ตอนที่แล้วตอนที่ 67 หุ่นกลกระจอกเทศชั้นบรอนซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 69 ร้านขายการ์ดเซรีน

ตอนที่ 68 ต่อสู้


หวีเป่าจำคนสองสามคนนี้ได้

ในพื้นที่ทั่วเมืองสามวิญญาณนั้นยังไม่นับว่าเป็นเมืองใหญ่   และเนื่องจากคนพวกนี้เข้ามาชมกันบ่อยจึงเป็นธรรมดาที่หวีเป่าจะจำคนพวกนี้ได้ วัยรุ่นไม่กี่คนนี้มีเบื้องหลังที่มีอิทธิพลสูงหนุนหลัง  มาจากตระกูลต่างๆ  และเมื่อกลุ่มผู้เยาว์เหล่านี้รวมตัวกันก็ไม่มีผู้ใดในเมืองกล้าลองดีกับพวกเขา

“เป็นหุ่นกระจอกเทศบรอนซ์จริงๆ ด้วย”เด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งจ้องมองนกกระจอกเทศด้วยความสนใจอย่างมากกล่าวอย่างประหลาดใจ“ข้าเคยอ่านหนังสือมาก่อนว่าหุ่นกลกระจอกเทศบรอนซ์เป็นหนึ่งในพาหนะที่มีชื่อที่สุดของกองทัพดาวกางเขนใต้  ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะได้มาเห็นหุ่นนกกระจอกเทศของจริง”

จากนั้นเด็กสาวชุดม่วงที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มชุดขาว ก็วิ่งเข้ามารบเร้าเกาะแขนเขาไม่หยุด“พี่เว่ย,ข้าต้องการนกตัวใหญ่นี้, ข้าต้องการนกตัวใหญ่”

สีหน้าของหวีเป่าเปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์แปลกประหลาด

เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลก และพยายามกลั้นหัวเราะ

หลินเว่ยหันไปทางถังเทียนอย่างช่วยไม่ได้ “สหาย,เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะยกนกกระจอกเทศนี้ให้ข้า?”

ถังเทียนสั่นศีรษะ “ไม่ได้”

“เฮ้, พ่อหนุ่ม, ให้รู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร” เหลาอี้ยืนอยู่ข้างๆตอนแรกต้องการจะเห็นหลินเว่ยทำตัวเองแกล้งโง่ แต่พอได้ยินถังเทียน เขาอดสอดขึ้นมาไม่ได้ “เปิดราคามาดีกว่า จะได้รู้ว่าอะไรดีสำหรับเจ้า”

ถังเทียนหุบยิ้มแม้แต่คนโง่ก็จับสัญญาณความไม่เป็นมิตรในน้ำเสียงของเขาได้  หนุ่มน้อยชาวฟ้าคุ้นเคยกับการรังแกในโรงเรียนอยู่แล้วและถังเทียนก็ไม่ยินดีที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นด้วย เขาหยีตาแคบลง "ช่างยโสจริงนะ”

“โอว, ดูเหมือนว่าเราเจอของแข็งเข้าให้แล้ว” สีหน้าของเหลาอี้กลายเป็นเย็นชา

ถังเทียนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า ทันใดนั้นเขาฉีกยิ้มและกระตุ้นให้นกกระจอกเทศทำงานและพุ่งเข้าใส่เหลาอี้

“ระวัง” สีหน้าหลินเว่ยเปลี่ยน

นกกระจอกเทศสูงกว่าถังเทียน มันสูงราวๆ สองเมตรและหนักมากเนื่องจากมันสร้างด้วยโลหะบรอนซ์ มันจึงกลายเป็นมาตรฐานการใช้งานของกองทัพดาวกางเขนใต้  เนื่องจากความสามารถที่โดดเด่นของมัน  มันมีมาตรฐานเฉลี่ยพอๆ กับวิชาตัวเบาระดับห้าทำให้ใช้วิ่งเป็นระยะไกลได้ ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของมันก็คือ วิ่งได้เต็มกำลัง

ปิงเห็นถังเทียนกับนกกระจอกเทศพุ่งเข้าใส่ เขาฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ เนื่องจากครั้งหนึ่ง หน่วยนกกระจอกเทศโจมตีของค่ายทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้มีชื่อเสียงโด่งดังน่าครั่นคร้าม

พลังที่หนักหน่วงหลายตัน และพลังระเบิดที่น่ากลัวยามเมื่อมันพุ่งใส่ และผลกระทบเกินกว่าจะนึกออก

เหลาอี้รู้สึกทันใดว่าความมืดที่อยู่ต่อหน้าเขาเหมือนกับมีภูเขาถล่มอยู่เบื้องหน้า ในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกจิตใจระทึก

ขุนพลวิญญาณว่องไวและมีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมได้หลบและมาปรากฏอยู่ข้างตัวถังเทียน

น่าเสียดาย ที่เป็นไปตามที่ถังเทียนคาด และเขายืดกำปั้นออกไป

ปัง!

ทั้งสองฝ่ายมองดูและขุนพลวิญญาณปลิวขึ้นไปในอากาศ

ความเร็วของนกกระจอกเทศน่าทึ่งอยู่แล้ว ควบคู่กับความเร็วในการโจมตีของขุนพลวิญญาณ แม้ว่าถังเทียนจะใช้แต่เพียงหมัดพิฆาตน้อยระดับสาม ขุณพลวิญญาณก็ยังกระเด้งไปไกลเหมือนกับว่าถูกทุบด้วยค้อนยักษ์

ปิงเห็นภาพเช่นนั้นก็รู้สึกมีความสุขกระบวนท่าของถังเทียนดูเหมือนยังไม่ขึ้นสนิมและรับมือได้อย่างเหมาะสม

ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้

ปิงรำพึง

ถังเทียนดูเหมือนจะไม่ต้องการลดความเร็วของเขา   เขาก้มตัวลงทันทีและนัยน์ตาของนกกระจอกเทศเป็นประกายทันที  สองเท้าตะกุยและหัวแบนเหมือนหอกยาวพุ่งใช้โจมตี

หลายปีของการทำลายล้าง  นกบรอนซ์โบราณก็ได้กลับมาใช้งานอีก

เป้าหมายคือ เหลาอี้

บรรยากาศที่เศร้าห่อหุ้มเหลาอี้ไว้

สีหน้าของหลินเว่ยพลันเปลี่ยนและรู้สึกใจตก เหลาอี้หน้าซีดขาว เขาตกใจกับท่าทีฝ่ายตรงข้าม และถูกตรึงไม่ให้พยายามหลบได้

ช่วงเวลานี้มือขาวราวหิมะปรากฏอยู่ด้านหลังเหลาอี้โดยไม่มีการเตือนและดึงเขาให้หลบไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน

พอเห็นว่าพวกเขาเฉียดผ่านนกกระจอกเทศไปถังเทียนคำรามเย็นชาและลอบชี้ไปที่ขาขวาของเขาที่เป็นกับงูพิษ

ฝ่ายตรงข้ามก็มีปฏิกิริยารวดเร็วใช้มือป้องกันขาของถังเทียนไว้

อย่างไรก็ตาม นางประมาทพลังขาของถังเทียน พลังร่างกระเรียนคู่กับพลังโจมตีของนกกระจอกเทศ  พร้อมกับเสียงคราง เธอถูกส่งกระเด็นไปหาเหลาอี้

“นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง”

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและนกกระจอกเทศเต้นไปมาก็หยุด  หลังจากสร้างรอยลึกบนพื้น  มันจึงเปลี่ยนตำแหน่งได้สำเร็จ  ขณะที่เด็กสาวประคองเหลาอี้  ทั้งสองคนอยู่บนพื้น

“โห ว้าว โห!พวกเจ้าหลบไม่ได้หรอก!”

ถังเทียนยังพูดไม่จบประโยค แต่นกกระจอกเทศก็พุ่งตรงเข้าหาเด็กสาวและเหลาอี้ในอากาศแล้ว

หลินเว่ยค่อยรู้สึกตัวและใบหน้าเขามีอาการหงุดหงิด “ปาฝาน, จัดการเจ้านี่ให้ได้”

วิญญาณขุนพลที่แข็งแกร่งและน่ากลัวลอยอยู่ข้างๆ หลินเว่ยพลันลืมตาขึ้นทันที เขางอเข่าเล็กน้อยและพุ่งออกมาหาถังเทียนราวกับกระสุนปืนใหญ่

วาบ

จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าปาฝาน

ปีศาจกรงเล็บยาวจ้องมองปาฝานอย่างเย็นชา

ปาฝานเป็นเหมือนภูเขาหินที่แข็งแกร่งมั่นคงและมีอันตรายใบหน้าไร้ความรู้สึก  ตรงกันข้ามกับปีศาจกรงเล็บยาว เมื่อเทียบแล้วผอมแห้งเหมือนไม้ขีดไฟและดูอมโรคคล้ายกับคนแก่อดอาหารใกล้ตาย

อย่างไรก็ตาม ปาฝานกลับย่นย่อเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง

หือ? หลินเว่ยประหลาดใจ  แต่แล้วเขากลับโมโหทันที“ปาฝาน,  เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นทำไม”

เด็กสาวที่ก่อนนั้นร่ำร้องต้องการนกใหญ่นามหัวหลิงเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มพอเห็นว่าสถานการณ์เลยเถิดถึงกับกลัวรีบสั่งขุนพลวิญญาณข้างตัวเธอทันที “เฝินหวี่,เฝินหวี่รีบไปช่วยพี่หวี่ซี เร็วเข้า”

ขุนพลวิญญาณข้างตัวเธอเป็นสตรีแต่งตัวอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้าพอลืมตาได้ก็ชักกระบี่และพุ่งเข้าหาถังเทียนเหมือนกับเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง

ขณะนั้น ปิงดึงทวนยาวออกมาและชี้มาที่ขุนพลวิญญาณสตรีนั้น

ขุนพลวิญญาณสตรีชะงักค้างทันที

หวี่ซีเห็นถังเทียนพุ่งเข้ามาพุ่งเข้ามาหานางกลางอากาศด้วยความโกรธจึงตะโกนว่า “หวังเตา”

ควั่บ, รังสีกระบี่แผ่อยู่ด้านบนถังเทียน

ถังเทียนรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นหนาแน่นบนศีรษะเขา  เส้นผมถึงกับลุกชัน เขาดึงศีรษะหลบทันที

ประกายรังสีกระบี่กวาดผ่านศีรษะเขาไป

ถังเทียนรีบควบคุมนกกระจอกเทศให้กระโดดหลบจากวิถีกระบี่ขุนพลวิญญาณที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่ที่มีกลิ่นอายอันตรายนั้น

เห็นได้ชัดว่าขุนวิญญาณนี้มีพลังไม่ธรรมดา...

“ปาฝาน!”  ตอนนี้ หลินเว่ยหงุดหงิดเนื่องจากปาฝานไม่กล้าจู่โจมทำร้ายศัตรู และภายใต้การพิเคราะห์ของคนอื่นๆหลินเว่ยรู้สึกอับอายมากและเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธขนาดไหน

ตอนนี้ หวี่ซีพาเหลาอี้ลอบมาอยู่ข้างๆ หลินเว่ย นางลดเสียงกล่าว“สั่งให้ปาฝานกลับมาเดี๋ยวนี้”

“สั่งให้กลับ?” หลินเว่ยอึ้งและมีสีหน้าตกตะลึง

“เขาไม่ใช่คู่มือพวกนั้น”  หวี่ซีมีท่าทางกลัว แต่กลับคืนสู่ความสงบได้

“ไม่ใช่คู่ต่อสู้?” หลินเว่ยรู้สึกเหลือเชื่อ “ไม่มีทาง!ปาฟานเป็นขุนพลระดับห้า!”

“อีกฝ่ายหนึ่งเป็นขุนพลวิญญาณระดับหกและดูเหมือนจะไม่ใช่ระดับหกธรรมดา” หวี่ซีลดเสียง “ข้าเกรงว่าคราวนี้ เราก่อกวนผิดคนเสียแล้ว”

ไม่ใช่ระดับหกธรรมดา.....

หลินเว่ยงง อุทานว่า “ไม่มีทาง”

“หวังเตาบอกข้า” หวี่ซีพูดเบาๆ

คราวนี้หลินเว่ยเงียบ ในบรรดาขุนพลวิญญาณของพวกเขา หวังเตาของหวี่ซีแข็งแกร่งและเหนือชั้นที่สุด เป็นขุนพลวิญญาณระดับหก

ปีศาจกรงเล็บยาวเปลี่ยนความสนใจมาที่หวังเตาที่อยู่ใกล้ๆและหวังเตาไม่อาจรักษาท่าทีสงบอยูได้ เขากำด้ามกระบี่แน่นราวกับเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่

ปีศาจกรงเล็บยาวเดิมทีมีปราณเที่ยงแท้ระดับเจ็ด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะใช้วิชาได้ระดับหกอันเป็นผลมาจากแก่นพลังวิญญาณ แต่ระดับความเชี่ยวชาญวิชากรงเล็บของเขาเป็นสาเหตุให้มีความสามารถเหนือกว่าขุนพลวิญญาณระดับหกธรรมดามากนัก ขุนพลวิญญาณมีความรู้สึกอ่อนไหวในหมู่พวกเขากันเอง ดังนั้นปาฝานจึงผงะถอยเมื่อเผชิญกับปีศาจกรงเล็บ

ขุนพลวิญญาณเฝินหวี่ของหัวหลิงตกอยู่ใต้อิทธิพลของปิงไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย

ถังเทียนซึมเซาขณะเจ้ามองหวังเตาที่อยู่ในกลางอากาศ  สำหรับการโจมตีที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นคุกคามชีวิตของเขามาก  ถังเทียนสำนึกได้ว่าความจริงแล้วเขาอ่อนที่สุดในที่นี่ นี่เป็นเหตุให้เขาอารมณ์เสียมาก เนื่องจากเขาเกลียดความรู้สึกอ่อนแอและไร้กำลัง

