลุปรมาจารย์ยุทธ นี่มันเป็นไปไม่ได้…” สหายเต๋าเทียนทงพึมพำสองสามคำและจ้องเมิ่งเทียนเจิ้งอย่างลึกซึ้ง
ต้องมีพรสวรรค์และความสามารถเพียงใดถึงบรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธได้ภายในสิบปี
สำหรับผู้อาวุโสอย่างพวกเขาต้องใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยปี บางคนติดอยู่ที่คอขวดของขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นสมบูรณ์ไปตลอดชีวิต ไม่สามารถบรลุไปได้แม้อายุขัยจะหมดลงแล้วก็ตาม
ผู้ใดที่สามารถไปสู่ขอบเขตนี้ได้ล้วนเป็นอัจฉริยะที่หายาก ไม่ว่าเย่ชิวจะมีพรสวรรค์เพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุได้ภายในสิบปีใช่หรือไม่
หลังจากนั้นไม่นาน สหายเต๋าเทียนทงก็หันกลับมามองที่เหออู๋ซวงและรู้สึกโล่งใจทันที เพราะลูกศิษย์ของตนก็มีโอกาสทะลวงไปสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธได้ในสิบปีเช่นกัน
นี่… พรสวรรค์ของเขาสูงกว่าเหออู๋ซวงเสียอีก!!! เมื่อนึกถึงสิ่งนี้สีหน้าสหายเต๋าเทียนทงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เหออู๋ซวงมีฉายาว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ เขามีกายาจักรพรรดิโดยกำเนิดและไม่มีใครสามารถเทียบได้
พรสวรรค์ดังกล่าวนั้นเหนือธรรมชาติมากแล้ว หากเย่ชิวมีพรสวรรค์สูงกว่าเขา นั่นไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายมีเป็นกายาเซียนในระดับที่สูงกว่าไม่ใช่หรือ
ขระที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ร่างสีก็ขาวค่อย ๆ เดินเข้ามาลานประลองพร้อมกับคนสามคนอยู่ข้างหลัง
“อาจารย์ ชายคนั้นคือเย่ชิว ปรมาจารย์ของขุนเขาเมฆาม่วง” เหออู๋ซวงสามารถมองเห็นเย่ชิวจากระยะไกล ทำให้สหายเต๋าเทียนทงต้องหันมอง
สหายเต๋าเทียนทงมองดูและตกใจ “เขาเป็นปรมาจารย์ขุนเขาอายุน้อยของขุนเขาเมฆาม่วง ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธ ตามที่คาดไว้ รากฐานของเขานั้นไม่ธรรมดา เขามีกลิ่นอายเซียนราวกับมาจากสวรรค์”
สหายเต๋าเทียนทงแอบตกใจและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
สำนักเยียวยาสวรรค์ได้ผลิตยอดฝีมือขึ้นมาอีกคน ดูเหมือนว่าสำนักเยียวยาสวรรค์ กำลังจะรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานเย่ชิวก็อมายู่ข้างหน้าพวกเขาแล้ว
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก…” เย่ชิวเรียกออกมาเบา ๆ และเดินไปด้านข้างเพื่อนั่งลง
เมิ่งเทียนเจิ้งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแนะนำคนข้างให้เย่ชิวรู้จัก “ศิษย์น้อง นี่คือผู้อาวุโสใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งทะเลสาบสวรรค์ สหายเต๋าเทียนทง”
“ข้าเชิญเขามารับชมการประลองยุทธของเรา เรากำลังพูดถึงเจ้าพอดี ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมาพอดี”
เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปยังสหายเต๋าเทียนทงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปยังเหออู๋ซวงที่อยู่ข้างหลัง ทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย
“ผู้อาวุโส เราพบกันอีกครั้งแล้ว!” เหออู๋ซวงทำตัวเป็นธรรมชาติและริเริ่มที่จะเดินออกมาทักทายก่อน
เย่ชิวพยักหน้าและมองไปยังสหายเต๋าเทียนทง อีกฝ่ายก็ได้กล่าวออกมาทันที “ฮ่าฮ่า ข้าได้ยินมานานแล้วว่าปรมาจารย์ขุนเขาเย่แห่งขุนเขาเมฆาม่วงนั้นไม่ธรรมดราวกับมาจากสวรรค์ ช่างสมกับชื่อเสียง เจ้าได้บรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าขอชื่นชมเจ้า”
เย่ชิวเพียงยิ้มและกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “เมื่อเทียบกับท่าน ข้ายังไร้ประสบการณ์ มีหลายสิ่งที่ข้าต้องเรียนรู้จากท่าน”
ดวงตาของสหายเต๋าเทียนทงโค้งด้วยความประหลาดใจ
การแสดงออกของเย่ชิวยังคงเป็นธรรมชาติมากหลังจากได้รับคำชมเช่นนี้ เป็นการบ่งบอกว่าสภาพจิตใจของเขาสงบเป็นอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า เจ้าช่างถ่อมตัวเกินไป โลกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอาวุโส ผู้ที่มีความสามารถก็ไม่เกี่ยวกับอายุ ปรมาจารย์ขุนเขาเย่มาถึงขอบเขตดังกล่าวตั้งแต่อายุยังน้อย ข้ารู้สึกด้อยกว่าเพียงเพราะจุดนี้เพียงอย่างเดียว ข้าจะกล้าโอ้อวดต่อหน้าเจ้าได้อย่างไรกัน”
เย่ชิวยิ้มและไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังสงบเช่นเคย
เมิ่งเทียนเจิ้งลูบเคราของเขาด้วยความโล่งใจ เขามองไปยังฉีอู๋ฮุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ที่กำลังหายใจรดเคราด้วยความโมโห
ฮึ่ม โอ้อดวต่อไป หัวเราะต่อไป เพราะเจ้าจะต้องร้องไห้ในภายหลัง
บังเอิญว่าสหายเต๋าเทียนทงอยู่ที่นี่ เขาคอยดูเย่ชิวจะจัดการกับความอับอายกำลังจะได้รับอย่างไร
ครั้งนี้ฉีอู๋ฮุ่ยได้ส่งศิษย์ที่ทรงพลังสองคนออกไปเพื่อจัดการกับศิษย์สองคนของเย่ชิวเป็นพิเศษ ในเวลาเดียวกัน เขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของทั้งคู่ คงจะดีที่สุดหากศิษย์ของเขาจัดการศิษย์ของเย่ชิวได้ จากนั้นเขาก็จะทำให้เย่ชิวต้องอับอายและบรรเทาความโกรธที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ได้
หากไม่สามารถจัดการได้ เขาก็ยังมีแผนสำรอง
“ทั้งสองคนนี้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ขุนเขาเย่ใช่หรือไม่” สหายเต๋าเทียนทงมองไปยังหลินชิงจู้และจ้าวว่านเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังเย่ชิว
“ขอคำนับผู้อาวุโส” ทั้งสองคนไม่กล้าหยาบคายและรีบโค้งคำนับ
“ฮ่าฮ่า อย่างที่คาดไว้ พวกเขาก็เหมือนอาจารย์ของตน ไม่เลว ไม่เลวเลย”
สหายเต๋าเทียนทงเป็นยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์ เขาสามารถบ่งบอกได้ทันทีว่าสองคนนี้เกิดมาพร้อมกับกระดูกศักดิ์สิทธิ์และเป็นอัจฉริยะหนึ่งในล้าน ทำให้เขาสรรเสริญอยู่ภายในใจ
เย่ชิวยิ้มและกำลังจะตอบสนอง ทว่าก็มีเสียงของฉีอู๋ฮุ่ยดังมาจากด้านข้าง
“ศิษย์น้องเย่ ศิษย์สองคนนี้ของเจ้าต้องมีความสามารถบางอย่างที่สหายเต๋าเทียนทงมองเห็นถึงจะได้รับคำชมเช่นนี้ใช่หรือไม่ ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับลำดับที่ดีอย่างแน่นอนในการประลองยุทธครั้งนี้”
เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นความหมายที่ลึกซึ้งในดวงตาของฉีอู๋ฮุ่ยเป็นอย่างดี
“พลังยุทธ์ของพวกเขายังตื้นเขิน พวกเขามาที่นี่เพื่อรับประสบการณ์จากการประลองยุทธครั้งนี้ ดาวเด่นที่แท้จริงของการประลองยุทธครั้งนี้ยังคงเป็นขุนเขากระบี่เร้นลับของศิษย์พี่ฉี ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ของขุนเขากระบี่เร้นลับที่เข้าร่วมการประลองยุทธครั้งนี้นั้นล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี”
เย่ชิวแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้ฉีอู๋ฮุ่ยต้องรู้สึกภาคภูมิใจโดยธรรมชาติ
ฉีอู๋ฮุ่ยจึงแสร้งทำเป็นถ่อมตัวและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า ศิษย์น้อง เจ้าคงล้อข้าเล่นแล้ว เจ้ามีพลังยุทธ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ข้าเชื่อว่าลูกศิษย์ของเจ้าจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน”
สหายเต๋าเทียนทงรู้สึกสนใจทันทีเมื่อเขาเห็นว่าทั้งคู่กัดจิกกัน น่าสนใจ สองคนนี้ไม่ถูกกัน ดูเหมือนว่าจะมีการแสดงให้รับชม
เย่ชิวไม่ได้กล่าวตอบ เขาหันกลับมากล่าวกับทั้งศิษย์สองที่อยู่ข้างหลังว่า “เจ้าได้ยินหรือไม่ อาจารย์ลุงฉีคาดหวังกับพวกเจ้าไว้มาก เช่นนั้นจงอย่าทำให้เขาผิดหวัง”
“ท่านอาจารย์ ไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะไม่ทำให้อาจารย์ลุงฉีผิดหวังอย่างแน่นอน” จ้าวว่านเอ๋อยิ้มและมองฉีอู๋ฮุ่ยอย่างมีเลศนัย
คู่ประลองคู่แรกของวันนี้คือนางกับศิษย์ของขุนเขากระบี่เร้นลับ
นางจะไม่ทำให้ฉีอู๋ฮุ่ยต้องผิดหวังอย่างแน่นอน