ตอนที่ 75 ไม่มีลูกพี่คอยปกป้องย่อมไม่ได้
เย่ว์หยางรีบวิ่งไปที่สถานพยาบาลและพบกับอี้หนานที่ออกมาพร้อมกับเย่ว์ปิงหลังจากตรวจสุขภาพแล้ว
ทันทีที่บอกเล่าเรื่องผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตให้นางฟัง เย่ว์ปิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องช่วยอะไรไม่ได้แต่รู้สึกใจเต้นรัว นางรู้ดีว่าของทั้ง 2 ชิ้นนี้ราคาหลายพันเหรียญทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลแห่งภูมิปัญญาจะทำให้ความฉลาดของสัตว์อสูรมีพัฒนาการก้าวหน้า ของทั้งสองชิ้นนี้มักประมูลด้วยราคาเกิน 2 พันเหรียญทอง บางครั้งราคาก็ขึ้นไปถึง 3 พัน ของแพงแบบนี้เป็นสิ่งที่เกินเอื้อมสำหรับนาง
ขณะที่กิ่งแห่งพฤกษาชีวิต จะมีประโยชน์ในการเพิ่มระดับของนักรบมนุษย์พฤกษาได้
แต่พฤกษาชีวิต ก็เหมือนกับผลแห่งภูมิปัญญา เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำยา ตัวอย่างเช่น เป็นส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับทำยากระตุ้นภูมิปัญญาสัตว์อสูรจะต้องใช้ทั้งผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งพฤกษาแห่งชีวิต
“พี่สาม! ลืมมันเสียเถอะสินค้าที่ดีที่สุดในบ้านประมูลจะเป็นของที่ประมูลแข่งขันของนิกายใหญ่ทั้งสี่และราชตระกูลใหญ่ทั้งสาม ดังนั้นไม่มีทางที่จะขึ้นไปเทียบกับพวกเขาได้แน่” เย่ว์ปิงกล่าวแบบนี้เพื่อกลบเกลื่อน ขณะที่นางบอกกล่าว ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ก็ยังเป็นคู่แข่งหลักในบ้านประมูลด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงมาจากครอบครัวที่สี่ และตระกูลเย่ว์ก็ไม่ถือว่าคนจากครอบครัวที่สี่มีค่าอะไรสำหรับพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมจ่ายเงิน 2-3 พันเหรียญเพื่อให้พี่น้องเหล่านี้ได้ซื้อผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งที่ยอดเยี่ยมแห่งพฤกษาชีวิต ถ้าเป็นเย่ว์เทียน เย่ว์เยี่ยนหรือหรือเย่ว์เฟิงที่เพิ่งมีชื่อเสียงด้วยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ บางทีผู้อาวุโสของตระกูลเย่ว์อาจเห็นด้วยให้ใช้ทองจำนวนมหาศาลเพื่อบ่มเพาะปลูกฝังพวกเขา
“เราก็แค่ไปดูกัน” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่มีเงินกับตัว แต่เขาไม่เคยตั้งใจจะใช้เงินประมูล จริงๆ แล้วเขาเตรียมตัวดูว่าใครประมูลมันได้สำเร็จ จากนั้นค่อยขโมยเอามาจากพวกเขา
เพื่ออนาคตของเย่ว์ปิงน้องสาวที่มีค่าของเขา เย่ว์หยางไม่สนใจว่าจะต้องกลายเป็นขโมยที่ขวางเส้นทางของคนอื่น คนแปลกหน้าในสายตาของเขา เย่ว์หยางถือว่าเขาทำสมบัติตก แล้วทำไมจะต้องฉกเอาจากเขาเล่า
ขณะที่พวกเขาคุยกัน มีคน 3 คนกำลังออกมาจากห้องรักษา
เย่ว์หยางเห็นใบหน้าคนพวกนั้นคุ้นๆ ก็จำได้ว่าพวกเขาคือ 3 ดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่
ดูเหมือนว่าพวกเขาเอาชนะขุนพลปีศาจได้สำเร็จและได้ชัยชนะกลับมาจากการรบในแดนปีศาจ
อย่างไรก็ตาม เฟิงชิชา, หยานโพ่จุนและเสวี่ยทันหลางปัจจุบันนี้ไม่ได้มีท่าทางสง่างามเหมือนเมื่อก่อน เกราะของเฟิงชิชาแตกเป็นเสี่ยงและดูเหมือนว่าได้รับบาดแผลหนักไม่เบา แม้ว่าเขาจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขายังคงหมุนติ้วซึ่งเป็นผลกระทบจากการต่อสู้ มือของหยานโพ่จุนพันผ้าไว้จนเหมือนลูกซาลาเปา มือของเขายังถือหินบำบัดที่ยังเปล่งแสงสีขาว ดูเหมือนว่าแผลจะยังไม่หายดี มีเพียงเสวี่ยทันหลางที่ยังดูดีกว่าคนอื่น เขายังคงรักษาภาพจน์ว่า ข้าคือบุรุษน้ำแข็ง ฉะนั้นอย่ามาใกล้ข้า เจ้าคนแปลกหน้า” แต่มีข้อสังเกตว่ามีแต่เพียงชุดของเขาขาดรุ่งริ่งจนดูเหมือนเสื้อผ้าของพวกขอทาน
แม้ว่าพวกเขากลับมาพร้อมกับชัยชนะ เย่ว์หยางเห็นว่าราคาที่พวกเขาต้องจ่ายไปก็ไม่ใช่น้อย ไม่เหมือนกับเขา เขาทำลายขุนพลปีศาจโดยไม่สูญเสียอะไรเลย
พอเห็นว่าทุกคนจากกลุ่มของเย่ว์หยางรอดชีวิตกลับมา เสวี่ยทันหลางทำอะไรไม่ถูกได้แต่สะดุ้ง จากนั้นพอเห็นว่าเย่ว์หยางกำลังฉีกยิ้มมาให้ ทั้งสามคนรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ เจ้าคนหน้าด้านผู้นี้สามารถหนีกลับมาถึงนี่ได้ แต่สวะในทีมของพวกเขาทั้งหมดยังรอดกลับมาด้วยหรือ?
เป็นไปได้ว่าขุนพลปีศาจที่ทีมของพวกเขาสู้ด้วยคงทำมาจากเต้าหู้หรือเปล่า?
แต่นี่เป็นขุนพลปีศาจ
เป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะสู้กับขุนพลปีศาจได้ ด้วยเพียงนักรบสวะไม่กี่คน พวกเขาหนีออกมาโดยไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายได้อย่างไร?
พอเห็นว่าเย่ว์หยางปรากฏตัวโดยไม่มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับว่าเข้าไปในแดนปีศาจเพื่อเดินเล่นพักผ่อน เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา
บุรุษน้ำแข็งถลันเข้ามาข้างหน้าเย่ว์หยาง จ้องตาเย่ว์หยาง และยื่นคำขาดพูดว่า “เรามาพิสูจน์เป็นตายกันเถอะ เจ้าเลือกเวลาและสถานที่ได้เลย” ก่อนที่เย่ว์หยางจะอ้าปากพูดกับฝ่ายตรงข้าม เขาก็หมุนตัวและเดินจากไป
เย่ว์หยางไม่มีวิธีรับมือกับเจ้าหนุ่มน้ำแข็งผู้นี้จริงๆ
นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดชัดๆ
ถ้าแม่นางจากตระกูลเสวี่ยต้องการแต่งกับเขาจริงๆ นางก็สามารถนั่งอยู่ในเกี้ยวแต่งงานสีแดงมาหา ให้คู่บ่าวสาวคารวะกันและกันแล้วส่งตัวเข้าเรือนหอมีความสุขกับชีวิตที่ดี ทำอย่างนี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงต้องมาสู้เสี่ยงตายกันด้วยเล่า? ถ้านางไม่ต้องการแต่งกับเขา อย่างนั้นนั่นน่าจะดีกว่า ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายผิด แต่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนปฏิเสธ การแต่งงานครั้งนี้ถูกเป่ากระจายไม่มีชิ้นดี นางเองก็ได้รับอิสระด้วยเช่นกัน
“เอ๋?” ขณะที่เฟิงชิชาเตรียมจะจากไป เขาตกใจที่พบว่าฮุยไท่หลางกลายเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัว เขาประหลาดใจ นั่นหมาป่าปีศาจ 2 หัวชั้นทองแดงระดับ 5 ไม่ใช่หรือ?
มันเป็นหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 4 เมื่อตอนที่พวกเขาเข้าแดนปีศาจ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ มันวิวัฒนาการอย่างง่ายดายกลายเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัวชั้นทองแดงระดับ 5 มันเติบโตเร็วจนน่ากลัวไม่ใช่หรือ?
พัฒนาการและเพิ่มระดับเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
เขาเดินไป ดูเหมือนต้องการจะสอบถามเกี่ยวกับวิวัฒนาการของฮุยไท่หลาง
แต่อนิจจา เย่ว์หยางทำเป็นเหมือนว่ามองไม่เห็นเขา
เย่คงและคนอื่นๆ ยังตามมากันเป็นชุด ถ้าพวกเขาไม่เงยหน้ามองหาดาว ก็ก้มหน้านับตัวมด
เจ้าอ้วนไห่ทำเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นและเริ่มผิวปาก เป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น สัตว์อสูรมีวิวัฒนาการถือเป็นความลับใหญ่ ดังนั้นจะมีเจ้าโง่ที่ไหนที่จะบอกเล่าอะไรแก่เขา?
โดยปกติแล้ว เย่ว์ปิงและอี้หนานรู้จักเฟิงชิชาและคนอื่นในสามดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่ แต่พวกนางไม่ใช่สาวๆ ประเภทคอยตามกรี๊ดกร๊าดยามเห็นพวกเขา พวกนางเห็นว่าเย่ว์หยางและ 3 ดาวเพชรฆาตไม่ค่อยเอื้อเฟื้อกัน พวกนางก็เลยไม่ตอบรับอีกฝ่าย กลับเป็นสองในสามของพวกเขาเอาแต่คุยกันเองเบาๆ เฟิงชิชารู้ว่าเขาล้ำเส้นไปหน่อยและรู้สึกหวาดนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม เขายังคงรักษาท่าทีที่สง่างามเอาไว้และพยักหน้าเล็กน้อยให้เย่ว์หยางก่อนจะก้าวยาวๆ จากไป
หลังจากเดินออกมาพอประมาณแล้ว เขาหันกลับไปมองฮุยไท่หลางอีกครั้ง ดูเหมือนเขาสนใจฮุยไท่หลางมากจริงๆ
“สวัสดี..เย่ว์ปิง” หยานโพ่จุนทักทายเย่ว์ปิงก่อน แต่ตาเขายังจ้องมองเย่ว์หยาง เขายิ้มเต็มใบหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเย่ว์ก็คงไม่ใช่คุณชายใหญ่เย่ว์เทียน ไม่ใช่คุณชายสี่เย่ว์เยี่ยนสินะ น่ายินดีจริงๆ ที่ได้บุกเข้าแดนปีศาจได้พร้อมกับสหายที่โดดเด่นอย่างท่าน ขอข้าแนะนำตัวเองก่อนนะ ข้าชื่อหยางโพ่จุนเป็นประธานสหภาพนักเรียนระดับสูงในสถาบันฉางจิง คุณชายสาม ข้ามีความจริงใจขอเชิญท่านมาเข้าร่วมสถาบันฉางจิงของเรา และร่วมสหภาพนักเรียนระดับสูงด้วยกัน..”
“ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ครอบครัวข้ายากจนและบ้านของเรามีแต่เพียงผนัง 4 ด้าน ข้าไม่มีเงินพอจะเข้าเรียนหรอก ดูเหมือนว่าข้าคงได้แต่ขอบคุณในความตั้งใจดีของท่านประธานหยานโพ่จุน” เย่ว์หยางแทบอยากแสดงว่าตัวเป็นคนยากจนที่ต้องคอยกำจัดวัชพืชทุกวัน เป็นเด็กหลังเขาที่ไม่ได้มีโอกาสกินซาลาเปาแม้ในระหว่างตรุษจีน
“……” อี้หนานเหลือกตาของนางขณะได้ยินแบบนี้ นางคิดว่ามันน่าอายที่เขากล้ากุเรื่องแก้ตัวที่ไม่ดีอย่างนี้ขึ้นมา
“อุ๊ฟฟ” เย่ว์ปิงขำ
