ตอนที่ 68 ต่อสู้
หวีเป่าจำคนสองสามคนนี้ได้
ในพื้นที่ทั่วเมืองสามวิญญาณนั้นยังไม่นับว่าเป็นเมืองใหญ่ และเนื่องจากคนพวกนี้เข้ามาชมกันบ่อยจึงเป็นธรรมดาที่หวีเป่าจะจำคนพวกนี้ได้ วัยรุ่นไม่กี่คนนี้มีเบื้องหลังที่มีอิทธิพลสูงหนุนหลัง มาจากตระกูลต่างๆ และเมื่อกลุ่มผู้เยาว์เหล่านี้รวมตัวกันก็ไม่มีผู้ใดในเมืองกล้าลองดีกับพวกเขา
“เป็นหุ่นกระจอกเทศบรอนซ์จริงๆ ด้วย”เด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งจ้องมองนกกระจอกเทศด้วยความสนใจอย่างมากกล่าวอย่างประหลาดใจ“ข้าเคยอ่านหนังสือมาก่อนว่าหุ่นกลกระจอกเทศบรอนซ์เป็นหนึ่งในพาหนะที่มีชื่อที่สุดของกองทัพดาวกางเขนใต้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะได้มาเห็นหุ่นนกกระจอกเทศของจริง”
จากนั้นเด็กสาวชุดม่วงที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มชุดขาว ก็วิ่งเข้ามารบเร้าเกาะแขนเขาไม่หยุด“พี่เว่ย,ข้าต้องการนกตัวใหญ่นี้, ข้าต้องการนกตัวใหญ่”
สีหน้าของหวีเป่าเปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์แปลกประหลาด
เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลก และพยายามกลั้นหัวเราะ
หลินเว่ยหันไปทางถังเทียนอย่างช่วยไม่ได้ “สหาย,เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะยกนกกระจอกเทศนี้ให้ข้า?”
ถังเทียนสั่นศีรษะ “ไม่ได้”
“เฮ้, พ่อหนุ่ม, ให้รู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร” เหลาอี้ยืนอยู่ข้างๆตอนแรกต้องการจะเห็นหลินเว่ยทำตัวเองแกล้งโง่ แต่พอได้ยินถังเทียน เขาอดสอดขึ้นมาไม่ได้ “เปิดราคามาดีกว่า จะได้รู้ว่าอะไรดีสำหรับเจ้า”
ถังเทียนหุบยิ้มแม้แต่คนโง่ก็จับสัญญาณความไม่เป็นมิตรในน้ำเสียงของเขาได้ หนุ่มน้อยชาวฟ้าคุ้นเคยกับการรังแกในโรงเรียนอยู่แล้วและถังเทียนก็ไม่ยินดีที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นด้วย เขาหยีตาแคบลง "ช่างยโสจริงนะ”
“โอว, ดูเหมือนว่าเราเจอของแข็งเข้าให้แล้ว” สีหน้าของเหลาอี้กลายเป็นเย็นชา
ถังเทียนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า ทันใดนั้นเขาฉีกยิ้มและกระตุ้นให้นกกระจอกเทศทำงานและพุ่งเข้าใส่เหลาอี้
“ระวัง” สีหน้าหลินเว่ยเปลี่ยน
นกกระจอกเทศสูงกว่าถังเทียน มันสูงราวๆ สองเมตรและหนักมากเนื่องจากมันสร้างด้วยโลหะบรอนซ์ มันจึงกลายเป็นมาตรฐานการใช้งานของกองทัพดาวกางเขนใต้ เนื่องจากความสามารถที่โดดเด่นของมัน มันมีมาตรฐานเฉลี่ยพอๆ กับวิชาตัวเบาระดับห้าทำให้ใช้วิ่งเป็นระยะไกลได้ ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของมันก็คือ วิ่งได้เต็มกำลัง
ปิงเห็นถังเทียนกับนกกระจอกเทศพุ่งเข้าใส่ เขาฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ เนื่องจากครั้งหนึ่ง หน่วยนกกระจอกเทศโจมตีของค่ายทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้มีชื่อเสียงโด่งดังน่าครั่นคร้าม
พลังที่หนักหน่วงหลายตัน และพลังระเบิดที่น่ากลัวยามเมื่อมันพุ่งใส่ และผลกระทบเกินกว่าจะนึกออก
เหลาอี้รู้สึกทันใดว่าความมืดที่อยู่ต่อหน้าเขาเหมือนกับมีภูเขาถล่มอยู่เบื้องหน้า ในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกจิตใจระทึก
ขุนพลวิญญาณว่องไวและมีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมได้หลบและมาปรากฏอยู่ข้างตัวถังเทียน
น่าเสียดาย ที่เป็นไปตามที่ถังเทียนคาด และเขายืดกำปั้นออกไป
ปัง!
ทั้งสองฝ่ายมองดูและขุนพลวิญญาณปลิวขึ้นไปในอากาศ
ความเร็วของนกกระจอกเทศน่าทึ่งอยู่แล้ว ควบคู่กับความเร็วในการโจมตีของขุนพลวิญญาณ แม้ว่าถังเทียนจะใช้แต่เพียงหมัดพิฆาตน้อยระดับสาม ขุณพลวิญญาณก็ยังกระเด้งไปไกลเหมือนกับว่าถูกทุบด้วยค้อนยักษ์
ปิงเห็นภาพเช่นนั้นก็รู้สึกมีความสุขกระบวนท่าของถังเทียนดูเหมือนยังไม่ขึ้นสนิมและรับมือได้อย่างเหมาะสม
ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้
ปิงรำพึง
ถังเทียนดูเหมือนจะไม่ต้องการลดความเร็วของเขา เขาก้มตัวลงทันทีและนัยน์ตาของนกกระจอกเทศเป็นประกายทันที สองเท้าตะกุยและหัวแบนเหมือนหอกยาวพุ่งใช้โจมตี
หลายปีของการทำลายล้าง นกบรอนซ์โบราณก็ได้กลับมาใช้งานอีก
เป้าหมายคือ เหลาอี้
บรรยากาศที่เศร้าห่อหุ้มเหลาอี้ไว้
สีหน้าของหลินเว่ยพลันเปลี่ยนและรู้สึกใจตก เหลาอี้หน้าซีดขาว เขาตกใจกับท่าทีฝ่ายตรงข้าม และถูกตรึงไม่ให้พยายามหลบได้
ช่วงเวลานี้มือขาวราวหิมะปรากฏอยู่ด้านหลังเหลาอี้โดยไม่มีการเตือนและดึงเขาให้หลบไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน
พอเห็นว่าพวกเขาเฉียดผ่านนกกระจอกเทศไปถังเทียนคำรามเย็นชาและลอบชี้ไปที่ขาขวาของเขาที่เป็นกับงูพิษ
ฝ่ายตรงข้ามก็มีปฏิกิริยารวดเร็วใช้มือป้องกันขาของถังเทียนไว้
อย่างไรก็ตาม นางประมาทพลังขาของถังเทียน พลังร่างกระเรียนคู่กับพลังโจมตีของนกกระจอกเทศ พร้อมกับเสียงคราง เธอถูกส่งกระเด็นไปหาเหลาอี้
“นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง”
ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและนกกระจอกเทศเต้นไปมาก็หยุด หลังจากสร้างรอยลึกบนพื้น มันจึงเปลี่ยนตำแหน่งได้สำเร็จ ขณะที่เด็กสาวประคองเหลาอี้ ทั้งสองคนอยู่บนพื้น
“โห ว้าว โห!พวกเจ้าหลบไม่ได้หรอก!”
ถังเทียนยังพูดไม่จบประโยค แต่นกกระจอกเทศก็พุ่งตรงเข้าหาเด็กสาวและเหลาอี้ในอากาศแล้ว
หลินเว่ยค่อยรู้สึกตัวและใบหน้าเขามีอาการหงุดหงิด “ปาฝาน, จัดการเจ้านี่ให้ได้”
วิญญาณขุนพลที่แข็งแกร่งและน่ากลัวลอยอยู่ข้างๆ หลินเว่ยพลันลืมตาขึ้นทันที เขางอเข่าเล็กน้อยและพุ่งออกมาหาถังเทียนราวกับกระสุนปืนใหญ่
วาบ
จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าปาฝาน
ปีศาจกรงเล็บยาวจ้องมองปาฝานอย่างเย็นชา
ปาฝานเป็นเหมือนภูเขาหินที่แข็งแกร่งมั่นคงและมีอันตรายใบหน้าไร้ความรู้สึก ตรงกันข้ามกับปีศาจกรงเล็บยาว เมื่อเทียบแล้วผอมแห้งเหมือนไม้ขีดไฟและดูอมโรคคล้ายกับคนแก่อดอาหารใกล้ตาย
อย่างไรก็ตาม ปาฝานกลับย่นย่อเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง
หือ? หลินเว่ยประหลาดใจ แต่แล้วเขากลับโมโหทันที“ปาฝาน, เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นทำไม”
เด็กสาวที่ก่อนนั้นร่ำร้องต้องการนกใหญ่นามหัวหลิงเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มพอเห็นว่าสถานการณ์เลยเถิดถึงกับกลัวรีบสั่งขุนพลวิญญาณข้างตัวเธอทันที “เฝินหวี่,เฝินหวี่รีบไปช่วยพี่หวี่ซี เร็วเข้า”
ขุนพลวิญญาณข้างตัวเธอเป็นสตรีแต่งตัวอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้าพอลืมตาได้ก็ชักกระบี่และพุ่งเข้าหาถังเทียนเหมือนกับเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
ขณะนั้น ปิงดึงทวนยาวออกมาและชี้มาที่ขุนพลวิญญาณสตรีนั้น
ขุนพลวิญญาณสตรีชะงักค้างทันที
หวี่ซีเห็นถังเทียนพุ่งเข้ามาพุ่งเข้ามาหานางกลางอากาศด้วยความโกรธจึงตะโกนว่า “หวังเตา”
ควั่บ, รังสีกระบี่แผ่อยู่ด้านบนถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นหนาแน่นบนศีรษะเขา เส้นผมถึงกับลุกชัน เขาดึงศีรษะหลบทันที
ประกายรังสีกระบี่กวาดผ่านศีรษะเขาไป
ถังเทียนรีบควบคุมนกกระจอกเทศให้กระโดดหลบจากวิถีกระบี่ขุนพลวิญญาณที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่ที่มีกลิ่นอายอันตรายนั้น
เห็นได้ชัดว่าขุนวิญญาณนี้มีพลังไม่ธรรมดา...
“ปาฝาน!” ตอนนี้ หลินเว่ยหงุดหงิดเนื่องจากปาฝานไม่กล้าจู่โจมทำร้ายศัตรู และภายใต้การพิเคราะห์ของคนอื่นๆหลินเว่ยรู้สึกอับอายมากและเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธขนาดไหน
ตอนนี้ หวี่ซีพาเหลาอี้ลอบมาอยู่ข้างๆ หลินเว่ย นางลดเสียงกล่าว“สั่งให้ปาฝานกลับมาเดี๋ยวนี้”
“สั่งให้กลับ?” หลินเว่ยอึ้งและมีสีหน้าตกตะลึง
“เขาไม่ใช่คู่มือพวกนั้น” หวี่ซีมีท่าทางกลัว แต่กลับคืนสู่ความสงบได้
“ไม่ใช่คู่ต่อสู้?” หลินเว่ยรู้สึกเหลือเชื่อ “ไม่มีทาง!ปาฟานเป็นขุนพลระดับห้า!”
“อีกฝ่ายหนึ่งเป็นขุนพลวิญญาณระดับหกและดูเหมือนจะไม่ใช่ระดับหกธรรมดา” หวี่ซีลดเสียง “ข้าเกรงว่าคราวนี้ เราก่อกวนผิดคนเสียแล้ว”
ไม่ใช่ระดับหกธรรมดา.....
หลินเว่ยงง อุทานว่า “ไม่มีทาง”
“หวังเตาบอกข้า” หวี่ซีพูดเบาๆ
คราวนี้หลินเว่ยเงียบ ในบรรดาขุนพลวิญญาณของพวกเขา หวังเตาของหวี่ซีแข็งแกร่งและเหนือชั้นที่สุด เป็นขุนพลวิญญาณระดับหก
ปีศาจกรงเล็บยาวเปลี่ยนความสนใจมาที่หวังเตาที่อยู่ใกล้ๆและหวังเตาไม่อาจรักษาท่าทีสงบอยูได้ เขากำด้ามกระบี่แน่นราวกับเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่
ปีศาจกรงเล็บยาวเดิมทีมีปราณเที่ยงแท้ระดับเจ็ด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะใช้วิชาได้ระดับหกอันเป็นผลมาจากแก่นพลังวิญญาณ แต่ระดับความเชี่ยวชาญวิชากรงเล็บของเขาเป็นสาเหตุให้มีความสามารถเหนือกว่าขุนพลวิญญาณระดับหกธรรมดามากนัก ขุนพลวิญญาณมีความรู้สึกอ่อนไหวในหมู่พวกเขากันเอง ดังนั้นปาฝานจึงผงะถอยเมื่อเผชิญกับปีศาจกรงเล็บ
ขุนพลวิญญาณเฝินหวี่ของหัวหลิงตกอยู่ใต้อิทธิพลของปิงไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ถังเทียนซึมเซาขณะเจ้ามองหวังเตาที่อยู่ในกลางอากาศ สำหรับการโจมตีที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นคุกคามชีวิตของเขามาก ถังเทียนสำนึกได้ว่าความจริงแล้วเขาอ่อนที่สุดในที่นี่ นี่เป็นเหตุให้เขาอารมณ์เสียมาก เนื่องจากเขาเกลียดความรู้สึกอ่อนแอและไร้กำลัง
ถังเทียนสลดใจจนสีหน้าหม่นหมอง
“สหายของข้าทำให้คุณชายโกรธโดยไม่ได้ตั้งใจ โปรดอภัยให้เธอด้วยเถอะ เพราะเธออายุยังน้อย” หวี่ซีฝืนตนเองและพูดเสียงเบาๆ
“พวกเจ้าย่ามใจเต็มที่ก่อนนั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นผู้เยาว์ที่ทำอะไรไม่ยั้งคิดในตอนนี้เล่า?” ถังเทียนแค่นเสียง
หลินเว่ยที่เป็นคนหัวแข็งกล่าวว่า “คุณชาย, แค่ยกโทษก็แล้วกันไปเจ้าคิดว่าเราจะถูกรังแกได้ง่ายๆ งั้นหรือ?”
ถังเทียนหัวเราะลั่น “ดูเหมือนพวกที่ข้าทะเลาะด้วยจะพูดคล้ายกันทุกคนเลยนะ”
หลินเว่ยโกรธ... “แก...”
หวี่ซีรั้งตัวหลินเว่ยไว้และหันหน้ามาทางถังเทียน “เนื่องจากมีเรื่องที่ผิดใจกันเกิดขึ้น เราต้องการจบเรื่องทันทีทั้งหมด ไม่ว่าคุณชายว่ายังไง เราจะปฏิบัติตาม”
สุภาพสตรีนี้ตรงไปตรงมา ถังเทียนจึงมีสีหน้าอ่อนลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่มีประสบการณ์เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ดังนั้นเขาจึงกระซิบถามปิง “ลุงปิง!ลุงยุติปัญหาเช่นนี้ในอดีตยังไงกัน?”
“อีกฝ่ายต้องกลายเป็นทาส หรือไม่ก็ไถ่ถอนตัวเอง”ปิงเสนอ
เป็นทาส? ถังเทียนสั่นศีรษะ คนพวกนี้เคยใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ขอให้พวกเขาเป็นทาสมีแต่จะนำอันตรายมาให้เขาเอง ไถ่ถอนตัวเองดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี ดังนั้นถังเทียนจึงเงยหน้าประกาศว่า“เนื่องจากพวกเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ งั้นก็ไถ่ถอนตัวเอง พวกเจ้าทุกคนมีสถานะและชื่อเสียง ใครก็ตามที่ให้จำนวนที่น่าอนาถา หึหึอย่ามาตำหนิว่าข้าทำลายศักดิ์ของพวกเจ้าก็แล้วกัน”
หวี่ซีพยักหน้า “ตกลง”
นางหยิบถุงเล็กออกมาแล้วโยนให้ถังเทียน “แก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้า ข้าเชื่อว่าจำนวนเท่านี้น่าจะเหมาะสมพอแล้ว”
หัวใจถังเทียนแทบกระดอน แก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้า นึกไม่ถึงเลยว่าสุภาพสตรีนี้จะรวยนัก
เหลาอี้และหลินเว่ยโยนถุงเงินให้เช่นกันในชั่วพริบตาที่ถังเทียนได้รับแก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้าสามลูก หวีเป่าที่หลบอยู่ตรงมุมได้แต่มองอย่างอิจฉา สำหรับมูลค่าแก่นพลังวิญญาณระดับห้าสูงกว่าแก่นพลังวิญญาณระดับสี่มากนักรวมกับแก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้าสามลูก รวมแล้วเป็นจำนวนเงินที่มากนัก
หัวหลิงนัยน์ตาแดงทำท่าจะร้องไห้ “ข้าไม่ได้เอาแก่นพลังวิญญาณของข้ามา”
อีกสามคนตกใจ เพราะพวกเขาไม่มีแก่นพลังวิญญาณพิเศษในพวกเขา
“งั้นก็ใช้ของอื่นไถ่ถอน” ถังเทียนเหลือบมองกระบี่ข้างตัวนาง “กระบี่ก็ดูเหมือนจะใช้ได้,ข้าจะเอากระบี่ก็แล้วกัน”
สีหน้าหัวหลิงหงุดหงิดด้วยความเจ็บปวด แต่นางกัดฟันชักกระบี่ที่มีค่าออกมาและซัดใส่ถังเทียนเต็มกำลัง
ปิงมาปรากฏอยู่หน้าถังเทียนและรับกระบี่ที่มีค่าไว้ และถามอย่างเย็นชา“ข้าไม่ชอบเชลยที่ไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมที่เหมาะสม เจ้าไม่รู้ธรรมเนียมเสนอกระบี่อย่างเหมาะสมหรือ?”
เขาหมุนตัวและเดินไปข้างนกกระจอกเทศและแขวนกระบี่มีค่าไว้ข้างอาน
หัวหลิงร้องออกมาดังๆ และคนอื่นๆ พากันงงงวย
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของหวี่ซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย