ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 58 เริ่มการประลองยุทธเจ็ดขุนเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 60 รางวัลของผู้ชนะเลิศลำดับที่หนึ่ง!

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 59 เหตุการณ์ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 59 เหตุการณ์คุ้นยิ่งนัก

“นี่คืออาจารย์ลุงเย่ในตำนานใช่หรือไม่”

ทุกคนถอนหายใจในใจขณะมองดูร่างขาวที่มีจี้หยกห้อยอยู่ที่เอวพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายเซียนออกมาลาง ๆ

“อย่างที่คาดไว้ เขาไม่อาจหยั่งรู้ได้ตามที่มีข่าวลือว่ากล่าว”

“พวกเจ้ารู้สึกว่ากลิ่นอายที่เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาหรือไม่ ข้าคิดว่ากลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งกว่ากลิ่นอายของอาจารย์ลุงฉีเสียอีก”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าว มันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

“เอ่อ ข้าคงไม่รู้หากเจ้าไม่กล่าว”

“เป็นไปได้ไหมที่ระดับการบ่มเพาะของอาจารย์ลุงเย่นั้นเหนือกว่า อาจารย์ลุงฉีไปแล้ว”

ทุกคนตะลึงอย่างแท้จริง ต้องรู้ว่าอายุของเย่ชิวนั้นห่างไกลจากฉีอู๋ฮุ่ยไม่น้อย ลูกศิษย์ของฉีอู๋ฮุ่ยบางคนแก่กว่าเขาด้วยซ้ำ

เขายังเด็กมาก เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้บรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์แล้ว

ทว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องไร้สาระเกินไป! ไม่มีใครกล้าที่จะเชื่อเรื่องนี้

“พูดตามตรง อาจารย์ลุงเย่แข็งแกร่งยิ่งนัก เขาให้ความรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ทว่าเขายังเด็กมากเช่นกัน เขามีศักยภาพมากมาย”

ทุกคนคุยกันขณะที่พวกเขามองไปยังร่างบนท้องฟ้า

“จุ๊จุ๊ ดูสิ”

“อารมณ์และหน้าตาเช่นนี้ แม้ตอนที่ข้ามั่นใจที่สุด ข้ายังต้องหลบหน้าเขาเช่นกัน”

รูปลักษณ์ของเย่ชิวได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที สิ่งนี้ทำให้ฉีอู๋ฮุ่ยไม่พอใจเป็นอย่างมาก

จุดสนใจที่ควรเป็นของเขาถูกเย่ชิวแย่งชิงไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เขายิ่งรู้สึกเคียดแค้น

“ฮึ่ม รอก่อนเถอะ! อีกไม่นานเจ้าจะต้องร่ำไห้ออกมา … ” ฉีอู๋ฮุ่ยสาปแช่งอยู่ภายในใจด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

ทว่าฉีฮ่าวที่อยู่ข้างหลังบิดากลับถูกดึงดูดความสนใจไปโดยสตรีสองคนที่อยู่ข้างหลังเย่ชิว “น่าสนใจ! เมื่อใดกันที่สำนักเยียวยาสวรรค์มีสาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้ถึงสองคน ข้าไม่ได้รับข่าวอะไรเลยหรือ”

ฉีฮ่าวเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มที่ตนคิดว่าหล่อเหล่าออกมา เขาตัดสินใจที่จะเล่นสนุกกับสาวงามทั้งสองหากเขาบังเอิญพบกับพวกนางที่การประลองยุทธ

เมื่อแสงหายไปเย่ชิวก็ได้มาถึงด้านล่างข้างหมิงเยว่และคนอื่น ๆ

“ศิษย์น้องเย่ เจ้าช่างหยิ่งผยองเสียจริง ขนาดทำให้ทุกคนรออยู่ที่นี่ รอคอยเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” ฉีอู๋ฮุ่ยกล่าวประชดประชันตามปกติ

เย่ชิวยิ้มจาง ๆ และกล่าวว่า “เห็นไม่เป็นไร!”