“คุณชายสาม! ท่านล้อเล่นแล้ว! ไม่มีปัญหาในเรื่องเข้าเรียน เราสหภาพนักเรียนระดับสูงยอมรับนักเรียนระดับหัวกะทิ ไม่เพียงแต่เราจะให้ท่านได้เข้าเรียนฟรีเท่านั้น แต่เรายังจะให้ทุนการศึกษาแก่ท่านด้วย ถ้าคุณชายสามทรัพย์จาง ก็ขอให้บอกเรา” หน้าของหยานโพ่จุนกระตุกเล็กน้อย อันที่จริงเขาอยากจะบีบคอเจ้าคนหน้าด้านทั้งเป็น เขาต้องการเงินไม่ใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้น เขาควรพูดออกมาตรงๆ ทำไมต้องอ้างว่าบ้านมีแต่ผนัง ไม่มีอะไรอื่น? ถ้าตระกูลเย่ว์ของสี่ตระกูลใหญ่มีเพียงบ้านที่มีแต่ผนังสี่ด้านเฉยๆ โลกนี้ยังจะมีคนรวยอยู่อีกหรือ? แน่นอนว่าหยานโพ่จุนสามารถบอกได้โดยความเข้าใจของตนว่า คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ ที่ถูกชาวโลกล้อเลียนผู้นี้เป็นคนไร้ยางอายที่ปลอมตัวเป็นหมูกินเสือ
สหายผู้นี้มีความแข็งแกร่งแน่นอน เขาเก็บมันไว้เป็นความลับที่มิดชิดและปฏิเสธที่จะเปิดเผยออกมา
ถ้าเขาไม่มีความแข็งแกร่ง เจ้าเมืองโล่วฮัวจะยอมให้เขานำทีมบุกแดนปีศาจด้วยหรือ? ถ้าเขาไม่มีความแข็งแกร่ง ยังจะกลับมาได้อย่างไม่มีรอยขีดข่วนงั้นหรือ? ไม่แต่เพียงแค่นั้น เขายังคงฉกดาบจันทร์เสี้ยวเอามาจากมือขุนพลปีศาจได้…
ถ้าไม่มีความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อ มีหรือที่เสวี่ยทันหลางผู้ที่เหมือนกับก้อนน้ำแข็งจะยอมเปิดปากขอท้าสู้พิสูจน์ความเป็นตายกัน
ในเวลาสั้นๆ ถ้าใครเชื่อว่าเจ้าคนหน้าด้านนี่เป็นสวะ เป็นที่คาดได้เลยว่าเจ้าคนผู้นั้นต้องโชคร้ายแน่นอน
หยานโพ่จุนรู้สึกว่าเจ้าผู้นี้มีแผนการ เป็นคนมีพลังแข็งแกร่งแต่พยายามเก็บงำความแข็งแกร่งไว้เป็นความลับ มันอาจเขย่าโลกทั้งใบได้ในที่สุด ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะผูกมัดเขาในขณะที่เหล็กยังร้อน ที่สำคัญก็คือ เมื่อช่วยคุณชายสามผู้หน้าด้านแห่งตระกูลเย่ว์ให้โดดเด่นอย่างรวดเร็ว จะทำให้เขามีพลังก้าวผ่านเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนผู้ที่ยังคงท้าทายสถานะของเขา
แม้แต่คนตายก็ยังได้ยินเสียงความขัดแย้งภายในตระกูลเย่ว์
ถ้าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นี้โดดเด่นขึ้นมาภายในตระกูล เขาคงไม่ปล่อยให้พี่น้องชายทั้งสองมีวันเวลาที่ง่ายดายแน่นอน
“แอ้ม..อะแฮ่ม..ความจริง เกี่ยวกับเรื่องสถานที่เรียนของเขา เขาต้องฟังลูกพี่คนนี้” เจ้าอ้วนไห่โอ้อวดทันทีและแค่นเสียงอย่างถือดีว่า “เขาคือลูกน้องของข้า ไม่ว่าลูกพี่คนนี้ไปที่ไหน เขายังจะกล้าไม่ยอมติดตามข้าแต่โดยดีอีกหรือ?”
“เจ้าเป็นใคร?” หยานโพ่จุนแสดงออกต่อเขาเหมือนกับมองเห็นมดที่มีเนื้อหนังมากกว่ามดปกติ
“อะไรกัน? เจ้าไม่รู้จักข้าจริงๆ เหรอ? ชั้นต่างๆ ในหอทงเทียน เจ้าคงมัวแต่ไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีคนใช่หรือเปล่า? ใครบ้างที่ไม่รู้จักข้า ต้าไห่? แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ข้าปกติจะไม่ทำตัวเด่น… แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญและแรดหนังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 2 ข้าก็ยังไม่อวดของเหล่านั้นเลย แต่ข้าก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ดี แม้ว่าข้าจะไม่อยากดัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ข้าก็ทำไม่ได้เสียด้วย” เขาทำเป็นตกใจและโดดพร้อมยกมือตั้งท่าในอากาศในลักษณะเกินจริง เขาตะโกนว่า “ข้าต้าไห่ นักเรียนระดับหัวกะทิของสถาบันฉางชุนเถิง เมื่อเร็วๆ นี้ข้าพากลุ่มนักเรียนชั้นยอดไปชิงชัย 100 ตำแหน่งแรกในการแข่งขันยอดฝีมือของ 100 โรงเรียน เจ้ายังไม่รู้จักข้าอีกหรือ?
สีหน้าของเจ้าอ้วนไห่ดูเหมือนกับคนจะร้องไห้ประมาณว่า “ไม่รู้จักข้า เจ้าแพ้นะ”
แต่หยานโพ่จุนพยายามเค้นสมองนึกอยู่นานจนถึงกับขมวดคิ้ว ในที่สุด เขาก็จำได้ “อ๊า..ตอนนี้ข้าจำได้แล้ว เจ้าคือเจ้าอ้วนที่พ่ายแพ้น้องชายข้าตกรอบภายในกระบวนเดียว ระหว่างแข่งรอบตัดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วใช่ไหม? แน่นอน, เจ้าดังมากเลย สามารถทำลายสถิติการแข่งขันของยอดหัวกะทิร้อยโรงเรียนตกรอบภายใน 10 วินาที”
“นั่นเป็นเพราะข้ายังเตรียมตัวไม่พร้อม ไม่ใช่แต่แค่นั้น ข้าเป็นคนใจดี ข้ากลัวว่า ถ้าข้าโจมตี ข้าจะต้องทำร้ายน้องชายของเจ้า!” ขณะที่เจ้าอ้วนไห่พูดอย่างนี้ หยานโพ่จุนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด
“จริงเหรอ? งั้นข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ยอมอ่อนข้อให้” ในที่สุดหยานโพ่จุนก็พบว่าเจ้าอ้วนผู้นี้มีหนังหน้าที่หนากว่าที่เขาคิดเอาไว้ถึง 100 เท่าทีเดียว
“ด้วยความยินดี! ความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนิสัยข้าก็คือข้ามีเมตตา การอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นเป็นความดีรองมาของข้า” ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะพูดจบ พี่น้องตระกูลหลี่ก็ไม่สามารถทนได้ต่อไปได้แอบไปหาที่อ้วกเงียบๆ
“ปีหน้าเจ้าจะเข้าศึกษาในสถาบันฉางชุนเถิงหรือ คุณชายสาม?” หยานโพ่จุนทำเป็นเมินเจ้าอ้วนไห่ผู้หลงตัวเองและเอาแต่ยิ้มหน้าบานอยู่ และหันไปคุยกับเย่ว์หยางต่อ
“เป็นไปไม่ได้ที่สวะอย่างข้าจะไปไหนมั่วๆ โดยไม่มีลูกพี่คุ้มครอง ไม่ว่าลูกพี่จะพูดอะไรก็ตาม ข้าก็จะทำมัน ถ้าเขาบอกให้ข้าไปทางตะวันออก ข้าไม่กล้าไปทางตะวันตกเด็ดขาด” เย่ว์หยางยิ้มอย่างนอบน้อม
“เราทั้งหมดต่างก็เป็นนักรบของต้าเซี่ย ความจริงไม่ว่าเราจะเข้าเรียนที่ไหน ข้าหวังว่าเราสามารถเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกันในครั้งต่อไป” หยานโพ่จุนรู้ว่าตัวเขาเองชักจะห่างเหินกับเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนในครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสนับสนุนให้เฉินถู่หาวเอาชนะเย่ว์ปิง การที่เขาต้องการจะดึงคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นี้มาอยู่ฝ่ายตนในเวลาสั้นๆ ก็คงไม่ถูกต้องนัก แต่เขาไม่ได้รีบร้อนมาก ตราบใดที่เขายังใช้ความขัดแย้งในตระกูลเย่ว์ได้ดีอยู่ ปล่อยให้ 3 พี่น้องทะเลาะกันเองไปก่อน สักวันเขาจะประสบความสำเร็จโค่นล้มตระกูลเย่ว์ได้
เขารีบเดินตรงมาหาเย่ว์ปิงและยิ้มเป็นเชิงขอโทษนาง เขาหวังว่าจะบรรเทาความโกรธของนางและเริ่มจับมือกับเย่คงและคนอื่นๆ ในที่สุดเขาก็เดินจากไปด้วยท่าทีสง่างาม
หลังจากเขาไปแล้ว เย่คงทำหน้ามุ่ยทันที “คนๆ นี้รับมือไม่ใช่ง่ายๆ เลย…”
อี้หนานไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่หัวเราะออกมา “ตอนนี้พวกเจ้าพูดถึงขยะไม่ใช่หรือ? เขาเป็นหนึ่งใน 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ ไม่ต้องพูดเลยว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน และเขายังมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเฟิงชิชาที่ไร้เหตุผลและเสวี่ยทันหลางผู้โอหัง ในฐานะที่เป็น 1 ใน 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่ แม้หลังจากเจอพวกเจ้าเชิดใส่และทำให้เขาลำบากใจ เขาก็ยังพูดกับพวกเจ้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นั่นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปทำได้หรือ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เขาก็ยังเป็นฝ่ายเริ่มจับมือกับพวกเจ้าอย่างเป็นมิตร ถ้าพวกเจ้าเป็นเขา พวกเจ้าจะทำแบบนี้ได้หรือ?”
เย่ว์ปิงผงกศีรษะกล่าวว่า “ข้าเคยได้ยินการประเมินของท่านปู่… ภายในพวก 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่ คนที่ยากรับมือในอนาคตที่สุดและจะประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือหยานโพ่จุน”
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางผู้มีพลังญาณทิพย์สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของหยานโพ่จุนได้ทั้งหมด รู้สึกว่าเขาไม่ควรได้รับการประเมินสูงเกินไป
แผนการของหยานโพ่จุนนั้นไม่เลวอยู่ แต่คนที่มีพลังจริงๆ ยังคงเป็นเจ้าหนุ่มน้ำแข็งรูปหล่อเสวี่ยทันหลาง อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่า พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง ไม่ยอมพูดอะไรที่ทักษะญาณทิพย์มองเห็นได้จะดีกว่า
พอรีบเร่งไปถึงบ้านประมูลของนักรับ พวกเขาพบว่ามีแต่ทหารรับจ้างที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
หลังจากถามคนแถวๆ นั้นดูอีกครั้ง เขาพบว่า ทหารรับจ้างกลุ่มพายุสลาตันที่เป็นเจ้าของผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต ตัดสินใจเลื่อนการขายของเหล่านี้ออกไปอีก 3 วัน เนื่องจากความไม่ลงตัวเรื่องราคา อย่างเช่น ราคามาตรฐานและบรรจุภัณฑ์สินค้าที่จะประมูล
ความต้องการของพวกเขาแปลกมาก พวกเขากำลังเล็งหาการแลกเปลี่ยนที่ดีและไม่ได้มีการประมูล กลุ่มทหารรับจ้างวายุสลาตันต้องการแลกเปลี่ยนผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตกับสัตว์อสูรชั้นทองแดงและมีระดับอย่างน้อย 5 ดาวหรือมากกว่า ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกเขายังขอเป็นสัตว์อสูรเด็กและต้องไม่ใช่ไข่อสูรด้วย
“ข้ามีแผนแล้ว ไปกันเถอะ เราจะไปทำภารกิจหัวใจต้นโอ๊คที่วงกตศิลาดำกันเลย” เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเป็นข้อแลกเปลี่ยนอย่างนั้นก็ยังพอมีหวัง
“นั่นเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?” อี้หนานอึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ใช่แล้ว” เย่ว์หยางไม่กล้าพูดดังๆ ขณะที่เขากังวลว่าจะทำให้เย่ว์ปิงและอี้หนานกลัว ตอนนี้ สิ่งที่เขายังดำเนินการไม่สำเร็จไม่ใช่แค่ภารกิจหัวใจต้นโอ๊คเท่านั้น แต่ยังต้องจับลูกของไฮดรา 9 หัวอีกด้วย.. เรื่องบ้าระห่ำอย่างนี้ ไม่ใช่จะทำได้ง่าย แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่า ยังคงเป็นไปได้ที่จะใช้สมองน้อยๆ ของเขาทำอะไรบางอย่างกับมัน
**********************