ถังเทียนสลดใจจนสีหน้าหม่นหมอง

“สหายของข้าทำให้คุณชายโกรธโดยไม่ได้ตั้งใจ โปรดอภัยให้เธอด้วยเถอะ เพราะเธออายุยังน้อย”  หวี่ซีฝืนตนเองและพูดเสียงเบาๆ

“พวกเจ้าย่ามใจเต็มที่ก่อนนั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นผู้เยาว์ที่ทำอะไรไม่ยั้งคิดในตอนนี้เล่า?”  ถังเทียนแค่นเสียง

หลินเว่ยที่เป็นคนหัวแข็งกล่าวว่า “คุณชาย, แค่ยกโทษก็แล้วกันไปเจ้าคิดว่าเราจะถูกรังแกได้ง่ายๆ งั้นหรือ?”

ถังเทียนหัวเราะลั่น “ดูเหมือนพวกที่ข้าทะเลาะด้วยจะพูดคล้ายกันทุกคนเลยนะ”

หลินเว่ยโกรธ... “แก...”

หวี่ซีรั้งตัวหลินเว่ยไว้และหันหน้ามาทางถังเทียน “เนื่องจากมีเรื่องที่ผิดใจกันเกิดขึ้น  เราต้องการจบเรื่องทันทีทั้งหมด  ไม่ว่าคุณชายว่ายังไง เราจะปฏิบัติตาม”

สุภาพสตรีนี้ตรงไปตรงมา ถังเทียนจึงมีสีหน้าอ่อนลง  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่มีประสบการณ์เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ดังนั้นเขาจึงกระซิบถามปิง “ลุงปิง!ลุงยุติปัญหาเช่นนี้ในอดีตยังไงกัน?”

“อีกฝ่ายต้องกลายเป็นทาส หรือไม่ก็ไถ่ถอนตัวเอง”ปิงเสนอ

เป็นทาส? ถังเทียนสั่นศีรษะ คนพวกนี้เคยใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ขอให้พวกเขาเป็นทาสมีแต่จะนำอันตรายมาให้เขาเอง  ไถ่ถอนตัวเองดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี  ดังนั้นถังเทียนจึงเงยหน้าประกาศว่า“เนื่องจากพวกเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ งั้นก็ไถ่ถอนตัวเอง  พวกเจ้าทุกคนมีสถานะและชื่อเสียง  ใครก็ตามที่ให้จำนวนที่น่าอนาถา  หึหึอย่ามาตำหนิว่าข้าทำลายศักดิ์ของพวกเจ้าก็แล้วกัน”

หวี่ซีพยักหน้า “ตกลง”

นางหยิบถุงเล็กออกมาแล้วโยนให้ถังเทียน “แก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้า ข้าเชื่อว่าจำนวนเท่านี้น่าจะเหมาะสมพอแล้ว”

หัวใจถังเทียนแทบกระดอน แก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้า นึกไม่ถึงเลยว่าสุภาพสตรีนี้จะรวยนัก

เหลาอี้และหลินเว่ยโยนถุงเงินให้เช่นกันในชั่วพริบตาที่ถังเทียนได้รับแก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้าสามลูก หวีเป่าที่หลบอยู่ตรงมุมได้แต่มองอย่างอิจฉา  สำหรับมูลค่าแก่นพลังวิญญาณระดับห้าสูงกว่าแก่นพลังวิญญาณระดับสี่มากนักรวมกับแก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้าสามลูก รวมแล้วเป็นจำนวนเงินที่มากนัก

หัวหลิงนัยน์ตาแดงทำท่าจะร้องไห้ “ข้าไม่ได้เอาแก่นพลังวิญญาณของข้ามา”

อีกสามคนตกใจ เพราะพวกเขาไม่มีแก่นพลังวิญญาณพิเศษในพวกเขา

“งั้นก็ใช้ของอื่นไถ่ถอน” ถังเทียนเหลือบมองกระบี่ข้างตัวนาง “กระบี่ก็ดูเหมือนจะใช้ได้,ข้าจะเอากระบี่ก็แล้วกัน”

สีหน้าหัวหลิงหงุดหงิดด้วยความเจ็บปวด แต่นางกัดฟันชักกระบี่ที่มีค่าออกมาและซัดใส่ถังเทียนเต็มกำลัง

ปิงมาปรากฏอยู่หน้าถังเทียนและรับกระบี่ที่มีค่าไว้ และถามอย่างเย็นชา“ข้าไม่ชอบเชลยที่ไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมที่เหมาะสม  เจ้าไม่รู้ธรรมเนียมเสนอกระบี่อย่างเหมาะสมหรือ?”

เขาหมุนตัวและเดินไปข้างนกกระจอกเทศและแขวนกระบี่มีค่าไว้ข้างอาน

หัวหลิงร้องออกมาดังๆ และคนอื่นๆ พากันงงงวย

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของหวี่ซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด