ตอนที่ 66 เมืองสามวิญญาณ
“ข้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วขอรับ” บุรุษชุดดำพูดอย่างนอบน้อม “ที่นั่นเป็นเพียงค่ายทหารชั้นนอกของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ ไม่มียอดฝีมืออยู่”
“สมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธมีค่ายทหารชั้นนอกตั้งอยู่ที่นั่นด้วยหรือ?” สตรีสวมหน้ากากอีกคนสงสัย
เสียงของเธอทุ้มลึกและแหบแห้งไม่เหมือนใครคู่กับช่วงลำคอขาวระหงซึ่งงดงามละเอียดอ่อนให้ความรู้สึกที่เย้ายวนใจ ชุดนักสู้สีดำไม่อาจปกปิดสัดส่วนโค้งเว้าสง่างามและเยือกเย็นได้สร้างความรู้สึกที่เร้นลับ
“ข้าสืบทราบมาว่า ตำนานเมื่อนานมาแล้วกล่าวว่า นักสู้จากสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธคนหนึ่งได้ทิ้งสมบัติไว้ที่นั่น แต่ไม่สามารถหาพบได้ ดังนั้นค่ายทหารชั้นนอกจึงเฝ้ารักษาไว้จนกระทั่งถึงบัดนี้” บุรุษชุดดำหัวเราะหึหึ “ตอนนี้ สถานที่นั้นกลายเป็นสถานที่เนรเทศของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธแล้ว และคนที่ถูกส่งไปประจำอยู่ที่นั่นปกติจะเป็นเด็กใหม่ที่ไร้อนาคต”
สตรีผู้นั้นเข้าใจได้ชัดว่าคำว่าไม่มีอนาคตนั้น หมายถึงอะไร
“ค่ายทหารชั้นนอกไม่มีอะไรต้องน่ากังวล” สตรีนางนั้นพูดเบาๆ “แต่เราต้องไม่ประมาท”
“ขอรับ!” บริวารชุดดำรับคำแข็งขัน
“ถ้าภารกิจนี้สำเร็จข้าจะแนะนำเกาะวิญญาณน้อยให้เจ้า” สตรีนั้นพูดอย่างสุภาพ
“ขอบคุณในความเมตตาของท่าน”บริวารชุดดำดีใจอย่างเห็นได้ชัด
※※※※※※※※※
“ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธ?” ถังเทียนยังรู้สึกทึ่งอยู่ตลอดไม่ว่าลุงปิงจะพูดอะไรก็ตาม
“ฮืม.. นั่นเป็นที่ซึ่งชิ้นส่วนของจิตวิญญาณพลังยุทธได้ถูกรวบรวมไว้” ปิงเสียงแข็งกระด้างตามปกติ “มีอยู่สองวิธีที่จะเสริมพลังให้จิตวิญญาณพลังยุทธ วิธีแรกคือเสริมสร้างด้วยตนเองสิ่งที่เชื่อมโยงกันหลายอย่างจะได้รับอิทธิพลไปด้วย อีกวิธีหนึ่งก็คือโดยวิธีกลืนกิน
“กลืนกิน?” ถังเทียนประหลาดใจ เนื่องจากคำนี้ดูเหมือนจะมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นพิเศษ
“ถูกแล้วกลืนกินชิ้นส่วนจิตวิญญาณพลังยุทธที่แตกสลายมาเสริมพลังยุทธให้เจ้าเอง” ปิงอธิบายต่อ “ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธในค่ายทหารใหม่ ถ้าจะว่าให้ถูกต้องกว่าควรเป็นทางเข้าตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธ มีชิ้นส่วนจิตวิญญาณพลังยุทธโบราณจำนวนมหาศาลล่องลอยอยู่โดยรอบ เราไม่ใช่พวกแรกที่เป็นผู้พบตำหนักนี้ แต่มันถูกพบโดยกองทัพกลุ่มดาวแมงป่อง อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานกองทหารดาวอสรพิษและกองทัพของเราก็พบทางเข้าด้วยเช่นกัน เราสันนิษฐานว่าตำหนักแห่งนั้นคงตั้งอยู่ในมุมที่ไม่มีผู้ใดรู้จักตามเส้นทางของสวรรค์วิถี”
“ยังคงมีสถานที่ประหลาดแบบนั้นด้วย” ถังเทียนรู้สึกประหลาดใจ
“ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธเมื่อตอนนั้นถูกผูกขาดใช้งานโดยสามกองทัพใหญ่ มันกลายเป็นเหตุวุ่นวายครั้งใหญ่ขณะที่มีคนหลายคนจากกองทัพทั้งสามหมู่ดาว และพวกเขาทุกคนตายอยู่ข้างใน ข้าจำได้ว่าในช่วงสิบปีนั้น กองทัพดาวกางเขนใต้อย่างเดียวก็มีคนตายอยู่ภายในถึงสามล้านคน มันเป็นสนามรบที่อันตราย” ปิงกล่าว
ถังเทียนสั่นศีรษะอย่างหงุดหงิด“เฮ้, ลุงปิง, ฉันจะไม่ไปยังสถานที่ๆ อันตรายอย่างนั้นแน่”
แม้ว่าถังเทียนจะหยิ่งลำพอง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ ทักษะของทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้ก็มากกว่าเขาห่างกันไกล ถ้าพวกเขาเสียชีวิตอยู่ในนั้น แล้วเขาจะดีไปกว่านั้นได้ยังไง เขาแค่ได้พลังยุทธระดับสามเท่านั้น
“ฝีมือของเจ้ายังอ่อนหัดอยู่แน่นอน แต่ข้าก็ร่วมมือกับเจ้าได้ เพราะข้าเป็นวิญญาณดวงหนึ่ง” ทันใดนั้นปิงหันศีรษะ “หมู่ดาวคนแบกงูถูกกำจัดไปแล้วดังนั้นกองทหารอสรพิษ ข้าเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวของกองทัพหมู่ดาวกางเขนใต้ ข้าไม่รู้ว่าคนจากกองทัพดาวแมงป่องจะรอดหรือเปล่า และข้าสงสัยว่าตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธจะกลายเป็นอะไร”
“ลุงปิง, ลุงน่ะ แข็งแกร่งพอจริงๆ หรือ?” ถังเทียนรู้สึกดูแคลนและไม่ค่อยเชื่อเถือ
“เจ้าต้องการดูไม่ใช่เหรอ?” ปิงชำเลืองมองถังเทียน
“ฉันอยากดู” ถังเทียนตอบตามตรง
“ข้าก็เหมือนกัน เวลาผ่านมาหลายปีแล้ว ฉันสงสัยว่ามันจะกลายไปเป็นอะไร” ปิงไตร่ตรองสักครู่ “ฉันฟื้นคืนพลังมาบางส่วนแล้ว ตราบเท่าที่เราไม่พบกับคนของกองทัพดาวแมงป่อง ก็คงจะไม่มีอันตรายอะไร นอกจากนี้เรายังมีอีกวิธีหนึ่ง”
“วิธีอะไร?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
ปิงชี้ไปที่ผีกรงเล็บยาวของผู้อาวุโสหนง “พาเขาไปด้วย”
“นั่นเป็นแค่วิญญาณผู้อาวุโสหนงเท่านั้นไม่ใช่หรือ? แล้วจะนำเขาไปด้วยยังไง?” ถังเทียนไม่เข้าใจ
“ใช้แก่นพลังที่เจ้าได้มาแล้วเพ่งสร้างตัวตนให้เขา อย่างไรก็ตามตัวตนของเขาคงอยู่ได้เพียงสามวัน” ปิงอธิบาย
“ทำไมลุงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้” ถังเทียนตอบ “เรารีบกันเถอะ ต้องใช้แก่นพลังกี่ลูก?”
“สิบลูก” ปิงตอบ
ถังเทียนรีบล้วงแก่นพลังสิบลูกออกมาให้ปิง
ปิงมองดูแล้วพูดว่า “แก่นพลังวิญญาณเหล่านี้ระดับต่ำเกินไปนี่จะทำให้ปีศาจกรงเล็บผู้อาวุโสหนงลดระดับไปหนึ่งขั้น”
“แค่นี้ก็นับว่าเหลือเชื่อแล้ว” ถังเทียนอุทาน ผู้อาวุโสหนงเป็นนักสู้ระดับเจ็ด หลังระดับลดลงก็ยังอยู่ในระดับหก พลังขนาดนั้นก็ยังน่ากลัวกว่าถังเทียนอยู่มาก สำหรับพลังของถังเทียนในตอนนี้ย่อมไม่มีปัญหาในการจัดการนักสู้ระดับสี่ แต่เขาคงไม่ใช่คู่มือของพวกนักสู้ระดับห้าได้แน่นอน
แก่นวิญญาณแต่ละลูกมีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเนื่องจากวานรไม้เขียวเป็นภูตอสูรดวงดาวธาตุไม้แก่นวิญญาณของพวกมันจึงมีสีเหมือนหยก แก่นวิญญาณทั้งสิบเม็ดละลายเข้าร่างกายผีกรงเล็บยาวของผู้อาวุโสหนงจนเป็นร่างที่มีสีเขียว นัยน์ตาของผู้อาวุโสหนงเปลี่ยนเป็นสีหยกทันทีและจากนั้นจึงค่อยลดประกายลง
ร่างที่เลือนลางของผู้อาวุโสหนงค่อยชัดมากขึ้น
“ฉันยังเอาไว้ใช้ในอนาคตได้อีกหรือเปล่า?” ถังเทียนชี้ผู้อาวุโสหนงแล้วถามดู
“นี่เป็นแค่มาตรการเร่งด่วน” ปิงตอบ
ถังเทียนคิดและตัดสินใจว่านับเป็นการฟุ่มเฟือยที่ใช้แก่นวิญญาณถึงสิบลูกในโอกาสปกติขณะที่สามารถขายทำเงินได้มาก ตอนนี้เขามีปิงและผู้อาวุโสหนงเป็นผู้คุ้มครอง ถังเทียนค่อยรู้สึกสบายใจ
พอปิงโบกมือ รอบๆตัวก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ประตูดาวกางเขนปรากฏต่อหน้าถังเทียน
※※※※※※※※
“ทำไมมันกลายเป็นอย่างนี้?” มีความรู้สึกมึนงงเล็กน้อยในเสียงของปิง
มีแนวของร้านค้าและฝูงคนคึกคักมากมาย นี่ไม่ใช่ถิ่นทุรกันดารอีกต่อไปและไม่มีวิญญาณเร่ร่อนและศัตรูแฝงเร้นอีกต่อไป ไม่มีการลอบทำร้ายฉับพลันที่อาจเกิดขึ้นได้
นี่คือเมืองที่มีความคึกคัก
มีแต่เพียงคำว่าวิญญาณในคำว่าเมืองสามวิญญาณดูเหมือนที่จะเชื่อมต่อกับตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธในอดีต
ปึงเสียใจ
ภาพและเสียงของอดีตไม่มีอีกต่อไป และเมืองที่คึกคักนี้เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด ตรงกันข้ามกับปิงที่รู้สึกใจสลายถังเทียนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
เมืองสามวิญญาณตรงกันข้ามกับเมืองซิงฟง
เมืองสามวิญญาณมีพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีอาคารสูงที่มองเห็นได้จากทุกแห่ง กระเบื้องสีแดงมีมากมายดูเหมือนเมฆแดงเมื่อมองจากระยะไกล แม้แต่คนผ่านไปมาก็ยังแต่งตัวด้วยรูปแบบไม่ซ้ำกัน
อย่างไรก็ตามข้อแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่วิญญาณทั้งหลาย ทุกคนอย่างน้อยจะมีวิญญาณดวงหนึ่งลอยอยู่ข้างๆพวกเขา อย่างมากไม่เกินแปด เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้เห็นภาพที่งดงามดังกล่าวแม้แต่ระดับความแข็งแกร่งของผู้คนที่นี่ก็สร้างความทึ่งให้กับถังเทียน เนื่องจากคนอ่อนแอที่สุดที่เขาได้เห็นอย่างน้อยที่สุดก็มีพลังปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ เขาเดินไปตามถนน ขณะที่นักสู้ระดับสามเป็นหนามทิ่มแทงนัยน์ตาของพวกเขา บางทีก็มีคนจ้องมองดูตามเขาด้วยความประหลาดใจ
บางคนก็จ้องมองดูปิงขณะที่หน้าที่ว่างเปล่าของปิงค่อนข้างเป็นที่น่าสนใจ
หวีเป่าจับตาดูเด็กหนุ่มที่เดินเหลียวซ้ายแลขวา เขามองดูน่ากลัวเมื่อตระหนักว่าถังเทียนเป็นแค่นักสู้ระดับสาม เขาปลาบปลื้มดีใจ เนื่องจากไม่ต้องสงสัยเลยว่าถังเทียนก็คือไก่ทองคำตัวหนึ่งนั่นเอง
แม้ว่าถังเทียนจะสวมชุดอย่างกะผ้าขี้ริ้วก็ตาม แต่สามารถเข้ามาในเมืองสามวิญญาณได้ทั้งที่เป็นนักสู้ระดับสาม เขาคงต้องเป็นหนึ่งในคุณชายของตระกูลที่มั่งคั่งแน่นอน ไม่มีพลังปราณเที่ยงแท้ระดับสี่เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าเมืองมา ดังนั้นเข้าเมืองมาได้ทั้งที่ยังเป็นนักสู้ระดับสาม ความเป็นไปได้เพียงประการเดียวก็คือมีสมบัติทรงพลังที่หาได้ยาก เมื่อเห็นวิญญาณนักสู้เคียงข้างถังเทียน หวีเป่าก็ยิ่งเชื่อมั่นในข้อสันนิษฐานของตน ดวงหนึ่งนั้นเป็นนักสู้ระดับหก ขณะที่อีกดวงหนึ่งไม่อาจคาดได้ เมื่ออยู่ในเมืองเป็นเวลานาน หวีเป่าเคยเห็นวิญญาณมามาก แต่ไม่เคยเห็นวิญญาณที่มีหน้าว่างเปล่าอย่างนั้น
คุณชายของตระกูลใหญ่ และไม่ใช่ตระกูลใหญ่ธรรมดาเสียด้วย
คุณชายอย่างนั้นต้องเป็นไก่ทองคำแน่นอน พอเห็นว่าเขาไม่มีผู้คุ้มกันอื่น คุณชายผู้นี้คงต้องลอบเข้ามาลับๆ แน่นอน
“คุณชาย, ท่านอยากจะหาดูอะไรหรือเปล่า? ร้านของข้ามีสมบัติหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นของล้ำค่าที่ตกทอดมาแต่โบราณ นี่คือหนามแมงป่องที่ขึ้นชื่อจากราชวงศ์สกอร์เปียนเมื่อหกพันปีที่แล้ว เป็นของที่เพิ่งมาถึง หรือท่านชอบสมบัติที่เก่ามาก ท่านคงเคยได้ยินกองทัพดาวกางเขนใต้ รู้ไหมว่าอะไรที่มีชื่อเสียงมากที่สุด? แน่นอนมันคือเหรียญตรากางเขน มันสวยงาม สง่างามและมีพลังทุกอย่าง และชุดนี้เพิ่งได้รับมาใหม่มันคือเหรียญตรากางเขนคะนองนี่เป็นชุดที่ได้รางวัลหลังจากรบกับดาวเพลิง...”
หวีเป่าชะงักคำพูด เขารู้ได้ชัดว่าพวกคุณชายรวยๆ นั้นชอบอะไร วัตถุที่แปลก สวยงามจะดึงดูดพวกเขาได้และพวกเขาไม่สนใจเรื่องพลังของวัตถุ
ถังเทียนชะงักฝีเท้าเมื่อเขาได้ยินคำว่า“กองทัพดาวกางเขน” แล้วหันมาทางปิง
ปิงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมื่อเห็นว่าถังเทียนหยุดอยู่กับที่ หวีเป่ากระตือรือร้นทันที “คุณชาย! พอมีเวลาว่างมาดูไหมของมาใหม่ในร้านผู้น้อยเป็นของแท้แน่นอน ไม่ซื้อหาก็ไม่เป็นไร แค่คุณชายเข้ามาชมดูก็นับว่าดีแล้ว ข้าไม่อยากอวดหรอกนะ แต่ในเมืองสามวิญญาณ มีอยู่ไม่กี่ร้านนักหรอกที่มีของหลากหลายมากกว่าข้า”
“ก็ได้ อย่างนั้นก็ไปดูกัน” ถังเทียนเดินตรงมาที่ร้าน
เจ้าของร้านใกล้เคียงมีสีหน้าละโมบเมื่อเห็นถังเทียนเข้ามาในร้าน
“เจ้านี่ขายแต่ขยะ บางทีวันนี้เขาคงทำธุรกิจใหญ่ได้” กลุ่มพ่อค้าพูดกัน “เขาเพิ่งไปรับของขยะชุดใหม่มาจากเฒ่าเฉาวันนี้เอง โชคดีจริงๆ”
“ช่วยไม่ได้จริงๆ มักจะมีคนโง่ในโลกนี้อยู่เสมอ” พ่อค้าอีกคนหนึ่งหัวเราะ
ทั้งคู่หัวเราะกันลั่น
หวีเป่ามีชื่อเสียงย่ำแย่ในถนนสายนี้ เขามักไปรับสินค้าขยะมาจากที่ใดก็มิทราบในราคาถูกๆและใช้ของเหล่านั้นมาหลอกลวงคนโง่ ร้านของเขาเกิดข้อพิพาทบ่อยมากที่สุดแต่หวีเป่าเป็นคนโกงที่หน้าด้านในเมืองนี้ มีข่าวว่าเขาเป็นญาติห่างๆ ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องกับเขา
ถังเทียนเข้าไปในร้าน
ร้านมีขนาดกว้างขวางและมีฝุ่นเกาะสิ่งของที่วางอยู่บนชั้นไม้รอบๆของทุกอย่างสามารถหาได้ที่นี่ และเจ้าของร้านก็มีลิ้นคารมคมคายเช่นนั้น บางทีเขาสามารถพูดถึงประวัติอันยาวนานแม้จะเป็นเศษกระเบื้องแตกหักชิ้นหนึ่งก็ตาม อย่างไรก็ตามเหรียญตรากางเขนที่เจ้าของร้านอวดอ้างกลับไม่ได้รับความสนใจจากปิงหลังจากดูอย่างสบายๆ
ส่วนหนามแมงป่องก็เป็นแค่เข็มหนามทองแดงที่สลักลวดลายงดงาม
พอเห็นว่าสมบัติล้ำค่าสองสามชิ้นไม่สามารถดึงดูดความสนใจของถังเทียนได้หวีเป่าเริ่มกังวลใจ
ทันใดนั้นปิงชี้ไปที่เศษซากที่กองสุมอยู่ที่มุมแล้วถาม “ของเหล่านี้ราคาเท่าไหร่?”