ตอนที่ 64 วานรไม้เขียว
ขณะที่เจ้าโล้นเปียวเกอเห็นสารรูปของถังเทียนถึงกับยืนปากอ้าค้าง ถังเทียนพันแผลไปทั้งตัวเหลือให้เห็นแต่ลูกตาเท่านั้น ดูแล้วเหมือนมัมมี่ที่กระโดดออกมาจากโลง
เมื่อคืนนี้ไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้นนี่นา...?
เปียวเกอยืนเหม่อมองอยู่กับที่ คิดอะไรไม่ออก
“เฮ้, เจ้าโล้น, มาสู้กันอีกครั้งเถอะ” ถังเทียนร้องเรียกอย่างกระตือรือร้น
เปียวเกอสั่นหัว และหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที “ลูกพี่!ฉันไม่ได้มายั่วโมโหลูกพี่” เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นประจบประแจงกล่าว “ลูกพี่!ลูกพี่เห็นว่าฉันรกหูรกตาตรงไหนเหรอ? บอกฉันได้เลย ฉันจะเปลี่ยนฉันจะเปลี่ยนแปลงแน่นอน ถ้าหัวโล้นของฉันมันสะท้อนแสงระคายเคืองตาเกินไปใช่ไหม? งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเอาวิคผมมาใส่ก็ได้..”
“ไม่ใช่เรื่องที่ฉันเห็นนายขวางหูขวางตา ฉันแค่ต้องการสู้” ถังเทียนคลายผ้าพันแผลบนหัวเขาออก
“สู้กับลูกพี่... อย่างนั้นฉันจะยอมให้ลูกพี่ทุบตีฉันได้เลย!”
เปียวเกอสั่นศีรษะเหมือนกลองรัว เขาเป็นเหมือนกับแกะเชื่องๆ “พี่ใหญ่ตั้งแต่วันนี้ไป ท่านเป็นพี่ใหญ่ของฉันแล้ว” ตราบใดที่ท่านเห็นว่าข้าเกะกะนัยน์ตาอย่างนั้นลูกพี่ก็ทุบตีดุด่าว่าฉันได้เลย ลูกน้องคนนี้จะไม่โกรธลูกพี่แม้แต่นิดเดียว ถ้าความเสียสละของฉันจะทำให้พี่ใหญ่มีสุขฉันก็ยอม”
สีหน้าของโล้นเปียวเกอเป็นราวกับว่าเผชิญหน้ากับความตาย
เมื่อถังเทียนเห็นเช่นนี้ เขาจึงยอมถอย เนื่องจากเขาพูดไปแล้วว่าเขาจะไม่โต้ตอบ แม้จะโดนดุด่าทุบตีก็ตาม อย่างนั้นสู้ไปจะมีความหมายอะไร?
เขาไปหาตัวจิ่งหาว แต่ใครจะรู้กันว่าแม้ตามหาอยู่ครึ่งค่อนวัน เขาก็ยังหาไม่เจอ แม้แต่เจ้าโล้นเปียวก็ยังอ่อนหัดไปนิด เขายังคงหาโอกาสอย่างยากลำบาก
“แกรู้ไหมว่าจิ่งหาวไปไหน?” ถังเทียนถาม
เปียวเกอส่ายหน้า “ท่านจิ่งหาวมักจะเดินทางตามลำพังเสมอ ไม่มีจุดหมายที่แน่นอน”
ร่องรอยความหวังสุดท้ายของถังเทียนหายไปแล้ว ถังเทียนมีสีหน้าดุร้ายทันที “ฉันต้องการสู้โว้ย เนื่องจากแกคุ้นเคยที่นี่มากที่สุด รีบๆ คิด ฉันจะไปต่อสู้ได้ที่ไหน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะต้องทุบตีพวกแกกันทั้งหมด”
เปียวเกอใจสั่นสะท้านเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ความเจ็บปวดทรมานจากวันก่อน ทำให้เขากลัวจัดจนไม่กล้าคิดตอบโต้ หัวใจเขาสั่น หน้านองไปด้วยน้ำตาโอวพระเจ้า โลกนักสู้สร้างคนวิปริตโรคจิตแบบนี้ออกมาได้ยังไง?
มีพลังผิดมนุษย์มนาก็น่าจะพอแล้วดูเหมือนกับว่าเปียวเกอไม่เคยเห็นอัจฉริยะเช่นนั้นมาก่อน แต่นิสัยของเขากลายเป็นคนโรคจิตขนาดนั้นได้ยังไง?
ตื่นมาแต่เช้าก็วิ่งท้าหาคนต่อสู้ด้วย ถ้าเพียงแต่มองหาคนต่อสู้ด้วย ก็น่าจะพอเรายอมรับว่าเรากลัว แต่นายยังต้องการสร้างความยุ่งยากมากขนาดนี้อีก...
เพราะนายไม่สามารถหาคนมาสู้ด้วย นายก็ต้องมาระบายลงกับเรา ไม่พูดกันด้วยเหตุผลจะกลั่นแกล้งรังแกกันก็ไม่น่าทำกันแบบนี้
เปียวเกอเคยพบคนไร้เหตุผลมาก่อน แต่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน
โรคจิต บ้าคลั่ง บัดซบ!
“แกคิดให้มากๆ จะดีกว่า เพราะถ้าแกไม่สามารถหาใครมาได้...หึหึ”
หัวที่พันไปด้วยผ้าพันแผลนั้น เหมือนกับมองเห็นตัวเอง หัวใจเปียวเกอเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าที่ไม่อาจอธิบายได้ ถ้านายต้องการหาคนมาสู้ด้วย ทำไมต้องมาข่มขูฉันด้วยเล่า เปียวเกอจนใจ
เช้าตรู่ขึ้นมานี้ ทำไมฉันถึงโชคร้ายอย่างนี้..
“ถ้าลูกพี่กำลังคิดถึงคนที่จะมาสู้ด้วย ก็คงไม่มีมนุษย์เป็นแน่” เปียวเกอคิดอย่างระมัดระวัง “แต่ยังคงมีภูตอสูรดวงดาวอยู่”
“ภูตอสูรดวงดาว?” ถังเทียนดูเหมือนคิดอะไรเพลินๆ แต่ทันทีนั้นเขาก็พยักหน้า “นั่นก็น่าจะพอ”
“เดินลงไปตามทางนี้ประมาณห้ากิโลเมตรจะมีสถานที่รวมฝูงกันของวานรไม้เขียว” เปียวเกอพูดทันที เขาทบทวนในใจซ้ำๆ เป็นไปตามคาด เขาเป็นโรคจิตความหิวกระหายการต่อสู้ทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะระหว่างมนุษย์กับภูตอสูร...
“วานรไม้เขียว? พวกมันมีระดับเท่าไหร่?” ถังเทียนถาม
“ระดับสี่ แข็งแกร่งมากมีพลังเหลือเฟือ ทั้งตัวของพวกมันแข็งแกร่งทนทาน” เปียวกอตอบ “พวกเราทุกคนไม่กล้าเข้าไปใกล้สถานที่นั้น”
“ระดับสี่...” ทันใดนั้นถังเทียนนึกถึงแรดเหล็กเกราะหมึกที่เขาได้ฆ่าไปแล้ว ก็อยู่ในราวๆระดับสี่ นั่นหมายความว่ามันสามารถขายทำเงินได้ไม่ใช่เหรอ? เขาอ้าปากถาม “ร่างของวานรไม้เขียวมีราคาเท่าไหร่?”
“คงได้แต่แก่นพลังของมันเท่านั้น” เปียวเกอกล่าว “พวกมันยากที่เราจะเอาชนะได้ แก่นพลังของพวกมันไม่มีค่ามากนัก ดังนั้นไม่มีใครคิดไปท้าทายต่อสู้กับพวกมัน”
“โอว, ดีเลย นั่นแหละที่จะต้องทำกัน” ถังเทียนบอกเปียวเกอ “แกพาฉันไปที่นั่นก็แล้วกัน”
เปียวเกอต้องการปฏิเสธ แต่พอเห็นหน้าถมึงทึงของถังเทียนเขาปิดปากเงียบเก็บความรู้สึกเจ็บไว้ในใจ
ทำไมถึงต้องเป็นเรา...?
ถังเทียนเปลี่ยนใจทันที “ไปเรียกออกมาทุกคนเลย”
สภาพจิตใจของเปียวเกอดีขึ้นทันที ขณะที่เขายินดีในความโชคร้ายของคนพวกนั้น แม้ว่าเขาจะแปลกไปบ้าง แต่จะเป็นยังไงถ้าเขานำคนกลุ่มใหญ่ขนาดนั้น?
※※※※※※※※※
ด้วยการมีเจ้าหัวโล้นเป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มคนทั้งหมดก็มาถึงพื้นที่ของวานรไม้เขียวอย่างรวดเร็ว ปกติพวกคนที่เหลือล้วนไม่ยินดี แต่ภายใต้การบังคับของถังเทียนไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ในใต้ดิน ยังมีป่าหนาแน่นอยู่บ้างทำให้ถังเทียนรู้สึกงุนงงกับภาพที่เห็น
“นี่คือหลุมฟ้า เป็นที่มีแดดส่องมาถึงมากที่สุด” เปียวเกอคุ้นเคยกับสถานที่มาก “เมื่อก่อนนี้ไม่นาน ยังมีภูตอสูรดวงดาวระดับห้าอยู่สองสามตัวมีความคิดจะเข้ามายึดหลุมฟ้าแห่งนี้ แต่ก็พ่ายแพ้แก่วานรไม้เขียวในที่สุด พวกมันมีหนังที่หนาและเนื้อหยาบกระด้างพละกำลังมากมายและเหมือนกับขโมยที่ฉลาดมาก”
ขณะที่ถังเทียนก้าวเข้าไปบนพื้นหญ้า เขาก็ดึงดูดความสนใจของวานรไม้เขียวตัวหนึ่งทันที
มันมีรูปร่างพอๆ กับถังเทียน แต่มีกล้ามเนื้อมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนของมันมีขนาดประมาณต้นขาของถังเทียน และแขนทั้งสองของมันยาวมากกว่ามนุษย์สามารถแตะถึงพื้นได้ ดวงตาหนาเขียวของมันจ้องมองถังเทียนอย่างดุดัน แต่มันก็ยังสงสัย เจ้าเด็กประหลาดที่ใช้ผ้าพันแผลพันตัวทั้งตัวที่อยู่ต่อหน้ามัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็น
ถังเทียนมองเห็นวานรไม้เขียวและรู้สึกมีความสุขทันที
ปราณเที่ยงแท้ในร่างเขาไหลเวียนกระจายไปทำให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนถูกหนามทิ่มแทงแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย เขารู้สึกถึงมันได้ชัด เขาไม่ได้ดูดซับปราณเที่ยงแท้เต็มที่ ดังนั้นจึงอันตรายต่อร่างกายเขามาก
แต่ระดับของมันสูงเกินไป แอ่งตันเถียนชั้นที่สามของถังเทียนดูดซับได้เพียงเล็กน้อยจำเป็นต้องใช้เวลาย่อยสลายอีกนาน
ถ้าเป็นระดับนี้เขาคงไม่สามารถดูดซับได้สำเร็จภายในสิบวัน ใจของถังเทียนเต็มไปด้วยความคิดเพียงตามหาเชียนฮุ่ยให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เขาไม่สามารถทนเสียเวลาได้
ถังเทียนมองดูวานรไม้เขียวและอ้าแขนของตนเองกว้าง
เจ้าโล้นมองดูอยู่ด้านข้างและกลืนน้ำลายตนเองอย่างยากลำบาก เป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการต่อสู้กับวานรไม้เขียวด้วยมือเปล่า? ขากรรไกรของพวกที่แอบดูอยู่อ้าค้างขณะที่พวกเขาเหม่อมองถังเทียนที่กำลังเดินเข้าหาวานรไม้เขียวพลางอ้าแขนกว้าง
บรรดาภูตอสูรดวงดาววานรเป็นอสูรที่จัดการได้ด้วยยากที่สุด พวกมันว่องไว เจ้าเล่ห์ มีพละกำลังน่าทึ่งมีกลยุทธป้องกันที่โดดเด่นและปราดเปรียวรวดเร็ว เป็นเหมือนกับว่าพวกมันไม่มีข้อบกพร่อง แต่สิ่งที่สร้างความกลัวได้มากที่สุดรูปแบบวิธีการที่พวกมันใช้ หลายๆอย่างเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เรียนรู้จากภูตอสูรเรียนรู้ขณะที่พวกลิงนั้นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์การศึกษาที่สำคัญ แขนของพวกมันยาวและใช้งานได้ดี พวกมันเกิดมาก็เชี่ยวชาญวิชาหมัด แม้แต่สิงโตและเสือยังไม่กล้ายั่วให้พวกมันโกรธ
มีเพลงหมัดนับไม่ถ้วนที่มีคำว่า ‘วานร’ ประกอบอยู่ในนั้นอย่างที่รู้จักกันกว้างขวางก็เช่นหมัดวานรทำลาย หรือว่ามีวิชาที่มีการเปลี่ยนแปลงกว้างขวางเช่น หมัดวานรร้อยเปลี่ยนแปลง
วานรไม้เขียวระดับสี่ไม่มีความสงสัยกับเงาร่างที่มันรู้จักดี
ครั้งหนึ่งเจ้าโล้นเคยเห็นประจักษ์ว่าวานรไม้เขียวฉีกเสือดำเขี้ยวดาบทั้งเป็นมากับตา เขาไม่เคยลืมฉากนองเลือดเช่นนั้น เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียน ไม่ตั้งท่ายกมือแต่อย่างใดและเดินเข้าไปใกล้วานรไม้เขียวทั้งที่อ้าแขนกว้างอย่างนั้น ภาพที่เคยเห็นเสือดำเขี้ยวดาบถูกฉีกทั้งเป็นกลับมาปรากฏแจ่มชัดในหัวเขาอีกครา ความกลัวครอบงำความคิดเขาเหมือนกับน้ำฉีดพุ่งใส่อย่างแรงจิตใจเขาจึงเบลอว่างเปล่า
วานรไม้เขียวไม่เคยคิดว่าเจ้าคนประหลาดผู้นี้จะยังคงเข้ามาใกล้มันจริงๆในดวงตาเขียวเข้มของมันยิ่งเพิ่มรังสีฆ่าฟัน วานรไม้เขียวกู่ร้องใส่ถังเทียนและใช้แขนทั้งสองฟาดพื้นอย่างดุเดือดและพุ่งเข้าหาถังเทียนอย่างดุร้าย
ถังเทียนรู้สึกแต่เพียงว่าการมองเห็นของเขาพร่ามัวขณะที่แสงถูกเงาดำบังไว้
กลิ่นไม่พึงประสงค์พุ่งเข้ามากระทบจมูกเขา
ถังเทียนตอบสนองอย่างรวดเร็วและยื่นมือออกไปป้องกัน
ปัง
เหมือนกับว่าถังเทียนถูกทุบด้วยค้นยักษ์ประหลาดและเขาปลิวออกไป
ถังเทียนกระเด็นในอากาศและลงพื้นได้อย่างปลอดภัย
ช่างเป็นพลังที่แข็งแรงนัก
แม้ว่าถังเทียนจะไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการโจมตีนี้ แต่ความแข็งแรงของวานรไม้เขียวก็ยังแข็งแรงเกินข้อจำกัดด้วยเหตุผลได้ แม้แต่อาโมรี่ก็ยังแข็งแรงเทียบกับมันไม่ได้
มันเป็นการดูถูก
ถังเทียนลอบสะท้านใจ แต่ขณะที่เขาเตรียมตั้งท่าหมัด เขาพบว่าความเจ็บปวดที่เขาได้รับมานั้นลดลงไปมาก พอค้นพบเช่นนี้ ถังเทียนตื่นเต้นมาก ลุงปิงพูดถูกการต่อสู้จะเพิ่มอัตราการดูดซึมปราณเที่ยงแท้ระดับสูงได้
วานรไม้เขียวคาดไม่ถึงเลยว่าการโจมตีทำร้ายของมันไม่ส่งผลต่อถังเทียน
มันร้องอย่างโกรธเกรี้ยว แขนทั้งสองเหวี่ยงไปมาบนพื้นและดินฝุ่นที่อยู่ข้างหน้าฟุ้งกระจายออกมา
ถังเทียนแผดเสียงและปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่ลังเลใจ
หมัดพิฆาตน้อย
ปัง!
หมัดใหญ่และหมัดเล็กปะทะกันและแรงปะทะดังสนั่นไปถึงด้านนอก ตัวของถังเทียนเป็นเหมือนลูกบอลยางที่ถูกไม้ฟาดกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ดังสนั่นส่วนวานรไม้เขียวก็ไม่ได้สภาพดีเท่าไหร่ มันถึงกับตัวงอ
ถังเทียนปลิวกระเด็นไปชนกิ่งไม้มากมายก่อนที่เขาจะบิดตัวเต็มกำลัง ด้วยพลังขามหาศาลเขากระแทกขาใส่ต้นไม้ จนเศษไม้นับไม่ถ้วนปลิวกระจาย ตาของถังเทียนเป็นประกายรังสีเยือกเย็น ร่างของเขาเหมือนกับสปริงกระเด้งหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นถังเทียนมาปรากฏอยู่ด้านข้างของวานรไม้เขียว
แม้ว่าวานรไม้เขียวไม่รู้ว่าจะหยิบยืมพลังในอากาศมาจากไหน แต่ร่างของมันมีความยืดหยุ่นมาก มันงอตัวแล้วใช้หมัดทั้งสองที่เหมือนค้อนฟาดใส่ศีรษะของถังเทียน
ถังเทียนถอยอย่างพิสดารเพื่อหลบหมัดทั้งสองนี้
ปัง!
หมัดทั้งสองฟาดลงบนหัวของถังเทียน ด้วยพลังที่รุนแรง มันฟาดหนังศีรษะเขาจนเจ็บมาก
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวแต่อย่างใด เขากลับยินดีแทน
ฝ่ามือของเขายึดเอวของวานรไม้เขียวและนิ้วของเขาเป็นเหมือนตะขอเหล็ก เขาจิกนิ้วลงไปในเนื้อของวานรไม้เขียวแน่นผิวของวานรไม้เขียวหนาผิดปกติ เนื้อช่วงเอวจะแข็งเหมือนเหล็ก ถ้าไม่ใช่เพราะกรงเล็บอินทรีของถังเทียนน่าประทับใจ เขาคงไม่อาจจับวานรไม้เขียวได้อยู่แน่
วานรไม้เขียวเจ็บขณะตะโกนร้องลั่น ฝ่ามือของมันฟาดมาตรงเอวของถังเทียน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถังเทียนยึดล็อคร่างของมันได้นับเป็นเรื่องน่ากลัว ร่างของถังเทียนเป็นเหมือนเส้นบะหมี่อ่อน เขายืมพลังงานที่ได้จากมือและด้วยการกระโดด ทันใดนั้นเขาอยู่ที่หลังของเจ้าวานรไม้เขียวทันที
โอกาสมาแล้ว
ประกายตาเยือกเย็นฉายผ่านนัยน์ตาของถังเทียน เขาขดแขนรอบไหล่วานรไม้เขียวและดัดร่างของเขา จากนั้นเขายันอยู่ที่หลังของวานรไม้เขียว
วิชาข้อต่อลูกโซ่ ล็อคแขนและไหล่
หนึ่งคนหนึ่งวานรร่วงลงไปบนพื้นกลิ้งไปเหมือนกับก้อนหิน
ใครจะรู้กันว่าวานรไม้เขียวคล่องแคล่วผิดธรรมดามันฝืนแรงโน้มถ่วงและบิดแขนทั้งสองของมันอ้อมหลังเหมือนกับว่ามันเป็นไม้เถาและพันรอบถังเทียน
ตึง
ทั้งคนทั้งลิงกระแทกลงพื้นอย่างหนัก แรงกระแทกที่รุนแรงขนาดนั้นทำให้ทั้งคนและวานรกระเด็นออกไปด้านข้าง วานรไม้เขียวดูเหมือนจะไม่เป็นไร ขณะที่ถังเทียนที่มีผ้าพันแผลทั้งตัวก็ลุกขึ้นมาได้เช่นกัน
อาการชาแล่นผ่านร่างกาย ทำให้ถังเทียนมีความสุข ขณะที่เขาคิดว่าเป็นแผนที่ดีวานรไม้เขียวเป็นคู่มือสำหรับฝึกวิชาข้อต่อลูกโซ่ไม่ใช่หรือ?