“เจ้า…” ฉีอู๋ฮุ่ยโกรธทันที เย่ชิวไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้จะอยู่ต่อหน้าศิษย์ทั้งหลายเลยแม้แต่น้อย

“ศิษย์พี่ฉีดูเหมือนจะไม่พอใจกับข้ามาก หากเป็นเช่นนั้น… เหตุใดเราไม่เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นและประมือสักคราก่อนถึงการประลองยุทธ” เย่ชิวหรี่ตามองฉีอู๋ฮุ่ยพร้อมกล่าวยั่วยุ

ฉีอู๋ฮุ่ยกัดฟันคิดอยากจะตบเย่ชิวให้แบน หลังจากนึกในใจหลายร้อยครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป

เขาไม่สามารถเอาชนะเย่ชิวได้ ฮึ่ม ลืมมันไปก่อน ข้าจะต้องอดทน

ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาฉีอู๋ฮุ่ยไม่รู้ว่าเย่ชิวพบกับประสบการณ์อะไรบ้างที่ทำให้ระดับการบ่มเพาะทะยานฟ้าเช่นนี้ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขายังน่าทึ่ง เคล็ดวิชากระบี่ของเขาก็ยังยอดเยี่ยม สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือเขายังมีเคล็ดวิชาฝ่ามือระดับเทพเจ้าอีกด้วย

ฉีอู๋ฮุ่ยยังไม่ได้ลืมเลือนเคล็ดวิชาฝ่ามือที่เย่ชิวได้พัฒนาขึ้นหลังจากที่ตรัสรู้บนขุนเขาเมฆาม่วง เคล็ดวิชาลับระดับเทพเจ้าแบบนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าระดับการบ่มเพาะของเย่ชิวไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย การประมือกับเย่ชิวก็เหมือนกับการเบื่อหน่ายในชีวิตเท่านั้น

“ฮึ่ม…” ฉีอู๋ฮุ่ยสะบัดแขนเสื้อด้วยความอับอาย ทว่าเขาทำอะไรไม่ถูก

ฉีฮ่าวซึ่งอยู่ข้างหลังเขาเห็นบิดาของเขาต้องทนกับความอัปยศอดสูเช่นนี้ก็ได้กล่าวว่า “อาจารย์ลุงเย่ ท่านไม่ล้ำเส้นเกินไปหรือ ท่านพ่อของข้าเพียงเตือนท่านเท่านั้น…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่ชิวก็เหลือบไปเห็นเขาและมุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน เจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ เจ้ามีสิทธิ์กล่าวออกมาหรือ เหตุใดไม่ลองให้ข้าสั่งสอนเจ้าแทนพ่อของเจ้าบ้าง”

ดวงตาของฉีฮ่าวเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมในขณะที่เขากำหมัดแน่น ท่าวเขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยออกมา

เย่ชิวมองเขาอย่างมีเลศนัย ทว่าไม่ได้กล่าวต่อ

ในตอนแรกเขาไม่ต้องการยุ่งกับสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย ทว่าใครจะไปคิดว่าทันทีที่มาถึง อีกฝ่ายจะเริ่มพ่นวาจาคันหูออกมาทันที ไม่ว่าผู้ที่ถูกกล่าวถึงนั้นจะอารมณ์ดีแค่ไหนก็คงไม่สามารถทนการเสียดสีเช่นนี้ได้

เขาหันกลับมาและกล่าวกับหลินชิงจู้ จ้าวว่านเอ๋อและเซียวอี้ว่า “พวกเจ้าทั้งสามรออยู่ที่นี่ อย่าเดินไปไหนไกล”

“เจ้าค่ะ…” ทั้งสามคนพยักหน้า จากนั้นเย่ชิวก็เดินเข้าไปในโถงหยกพิสุทธิ์ ปรมาจารย์ขุนเขาคนอื่นก็เดินตามมาเช่นกัน

หลังจากที่พวกเขาจากไป เซียวอี้ก็ไม่สามารถอัดอั้นไว้ได้อีกต่อไป

“ฮ่าฮ่า เทพเย่ก็คือเทพเย่อยู่วันยังค่ำ ช่างยอดเยี่มเกินไป! การที่มีผู้ทรงอำนาจเช่นนี้หนุนหลังใครกล้ายั่วยุเรา” ในฐานะสาวกผู้คลั่งไคล้ของเย่ชิว เซียวอี้กล่าวออกมาอย่างมีความสุขทันที เขาไม่สนใจการจ้องมองอย่างอาฆาตแค้นของฉีฮ่าวเลยแม้แต่น้อย “ชิ เจ้ากำลังมองอันใดกัน หากไม่เชื่อก็มาสู้กับข้าสามร้อยยก”

เมื่อฉีฮ่าวเห็นสายตาเหยียดหยามของเซียวอี้ เขาก็เริ่มเผยเจตนาสังหารออกมา

จ้าวว่านเอ๋อหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้าควรรู้สถานะของเข้า หากเจ้าทำให้เขาโกรธขึ้นมา ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้”

“ฮิฮิ ข้าไม่กลัวหรอก ศิษย์พี่ชิงจู้จะต้องต้องปกป้องข้า ข้าจะด่าทอพวกเขาต่อไป”

ต้องบอกว่าความสามารถในการทำให้คนอื่นโกรธเคืองของเซียวอี้นั้นเหนือล้ำเป็นอย่างมาก ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขาก็ทำให้ศิษย์ของขุนเขากระบี่เร้นลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ราวกับอยากจะฉีกเขากินทั้งเป็น

“น่าโมโหยิ่งนัก! เจ้าเด็กนั่นมาจากที่ใดกัน ข้าอยากจะสังหารเขายิ่งนัก”

“ช่างดูถูกพวกเราเกินไป”

ศิษย์ของขุนเขากระบี่เร้นลับดูเหมือนจะได้รับความอัปยศอดสูอย่างมาก ทว่าพวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาไม่รู้ภูมิหลังของเซียวอี้เลยแม้แต่น้อย ล่วงรู้เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายได้ติดตามเย่ชิวมายังที่นี่ เขาอาจเป็นศิษย์ของขุนเขาเมฆาม่วง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าแม้แต่ฉีอู๋ฮุ่ยก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุเย่ชิว พวกเขาจะกล้าสร้างปัญหาให้กับขุนเขาเมฆาม่วงได้อย่างไร

หลินชิงจู้แตะหน้าผากของนางด้วยความเหนื่อยหน่าย นางยังคงตกใจกับความสามารถในการเล่นลิ้นของชายคนนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางก็เห็นด้วยกับการกระทำของเซียวอี้เนื่องจากอีกฝ่ายยืนหยัดเพื่ออาจารย์ของนาง ตราบใดที่ฝ่ายที่ว่าร้ายเย่ชิวเป็นคนจากขุนเขากระบี่เร้นลับ นางจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน

ดวงตาของฉีฮ่าวเต็มไปด้วยเจตนาสังหารและจ้องไปยังเซียวอี้ ในตอนนี้เขาต้องการที่จะฉีกเจ้าบัดซบนี่ออกเป็นพันชิ้นทันที

ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของขุนเขากระบี่เร้นลับ เขาเป็นที่รักใคร่ของทุกคนไม่ว่าเขาจะไปยังที่ใด เมื่อไหร่กันเขาได้รับความอัปยศเช่นนี้

“เด็กน้อย! เจ้าทำให้ข้าโกรธอย่างแท้จริง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เจ้ากระทำลงไปในวันนี้”

“เฮ้…” เซียวอี้รู้สึกขบขัน เหตุใดรู้ข้าสึกคุ้นเคยกับคำพูดนี้ยิ่งนัก ถ้าข้าจำไม่ผิด นั่นคือสิ่งที่ข้าพูดไม่ใช่หรือ

เซียวอี้เคยพ่ายแพ้ในความยโสโอหังตั้งแต่เมื่อใดกัน เมื่อหลินชิงจู้มอบความมั่นใจให้แก่เขา เซียวอี้ก็เริ่มปลดปล่อยตนเอง เขากล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “ช่างเถอะ ข้าคิดว่าเจ้าจะร้ายกาจกว่านี้ ทว่าก็เก่งแค่ใช้วาจาข่มเท่านั้น คำพูดของข้ามีรสชาติกว่าเกลือที่เจ้ากินเสียอีก”

“เจ้าหนู อย่าล้ำเส้นเกินไป”

ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ถูกกล่าวอกอมา ฉีฮ่าวก็โกรธเกรี้ยวและชักกระบี่ออกมาทันที ทันใดนั้นพลังความเยือกเย็นอันลึกลับก็ได้จู่โจมเขา ราวกับวิญญาณของเขาจะถูกโจมตี ทำให้ฉีฮ่าวสะดุ้งทันที

ฉีฮ่าวรู้สึกถึงความหวาดกลัวในใจขณะที่เขามองไปยังหลินชิงจู้ เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ข้ารู้สึกถึงหวาดงั้นหรือ

ฉีฮ่าวตื่นตระหนก ในฐานะหนึ่งในศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของศิษย์รุ่นใหม่ ไม่มีใครสามารถทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้นอกจากหลิวชิงเฟิง

และในชั่วพริบตานั้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหากเขาทกำการโจมตีเซียวอี้… เขาอาจจะต้องตายอย่างแท้จริง…

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด