ตอนที่แล้วตอนที่ 60 พี่โล้นเปียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 เกราะนกยูงคราม

ตอนที่ 61 ขุนพลวิญญาณในอุโมงค์


เปียวเกอฟื้นขึ้นมาเมื่อเขาถูกสาดด้วยน้ำที่เย็นเหมือนน้ำแข็ง  หลังจากนั้นเขารู้สึกเสียใจที่ฟื้นขึ้นมาเร็วเกินไป

“บอกฉันมา,แกเอาสมบัติของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหนหมด?” เสียงของถังเทียนได้ยินเข้าไปถึงหูเปียวเกอ

เปียวเกอยังคงมึนงง  “สมบัติของแก?”

“ถูกต้อง!”  ถังเทียนยืนขึ้น อ้าแขนกว้างและพูดด้วยสีหน้าที่ดีและคาดหวัง  “แกเป็นเชลยของฉันแล้ว  สมบัติของพวกแกทั้งหมดก็ตกเป็นของฉันเป็นธรรมดา”

จากนั้นเปียวเกอค่อยมีท่าทีตอบสนองที่บอกไม่ถูกว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ทั้งหมดก็อยู่นั่นแหละ  วิธีการของแกหมดจดนัก...”

“อย่ามาล้อเล่นกับฉัน!”  ถังเทียนมองดูเปียวเกออย่างรังเกียจ  “ในของกองใหญ่นี้ไม่มีสมบัติชั้นบรอนซ์หรือการ์ดชั้นเงินแม้แต่นิดเดียว  โกหก!  เป็นไปได้ยังไงที่สมาพันธ์ชาวยุทธจะแสนจนอย่างนี้?  ฉันขอบอกนะ อย่านึกว่าฉันเป็นคนนอก  เกี่ยวกับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ  ฉันรู้ว่าพวกเขารวย”

ถังเทียนคิดเรื่องยานพาหนะเลิศหรูที่ข่งต้าเริ่นมีและผนังทั้งสี่ด้านที่เต็มไปด้วยการ์ดวิญญาณชั้นเงินที่ถังเทียนเห็นแล้วหลงใหล

พอเห็นเปียวเกอเอาแต่เงียบ  ถังเทียนพูดด้วยความหยิ่ง “แม้แต่ฉันเองยังมีสมบัติชั้นบรอนซ์ด้วยตัวเองเลย  แต่แกกลับไม่มี  นี่เป็นไปได้ยังไง?  ฉันขอบอกพวกแกทุกคน คายสมบัติของพวกแกออกมาอย่างว่าง่ายจะดีกว่า  ใครก็ตามที่บังอาจปกปิดไว้ โอ...อย่างนั้นถ้าแกสูญเสียบางอย่างในร่างกายไป อย่ามาโทษว่าฉันใจร้ายไม่ได้นะ”

ถังเทียนย้อนคำพูดของเปียวเกอ

น้ำตาไหลพรากเต็มหน้าของเปียวเกอ  ไอ้บ้าที่ไหนบอกกันว่าสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธเป็นนักทำเงิน?

“เราไม่มีจริงๆ...” เปียวเกอพูดเสียงสั่นเครือ

ถังเทียนหน้างอและดูไม่เป็นมิตร  เขานวดคลึงหมัดจนเกิดเสียงดังเป๊าะๆ  “ดูเหมือนว่าฉันต้องทำให้แกจำให้ได้เสียที”

เปียวเกอแตกตื่น  ทันใดนั้นเขานึกถึงสถานที่หนึ่งและรีบพูดขึ้น“ฉันจำได้แล้ว!  นึกออกแล้วมีอยู่สถานที่หนึ่ง  ที่นั่นมีสมบัติ”

ถังเทียนค่อยรู้สึกชุ่มชื่นใจ

※※※※※※※※※※

ถังเทียนมองดูอุโมงค์ข้างหน้าด้วยความตกใจ  “ที่นี่ดูเหมือนจะเก่าเกินไปหน่อย”

“ที่นี่เคยมีการใช้งานกับรุ่นพี่ที่ทำผิดและพอออกมาจากที่นี่ก็จะเติบโตขึ้น  อุโมงค์นี้จะนำนายไปยังที่ซึ่งเขาเคยถูกกักอยู่ข้างใน”  เปียวเกออธิบาย  “เขาเคยทิ้งปณิธานไว้อย่างหนึ่ง ตราบใดที่นายสามารถไปถึงส่วนลึกที่สุดของอุโมงค์ซึ่งเป็นที่ๆเขาถูกขังอยู่ได้ นายก็จะได้รับของทั้งหมด”

“ฟังดูเหลือเชื่อ!”  ถังเทียนตื่นเต้น  ทันใดนั้นเขามีความคิดสงสัย“แล้วทำไมพวกแกไม่มีใครเข้าไปล่ะ?”

“มีขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ในนั้น  เราพยายามกันทุกคนแล้ว  แต่พวกเราไม่สามารถเอาชนะเขาได้”  เปียวเกออธิบาย

“เข้าใจล่ะ...” ถังเทียนหรี่ตาและพยักหน้า “ก็ได้  ฉันจะลองดู”

เจ้าโล้นไม่ได้โกหกเขา  เขาสามารถรู้สึกได้ในที่ลึกเข้าไปในอุโมงค์ดูเหมือนจะมีปราณกระจายอยู่ แม้ว่าปราณนี้จะกระจาย แต่มันอันตรายอย่างชัดเจน

ร่องรอยความพอใจปรากฏบนใบหน้าของเปียวเกอ  ปล่อยให้เจ้าบัดซบนี่เข้าไป  และ มันต้องถูกขุนพลวิญญาณฆ่าตาย หึ หึ หึ...

ทันใดนั้นเขายิ้มชะงักค้าง  เมื่อเห็นถังเทียน เสียงของเขาสั่น “แก แกแก... แกจะทำอะไร?”

ถังเทียนเอาเชือกออกมามัดคนทั้งกลุ่มนี้  อันธพาลเหล่านี้ถูกมัดมือมัดเท้ารวมกันเหมือนแน่นกับขนมจีบ  ถังเทียนปัดมือทั้งสองมองดูด้วยความภูมิใจ“วิธีนี้จะไม่มีใครสร้างความลำบากใจให้ฉัน!  รอจนกว่าฉันจะออกมา  จากนั้นค่อยปล่อยพวกแกทั้งหมด”

“เฮ้, แล้วถ้าแกออกมาไม่ได้เล่า...”  เปียวเกอถามเสียงสั่น

ถังเทียนยิ้ม  “อย่าห่วงเลย ฉันออกมาได้แน่นอน”

หลังจากนั้นเขาไม่สนใจคนพวกนี้อีกต่อไป  เขาหันหน้าและเดินเข้าไปในอุโมงค์

อุโมงค์ไม่ได้มืดไปเสียทั้งหมด  ตรงกันข้าม มันสว่างดีอากาศลอยออกมาจากส่วนลึกของอุโมงค์มีกลิ่นเหม็นเจือจาง  ถังเทียนเดินหน้าลึกเข้าไปอย่างระมัดระวังอุโมงค์สร้างจากหิน มองเข้าไปไม่เห็นท้ายอุโมงค์ พลังงานหนาแน่นมาก แค่เพียงด้อยกว่าเบื้องหลังประตูดาวกางเขนเล็กน้อย

ไม่มีผู้ใดเข้ามาในอุโมงค์นี้เป็นเวลานานแล้ว  เนื่องจากทางเดินปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ  มองไปที่ใดก็เห็นใยแมงมุมอยู่ทุกที่  อุโมงค์มืดและลึก เสียงฝีเท้าของถังเทียนดังก้องไปทั้งอุโมงค์ ถ้าคนขี้ขลาดเข้ามาก็คงเผ่นหนีเตลิดเปิดเปิงทันที  แต่นอกจากทำหน้าเครียดแล้วถังเทียนไม่มีความกลัว

ขณะที่เขาเดินลึกเข้าไปในอุโมงค์  ก้อนหินรอบๆ ตัวเขาเริ่มมีริ้วรอยกระจัดกระจาย  ริ้วรอยเหล่านี้ดูไม่เหมือนตัวหนังสือ  มันดูเหมือนทำไปสุ่มๆ มากกว่าแต่ถังเทียนก็เริ่มหมกมุ่นมากจนเขาเริ่มพึมพำกับตนเอง  หินรอบๆ ตัวเขาทนและแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการใช้หมัดของเขาบดขยี้ทุกอย่าง แต่การแกะสลักคำพูดให้ได้ดั่งใจเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

พลังนิ้วจะต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน!

หัวใจของถังเทียนเต็มไปด้วยความชื่นชม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นริ้วรอยที่ปรากฏอย่างบังเอิญนี้  เหมือนกับว่าพวกเขาคิดค้นวิชาต่อสู้แขนงหนึ่ง

ผู้อาวุโสผู้อุทิศตัวให้กับวิชาต่อสู้แว่บผ่านเข้ามาในใจของถังเทียนทันที

ถังเทียนยกย่องให้เกียรติคนเช่นนี้

ขณะเดินเข้าไปเขาประสานมือทั้งสองและรำพึงว่า “ผู้อาวุโส ไม่ว่าจะเป็นของ, สมบัติหรือวิชาต่อสู้เช่นไร  โปรดมอบมาให้ฉันเถอะ  ฉันจะไม่ทำให้ท่านผู้อาวุโสผิดหวัง  หนุ่มน้อยชาวฟ้าเป็นผู้สืบทอดที่ดีที่สุด  ฉันจะสานต่อความรุ่งเรืองต่อไป...”

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเขาได้ยินคำพูดของถังเทียนหรือไม่  เงาร่างสลัวปรากฏอยู่ต่อหน้าของถังเทียน

ขุนพลวิญญาณ!

ถังเทียนคล่องแคล่ว  เขารีบชะงักฝีเท้าและตั้งท่าป้องกัน

ขุนพลวิญญาณเป็นชายชราที่ดูผอมแห้งแรงน้อย  ตัวงอเล็กน้อย แขนยาว

ตาของถังเทียนมองดูที่มือของขุนพลวิญญาณฝ่ามือหดเล็ก นิ้วเหมือนตะขอและเล็บ เล็บดำแหลมคมดูน่ากลัว  ถังเทียนหน้าเคร่งขรึม ผู้เฒ่าซุกซ่อนปราณที่เศร้าหมองไว้ทำให้ถังเทียนถึงกับหลั่งเหงื่อเยียบเย็นและผมตั้งชัน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงเหตุผลที่เจ้าโล้นและสหายไม่กล้าเข้ามาข้างใน

พอเห็นเล็บของขุนพลวิญญาณและรอยสลักที่เขาเห็นบนผนัง  ถังเทียนถึงได้รู้ว่าขุนพลวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าเขาบางทีคงเป็นยอดฝีมือที่เปลี่ยนสภาพเป็นวิญญาณพลังยุทธก่อนเขาตาย

ถังเทียนคำนับและกล่าวจริงจังว่า“ผู้อาวุโส, ฉันมาเอาสมบัติของท่าน แม้ว่าท่านยังคงเฝ้าหวงแหนสมบัติ  แต่ท่านคงไม่มีความสุขแน่ มันมีแต่ฝุ่นกลบเต็มไปหมดและไม่มีโอกาสได้แสดงคุณค่าของมันเหมือนแต่ก่อน  น่าเสียดายที่มันไม่อาจส่องประกายในสนามรบได้”

ขุนพลวิญญาณจ้องดูถังเทียนอย่างเงียบๆเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูด

ถังเทียนมองดูขุนพลวิญญาณและกล่าวว่า“ผู้อาวุโส, ถ้าท่านต้องการทดสอบฉัน ก็เข้ามาได้เลย  ฉันจะพิสูจน์ความสามารถของฉัน  และฉันจะไม่หยุดจนกว่าจะนำมันออกไปได้”

สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังและพูดด้วยเสียงเบา“เพลิงเตาหลอม”

พรึ่บ!

เปลวเพลิงครอบคลุมหมัดทั้งสองของเขา  ตอนนี้ เพลิงบนถุงมือโลหะดำใกล้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว

หลังจากฝึกฝนมานับชั่วโมงไม่ถ้วน พลังยุทธในถุงมือโลหะดำก็เปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ ถังเทียนมักรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของถุงมือโลหะดำจะมาถึงในไม่ช้า

แต่ตอนนี้ในสายตาของเขา มีแต่เพียงขุนพลวิญญาณผู้มีร่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นัยน์ตาของขุนพลวิญญาณเปล่งแสงที่เยือกเย็น ถังเทียนเพียงรู้สึกถึงเงาร่างมาปรากฏต่อหน้าเขา จากนั้นเขารีบติดตามร่องรอยของขุนพลวิญญาณ

ไวมาก!

แต่เมื่อถังเทียนฝึกอยู่ในค่ายฝึกทหารใหม่ เขามักถูกบอลแสงชนกระแทกใส่เสมอ  เขาค่อยๆฝึกสร้างสัญชาตญาณที่คล่องตัว  มีอยู่หลายครั้งที่ดวงตาไม่น่าเชื่อถือพอ  เนื่องจากบางครั้งยากจะจับภาพได้ทันบางครั้งคู่ต่อสู้ก็สามารถสร้างภาพลวงตาได้

เมื่อถังเทียนอยู่ในท่ามกลางการฝึกรับการทุบตี เขาเผชิญหน้ากับบอลแสงที่บุกเข้ามาราวกับพายุบุแคมถ้าเขาต้องการจะพึ่งพาแต่สายตาคอยจับภาพการโจมตีนี้  นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติเลย

วิธีการของถังเทียนคือฝึกสัญชาตญาณของตนเอง

วิธีนี้ไม่ใช่สิ่งที่ปิงได้สอนเขา  แต่เป็นสิ่งที่เขาได้ค้นพบด้วยตนเอง  เขาตระหนักว่าตราบใดที่เขารักษาความสงบไว้ได้สัญชาตญาณของเขาจะปราดเปรียวเป็นพิเศษ เมื่อเขาค้นพบประโยชน์ของสัญชาตญาณแล้ว ถังเทียนก็ยิ่งเริ่มถูกเคี่ยวกรำฝึกหนักขึ้น การฝึกถูกทุบตีไม่ใช่เพียงแต่ปรับแต่งปราณเที่ยงแท้ภายในร่างเท่านั้น  แต่ยังดีต่อการปรับสัญชาตญาณของเขาด้วย

สัญชาตญาณก็เป็นเหมือนทองแดงดิบๆ  ยิ่งได้รับการปรับเปลี่ยนขัดเกลา  ก็ยังยิ่งเปล่งประกายมันสามารถจับเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

นี่คือเหตุผลที่ถังเทียนสามารถอดทนต่อการฝึกโดนทุบตีได้มาเป็นเวลานาน  และความก้าวหน้าในความอดทนของเขาก็ขยายออกไปอีกมาก

ถังเทียนโน้มตัวโดยแทบไม่มีการลังเลใดๆ  และนิ้วของเขางอเหมือนตะขอ  เขาหันไปทางซ้ายมือทันที

ปั้ก!

เสียงเจาะทะลุดังขึ้น  ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงสายพลังปราณเที่ยงแท้ที่เบาบางแล่นไปตามนิ้วมือของเขา

เหลือเชื่อ

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกระเรียนของเขามีความสามารถเปลี่ยนความเสียหายให้เป็นพลังปราณเที่ยงแท้  เขาคงเจ็บปวดอย่างหนักเหมือนอย่างนักสู้ธรรมดาคนอื่นๆที่เผชิญกับพลังปราณเที่ยงแท้ที่ไม่ธรรมดานั้น แม้ว่าพลังของขุนพลวิญญาณจะมีแค่เพียงระดับสี่  แต่รูปแบบการเข้าโจมตีนั้นนับว่าเป็นวิธีที่แปลกมาก เพราะพลังของมันแข็งแกร่งมากกว่าขุนพลวิญญาณระดับสี่ทั่วไป

ถังเทียนยอมรับพลังดังกล่าว  เขาไม่กล้าชักช้าอีกต่อไปและใช้พลังกรงเล็บอินทรีจู่โจมใส่ขุนพลวิญญาณเป็นพายุบุแคม

เสียงหวีดหวิวดังไปทั้งอุโมงค์  เหมือนสายน้ำพุ่งไหลผ่าน

มีเพียงคำเดียวสำหรับอธิบายวิชากรงเล็บอินทรีของถังเทียน“รวดเร็ว”  รวดเร็วอย่างยอดเยี่ยม,เนื่องมาจากการฝึกรับการทุบตีนั่นเอง ถ้าเขาช้าลงแม้แต่นิดเดียว บอลแสงจะกระแทกใส่เขาอย่างรุนแรง ทิ้งรอยฟกช้ำไว้ และทุกวันเขาต้องทนต่อบอลแสงระดมกระแทกใส่เขาเป็นพายุตลอดหกชั่วโมง  ด้วยวิธีฝึกเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้  กรงเล็บอินทรีของเขาจึงได้ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแน่นอนว่าดีขึ้นเป็นพิเศษ

กรงเล็บอินทรีของถังเทียนอาจไม่แข็งแกร่งที่สุดในกระบวนวิชากรงเล็บอินทรีรูปแบบต่างๆ แต่ระดับความเร็วของการโจมตีนั้นว่องไวที่สุดแน่นอน แทบจะแตะขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของวิชากรงเล็บอินทรี

แต่ถังเทียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าการโจมตีของขุนพลวิญญาณมิได้ด้อยไปกว่าตัวของเขาเอง

นิ้วทั้งสิบของเขาเหมือนโซ่เหล็ก เมื่อมันแหวกฝ่าอากาศก็จะมาพร้อมกับเสียงหวีดหวิวแหลมคม

คู่ต่อสู้โจมตีได้ว่องไว ร่างเพลิงนับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยออกมาจากพวกเขาทั้งสอง

คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ลูกแล้วลูกเล่าพุ่งเข้าหาปลายนิ้วของถังเทียนและเข้าสู่ร่างของถังเทียนต่อเนื่อง  แต่ทั้งหมดกลับถูกร่างกระเรียนดูดซับพลังไว้หมด

ความถี่ของการโจมตีระหว่างทั้งสองฝ่ายทำได้อย่างน่าอัศจรรย์  ในช่วงเวลาสั้นๆ มีคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้เกินกว่าสามร้อยลูกสูญหายไปในร่างกระเรียนในกายของถังเทียนเหมือนกับโคที่วิ่งลงทะเลและถูกกลืนหายไป

ขุนพลวิญญาณคาดไม่ถึงเลยว่ายังมีใครบางคนสามารถดูดซับพลังปราณเที่ยงแท้ของคนอื่นได้

ผลของการใช้และสูญเสียปราณเที่ยงแท้ชัดเจนมาก  ความเร็วของพลังโจมตีของขุนพลวิญญาณเริ่มลดลงช้าๆ  สัญชาตญาณของถังเทียนนั้นแหลมคม  เขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ทันที

เสียงกู่ร้องยาวดังขึ้นถังเทียนเพิ่มพลังรุกรุนแรงขึ้น แต่เขาไม่กังวลว่าปราณเที่ยงแท้ของเขาจะหมดลง และจู่โจมอย่างสุดกำลัง

เสียงขู่แหลมชัดเข้มข้นและเศร้าโศกได้ยินชัดเจน  ทันใดนั้นรัศมีรุนแรงแตกระเบิดไปกระทบผนังหิน ในชั่วพริบตา  ผนังหินมีรอยขีดข่วนเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วนรวมทั้งรูนิ้วมือและชิ้นส่วนของหินที่แตกหัก  การต่อสู้ของหนึ่งมนุษย์ หนึ่งวิญญาณทำให้ผนังทั้งสี่ด้านเกิดริ้วรอยนับไม่ถ้วน

ปิ๊ง!

ฝ่ามือของถังเทียนเริ่มเรืองแสงขึ้นเพลิงสีแดงเปลี่ยนสภาพไปเป็นเพลิงสีเขียว

เพลิงสีเขียวรุนแรงน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด  แต่สง่างามมากกว่า

ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งพุ่งออกมาจากหมัดของเขา

ถังเทียนรู้สึกดีใจเต็มที่

ถุงมือโลหะดำวิวัฒนาการแล้ว

กลายเป็นถุงมือดาวเตาหลอมสมบัติชั้นบรอนซ์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด