ตอนที่ 3-16 ความอำมหิต (2)
“ลินลี่ย์, เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย! ดีจริงๆ” น้ำเสียงดีใจดังขึ้น และบุรุษร่างผอมคนหนึ่งวิ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มคนนี้คือนักรบผอมที่ลินลี่ย์พบตอนเดินทางเข้าเทือกเขาอสูรเวทใหม่ๆ อีกสองคนที่เขาได้พบก็คือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาเดลซาร์ตและคาฟผู้มีร่างกายกำยำได้ตายไปแล้วทั้งคู่
ตอนนั้น เมื่อเผชิญกับขมังธนูจอมเวทธาตุลม ลินลี่ย์ใช้เวทพยุหะหอกดินสู้ แม็ทนักรบผอมระดับห้าฉวยโอกาสหนีทันที แต่ลินลี่ย์ไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาหนีไป ที่สำคัญเขากับแม็ทไม่มีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษ
พูดตามตรง ทั้งสามคนที่เขาได้เจอ เพียงคนเดียวที่ลินลี่ย์รู้สึกเป็นมิตร ก็คือเดลซาร์ต ส่วนคาฟคนตัวใหญ่ ให้ความรู้สึกที่ดีกับลินลี่ย์เหมือนกัน แต่ลินลี่ย์ไม่มีความรู้สึกพิเศษกับแม็ทแต่อย่างใด
“โอว! แม็ทนั่นเอง ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเราทั้งคู่จะพบกันในเทือกเขาอสูรเวทกันอีกหลังจากผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว” ลินลี่ย์ยังคงใจเย็น
แม็ทแสดงอาการตื่นเต้นมาก “นี่ช่างน่าทึ่งอะไรอย่างนี้ เดือนนี้ มีอยู่หลายครั้งที่ข้าเกือบถูกอสูรเวทที่นี่เล่นงาน โชคดีนะที่ชะตาของข้าไม่ย่ำแย่นัก โห..หมูศึกกระหายเลือดใช่ไหมนั่น? ลินลี่ย์ เจ้าฆ่าหมูศึกกระหายเลือดได้หรือนี่? เจ้าช่างน่ากลัวจริงๆ!”
ลินลี่ย์ยิ้ม
“ข้าชักหิวแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเนื้อสดของหมูศึกกระหายเลือดกับกระทิงเหล็กดูดเลือดมีรสชาติดีมาก และมันมีสีสันชวนกินอย่างน่าอัศจรรย์ด้วย ข้ายังไม่ได้กินอาหารกลางวันเลย เจ้าคงไม่ว่าอะไรที่จะแบ่งเนื้อหมูศึกให้ข้าบ้างนะ?” แม็ทหยอกเย้า
หมูศึกกระหายเลือดมีขนาดใหญ่ซากของมันมีน้ำหนักอย่างน้อยก็หลายร้อยกิโลกรัม ต่อให้มีสิบคนก็คงกินได้ไม่หมด
“ไม่ว่าแน่นอน” ลินลี่ย์ชักมีดออกและเริ่มแล่หมูศึกเป็นส่วนๆ
“ลินลี่ย์, ไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าก็ได้ ซากหมูศึกกระหายเลือดเป็นส่วนหนึ่งของผลการต่อสู้ของเจ้า ข้าจะรบกวนให้เจ้าแยกชิ้นส่วนมันได้ยังไง? ให้ข้าทำเอง ฝีมือการย่างของข้าก็ไม่เบาหรอกนะ” ทันใดนั้นแม็ทตรงไปที่ซากหมูศึกทันทีและชักมีดออกมาจากข้างตัว
พอชักมีดออก แม็ทเริ่มแล่หมูศึกด้วยความชำนาญ เขาตัดขามันออกมาสี่ข้าง ลิ้นและหางเท่านั้น จากนั้นก็ล้างชิ้นส่วนเหล่านี้ใกล้น้ำพุ
“เจ้านาย, ดูเหมือนเขาจะชำนาญดีนะ เขาไม่ด้อยไปกว่าท่านเลยในเรื่องนี้นะ” หนูเงาน้อยบีบีกระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่ลินลี่ย์และพูดทางจิตกับลินลี่ย์
หลังจากชำเลืองดูหนูเงาน้อยบีบีบนไหล่ของเขา ลินลี่ย์อดถอนหายใจชื่นชมไม่ได้ เมื่อคนอื่นเห็นหนูสีดำผอมตัวเล็กนี้ บางทีพวกเขาคงคิดว่ามันเป็นแค่หนูเงาน้อยธรรมดา แต่ความจริง...
ลินลี่ย์ยังคงหวนนึกถึงภาพที่บีบีโกรธมีความน่ากลัวขนาดไหน มันสามารถฆ่านักฆ่าชุดดำผู้นั้นได้อย่างง่ายดายพอๆกับเด็กสาวผู้ใจดีคนนั้น
“อย่าตัดสินคนจากลักษณะของเขา อสูรเวทก็ในทำนองเดียวกัน” ลินลี่ย์ถอนหายใจให้ตนเอง
แม็ทเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์ย่างของเขาอย่างดี และยังเอาเกลือ และเครื่องเทศออกมาจากกระเป๋าของเขา “ลินลี่ย์ ขาหมูศึกจะรสชาติดีแน่นอน ลิ้นของมันก็เหมือนกันทั้งนุ่มและหอมหวาน ความอร่อยของหางหมูศึกก็รสชาติดีอีกด้วย”
ขณะที่เขาพูด แม็ทหั่นหางและลิ้นทั้งสองเป็นหลายชิ้น ลินลี่ย์มองดู ขณะที่แม็ทใช้หินเหล็กไฟโดยไม่เข้ามาช่วยแม้ว่าเขาจะมีพลังเวทไฟ เขาดูแม็ทย่างส่วนต่างๆ อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
หลังจากเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง
“ได้เวลาแล้ว ลองชิมดู” แม็ทยื่นขาหมูศึกให้ลินลี่ย์อย่างค่อนข้างกระตือรือร้น
แต่กลับกลายเป็นว่า ลินลี่ย์หันไปมอบให้บีบี บีบีรับเนื้อหมูทันทีด้วยความยินดี และเริ่มก้มหน้าก้มตากิน ขาหมูศึกนี้อาจใหญ่กว่าตัวบีบีสามถึงสี่เท่า แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ บีบีก็กินเนื้อหมูจนหมด
ภาพนี้ทำให้แม็ทปากอ้าค้างด้วยความประหลาดใจ
“มันคืออสูรเวทจริงๆด้วย แม้แต่หนูเงาดำก็กินจุมาก” แม็ทถอนหายใจขณะยื่นลิ้นหมูย่างให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์, ลองชิมฝีมือปรุงอาหารของข้าดูสิ”
ลินลี่ย์ยิ้มขณะปฏิเสธ “ไม่ต้องก็ได้ ข้าไม่คุ้นกับการกินลิ้น แค่เนื้อขาหมูก็ดีสำหรับข้าแล้ว” ลินลี่ย์หยิบขาหมูข้างหนึ่งออกมาและเริ่มกินอย่างไม่เกรงใจ แม็ทที่อยู่ใกล้ๆ เขาหัวเราะ“อย่างนั้นข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า ถ้าเจ้าไม่กิน อย่างนั้นข้ากินเอง ฮ่าฮ่า”
ขณะที่แม็ทมีความเพลิดเพลินมากเขาเริ่มกินลิ้นและหางหมูย่าง
เวลาผ่านไป ลินลี่ย์ก็กินขาหมูศึกเสร็จ แม็ทยังไม่ได้กัดกินขาหมูสักคำ
“เจ้ากินเสร็จแล้วหรือ? ฮ่าฮ่างั้นก็ดี ข้าก็เกือบจะอิ่มเหมือนกัน ข้าจะเก็บขาหมูนี้ไว้กินตอนที่ข้าหิว” แม็ทดึงผ้าน้ำมันออกมาจากกระเป๋าหลังและห่อขาหมูเอาไว้จากนั้นเก็บห่อไว้กระเป๋าหลังของเขา
ลินลี่ย์ชำเลืองมองแม็ท
ดูเหมือนว่าแม็ทต้องการเที่ยวติดตามเขาไป
“แม็ท ในเทือกเขาอสูรเวทนี้ ข้ากำลังฝึกฝนตัวเองได้ดี เราแยกทางกันตรงนี้เถอะ” ลินลี่ย์พูดตามตรง
แม็ทขมวดคิ้วทันที “ลินลี่ย์! ที่นี่อันตรายเกินไป จะปลอดภัยมากกว่าถ้าเราเดินทางร่วมกัน พูดตามตรงนะ ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าหวาดกลัวทุกครั้งที่ต้องเผชิญการต่อสู้ ข้าไม่สามารถหลับตาลงนอนได้เช่นกัน
“อย่างนั้นก็ตามใจเจ้า”
ลินลี่ย์ไม่พูดอ้อม เขามุ่งหน้าลึกเข้าไปในภูเขาทันที ขณะที่แม็ทยิ้มเดินตามเขา แต่เมื่อสายตาเขาจับจ้องไปที่กระเป๋าที่ลินลี่ย์สะพายอยู่ที่หลัง นัยน์ตาของเขาฉายแววชั่วร้ายเล็กน้อย
“กระเป๋าใบนี้แตกต่างจากใบที่ลินลี่ย์ใช้เมื่อเดือนที่แล้ว และดูเหมือนจะบรรจุของเต็มขึ้นกว่าเดิมด้วย” แม็ทแค่นเสียงกับตนเอง แต่เขายังคงยิ้มด้วยท่าทีเหมือนเป็นมิตร แม็ทไม่เหมือนกับลินลี่ย์ ก่อนที่จะเข้ามาในภูเขานี้ เขาฝึกตนเองในที่อื่นมาหลายครั้งแล้ว
แม็ทเร่งฝีเท้าตาม และพูดยิ้มๆ “ลินลี่ย์, เจ้าน่ะเป็นคนยอดเยี่ยมจริงๆ เดินทางร่วมกับเจ้าแล้วข้ารู้สึกปลอดภัยมากกว่า ที่สำคัญคือ สองคนรวมกันยังแข็งแกร่งกว่าสองคนที่แยกกัน ตอนกลางคืนเราสามารถผลัดกันนอนได้ เราทั้งสองไม่จำเป็นต้องตื่นตัวตลอดคืนหรอก”
ลินลี่ย์เงียบ สายตาของเขามักเพ่งมองไปรอบๆ คอยจับตามองหาอสูรเวทในภูเขานี้อย่างระมัดระวัง
….
พวกเขาค่อยๆ มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ขณะที่ลินลี่ย์ไม่กล้าล่วงลึกเข้าไปทางตะวันออกอีกต่อไป ถ้าพวกเขาเดินลึกเข้าไปในทิศตะวันออก ก็จะเข้าไปยังพื้นที่อันตรายของเทือกเขาอสูรเวท ปัจจุบันในพื้นที่นี้ ลินลี่ย์แค่เผชิญหน้ากับอสูรเวทระดับห้าหรือระดับหกเท่านั้น
ตลอดเวลาช่วงนี้ แม็ทติดตามอยู่ข้างๆเขา ดูเหมือนจะมีความสุขมาก
สองวันต่อมา
เป็นเวลาดึกแล้ว ทั่วทุกที่ตกอยู่ในความมืด ลินลี่ย์กับแม็ทยังคงเดินไปเรื่อยๆ เป็นแนวตรง
“ลินลี่ย์, เจ้าคิดว่าถึงเวลาที่เราจะกลับหรือยัง? บอกตามตรงนะ เราใช้เวลาในเทือกเขาอสูรเวทมาเพียงพอแล้ว” แม็ทพูดเบาๆ ขณะเดินตามลินลี่ย์
ลินลี่ย์เพียงแต่ส่ายศีรษะอย่างใจเย็นไม่ส่งเสียงแต่อย่างใด
แม็ทชักโกรธขึ้นมาบ้าง “ทุกๆ คืน เจ้าลินลี่ย์นี้ก็ยังระมัดระวังตัวมาก เขาไม่ให้โอกาสเราเลยแม้แต่น้อย” แม็ทไม่มั่นใจว่าตนจะมีฝีมือพอฆ่าลินลี่ย์ได้ ที่สำคัญก็คือ การเอาตัวรอดที่นี่ได้มาอย่างยาวนานเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงฝีมือลินลี่ย์เป็นอย่างดี
“หืม?” ดูเหมือนลินลี่ย์จะสังเกตเห็นอะไรที่พิเศษบางอย่างได้ เขาหมุนตัวไปรอบๆและจ้องไปที่ป่าละเมาะในที่ไม่ไกลนัก ภายในป่าละเมาะ มีเงาเลือนรางนอนหมอบซ่อนอยู่
แม็ทอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์ เห็นเขาหันหน้าไปทางอื่นโดยหันหลังให้แม็ท แววตาโลภปรากฏขึ้นในดวงตาแม็ทขณะที่เขาดูตื่นเต้น แมทดึงมีดออกมาอย่างรวดเร็วและปราศจากความลังเลแม้แต่น้อย เขาแทงไปที่หลังลินลี่ย์ แม็ทผู้ฝึกมาอย่างดีชักมีดของเขาออกมาและแทงหลังลินลี่ย์โดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
ทันใดนั้นลินลี่ย์หันมาคว้าข้อมือแม็ทที่ถือมีดอยู่ เขาจ้องมองแม็ทด้วยสายตาเย็นชา และถามว่า“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“เจ้า!” แม็ทตกใจ เขาไม่อาจเชื่อเลยว่าการลอบทำร้ายของเขาจะถูกสังเกตเห็นและป้องกันไว้ได้
แม็ทกลับยิ้มให้ลินลี่ย์ทันที “แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไร? โอว, จอมเวทอัจฉริยะผู้มีกำลัง ข้าจะบอกเจ้าก็ได้...ข้ากำลังจะฆ่าเจ้า” แม็ทมั่นใจตนเองเต็มที่ การที่พวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้กันขนาดนี้เป็นไปได้ยังไงที่ เขาผู้เป็นนักรบระดับห้าจะไม่สามารถฆ่าจอมเวทระดับห้าได้?
ทันใดนั้นแม็ทเพิ่มพลังไปที่ข้อมือขวาของเขาและเริ่มแผ่ปราณยุทธเพื่อสลัดให้หลุดจากการจับกุมของลินลี่ย์
“ตาย!” แม็ทจ้องมองลินลี่ย์ขณะที่เขาใช้มีดแทงใส่ลินลี่ย์อีกครั้ง
“กรรรร!!
เสียงที่น่ากลัวดังขึ้น “อะไรกัน?” แม็ทได้ยินเสียง และเขาอดขนลุกมิได้ จากนั้นแม็ทเห็นเงาดำน้อยปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“อะไร....นี่มันอะไรกัน?” แม็ทสามารถบอกได้ว่าเงาดำนี้ก็คือบีบีหนูเงาน้อยที่ใช้ชีวิตทุกวันอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ หนูเงาน้อยอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันแหลมคมน่ากลัวและมันงับลงบนใบหน้าของแม็ท
“ไม่....!”
ทันใดนั้นแม็ทพยายามถอยอย่างรวดเร็ว ขณะที่สะบัดศีรษะออกห่าง
“กร้วมมม!”
ความเร็วของหนูเงาน้อยไวกว่าที่แม็ทคิดไว้มาก แม็ทจะหลบพ้นได้ยังไง?หนูเงาน้อยใช้อุ้งเท้าขวาที่มีกรงเล็บแหลมคมดุจมีดตะปบใส่ศีรษะของแม็ท และด้วยการตะปบเพียงครั้งเดียวคอของแม็ทหลุดหายไปครึ่งหนึ่ง เลือดพุ่งกระจาย
“อึก..กัก.กัก..” แม็ทใช้มือข้างหนึ่งกุมคอที่เหลือของเขา นัยน์ตาแม็ทเบิกกว้างเหมือนตาวัว นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อหวาดหวั่นจับจ้องอยู่ที่หนูเงาน้อย และในใจเขาตกใจสุดขีด “หนูเงาหรือ? นี่คือหนูเงาหรือ?”
ขณะที่เขาล้มลงตาย และขณะที่สติกำลังขาดหายแม็ทยังคงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเหลือเชื่อ เขาเตรียมแผนการนี้มานาน แต่เขากลับไม่มีหนูเงาน้อยอยู่ในแผนเลย
หนูเงาสีดำเป็นหนูเงาระดับอ่อนแอที่สุด
แต่ขณะที่เขาตาย ในที่สุดแม็ทก็ตระหนักได้ว่าหนูเงาน้อยที่น่ารักความจริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
“ตุ้บ!”
มือของแม็ทหลุดจากที่กุมคอทิ้งตัวลงข้างๆ อย่างไร้ชีวิต จากนั้นเขาเองก็ล้มลงด้วยเช่นกัน เลือดของเขาย้อมชุดของเขาและพื้นดินจนแดงฉาน